กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 03, 2024, 10:38:59 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ภูเก็ตหวังยกระดับปลาช่อนทะเลเทียบเท่าปลาแซลมอน  (อ่าน 3153 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 10, 2008, 12:53:20 AM »


ภูเก็ตหวังยกระดับปลาช่อนทะเลเทียบเท่าปลาแซลมอน-เชื่ออนาคดดีคุยปี 50 ส่งออกกว่า 82 ตัน



ผู้ว่าฯ ภูเก็ต เตรียมยกระดับปลาช่อนทะเล เป็นสินค้าประจำเมืองภูเก็ต แข่งกับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวีย เผยปีที่ผ่านมา ทั้งปีส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศทั้งหมด จำนวน 82 ตัน เชื่อ ถ้ามีการส่งเสริมอนาคตตลาดดีแน่นอน
       
นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวภายหลังลงพื้นที่เยี่ยมชมการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังขนาดใหญ่ในทะเล ลึก บริเวณบ้านแหลมหิน อ่าวพังงา อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา ซึ่งเป็นโครงการที่จังหวัดภูเก็ตได้รับความช่วยนอร์เวย์ในการสร้างกระชังท่อ HDPE มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตร เส้นรอบวง 50 เมตร ลึก 6 เมตร เลี้ยงในระดับน้ำลึก 20 เมตร 3 กระชัง และศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต เป็นผู้รับผิดชอบในการดูแล ว่า การเลี้ยงปลาน้ำลึก ถือว่าเป็นการส่งเสริมอาชีพอีกอย่างหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต และน่าสามารถจะยกระดับปลาช่อนทะเลให้เป็นสินค้าประจำเมืองภูเก็ตอีกตัวหนึ่ง ซึ่งอาจจะแข่งกับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวีย และตนยังมีแนวคิดว่าร้านอาหารในภูเก็ตน่าจะมีการทำอาหารเป็นสะเต๊กปลาช่อน ทะเล แทนที่จะเป็นสะเต๊กปลาแซลมอน
       
โดยเชื่อว่า สะเต๊กปลาช่อนทะเลเมืองไทย จะสู้กับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวีย ได้แน่นอน เพราะว่าเนื้อหรือว่าสิ่งต่างๆ ที่อยู่ในตัวปลาช่อนทะเลมีประโยชน์ไม่แพ้กันกับปลาแซลมอน ซึ่งทางประมงหรือเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้มีการดูสารอาหารในตัวปลาแล้ว ว่ามีประโยชน์ ดังนั้น คิดว่า น่าจะเป็นสินค้าประจำเมืองภูเก็ตได้อีกตัวหนึ่ง แล้วก็นอกจากจะเป็นสินค้าที่เป็นแบรนของจังหวัดภูเก็ตแล้ว อาจจะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่ชาวประมงจะนำไปประกอบอาชีพ แล้วก็ยังเป็นตัวอย่างสำหรับพื้นที่ชายฝั่งอื่นๆ อีกด้วย


       
แต่อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังนั้น จะต้องส่งเสริมให้มีการเลี้ยงเป็นกลุ่มเพราะถ้าชาวบ้านเพียงลำพังเชื่อว่าทำ ไม่ได้ ซึ่งการเข้าไปส่งเสริมในส่วนของภาคเอกชน ต้องให้ภาคเอกชนมาดู และคงจะต้องกับภาคของสภาอุตสาหกรรม หรือหอการค้าให้เขามาดูเพื่อทำเป็นธุรกิจ ส่วนทางประมงอาจจะเป็นที่ปรึกษาให้เขาเกี่ยวกับเรื่องตลาดที่มีการศึกษาแล้ว ร่วมทั้งเข้าไปเสริมทางวิชาการเลี้ยง อุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างไร
       
