กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 02, 2024, 09:17:03 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 18   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิกฤต : โลกร้อน (2)  (อ่าน 138388 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #30 เมื่อ: พฤษภาคม 01, 2007, 12:32:04 AM »


ปฏิวัติพลังงาน 2050โลกเย็น


กรีนพีซเรียกร้องต่อภาครัฐของประเทศต่างๆ ให้เร่งลงมือดำเนินการทันที เพื่อปฏิวัติการผลิตและการใช้พลังงานของโลก

ทั้งนี้เพื่อตอบสนองต่อคำเตือนของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ หรือ IPCC เกี่ยวกับหายนะภัยจากภาวะโลกร้อน ระบุถ้าเริ่มตอนนี้ยังพอทันแก้ไข สถิติระบุปี 2050 โลกจะดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงาน มูลนิธิกรีนพีซ ได้แถลงถึงรายงานฉบับที่ 3 ของ IPCC ซึ่งมุ่งหาทางออกเพื่อหยุดยั้งภาวะโลกร้อน ซึ่งกลุ่มนักวิทยาศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญได้เตือนว่า การตัดสินใจในขณะนี้เกี่ยวกับการจัดหาพลังงานในอนาคตจะช่วยให้สภาพภูมิอากาศที่แปรปรวน ซึ่งโลกกำลังประสบอยู่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

ตอนนี้เรากำลังยืนอยู่บนทางสองแพร่งของสภาพภูมิอากาศ สเตฟานี ตันมอร์ ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและภูมิอากาศ กรีนพีซสากล กล่าวว่า เราสามารถเลือกเดินไปบนเส้นทางของพลังงานหมุนเวียนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาอุณหภูมิเฉลี่ยบนผิวโลกให้เพิ่มขี้นไม่เกิน 2 องศาเซลเซียส และหลีกเลี่ยงผลกระทบอันเลวร้ายที่สุดอันจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศโลก หรืออีกทางหนึ่งคือ จะอยู่กับความผิดพลาดตามเส้นทางเดิม เพื่อเผชิญกับสภาพภูมิอากาศอันเลวร้ายจากการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต ภาวะการขาดแคลนน้ำที่รุนแรง และวิกฤติผู้ลี้ภัยจากสภาพภูมิอากาศ เราไม่อาจเลือกเดินบนเส้นทางผิดๆ นี้ได้อีกต่อไป

หลักฐานของ IPCC ในเรื่องการหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นตัวกำหนดงานเขียนเกี่ยวกับทางเลือกในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเมื่อเร็วๆ นี้ กรีนพีซสากลและสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนแห่งยุโรป หรือ EREC ได้ร่วมกันเขียนรายงาน "แผนการปฏิวัติพลังงาน" ซึ่งแผนฉบับนี้แสดงให้เห็นว่า เราจะสามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทั่วโลกลงร้อยละ 50 ภายในปี 2050 หรืออีก 43 ปีข้างหน้า โดยนำเทคโนโลยีสะอาดที่มีอยู่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประสิทธิผลมากขึ้น

มร.สเวน เทสเก ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและภูมิอากาศ กรีนพีซสากลกล่าวถึงข้อได้เปรียบของแผนการปฏิวัติพลังงานฉบับนี้ว่า แนวความคิดเรื่องพลังงานทั่วโลกของเราอธิบายได้ดังนี้คือ ปริมาณการลงทุนสำหรับโรงไฟฟ้าแห่งใหม่จนถึงปี 2030 จะอยู่ที่ประมาณ 300-350 พันล้านดอลลาร์ต่อปี เกือบเท่ากับจำนวนเงินที่ใช้สำหรับเชื้อเพลิงฟอสซิลเมื่อเร็วๆ นี้ หากเราผันเงินจำนวนนี้ไปลงทุนในพลังงานหมุนเวียนและระบบการผลิตร่วมไฟฟ้าความร้อน จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคพลังงานทั่วโลกลงได้ครึ่งหนึ่งภายในปี 2030 ซึ่งได้ประโยชน์ด้วยกันทุกฝ่าย

