สายน้ำ
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 03:51:36 AM » |
|
ที่เขียวได้ขนาดนั้น เพราะฝั่งหนึ่งมีการชลประทาน มีการทดน้ำที่ดี จึงทำให้มีน้ำไปหล่อเลี้ยงพืชไร่ให้ชุ่มชื้นได้ตลอดปี แต่อีกฝั่งหนึ่งไม่มี .... ไม่ทราบเพราะอะไร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 03:59:55 AM » |
|
ดอกไม้ดอกไร่ก็มีให้เห็นตลอดทางนะครับ ......
ไม่ว่าจะเป็นดอกรักริมทาง เติบโตได้แม้ในที่แล้ง ..... เยาวชนรุ่นใหม่รู้จักกันมั๊ยครับ ว่าดอกรักต้นรัก หน้าตาเป็นอย่างไร
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 04:02:15 AM » |
|
หรือดอก ..... อะไรก็ไม่ทราบ ไม่รู้จักครับ เหลืองอร่ามไปทั้งต้นโดยไม่มีใบผสมให้รกลูกตา
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 07:56:37 AM » |
|
เพิ่งรู้ครับเนี่ยว่าพี่น้อยเป็นคนนครสวรรค์ พูดถึงแล้วอยากกินขนมโมจิขึ้นมาทันทีเลย ตากนี่เป็นที่ๆผมไม่เคยได้ไปเที่ยวเป็นเรื่องเป็นราวซะทีได้แต่เป็นทางผ่านทุกทีที่ผมขับรถขึ้นเชียงใหม่ ทั้งๆที่รู้ว่ามีสถานที่ดีๆอยู่มากมายตั้งแต่เขื่อนภูมิพลไปจนน้ำตกทีลอซู อยากมีโอกาสไปเที่ยวดูบ้างครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 8186
Saaychol
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:11:53 AM » |
|
คนกรุงฯ เขาชอบเรียกจิกๆว่า... "บ้านนอก" ค่ะ
ตอนอยู่บ้านนอกนั้น...พอปิดเทอมทีก็เข้ากรุง และไปทะเล
แต่พอมาอยู่โรงเรียนเตรียมฯ...เข้าจุฬาฯ และมีบ้านอยู่ในเมืองกรุง...พอปิดเทอมหรือว่างก็กลับไปบ้านนอก ปีนเขา...เข้าป่า...เที่ยวน้ำตก
เป็นชีวิตที่พบกับความหลากหลาย....และสนุกสนานทั้งชีวิต
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2007, 08:24:12 AM โดย สายชล »
|
บันทึกการเข้า
|
Saaychol
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:43:03 AM » |
|
หลังจากโพสต์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อช่วงเช้า ไฟในซอยก็ดับไป 2 ชั่วโมง พอไฟมา เน็ตก็อืด .... ตอนนี้ใช้ได้แล้ว มาต่อกันเลยนะครับ
จุดหมายปลายทางแรกคือ เจดีย์ยุทธหัตถี ที่อำเภอบ้านตากครับ ..... อำเภอบ้านตากเป็นเมืองตากเก่า มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญด้านตะวันตกของกรุงสุโขทัย จนในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุธยาได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองตากลงมาตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำปิง ตรงข้ามกับตัวเมืองตากในปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอบ้านตากส่วนใหญ่จึงเป็นโบราณสถาน อำเภอบ้านตากอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศเหนือราว 22 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 แต่หากเดินทางจากเส้นทางหลวงหมายเลข 1107 เลียบริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันตกถึงอำเภอบ้านตาก ระยะทาง 25 กิโลเมตร
ขับรถผ่านตัวอำเภอบ้านตากไปเล็กน้อยก็จะถึง เจดีย์ยุทธหัตถี แล้วครับ .... พูดถึงเจดีย์ยุทธหัตถี คงจะนึกไปถึงเจดีย์ยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา ไม่ใช่แล้วครับ คนละยุคคนละสมัยเลย
