กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 15, 2024, 08:28:55 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3 4   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ชมเมืองตาก ..... จากกล้องนิคอน  (อ่าน 19238 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #15 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 03:51:36 AM »


ที่เขียวได้ขนาดนั้น เพราะฝั่งหนึ่งมีการชลประทาน มีการทดน้ำที่ดี จึงทำให้มีน้ำไปหล่อเลี้ยงพืชไร่ให้ชุ่มชื้นได้ตลอดปี  แต่อีกฝั่งหนึ่งไม่มี .... ไม่ทราบเพราะอะไร


* 03_08.jpg (97.94 KB, 700x600 - ดู 317 ครั้ง.)

* 03_07.jpg (98.69 KB, 700x600 - ดู 315 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #16 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 03:59:55 AM »


ดอกไม้ดอกไร่ก็มีให้เห็นตลอดทางนะครับ ......

ไม่ว่าจะเป็นดอกรักริมทาง เติบโตได้แม้ในที่แล้ง ..... เยาวชนรุ่นใหม่รู้จักกันมั๊ยครับ ว่าดอกรักต้นรัก หน้าตาเป็นอย่างไร


* 03_09.jpg (99.48 KB, 650x650 - ดู 298 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #17 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 04:02:15 AM »


หรือดอก ..... อะไรก็ไม่ทราบ  ไม่รู้จักครับ  เหลืองอร่ามไปทั้งต้นโดยไม่มีใบผสมให้รกลูกตา


* 03_02.jpg (95.96 KB, 650x650 - ดู 315 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Plateen
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 522



« ตอบ #18 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 07:56:37 AM »

เพิ่งรู้ครับเนี่ยว่าพี่น้อยเป็นคนนครสวรรค์ พูดถึงแล้วอยากกินขนมโมจิขึ้นมาทันทีเลย
ตากนี่เป็นที่ๆผมไม่เคยได้ไปเที่ยวเป็นเรื่องเป็นราวซะทีได้แต่เป็นทางผ่านทุกทีที่ผมขับรถขึ้นเชียงใหม่ ทั้งๆที่รู้ว่ามีสถานที่ดีๆอยู่มากมายตั้งแต่เขื่อนภูมิพลไปจนน้ำตกทีลอซู
อยากมีโอกาสไปเที่ยวดูบ้างครับ
บันทึกการเข้า

For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #19 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:11:53 AM »

คนกรุงฯ เขาชอบเรียกจิกๆว่า... "บ้านนอก" ค่ะ

ตอนอยู่บ้านนอกนั้น...พอปิดเทอมทีก็เข้ากรุง และไปทะเล

แต่พอมาอยู่โรงเรียนเตรียมฯ...เข้าจุฬาฯ และมีบ้านอยู่ในเมืองกรุง...พอปิดเทอมหรือว่างก็กลับไปบ้านนอก ปีนเขา...เข้าป่า...เที่ยวน้ำตก

เป็นชีวิตที่พบกับความหลากหลาย....และสนุกสนานทั้งชีวิต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2007, 08:24:12 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #20 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:43:03 AM »


หลังจากโพสต์ครั้งสุดท้ายไปเมื่อช่วงเช้า ไฟในซอยก็ดับไป 2 ชั่วโมง  พอไฟมา  เน็ตก็อืด .... ตอนนี้ใช้ได้แล้ว มาต่อกันเลยนะครับ

จุดหมายปลายทางแรกคือ เจดีย์ยุทธหัตถี ที่อำเภอบ้านตากครับ ..... อำเภอบ้านตากเป็นเมืองตากเก่า มีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญด้านตะวันตกของกรุงสุโขทัย จนในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาครองกรุงศรีอยุธยาได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายเมืองตากลงมาตั้งอยู่ฝั่งขวาของแม่น้ำปิง ตรงข้ามกับตัวเมืองตากในปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวในเขตอำเภอบ้านตากส่วนใหญ่จึงเป็นโบราณสถาน อำเภอบ้านตากอยู่ห่างจากอำเภอเมืองไปทางทิศเหนือราว 22 กิโลเมตร ตามเส้นทางหลวงหมายเลข 1 แต่หากเดินทางจากเส้นทางหลวงหมายเลข 1107 เลียบริมฝั่งแม่น้ำปิงด้านตะวันตกถึงอำเภอบ้านตาก ระยะทาง 25 กิโลเมตร