"เราแสดงให้เห็นว่า โลกเราสามารถใช้พลังงานหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยได้ เราสามารถบรรลุความต้องการด้านประสิทธิภาพทางพลังงาน และทำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ เพื่อลดต้นตอที่ส่งผลเสียหายและเป็นอันตราย เช่น ถ่านหิน และนิวเคลียร์ โดยปราศจากการแก้ปัญหาโดยใช้เทคโนโลยีซึ่งยังไม่ผ่านการพิสูจน์ อย่างการดักจับและกักเก็บคาร์บอน" นายธารา บัวคำศรี ผู้ประสานงานรณรงค์ด้านพลังงานและภูมิอากาศ กรีนพีซ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าว.


จาก    :    กองบรรณาธิการ   X-cite  ไทยโพสต์   วันที่   1 พฤษภาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #31 เมื่อ: พฤษภาคม 02, 2007, 03:18:01 AM »

  ..................จริงๆ..........
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #32 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 12:06:26 AM »


"ไทย"หวังผลประชุมโลกร้อน ถ่ายทอดเทคโนโลยีพลังงานสะอาด



ไทยเป็นเจ้าภาพประชุมลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ ระหว่าง 30 เม.ย.-4 พ.ค. เพื่อหาข้อสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบายเพื่อกำหนดเป็นมาตรการให้ประเทศต่างๆ ปฏิบัติลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกหวังได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีผลิตพลังงานสะอาด ลดภาวะโลกร้อน

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของไทย ร่วมกับองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกและโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมครั้งที่ 9 ของคณะทำงานกลุ่มที่ 3 ซึ่งรับผิดชอบทางด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการประชุมครั้งที่ 26 ของคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (ไอพีซีซี) โดยมีผู้แทนจากรัฐบาลและนักวิชาการจากประเทศภาคีภายใต้กรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศร่วมประชุมประมาณ 400 คน

นายชาตรี ช่วยประสิทธิ์ รองปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมวิชาการระดับชาติ เพื่อนำผลการศึกษาทางวิชาการเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ในภาคต่างๆ 7 ภาค คือ ภาคพลังงาน ภาคการคมนาคมขนส่ง ภาคบริการที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัยและการพาณิชย์ ภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรมที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์ที่ดิน ภาคป่าไม้ และภาคการจัดการของเสีย มาหารือร่วมกัน

"ในส่วนของประเทศไทย จะต้องร่วมกับประเทศในกลุ่มเดียวกัน ปกป้องผลประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องการปล่อยก๊าซมีเทนในนาข้าว หรือผลกระทบจากเกษตรกรรม ซึ่งไทยมีตัวเลขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำกว่ามาเลเซีย แต่เท่าๆ กับกัมพูชาและเวียดนาม โดยประเทศไทยก็เห็นด้วยกับมาตรการในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่หากมีมาตรการใดออกมา เรามีข้อตกลงว่า ประเทศสมาชิกอื่นจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยีในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายจากไทย เช่น เทคโนโลยีการผลิตพลังงานสะอาด หรือเทคโนโลยีอื่นในภาคเกษตรกรรม" นายชาตรีกล่าว

สำหรับการประชุมคณะทำงานด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จะมีการพิจารณาร่างบทสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบาย (เอสพีเอ็ม) ในเรื่องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกใน 7 ภาค

ส่วนการประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ จะมีการพิจารณาแผนงานและงบประมาณของไอพีซีซี และแผนงานต่อไปของคณะทำงานด้านการกำหนดวิธีการที่เป็นมาตรฐานสากลในการประเมินการปล่อยและกักเก็บก๊าซเรือนกระจก