ส่วนเรื่องการเปิดตลาดที่จะต้องทำเป็นเรื่องของฝ่ายธุรกิจแล้วก็การลงทุนขนาด ใหญ่ทางด้านธุรกิจ ซึ่งการเลี้ยงปลาช่อนทะเลนั้นใช้ระยะเวลา 8 เดือน ก็สามารถจับขายได้แล้ว เพราะว่าถ้าหลัง 8 เดือนไปแล้ว ปลาจะมีขนาดใหญ่ และมีน้ำหนักมาก อาจจะทำให้เป็นภาระในการจำหน่าย แต่ถ้าปลาที่เลี้ยงมีขนาด 3-4 กิโลกรัม หรือมีอายุประมาณ 7-8 เดือน ก็ยังพอมีตลาดรองรับ
       
ด้าน นายทวี จินดามัยกุล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต กล่าวถึงการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังในส่วนของชาวประมง ว่า ยังมีไม่มากนัก ซึ่งตอนนี้กำลังศึกษาว่า จะทำอย่างไรให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันได้เพื่อเลี้ยงปลาเป็นอุตสาหกรรม แล้วตอนนี้เราก็กำลังมองเรื่องตลาด ตลาดเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะว่าถ้าตลาดยังไม่ชัดเจนเท่าไหร่ ก็จะสร้างปัญหาให้กับชาวบ้าน ดังนั้น เราต้องดูให้แน่นอนใจก่อน ถ้าแน่นอนใจเมื่อไหร่ การประกอบอาชีพเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังก็จะบูมทันที เพราะว่าเลี้ยงไม่ยาก ทั้งในเรื่องสถานที่เลี้ยง เรื่องอาหารตอนนี้ก็ทางประมงก็มีการเตรียมพร้อมไว้หมดแล้ว ทางกรมประมงสามารถส่งเสริมให้ความรู้อบรมได้
       
“กระชังที่ดำเนินการอยู่ตอนเป็นแนวนำร่องเท่านั้นเอง ซึ่งการนำร่องนั้นไม่จำเป็นต้องใช้กระชังมากนัก แต่ถ้าเป็นอุตสาหกรรม ต้องเลี้ยง 10 หรือ 20 กระชัง เพราะฉะนั้นการเลี้ยงปลาช่อนในกระชัง สามารถที่จะทำเป็นอุตสาหกรรมได้อย่างดี”
       
นายทวี ยังกล่าวถึงตลาดส่งออกปลาช่อนทะเล ว่า กลุ่มตลาดส่งออกปลาช่อนทะเล จะมีทั้งเยอรมนี ยุโรป และสิงคโปร์ ซึ่งได้รับการตอบรับดีมา ปีที่แล้วทั้งปีมีการส่งออกยังตลาดต่างประเทศหมด จำนวน 82 ตัน แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการส่วนนี้ของกรมประมง ทำเพื่อเป็นการรักษาตลาดไว้ แล้วก็จะแนะนำให้โรงงานอุตสาหกรรมผลิตเพื่อเป็นการส่งออก


       
นายทวี กล่าวยังได้กล่าวต่อไปถึงความต้องการของตลาดคนไทยว่า สำหรับในเมืองไทย ตลาดค่อนข้างจะจำกัด เนื่องจากชาวบ้านทั่วไปยังไม่นิยมบริโภค ยังไม่รู้ว่าจะทำอะไรกิน แถมบางคนยังไม่รู้จักด้วยซ้ำว่าเป็นปลาอะไร หรือบางคนบริโภคแล้วรู้ว่ารสอร่อยแต่ไม่รู้ว่าเป็นเนื้อปลาช่อนทะเล ตามตลาดสดมักจะไม่ค่อยเห็นวางจำหน่าย ส่วนใหญ่จะวางจำหน่ายตามห้างโลตัส แมคโคร ที่แล่เป็นเนื้อแล้ว หรือมีขายตามภัตตาคารใหญ่ๆ ตามร้านอาหารญี่ปุ่นจะใช้เนื้อปลาช่อนทะเลเป็นอาหารพวกซาเซมิ ซูชิ ใช้ทอดหรือทำ สะเต๊กรมควัน
       