ขับรถผ่านตัวอำเภอบ้านตากไปเล็กน้อยก็จะถึง เจดีย์ยุทธหัตถี แล้วครับ .... พูดถึงเจดีย์ยุทธหัตถี  คงจะนึกไปถึงเจดีย์ยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา  ไม่ใช่แล้วครับ คนละยุคคนละสมัยเลย

เจดีย์นี้ เรียกว่า เจดีย์ยุทธหัตถี หรือ เจดีย์เฉลิมพระเกียรติพระเจ้ารามคำแหงมหาราช   หรือ ชาวบ้านเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า เจดีย์ชนช้าง ตั้งอยู่บนดอยช้าง ตำบลเกาะตะเภา ดอยช้างเป็นเนินดินเล็ก ๆ อยู่ทางเหนือของดอยพระธาตุไปเล็กน้อย

เจดีย์นี้เป็นโบราณสถาน สร้างในสมัยสุโขทัยมีอายุราว 700 ปีเศษ  องค์เจดีย์ยุทธหัตถีอยู่เยื้องกับวัดพระบรมธาตุประมาณ 200 เมตร ลักษณะของเจดีย์ยุทธหัตถีเป็นศิลปะแบบสุโขทัยคล้ายกับองค์อื่นๆ ทั่วไปในเมืองสุโขทัย ก่ออิฐถือปูนฐานกว้าง 12 เมตร เป็นเรือนธาตุรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมขึ้นไป สูง 16 เมตร เหนือเรือนธาตุทำเป็นลำสี่เหลี่ยมย่อมุมตลอดถึงยอดที่เป็นทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ยอดสุดมีฉัตร มีร่องรอยการซ่อมแซมตลอดมา แต่ไม่เสียรูปทรงเดิม ฐานพุ่มมีลายปั้นเป็นรูปหน้าสิงห์สวยงาม หน้าสิงห์ด้านทิศเหนือยังสมบูรณ์ ด้านอื่นๆ ชำรุด องค์เจดีย์ส่วนใหญ่มีคราบตะไคร่น้ำจับอยู่ทั่วไป จะมีการขุดแต่ง และทำความสะอาดรอบบริเวณเจดีย์ในช่วงใกล้วันเทศกาล เป็นงานเดียวกับงานไหว้พระธาตุบ้านตาก



* 04_09.jpg (99.93 KB, 650x630 - ดู 313 ครั้ง.)

* 04_01.jpg (95.89 KB, 650x630 - ดู 302 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #21 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:45:46 AM »


จากหลักฐานศิลาจารึกหลักที่ 1 พ่อขุนรามคำแหงมหาราชกล่าวว่า ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด ได้ยกทัพมาตีกรุงสุโขทัย พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้ทรงบกทัพมาป้องกันเมืองตาก พ่อขุนรามคำแหงมหาราช โอรสเสด็จติดตามไปด้วยและทัพทั้งสองได้ปะทะกัน ณ ที่แห่งนี้ พ่อขุนศรีอินทราทิตย์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำเสียทีแก่ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด พ่อขุนรามคำแหงมหาราชจึงได้ไสช้าง เบิกพลเข้าช่วยจนได้รับชัยชนะจึงได้สร้างเจดีย์ขึ้น เพื่อเฉลิมพระเกียรติในการทำยุทธหัตถีมีชัยชนะ

สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงกล่าวถึงเรื่องเจดีย์ยุทธหัตถีในหนังสืออธิบายระยะทางล่องลำน้ำปิงว่า "... มีพระเจดีย์อีกองค์หนึ่งบนดอยช้าง เหนือดอยพระธาตุเรียกว่าพระปรางค์ แต่ที่จริงเป็นพระเจดีย์แบบสุโขทัยเหมือนพระเจดีย์องค์กลางที่วัดเจดีย์เจ็ดแถวเมืองศรีสัชนาลัย และพระเจดีย์ที่วัดกระพังเงินในเมืองสุโขทัย พระเจดีย์รูปนี้ที่วัดพระธาตุเมืองกำแพงเพชรก็มีอีกองค์หนึ่ง เข้าใจว่าเป็นฝีมือช่างครั้งกรุงสุโขทัยสร้างไว้ขนาดสูงตลอดยอดประมาณ 20 วา มีผู้ซ่อมแต่ซ่อมดีไม่แก้รูปเดิม ลายหน้าราหูยังปรากฏอยู่ พระเจดีย์องค์นี้สร้างบนยอดดอยที่ต่ำกว่าดอยที่สร้างพระธาตุ ควรเข้าใจว่าสร้างทีหลังพระธาตุในศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหงมีเรื่องปรากฏว่า เมื่อครั้งพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อันเป็นวงศ์พระร่วงครองกรุงสุโขทัยนั้น ขุนสามชนเจ้าเมืองฉอด เข้ามาตีเมืองพ่อขุนศรีอินทราทิตย์แตกทัพ พ่อขุนรามคำแหงผู้ราชบุตรเข้าชนช้างกับขุนสามชนจนมีชัยชนะ ข้าศึกแตกพ่ายไป น่าสันนิษฐานว่าพระเจดีย์องค์นี้จะสร้างเป็นของเฉลิมพระเกียรติเรื่องชนช้างคราวนั้น แต่พระเจ้ารามคำแหงจะสร้างเองหรือจะสร้างในรัชกาลหลังมา ไม่มีเค้าเงื่อนจะรู้ได้แน่ ..."



* 04_02.jpg (98.52 KB, 650x650 - ดู 519 ครั้ง.)

* 04_03.jpg (97.87 KB, 650x650 - ดู 295 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 03, 2008, 05:48:25 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #22 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:50:03 AM »


เช่นเดียวกับที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากฯครับ .... คือเป็นอนุสรณ์สถานที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ที่ทรงศึกสงคราม  ของที่นำมาถวายก็จะเป็นอะไรที่เกี่ยวกับศึกสงครามเช่นเดียวกันคือ ช้าง ม้า และศาสตราวุธ

แต่ของถวายที่เจดีย์ยุทธหัตถี จะต่างกับที่ศาลสมเด็จพระเจ้าตากฯนิดนึงคือ ไม่มีม้าลาย แต่มีไก่มาถวายแทน .... ไม่ทราบที่มาที่ไปเหมือนกันครับ


* 04_04.jpg (99.8 KB, 650x650 - ดู 312 ครั้ง.)

* 04_05.jpg (97.74 KB, 700x600 - ดู 299 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #23 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:54:03 AM »


บนต้นไม้ที่สองสายอาศัยหลบแดด และหามุมถ่ายภาพนั้น  คุณสายชลสังเกตเห็นตามกิ่งไม้เป็นตุ่มใหญ่ๆทั่วไปหมด ....

ที่แท้คือ รังมดแดงนั่นเอง .... ดูจากรังจำนวนมากแล้ว  ประมาณได้ว่า บนต้นนี้น่าจะมีประชากรมดแดงไม่ต่ำกว่าล้านตัวแน่นอน


* 04_06.jpg (99.78 KB, 650x650 - ดู 313 ครั้ง.)

* 04_07.jpg (96.83 KB, 650x650 - ดู 308 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #24 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 08:59:49 AM »


ไม่ทราบว่าเป็นพระราชดำรัสของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพ่อขุนรามคำแหง หรือของท่านใด แต่ใช้เตือนใจได้ทุกยุคสมัยดีจริงๆ  อยู่ที่ว่าเมื่ออ่านแล้ว สมองของคนอ่านมันจะบันทึกเข้าไปเป็นความจำหรือเปล่า  ถ้าบันทึกไว้ บ้านเมืองคงไม่เป็นแบบนี้หรอกครับ

แทนที่จะมาติดไว้บนต้นไม้ที่นี่  ผมว่าน่าจะนำไปแปะไว้หน้ารัฐสภา หรือ กองทัพบก หรือ ทำเนียบรัฐบาล หรือสนามหลวง หรือ หน้าที่ทำการพรรคการเมือง หรือ อีกหลายๆที่  ถึงจะไม่จดไม่จำ แต่อย่างน้อยให้ผ่านตาบ้างก็คงจะดี