ทั้งนี้ ไอพีซีซีจะนำร่างบทสรุปสำหรับผู้กำหนดนโยบายที่ได้จากการประชุมครั้งนี้ไปรวมนำเสนอพิจารณาในการประชุมองค์กรย่อยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สมัยที่ 26 ในระหว่างวันที่ 6-18 พ.ค.นี้ ที่กรุงบอนน์ เยอรมนี

จากนั้นจึงนำไปพิจารณาเพื่อมีมติรับรองในการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 13 ในระหว่างวันที่ 6-18 ธันวาคม 2550 ที่เมืองบาหลี สาธารณรัฐอินโดนีเซีย

เมื่อมีมติรับรองแล้ว รายงานนี้จะใช้เป็นกรอบในการกำหนดนโยบายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของแต่ละประเทศต่อไป


จาก    :    ข่าวสด   วันที่   3 พฤษภาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #33 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 12:11:34 AM »


อียูแนะไทยหยุดกล่าวหาชาติร่ำรวยต้นเหตุ “โลกร้อน”


คณะผู้แทนประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมประชุมของไอพีซีซี เดินผ่านกลุ่มอนุรักษ์ที่ทำกิจกรรมรณรงค์ยุติภาวะโลกร้อนหน้า อาคารยูเอ็น ราชดำเนิน กรุงเทพฯ

อียูแนะไทยและประเทศกำลังพัฒนาหยุดกล่าวหาประเทศร่ำรวยเป็นต้นเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และหันมาลงมืออย่างเร่งด่วนเพื่อลดหายนะอันจะเกิดจากภาวะ “โลกร้อน”
       
       ตลอดสัปดาห์นี้ผู้แทนรัฐบาลจากชาติต่างๆ กว่า 120 ประเทศกำลังร่วมอภิปรายร่างรายงานของคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ (ไอพีซีซี) ซึ่งเป็นเครือข่ายนักวิทยาศาสตร์กว่า 2,000 คนขององค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ณ ศูนย์ประชุมสหประชาชาติ กรุงเทพฯ ซึ่งคาดว่าสรุปรายงานสุดท้ายจะออกมาในวันที่ 4 พ.ค.นี้
       
       ในเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจนเกิดภาวะโลกร้อนนั้น ทางประเทศจีนซึ่งเป็นประเทศที่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกานั้นได้เรียกร้องให้ประเทศที่ร่ำรวยกว่ารับผิดชอบต่อการเกิดภาวะโลกร้อน และควรจะแสดงความเป็นผู้นำในการแก้ปัญหา
       
       ขณะที่สหรัฐอเมริกาและออสเตรเลียได้ปฏิเสธที่จะลงนามในพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาระดับสหประชาชาติที่ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประเทศจีนและอินเดียไม่ได้ให้คำมั่นที่จะลดมลพิษคาร์บอนในอากาศ
       
       ทางด้าน ทอม แวน เอียร์แลนด์ (Tom van Ierland) ตัวแทนจากสหภาพยุโรป (อียู) ให้ความเห็นโดยไม่ได้เจาะจงที่ประเทศใดเป็นพิเศษว่า รัฐบาลประเทศต่างๆ ควรหยุดแสดงความไม่ใส่ใจต่อประเทศที่เป็นผู้สร้างมลภาวะที่ใหญ่ที่สุดในโลกด้วยคำแก้ตัวว่าไม่ใช่นโยบายของประเทศที่จะลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก
       
       “เราหวังว่าการโต้เถียงแบบนั้นจะลดน้อยลง เพราะเราไม่คิดว่านั่นคือสิ่งที่ถูก บางประเทศใช้คำพูดเหล่านี้โน้มผู้คน มันค่อนข้างเศร้าเพราะว่ามีสิ่งสำคัญที่จะต้องทำ” แวน เอียร์แลนด์กล่าว
       
       ทั้งนี้ไอพีซีซีได้ชี้ให้เห็นว่าประเทศที่ความอุดมสมบูรณ์ลดลงกำลังเผชิญกับผลกระทบที่ยิ่งใหญ่จากการไม่ตรวจสภาพการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ แม้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่เพิ่มขึ้นเพียง 2 องศาเซลเซียสก็ทำให้ประชากรโลกกว่า 2 พันล้านคนซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในประเทศกำลังพัฒนาต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนน้ำก่อนปี 2593
       