เจดีย์นี้ เรียกว่า เจดีย์ยุทธหัตถี หรือ เจดีย์เฉลิมพระเกียรติพระเจ้ารามคำแหงมหาราช หรือ ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เจดีย์ชนช้าง ตั้งอยู่บนดอยช้าง ตำบลเกาะตะเภา ดอยช้างเป็นเนินดินเล็ก ๆ อยู่ทางเหนือของดอยพระธาตุไปเล็กน้อย
เจดีย์นี้เป็นโบราณสถาน สร้างในสมัยสุโขทัยมีอายุราว 700 ปีเศษ องค์เจดีย์ยุทธหัตถีอยู่เยื้องกับวัดพระบรมธาตุประมาณ 200 เมตร ลักษณะของเจดีย์ยุทธหัตถีเป็นศิลปะแบบสุโขทัยคล้ายกับองค์อื่นๆ ทั่วไปในเมืองสุโขทัย ก่ออิฐถือปูนฐานกว้าง 12 เมตร เป็นเรือนธาตุรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขึ้นไป สูง 16 เมตร เหนือเรือนธาตุทำเป็นลำสี่เหลี่ยมย่อมุมตลอดถึงยอดที่เป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ยอดสุดมีฉัตร มีร่องรอยการซ่อมแซมตลอดมา แต่ไม่เสียรูปทรงเดิม ฐานพุ่มมีลายปั้นเป็นรูปหน้าสิงห์สวยงาม หน้าสิงห์ด้านทิศเหนือยังสมบูรณ์ ด้านอื่นๆ ชำรุด องค์เจดีย์ส่วนใหญ่มีคราบตะไคร่น้ำจับอยู่ทั่วไป จะมีการขุดแต่ง และทำความสะอาดรอบบริเวณเจดีย์ในช่วงใกล้วันเทศกาล เป็นงานเดียวกับงานไหว้พระธาตุบ้านตาก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:45:46 AM » |
|
จากหลักฐานศิลาจารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามคำแหงมหาราชกล่าวว่า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด ได้ยกทัพมาตีกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ทรงบกทัพมาป้องกันเมืองตาก พ่อขุนรามคำแหงมหาราช โอรสเสด็จติดตามไปด้วยและทัพทั้งสองได้ปะทะกัน ณ ที่แห่งนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียทีแก่ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด พ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงได้ไสช้าง เบิกพลเข้าช่วยจนได้รับชัยชนะจึงได้สร้างเจดีย์ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในการทำยุทธหัตถีมีชัยชนะ
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงกล่าวถึงเรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีในหนังสืออธิบายระยะทางล่องลำน้ำปิงว่า "... มีพระเจดีย์อีกองค์หนึ่งบนดอยช้าง เหนือดอยพระธาตุเรียกว่าพระปรางค์ แต่ที่จริงเป็นพระเจดีย์แบบสุโขทัยเหมือนพระเจดีย์องค์กลางที่วัดเจดีย์เจ็ดแถวเมืองศรีสัชนาลัย และพระเจดีย์ที่วัดกระพังเงินในเมืองสุโขทัย พระเจดีย์รูปนี้ที่วัดพระธาตุเมืองกำแพงเพชรก็มีอีกองค์หนึ่ง เข้าใจว่าเป็นฝีมือช่างครั้งกรุงสุโขทัยสร้างไว้ขนาดสูงตลอดยอดประมาณ 20 วา มีผู้ซ่อมแต่ซ่อมดีไม่แก้รูปเดิม ลายหน้าราหูยังปรากฏอยู่ พระเจดีย์องค์นี้สร้างบนยอดดอยที่ต่ำกว่าดอยที่สร้างพระธาตุ ควรเข้าใจว่าสร้างทีหลังพระธาตุในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมีเรื่องปรากฏว่า เมื่อครั้งพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อันเป็นวงศ์พระร่วงครองกรุงสุโขทัยนั้น ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด เข้ามาตีเมืองพ่อขุนศรีอินทราทิตย์แตกทัพ พ่อขุนรามคำแหงผู้ราชบุตรเข้าชนช้างกับขุนสามชนจนมีชัยชนะ ข้าศึกแตกพ่ายไป น่าสันนิษฐานว่าพระเจดีย์องค์นี้จะสร้างเป็นของเฉลิมพระเกียรติเรื่องชนช้างคราวนั้น แต่พระเจ้ารามคำแหงจะสร้างเองหรือจะสร้างในรัชกาลหลังมา ไม่มีเค้าเงื่อนจะรู้ได้แน่ ..."