* 04_08.jpg (97.36 KB, 650x621 - ดู 532 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #25 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:04:18 AM »


สถานที่ต่อไปคือ วัดพระบรมธาตุ  ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะคา ใจกลางเมืองตากเก่า เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีมะเมีย (แทนเจดีย์ชะเวดากอง) ซึ่งองค์เจดีย์มีลักษณะทรงสี่เหลี่ยม ต่อมาพระครูพิทักษ์บรมธาตุ (ทองอยู่) ได้บูรณะใหม่โดยสร้างครอบองค์เดิมไว้ สูงประมาณ 20 เมตร มีลักษณะทรงแปดเหลี่ยม ศิลปะล้านนา ภายนอกบุด้วยทองดอกบวบ (ทองเหลืองผสมทองแดง) มีเจดีย์องค์เล็ก 16 องค์ ๕ ซุ้มสำหรับบรรจุพระพุทธรูป 12 องค์ ซึ่งซุ้มสำหรับใส่ปั้นอ้อนช้อย สวยงามมาก

วัดพระบรมธาตุ เป็นวัดเก่า ได้รับ การปฏิสังขรณ์มาหลายครั้ง ตัวอุโบสถมีประตูเป็นไม้แกะสลักที่สวยงาม หน้าบรรณและจั่วเป็นไม้ หน้าต่างแกะสลักเป็นพุทธประวัติปิดทอง หัวบันได เป็นนาค วิหารของวัดเป็นวิหารเก่ามีเพดานสูง 2 ชั้นมีช่องลมอยู่โดยรอบ ทำให้อากาศภายในวิหารเย็นสบาย ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง และมีวิหารอีกหลังหนึ่งซึ่งมีพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทอง ชื่อ หลวงพ่อทันใจ ซึ่งเป็นที่เคารพสักกาะของประชาชน ทั้งในจังหวัดตากและจังหวัดใกล้เคียงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีวิหารไม้เก่าแก่ ที่มีลายแกะสลักไว้ให้ชม นับเป็นวัดที่มีคุณค่าในทางโบราณคดีมาก

การเดินทาง จากตัวเมืองตากไปตามทางหลวงหมายเลข 1107 ประมาณ 35 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าสูทางหลวงหมายเลข 1175 อีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ หรือหากใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ตรงกิโลเมตรที่ 442 เข้าอำเภอบ้านตากผ่านสะพานข้ามแม่น้ำปิง แล้วเลี้ยวขวาผ่านวัดท่านา จนถึงสามแยกแล้วเลี้ยวซ้าย 200 เมตร ถึงวัดพระบรมธาตุอยู่ทางซ้ายมือ


* 05_01.jpg (87.26 KB, 700x600 - ดู 516 ครั้ง.)

* 05_02.jpg (94.21 KB, 700x452 - ดู 297 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 22, 2007, 11:01:59 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #26 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:10:04 AM »


จอดรถแล้ว  ต้องถอดรองเท้าไว้ที่ประตูด้านนอก  เดินเท้าเปล่าเข้าไปด้านใน  องค์เจดีย์พระธาตุสีทองอร่ามเป็นเงาวับ จะอยู่ตรงกลาง มีเจดีย์เล็กๆน้อยๆล้อมโดยรอบ

สองสายไปตอนแดดเปรี้ยง  พื้นรอบเจดีย์องค์พระธาตุร้อนจี๋  ต้องเดินไปเด้งร้อง โอ๊เย่ๆๆๆๆ ไปตลอดทาง  จนหลบเข้าในศาลาด้านข้างได้จึงค่อยบรรเทา  และก้มลงกราบองค์พระธาตุกันในศาลานั่นแหล่ะ เพราะด้านนอกนั้น ไม่สามารถจริงๆ ร้อนยังกับเดินลุยไฟทีเดียว


* 05_03.jpg (99.35 KB, 650x630 - ดู 297 ครั้ง.)