       ทางด้าน ยูนิส อัล-เฟนาดี (Younis Al-Fenadi) ผู้แทนหนึ่งเดียวจากประเทศลิเบียกล่าวว่าทวีปแอฟริกาคือเหยื่อของสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง ดังนั้นสรุปรายงานสุดท้ายที่จะออกมานั้นต้องรวมคำสัญญาที่จะช่วยเหลือให้แก่แอฟริกาในรูปของเงินเพื่อช่วยเหลือในการฝึกปฏิบัติ วางแผนและให้การศึกษาเกี่ยวกับปัญหาดังกล่าว
       
       ส่วนออร์วิน เพจ (Orvin Paige) ผู้แทนจากแอนกัวและบาร์บูดาประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน กล่าวว่าเขารู้สึกผิดหวังที่มีการพูดคุยกันไปไกลในประเทศไทยซึ่งสาธยายเกี่ยวกับเรื่องประเด็นทางด้านเทคนิค ขณะที่ตัวเขาเพียงต้องการให้การอภิปรายกลับไปยังประเด็นที่ว่าเราจะคาดหวังอะไรได้บ้าง หรืออะไรคือภยันตรายที่แท้จริง
       
       รายงาน 2 ฉบับของไอพีซีซีที่ออกมาปีนี้ได้วาดภาพที่ร้ายกาจของอนาคตที่ไม่ลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกซึ่งจะกระตุ้นอุณหภูมิของโลกให้สูงขึ้นไปก่อนปี 2643 ส่วนรายงานฉบับที่กำลังถูกอภิปรายในสัปดาห์นี้ก็กดดันโลกให้รวบรวมทางเลือกทางด้านเทคนิคที่มีอยู่มากมายอย่างรวดเร็ว ซึ่งรวมถึงการสำรวจประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน การเลี่ยงการใช้พลังงานถ่านหินและการปรับเปลี่ยนการทำเกษตรกรรม เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบอันจะเกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ


จาก    :     ผู้จัดการออนไลน์   วันที่   3 พฤษภาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #34 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 03:50:19 AM »

 ...............ก็มันเรื่องจริงนี่...........
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #35 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 11:37:52 AM »

ได้ฟังมาว่า.........

ปกติประเทศไทย จะไม่มี พายุดีเปรสชั่น เข้ามาตอนเดือนเมษายน เลย หรือเข้ามาน้อยมาก
ครั้งสุดท้ายที่มีรายงานคือ เมื่อปี 2504 หรือเมื่อ 46 ปีที่แล้ว
และก็เป็นหางของพายุที่เกิดแถวเวียดนาม

แต่ พายุดีเปรสชั่น ที่เกิดเมื่อไม่กี่วันมานี้ เกิดในประเทศไทย ซึ่งผิดฤดูกาลอย่างมาก
ทำให้สงสัยว่า เพราะ อากาศของโลกแปรปรวนรึเปล่า

เพราะมีรายงานว่า ถ้าอุณหภูมิ ที่ผิดน้ำมีอุณหภูมิ สูงขึ้น ก็มีโอกาสที่จะเกิด พายุที่รุนแรง และถี่มากขึ้น
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #36 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 11:43:41 AM »

และมีการพบอีกว่า ถ้าอุณหภูมิที่ เขตศูนย์สูตร สูงขึ้น 1 องศา C.
จะมีผลให้ อุณหภูมิที่ เขตขั้วโลก เพิ่มขึ้น ถึง 12 องศา C.