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2008, 05:48:25 AM โดย สายชล »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #22 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:50:03 AM » |
|
เช่นเดียวกับที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากฯครับ .... คือเป็นอนุสรณ์สถานที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ทรงศึกสงคราม ของที่นำมาถวายก็จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับศึกสงครามเช่นเดียวกันคือ ช้าง ม้า และศาสตราวุธ
แต่ของถวายที่เจดีย์ยุทธหัตถี จะต่างกับที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากฯนิดนึงคือ ไม่มีม้าลาย แต่มีไก่มาถวายแทน .... ไม่ทราบที่มาที่ไปเหมือนกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:54:03 AM » |
|
บนต้นไม้ที่สองสายอาศัยหลบแดด และหามุมถ่ายภาพนั้น คุณสายชลสังเกตเห็นตามกิ่งไม้เป็นตุ่มใหญ่ๆทั่วไปหมด ....
ที่แท้คือ รังมดแดงนั่นเอง .... ดูจากรังจำนวนมากแล้ว ประมาณได้ว่า บนต้นนี้น่าจะมีประชากรมดแดงไม่ต่ำกว่าล้านตัวแน่นอน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:59:49 AM » |
|
ไม่ทราบว่าเป็นพระราชดำรัสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพ่อขุนรามคำแหง หรือของท่านใด แต่ใช้เตือนใจได้ทุกยุคสมัยดีจริงๆ อยู่ที่ว่าเมื่ออ่านแล้ว สมองของคนอ่านมันจะบันทึกเข้าไปเป็นความจำหรือเปล่า ถ้าบันทึกไว้ บ้านเมืองคงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ
แทนที่จะมาติดไว้บนต้นไม้ที่นี่ ผมว่าน่าจะนำไปแปะไว้หน้ารัฐสภา หรือ กองทัพบก หรือ ทำเนียบรัฐบาล หรือสนามหลวง หรือ หน้าที่ทำการพรรคการเมือง หรือ อีกหลายๆที่ ถึงจะไม่จดไม่จำ แต่อย่างน้อยให้ผ่านตาบ้างก็คงจะดี
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:04:18 AM » |
|
สถานที่ต่อไปคือ วัดพระบรมธาตุ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะคา ใจกลางเมืองตากเก่า เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย (แทนเจดีย์ชะเวดากอง) ซึ่งองค์เจดีย์มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยม ต่อมาพระครูพิทักษ์บรมธาตุ (ทองอยู่) ได้บูรณะใหม่โดยสร้างครอบองค์เดิมไว้ สูงประมาณ 20 เมตร มีลักษณะทรงแปดเหลี่ยม ศิลปะล้านนา ภายนอกบุด้วยทองดอกบวบ (ทองเหลืองผสมทองแดง) มีเจดีย์องค์เล็ก 16 องค์ ๕ ซุ้มสำหรับบรรจุพระพุทธรูป 12 องค์ ซึ่งซุ้มสำหรับใส่ปั้นอ้อนช้อย สวยงามมาก
วัดพระบรมธาตุ เป็นวัดเก่า ได้รับ การปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่สวยงาม หน้าบรรณและจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันได เป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้นมีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารเย็นสบาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง และมีวิหารอีกหลังหนึ่งซึ่งมีพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ชื่อ หลวงพ่อทันใจ ซึ่งเป็นที่เคารพสักกาะของประชาชน ทั้งในจังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารไม้เก่าแก่ ที่มีลายแกะสลักไว้ให้ชม นับเป็นวัดที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีมาก
การเดินทาง จากตัวเมืองตากไปตามทางหลวงหมายเลข 1107 ประมาณ 35 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสูทางหลวงหมายเลข 1175 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ตรงกิโลเมตรที่ 442 เข้าอำเภอบ้านตากผ่านสะพานข้ามแม่น้ำปิง แล้วเลี้ยวขวาผ่านวัดท่านา จนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย 200 เมตร ถึงวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2007, 11:01:59 AM โดย สายน้ำ »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:10:04 AM » |