แต่อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กรมประมงและโรงงานห้องเย็นได้ศึกษาวิจัยเรื่องการแปรรูปปลาช่อนทะเลให้เป็นอาหารต่างๆแล้ว เพื่อแนะนำให้ชาวบ้านได้รู้จักบริโภคปลาช่อนทะเล มากขึ้น



จาก                  :               ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 10 พฤศจิกายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
@สายน้ำ@
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 14



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2008, 01:07:57 AM »


รวมพลังรุกยกระดับ"ช่อนทะเล" แข่งแซลมอน-หนุนตั้งกลุ่มเลี้ยง



ประมงชายฝั่งเมืองภูเก็ตเตรียมเฮ เมื่อพ่อเมืองพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งยกระดับ "ปลาช่อนทะเล" เป็นสินค้าประจำเมืองภูเก็ต แข่งกับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวีย

 หลังปีที่ผ่านมามียอดส่งออกตลาด ต่างประเทศกว่า 80 ตัน พร้อมหนุนส่งเสริมการรวมกลุ่มเลี้ยงในกระชัง และประสานเอกชนหาตลาดให้ โดยเน้นตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

 นายปรีชา เรืองจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการส่งเสริมการเลี้ยงปลาชายฝั่ง หรือปลาน้ำลึกของ จ.ภูเก็ตว่า เป็นอีกมิติของภูเก็ต โดยขณะนี้ได้มีการส่งเสริมการเลี้ยงปลาช่อนทะเล ซึ่งมีการทดลองเลี้ยงจำนวน 3 กระชังใหญ่ แต่ละกระชังจะปล่อยปลาที่มีขนาด 40 กรัม ลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่น 1 หมื่นตัว จากนั้นเมื่อมีขนาดโต 0.8-1 กิโลกรัม จะแยกเลี้ยงแต่ละกระชัง กระชังละ 5,000 ตัว ระยะเวลาการเลี้ยง 7-8 เดือน มีน้ำหนัก 3-4 กิโลกรัมจึงจับขายได้ เพราะหากปล่อยนานกว่านั้นปลาจะมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก ซึ่งจะทำให้เป็นภาระในการจำหน่าย



 " จากที่พูดคุยกับคณะทำงานวางแผนจะยกระดับปลาช่อนทะเลให้เป็นสินค้าประจำเมืองภูเก็ต ซึ่งอาจแข่งกับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวีย หรืออาจมีสเต๊กปลาช่อน ที่สู้กับปลาแซลมอนของสแกนดิเนเวียได้ เพราะเนื้อหรือว่าสิ่งต่างๆ มีประโยชน์ไม่แพ้กัน โดยทางประมงและเจ้าหน้าที่ได้มีการศึกษาสารอาหารในตัวปลาแล้วเห็นว่ามี ประโยชน์จริงๆ รวมทั้งยังส่งเสริมให้ชาวประมงนำไปประกอบอาชีพ และเป็นตัวอย่างสำหรับพื้นที่ชายฝั่งอื่นๆ ด้วย"

 นายปรีชาได้ตั้งข้อสังเกตว่า การเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชัง หากมองในส่วนของชาวบ้านคงไม่สามารถทำโดยลำพังได้ แต่จะต้องมีการรวมกลุ่มกัน เพราะจะต้องมีการหาตลาดมารองรับ และต้องเป็นในรูปของอุตสาหกรรม ดังนั้นจะต้องให้ภาคเอกชนเข้ามาช่วยเรื่องการหาตลาด โดยเฉพาะตลาดต่างประเทศ ดังนั้นจะต้องมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐที่ต้องเข้าไปส่งเสริมการเลี้ยง การรวมตัวของชาวบ้าน และภาคเอกชนในการนำผลผลิตออกจำหน่าย