นักวิทยาศาสตร์ จึงเรียกสภาวะบรรยากาศโลกว่า เป็น "ระบบนอนลินเนียร์"

แล้วประเทศไทยร้อนขึ้นเรื่อยๆ ขนาดนี้   น้ำแข็งที่ขั้วโลกจะเหลือรึเนี่ยย
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #37 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 11:49:31 AM »

แล้วยังพบอีกว่า ยิ่งอุณหภูมิสูงขึ้นเท่าใด
ปริมาณที่ ทะเลดูดซึม CO2 ก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
ตอนนี้ก็เริ่มพบแล้วว่า แถบทางตอนเหนือ น้ำเริ่มมีสภาวะที่เป็นกรดมากขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าจินตนาการ ง่ายๆ ก็คือ เป็นทะเลน้ำอัดลมนั่นเอง

แล้วความเป็นกรดมีผลอย่างไร
ก็คือจะทำให้ความอิ่มตัวของแคลเซียมลดลงเรื่อยๆ
ซึ่งแคลเชียมจะเป็นโครงสร้าง แข็งของสัตว์ทะเลหลายๆชนิด รวมทั้งพวกปะการังแข็งต่างๆ
แล้วอย่างนี้ สัตว์ทะเลคงหมดแน่ ......
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #38 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 11:57:24 AM »

จากในอดีตที่ผ่านมา เราจะไม่ค่อยได้ยินว่าหมีขั้วโลก จมน้ำตายสักเท่าไร่
แต่เมื่อเร็วนี้ มีการพบหมีขั้วโลกจมน้ำตายมาก

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะปัจจุบันนี้ แผ่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกละลายไปมาก แผ่นน้ำแข็งต่างๆก็อยู่ห่างๆกัน
ทำให้หมีหาอาหารได้ยาก  จนบางครั้งต้องว่ายน้ำไปไกลถึง  30-40 ไมล์
กว่าจะไปเกาะน้ำแข็งอีกก้อนได้

อีกหน่อยคงเหลือหมีขั้วโลกให้ดูเฉพาะในสวนสัตว์

บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #39 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 04:15:05 PM »

 .....การก่อตัวของพายุ...ที่เกิดบริเวณอ่าวไทยนั้น........จากสถิติอาจจะไม่เคยปรากฎเลยก็ว่าได้........วิบัติแล้วหน่อโลกนี้..เพราะใคร?...!!!!!!!!!!!!!!!!!
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
frappe
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1114



« ตอบ #40 เมื่อ: พฤษภาคม 03, 2007, 05:23:45 PM »

ดูเหมือนธรรมชาติกำลังให้บทเรียนเราอยู่นะคับ ไม่งั้นมนุษย์เราก็คงไม่มีการตื่นตัว ใช้ทรัพยากรกันอย่างเพลิดเพลินจนกระทั่งไม่เหลืออะไร
บันทึกการเข้า

มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #41 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 12:50:39 AM »


9 พฤษภา กทม.ประกาศปฏิญญา ยุติโลกร้อน

      กทม.เตรียมประกาศปฏิญญา 5 ข้อ เพื่อหยุดภาวะโลกร้อน พร้อมชวนคนกรุงปิดไฟ 15 นาที 9 พ.ค.นี้
       
       นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมพิจารณาแนวทางแก้ไขภาวะโลกร้อน โดยมีผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุมกว่า 23 หน่วยงาน ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่า กทม.และทุกหน่วยงานจะร่วมมือกันประกาศปฏิญญา กทม.ว่าด้วยความร่วมมือลดภาวะโลกร้อนจำนวน 5 ข้อ ซึ่งจะมีการลงนามประกาศในวันที่ 9 พ.ค.2550 นี้ เพื่อให้เป็นวาระที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องยึดถือปฏิบัติร่วมกัน
       