* 05_04.jpg (91.64 KB, 650x621 - ดู 288 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #27 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:14:20 AM »


ด้านนอกเห็นมีรถจอดอยู่มากมายหลายคัน แต่พอเข้ามาถึงด้านใน ให้สงสัยว่าทำไมรอบๆองค์พระธาตุไม่เห็นมีผู้คนเลย หายไปไหนกัน

เดินเลยไปด้านข้างวิหารจึงได้หายสงสัย  ผู้คนมาแออัดยัดเยียดกันที่หน้า "หลวงพ่อทันใจ" นี่เอง .... คงหนีไม่พ้นเรื่องขอโชคขอลาภกระมังครับ  สำหรับสองสายขอเพียงสิริมงคลให้กับตัวเองและครอบครัวเท่านั้นเองครับ


* 05_05.jpg (90.97 KB, 650x621 - ดู 308 ครั้ง.)

* 05_06.jpg (96.83 KB, 650x621 - ดู 304 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #28 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:23:02 AM »


อากาศบ่ายวันนี้ร้อนมากเลยครับ พี่น้อง ..... แต่สองสายยังไม่ยอมแพ้ ต้องไปให้ถึงเขื่อนภูมิพลให้ได้

ขับรถออกจากวัดพระบรมธาตุไปสักพัก  จะถึง ผาสามเงา อยู่ทางด้านซ้าย ผมจอดรถทันทีด้วยความสนใจ แต่คุณสายชลยอมแพ้ความร้อน จึงขอนั่งรออยู่ในรถ 

ผาสามเงา อยู่ในตำบลย่านรี จากอำเภอเมืองใช้เส้นทางหมายเลข 1107 (เจดีย์ยุทธหัตถี-เขื่อนภูมิพล)ผ่านทางแยกไปเจดีย์ยุทธหัตถีประมาณ 25 กิโลเมตร หรือถ้าใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงกิโลเมตรที่ 463 จะมีทางแยกซ้ายเข้าเขื่อนภูมิพลไปประมาณ 10 กิโลเมตร ถึงอำเภอสามเงา ทางทิศตะวันตกของแม่น้ำปิง จะมองเห็นขุนเขาใหญ่ลูกหนึ่ง ชาวบ้านเรียกว่า "ผาสามเงา" เพราะเป็นที่เชิงเขาริมหน้าผานั้นเจาะเป็นช่องลึกเข้าไปในเนื้อภูเขาเรียงกัน 3 ช่อง ประดิษฐานพระพุทธรูปปิดทองช่องละองค์ มีบันไดให้นักท่องเที่ยวขึ้นไปนมัสการพระพุทธรูปได้

จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ.1206 มีพระฤาษีสององค์สร้างเมืองหริภุญชัย (ลำพูน) และให้คนมาทูลเชิญราชวงศ์กษัตริย์จากเมืองละโว้หรือลพบุรีในปัจจุบัน ไปครองเมืองหริภุญชัย พระนางจามเทวี ได้รับมอบหมายให้ไปครองเมืองตามคำเชิญ พระนางจึงเสด็จมาทางชลมารค ขึ้นมาตามลำน้ำปิงปรากฏว่าเมื่อมาถึงบริเวณหน้าผาแห่งนี้เกิดเหตุมหัสจรรย์มีฝนและพายุใหญ่พัดกระหน่ำจนเรีอไม่สามารถแล่นทวนน้ำขึ้นไปได้และปรากฏเงาพระพุทธรูปสามองค์ที่หน้าผาริมน้ำปิงแห่งนี้ พระนางจึงสั่งให้เจาะหน้าผาและสร้างพระพุทธรูปบรรจุไว้ในช่อง ช่องละองค์ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า "ผาสามเงา" สืบมา


* 06_01.jpg (94.19 KB, 700x600 - ดู 311 ครั้ง.)

* 06_02.jpg (96.14 KB, 700x600 - ดู 297 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #29 เมื่อ: มิถุนายน 22, 2007, 09:25:53 AM »


ดูเหมือนจะไม่สูงนัก  แต่ท่ามกลางแดดร้อนๆ  สายน้ำก็แทบละลายไหลลงบันไดกลับเข้ารถเหมือนกันครับ ... แต่ไหนๆก็มาแล้ว หาโอกาสไม่ได้บ่อยๆ ต้องขึ้นไปดูให้ได้ว่ามีอะไรข้างบนบ้าง


* 06_03.jpg (99.04 KB, 650x650 - ดู 310 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: 1 [2] 3 4   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.332 วินาที กับ 20 คำสั่ง