 นายทวี จินดามัยกุล ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งภูเก็ต กล่าวว่า ปัจจุบันการเลี้ยงปลาช่อนทะเลยังมีไม่มากนัก ซึ่งขณะนี้นอกจากการทดลองเลี้ยงแล้ว ยังได้มีการศึกษาว่าจะส่งเสริมให้ชาวบ้านรวมกลุ่มกันเลี้ยงเพื่อให้เกิดเป็น อุตสาหกรรมได้อย่างไร ที่สำคัญคือ เรื่องของตลาดต้องให้มีความมั่นใจก่อน ทางกรมประมงพร้อมที่จะเข้าไปส่งเสริมและให้ความรู้อยู่แล้ว



 ส่วน การตลาดนั้น นายทวีกล่าวว่า มีทั้งเยอรมนี ยุโรปและสิงคโปร์ ซึ่งปีที่แล้วได้ส่งออกไปแล้วประมาณ 82 ตัน เบื้องต้นเป็นการเปิดตลาด ต่อจากนั้นก็จะได้ส่งเสริมในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อการส่งออก ส่วนของตลาดในประเทศนั้นยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากยังไม่เป็นที่รู้จัก โดยที่มีการวางจำหน่ายจะเป็นในส่วนของห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ เช่น แม็คโคร โลตัส ภัตตาคารใหญ่ ร้านอาหารญี่ปุ่น เป็นต้น

 สำหรับการเลี้ยงปลาช่อนทะเลในกระชังขนาดใหญ่ในทะเลลึก เป็นโครงการนำร่องโดยความช่วยเหลือจากรัฐบาลนอร์เวย์ โดยกระชังทำด้วยท่อ HDPE เส้นผ่าศูนย์กลาง 15 เมตร เส้นรอบวง 50 เมตร ลึก 6 เมตร เลี้ยงในระดับน้ำลึก 20 เมตร ปล่อยขนาด 40 กรัม ลงเลี้ยงในอัตราความหนาแน่น 8 ตัวต่อตารางเมตร (1 หมื่นตัวต่อกระชัง) เลี้ยงด้วยอาหารเม็ด จนมีขนาดโต 0.8-1 กิโลกรัม จึงคัดขนาดเพื่อลดความหนาแน่น 50% โดยเหลือกระชังละ 5,000 ตัว ขณะนี้กำลังวิจัยจำนวน 3 กระชัง ซึ่งปลาโตเร็วเมื่อมีอายุ 7 เดือน จะมีขนาด 3-4 กิโลกรัม จึงสามารถจับไปจำหน่ายได้



จาก                  :               คม ชัด ลึก    วันที่ 13 พฤศจิกายน 2551
บันทึกการเข้า
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2008, 03:19:16 AM »



บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
แม่หอย
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1404



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2008, 05:34:04 AM »

แถมความคิดเห็นของนักวิชาการมาให้ลองตามไปอ่านกันนิดๆ ค่ะ .. เฮ้อ..
http://www.coastalaqua.com/webboard/index.php?topic=1918.msg3546#new
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #4 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2008, 08:22:31 AM »

ไปอ่านความเห็นเพิ่มเติมแล้วก็เห็นด้วยค่ะ...

สินค้าเกษตรก็มักจะเป็นอย่างนี้แหล่ะค่ะ.....พอราคาดีก็ส่งเสริมให้เลี้ยงให้ปลูกกันยกใหญ่  พอคนเชื่อการโฆษณาชวนเชื่อ ก็โหมเลี้ยงโหมปลูกกันใหญ่ พอผลิตผลออกมามากเกินกว่าความต้องการของผู้ซื้อ ถูกบีบถูกกดหนักเข้า ราคาก็ตกเอา...ตกเอา....จนคนเลี้ยงคนปลูกเดือดร้อน ต้องออกมาประท้วงกันวุ่นวาย

หุ...หุ.....เห็นภาพปลาช่อนทะเลมาดิ้นกระแด่วๆอยู่บนถนนหลวงร้อนๆเลย.....
บันทึกการเข้า

Saaychol
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.249 วินาที กับ 20 คำสั่ง