       โดยปฏิญญาทั้ง 5 ข้อดังกล่าว ระบุถึงการลดการใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกภาคกิจกรรม เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนน้อยที่สุด, การร่วมกันส่งเสริมและสนับสนุนบทบาทของเยาวชน ชุมชน ธุรกิจ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และปัจเจกบุคคลให้มีส่วนร่วมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก, การส่งเสริมและสนับสนุนวิถีชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อเป็นการป้องกัน เตรียมรับ และปรับตัวสู่กับภาวะโลกร้อน, การส่งเสริมและสนับสนุน และร่วมกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยการปลูกต้นไม้  และการส่งเสริมให้มีกิจกรรมการลดและป้องกันภาวะโลกร้อนอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยการเผยแพร่ข้อมูลและให้ความรู้ไปสู่การปฏิบัติ
       
       นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า นอกจากการลงนามประกาศปฏิญญาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วในวันที่ 9 พ.ค.2550 กทม.ยังได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมใหญ่เพื่อหยุดภาวะโลกร้อน ณ ห้อง Escape หอประชุมสหประชาชาติ (UN) โดยเชิญผู้เกี่ยวข้องจำนวน 2,000 คน มาร่วมแสดงความคิดเห็น จากนั้นในช่วงบ่ายวันเดียวกัน จะทำกิจกรรมรณรงค์หยุดภาวะโลกร้อน ซึ่งจะการเดินรณรงค์ นิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ผลกระทบที่ทุกคนได้รับ และแนวทางการแก้ไข เพื่อให้เด็ก เยาวชนคนรุ่นใหม่ และประชาชนทั่วไป มีความรู้ความเข้าใจ ตระหนักในภาวะดังกล่าว และเริ่มต้นมีส่วนร่วมกันแก้ไข โดย กทม.จะจัดทำสื่อสารคดี และเอกสารประชาสัมพันธ์ให้ทราบถึงแนวทางปฏิบัติ 10 ประการที่จะทุกคนสามารถทำได้ด้วยตนเองในการหยุดภาวะโลกร้อนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
       
       “ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ จะเป็นวันแห่งการเริ่มต้นที่ได้ประกาศให้ประชาชนทั่วไป และโลกรับรู้ว่า ประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร ตื่นตัว และพร้อมจะเป็นแนวร่วมในการหยุดภาวะโลกร้อน ด้วยการเชิญชวนประชาชนร่วมกันปิดไฟบริเวณทางเดิน ถนน อาคาร บ้านเรือน ร้านค้า ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ ในจุดที่ไม่จำเป็น เป็นเวลา 15 นาที ในช่วงเวลา 19.00-19.15 น.โดยพร้อมเพรียงกัน”
       
      ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ช่วงนี้ในแต่ละพื้นที่มีการแปรปรวนของสภาพอากาศ อย่างปรากฏการณ์เอลนีโญปกติจะเกิด 7 ปีครั้ง แต่ปัจจุบันนี้เพียง 2-3 ปีก็เกิดขึ้นแล้ว ไม่ต่างจากพายุที่เกิดขึ้นในทะเลอ่าวไทยที่เกิดบ่อยขึ้นเช่นกัน และด้วยปรากฏการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อระบบน้ำทะเล และกทม.เนื่องจากมีพื้นที่ติดทะเลด้วย นอกจากนี้ ยังมีผลพวงตามมาอีกหลายอย่าง ทั้งการนำน้ำมาผลิตน้ำประปา ซึ่งหากน้ำทะเลรุกล้ำก็จะเกิดปัญหาโรคระบาด ทั้งนี้ ไม่เกิดเฉพาะใน กทม.ประเทศเพื่อนบ้านก็จะได้รับผลกระทบด้วย อย่างไรก็ตาม ตนคาดว่า ฝนจะตกหนักมากขึ้นบริเวณชายฝั่ง กทม.ก็จะหลีกเลี่ยงไม่ได้เช่นกัน ดังนั้น ควรต้องหามาตรการระยะยาว เช่น การออกแบบถนนใหม่ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง เป็นต้น
       
       ดร.จิรพล สินธุนาวา จากคณะสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ผู้ที่มีฐานะน้อยจะได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่มากกว่าคนฐานะดี โดยเฉพาะกรณีเจ็บป่วยที่จะขาดแคลนเรื่องค่ารักษาพยาบาล นอกจากนี้ ตนเห็นว่า คนทำงานควรที่จะรีบกลับบ้านทันทีเมื่อเลิกงานแล้วไม่ใช่ต้องรอเวลา ซึ่งทำให้เกิดการใช้พลังงานโดยไม่จำเป็นซึ่งเป็นที่มาของมลพิษ


จาก    :     ผู้จัดการออนไลน์   วันที่   4 พฤษภาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #42 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 01:10:02 AM »


กทม.ร่วมปฏิญญาโลกร้อน ชวนปิดไฟ 15 นาที 9 พ.ค.
 