|
จอดรถแล้ว ต้องถอดรองเท้าไว้ที่ประตูด้านนอก เดินเท้าเปล่าเข้าไปด้านใน องค์เจดีย์พระธาตุสีทองอร่ามเป็นเงาวับ จะอยู่ตรงกลาง มีเจดีย์เล็กๆน้อยๆล้อมโดยรอบ
สองสายไปตอนแดดเปรี้ยง พื้นรอบเจดีย์องค์พระธาตุร้อนจี๋ ต้องเดินไปเด้งร้อง โอ๊เย่ๆๆๆๆ ไปตลอดทาง จนหลบเข้าในศาลาด้านข้างได้จึงค่อยบรรเทา และก้มลงกราบองค์พระธาตุกันในศาลานั่นแหล่ะ เพราะด้านนอกนั้น ไม่สามารถจริงๆ ร้อนยังกับเดินลุยไฟทีเดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:14:20 AM » |
|
ด้านนอกเห็นมีรถจอดอยู่มากมายหลายคัน แต่พอเข้ามาถึงด้านใน ให้สงสัยว่าทำไมรอบๆองค์พระธาตุไม่เห็นมีผู้คนเลย หายไปไหนกัน
เดินเลยไปด้านข้างวิหารจึงได้หายสงสัย ผู้คนมาแออัดยัดเยียดกันที่หน้า "หลวงพ่อทันใจ" นี่เอง .... คงหนีไม่พ้นเรื่องขอโชคขอลาภกระมังครับ สำหรับสองสายขอเพียงสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นเองครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #28 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:23:02 AM » |
|
อากาศบ่ายวันนี้ร้อนมากเลยครับ พี่น้อง ..... แต่สองสายยังไม่ยอมแพ้ ต้องไปให้ถึงเขื่อนภูมิพลให้ได้
ขับรถออกจากวัดพระบรมธาตุไปสักพัก จะถึง ผาสามเงา อยู่ทางด้านซ้าย ผมจอดรถทันทีด้วยความสนใจ แต่คุณสายชลยอมแพ้ความร้อน จึงขอนั่งรออยู่ในรถ
ผาสามเงา อยู่ในตำบลย่านรี จากอำเภอเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 1107 (เจดีย์ยุทธหัตถี-เขื่อนภูมิพล)ผ่านทางแยกไปเจดีย์ยุทธหัตถีประมาณ 25 กิโลเมตร หรือถ้าใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 463 จะมีทางแยกซ้ายเข้าเขื่อนภูมิพลไปประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงอำเภอสามเงา ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง จะมองเห็นขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ผาสามเงา" เพราะเป็นที่เชิงเขาริมหน้าผานั้นเจาะเป็นช่องลึกเข้าไปในเนื้อภูเขาเรียงกัน 3 ช่อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปิดทองช่องละองค์ มีบันไดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปได้
จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.1206 มีพระฤาษีสององค์สร้างเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) และให้คนมาทูลเชิญราชวงศ์กษัตริย์จากเมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน ไปครองเมืองหริภุญชัย พระนางจามเทวี ได้รับมอบหมายให้ไปครองเมืองตามคำเชิญ พระนางจึงเสด็จมาทางชลมารค ขึ้นมาตามลำน้ำปิงปรากฏว่าเมื่อมาถึงบริเวณหน้าผาแห่งนี้เกิดเหตุมหัสจรรย์มีฝนและพายุใหญ่พัดกระหน่ำจนเรีอไม่สามารถแล่นทวนน้ำขึ้นไปได้และปรากฏเงาพระพุทธรูปสามองค์ที่หน้าผาริมน้ำปิงแห่งนี้ พระนางจึงสั่งให้เจาะหน้าผาและสร้างพระพุทธรูปบรรจุไว้ในช่อง ช่องละองค์ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า "ผาสามเงา" สืบมา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:25:53 AM » |
|
ดูเหมือนจะไม่สูงนัก แต่ท่ามกลางแดดร้อนๆ สายน้ำก็แทบละลายไหลลงบันไดกลับเข้ารถเหมือนกันครับ ... แต่ไหนๆก็มาแล้ว หาโอกาสไม่ได้บ่อยๆ ต้องขึ้นไปดูให้ได้ว่ามีอะไรข้างบนบ้าง
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|