ร่วมประกาศปฏิญญา กทม.แก้ภาวะโลกร้อน จับมือ 23 หน่วยงาน จัดรณรงค์รับมือปัญหา "อภิรักษ์"ขอความร่วมมือปิดไฟในครัวเรือน9 พ.ค.รวม 15 นาที เริ่มเวลา 1 ทุ่ม

วันที่ 3 พ.ค.2550 กรุงเทพมหานคร เป็นเจ้าภาพจัดประชุมความร่วมมือดำเนินการแก้ไขภาวะโลกร้อน ร่วมกับ 23 หน่วยงาน และเครือข่ายต่างๆ เช่น ดร.จิรพล สินธุนาวา ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยมหิดล ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้เชี่ยวชาญจาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้ง การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) และสำนักงานพลังงานทดแทน เป็นต้น   

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า ที่ประชุมได้หารือถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภาวะโลกร้อน โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งสืบเนื่องมาจากหลายสาเหตุ ทั้งนี้ ได้กำหนดเป็นร่างปฏิญญากทม. ว่าด้วยการลดปัญหาภาวะโลกร้อน ซึ่งจะมีการลงนามในวันที่ 9 พ.ค.นี้ พร้อมกับจัดประชุมเครือข่ายภาครัฐเอกชน และประชาชน เพื่อให้ตื่นตัวรับมือกับปัญหาภาวะโลกร้อน ที่ห้องประชุม Escap Hall ที่อาคารสหประชาชาติ

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ภายในงานดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมให้คำแนะนำแก่ประชาชนลดการใช้พลังงาน เพื่อลดภาวะโลกร้อน ซึ่งในเวลา 19.00 น. กทม.จะรณรงค์ให้ประชาชนปิดไฟในครัวเรือนช่วงเวลา 19.00 น. เป็นเวลา 15 นาที หลังจากนั้นจะวัดปริมาณการใช้ไฟฟ้าว่าลดลงเท่าใด ซึ่งขณะนี้มีข้อมูลปริมาณการใช้พลังงานของคนกรุงเทพฯ ในปี 2549 ประกอบด้วย การใช้ไฟฟ้า 206 ล้านกิโลวัตต์ น้ำมัน 34.4 ล้านลิตร แก๊สโซฮอล์ 4 แสนลิตร และก๊าซธรรมชาติ 25,000 กิโลกรัม 

ผู้ว่าฯกทม. กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้ในวันที่ 14-17 พ.ค.จะมีการจัดประชุม C-40 last 60 เป็นการประชุม Climate Submit ระดับสากล เพื่อหารือถึงปัญหาภาวะโลกร้อน ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา มีผู้ว่าการและนายกเทศมนตรีจาก 40 เมือง เข้าร่วมประชุม เช่น ผู้ว่าการกรุงนิวยอร์ก นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน นายกเทศมนตรีกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอมนี นายกเทศมนตรีกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ กรุงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น กรุงโตรอนโต ประเทศแคนาดา ผู้ว่าฯกทม. เป็นต้น 

ดร.อานนท์ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มเห็นสภาพแปรปรวนในหลายๆ อย่าง แม้จะไม่สามารถบอกได้โดยตรงว่า เกิดจากภาวะโลกร้อนหรือไม่ แต่ที่แปลกก็คือ การมีดีเปรสชั่นเกิดขึ้นในเดือน เม.ย. ทั้งที่ปกติไม่เคยเกิดขึ้นเลย นอกจากนี้ยังมีปรากฏการณ์เอลนิลโญ่ เกิดถี่ขึ้นเป็น 3 ปี/ครั้ง จากเดิม 7 ปี/ครั้ง รวมทั้งพายุในอ่าวไทยเกิดขึ้นทุกๆ  3-4 ปี จากเดิมเกิดขึ้นทุกๆ 7-8 ปี ซึ่งพายุดังกล่าวจะส่งผลกระทบถึง กทม.ทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมชั่วคราวและถาวร ปัญหาน้ำดิบที่จะป้อนให้การประปานครหลวง ปัญหาการจราจร ปัญหาโรคระบาด 

ดร.อานนท์ กล่าวว่า ปัญหาทั้งหมดนี้จะกระทบเป็นวงกว้าง ไม่เพียงแต่ กทม.เท่านั้น ยังรวมถึงทุกจังหวัดก็จะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน ประชาชนจำนวนหนึ่งจะไม่สามารถอยู่ได้ อาจต้องอพยพเข้ามาใน กทม. จึงถึงเวลาแล้วที่คน กทม.จะต้องเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับปัญหาดังกล่าว โดยต้องเริ่มทำตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากเราคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกบริเวณชายฝั่งทะเลมากขึ้น และมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นกทม.จะต้องเตรียมการรับมือและพัฒนาเมือง

ดร.อานนท์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้น กทม.ก็เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน โดยมีสัดส่วนการบริโภค 30-50% ของประเทศ เช่น บริโภคน้ำมัน ไฟฟ้า ซึ่งล้วนเป็นต้นเหตุการณ์การเกิดภาวะเรือนกระจก และที่สำคัญการใช้ปูนซีเมนต์ก็เป็นสาเหตุให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ รวมถึงการฝังกลบขยะ ที่ปัจจุบัน กทม.ต้องทำการกำจัดวันละจำนวนมหาศาล 

สำหรับร่างปฏิญญา กทม. ว่าด้วยการลดปัญหาภาวะโลกร้อน 5 ข้อ ประกอบด้วย
1.การลดการใช้พลังงานและทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกภาคการผลิต และการบริโภค เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนน้อยที่สุด
2.ร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนบทบาทเยาวชน ชุมชน ธุรกิจ ตลอดจนหน่วยงานภาครัฐ และปัจเจกบุคคลให้มีส่วนร่วมในการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
3.ส่งเสริมวิถีชีวิตบนพื้นฐานโครงการพอเพียงเพื่อเป็นการปรับตัวเข้าสู่ภาวะโลกร้อน
4.ส่งเสริมการทำกิจกรรมที่จะทำให้เกิดการดูดซับก๊าซเรือนกระจกด้วยการปลูกและดูแลต้นไม้ยืนต้นด้วยความกว้างขวางและต่อเนื่อง
5.จัดกิจกรรมลดและป้องกันภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน ด้วยการเผยแพร่ข้อมูล

 
 
จาก    :     กรุงเทพธุรกิจ   วันที่   4 พฤษภาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #43 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 01:46:30 AM »

เมื่อวานดูข่าว...เค้าว่า กทม เราจมน้ำทุกปี...ปีละหลายเซนต์..อีกไม่นานมันคงจมอยู่ใต้ทะเล...
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #44 เมื่อ: พฤษภาคม 04, 2007, 02:00:37 AM »

ถ้าจะจม เนเธอร์แลนด์ คงจมก่อนเพื่อน
ตอนนี้ สถาปนิกที่นั่น ออกแบบบ้าน เป็นบ้านลอยน้ำกันแล้ว
สงสัยจะเลียนแบบพี่ไทย ...... เพราะเราทำบ้านลอยน้ำกันมาตั้งแต่ไหนแล้ว 
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
หน้า: 1 2 [3] 4 5 ... 18   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.054 วินาที กับ 20 คำสั่ง