กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 21, 2024, 12:26:13 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม 2552  (อ่าน 2125 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 19, 2009, 12:21:52 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ลมเหนือและลมตะวันออกเฉียงเหนือพาดผ่านประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนส่งผลทำให้ภาคเหนือมีอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18-22 มี.ค. ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ประกอบกับในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. มีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบน ทำให้ภาคเหนือมีอุณหภูมิลดลง 2-3 องศา ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 มี.ค. ลมใต้กำลังอ่อนพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้อากาศร้อนขึ้น และมีฝนลดลง



* Forecast2.jpg (37.24 KB, 684x423 - ดู 515 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (39.46 KB, 450x501 - ดู 488 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 19, 2009, 12:36:27 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


เหมือนมีมายาที่ "อ่าวมาหยา"                              :                     ปิ่น บุตรี


อ่าวมาหยา

       ชื่อสถานที่ท่องเที่ยวส่วนใหญ่ในเมืองไทยล้วนมีที่มา
       
       เกาะพีพี จ.กระบี่ก็เช่นกัน ชื่อนี้ ปลัดชัยสิทธิ์ ชัยสัมฤทธิ์ผล ปลัดอำเภอเมืองกระบี่ ส่วนแยกเกาะพีพี(ดูแลเกาะพีพี) ได้เล่าย้อนตำนานที่มาของชื่อเกาะพีพีให้ผมฟังด้วยกัน 3 ตำนานว่า
       
       “ตำนานแรก มาจากลักษณะของโค้งหาดเสี้ยววงเดือนที่ดูเหมือน ตัวพี(P) 2 ตัว หันหัวใส่กันตำนานต่อมา เกาะพีพี มี 2 เกาะคู่อยู่ในแนวเฟรมเดียวกัน ชาวมุสลิมโบราณเรียกเกาะใหญ่ว่าเกาะพี่ เกาะเล็กว่า เกาะน้อง ต่อมาเรียกเกาะพี่เกาะน้องเพี้ยนไปกลายเป็น พีพี”
       
       ปลัดชัยสิทธิ์ เว้นวรรคพักหายใจก่อนเล่าต่อว่า ตำนานสุดท้าย ชื่อเกาะพีพีเป็นภาษาชาวเล มาจากการเรียกขานต้น “ปิอาปี”(ต้นไม้จำพวกแสม)ที่มีอยู่มากบนเกาะ ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็นเกาะ“ปีปี” แล้วเพี้ยนไปอีกทีเป็น“พีพี”
       
       ทั้ง 3 ตำนานพี่ปลัดบอกให้น้ำหนักกับตำนานที่สามมากที่สุด
       
       “บนเกาะยังมีต้นปีปีอยู่ แต่เหลือน้อยมาก แถวออฟฟิศผมมีอยู่ 5 ต้นด้วยกัน”
       
       พี่ปลัดบอกพร้อมอธิบายเพิ่มเติมว่า ตำนานที่หนึ่งนั้นค่อนข้างไม่น่าเชื่อถือเพราะสมัยก่อนชาวเกาะโบราณที่นี่ยังไม่รู้จักภาษาอังกฤษ
       
       งานนี้ผมเห็นด้วยกับพี่ปลัด เพราะเท่าที่อ่านเจอในหนังสือหรือในอินเตอร์เน็ต ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงที่มาของชื่อเกาะพีพีในตำนานที่สามทั้งนั้น
       
       อย่างไรก็ดีไม่ว่าชื่อเกาะพีพีจะมาจากตำนานไหน ผมไม่รู้สึกติดใจด้วยประการทั้งปวง แต่ที่ติดใจมากๆก็คือเสน่ห์ความงามของที่นี่ ซึ่งหน้าร้อนหรือไฮซีซั่นอย่างนี้ ทะเลไทยฝั่งอันดามัน โดยเฉพาะเกาะพีพีได้แสดงศักยภาพความงามทางการท่องเที่ยวออกมาอย่างเต็มเปี่ยม สมดังมรกตแห่งอันดามัน เพียงแต่ว่าค่าใช้จ่ายในการสัมผัสพีพี กิน นอน พักผ่อน มันต้องจ่ายแพงหน่อย เท่านั้นเอง
       
       แต่เอาน่า นานๆเที่ยวที เพราะยังไงการท่องเที่ยวมันก็เป็นการชาร์จแบ็ตเติมกำไรให้ชีวิต แม้ว่าบางครั้งมันจะออกแนวงงๆไปบ้าง อย่างการมาเที่ยวพีพีหนล่าสุดนี้ ที่ราวชั่วโมงกว่าจากท่าเรือคลองจิหลาด ผมก็เดินทางมาถึงยังเกาะพีพีดอน แหล่งชุมชนสำคัญของหมู่เกาะแห่งนี้

   
หาดทรายแห่งอ่าวมาหยา  
 
       พีพีดอน เป็นเกาะสำคัญ 1 ใน 2 ของหมู่เกาะพีพี(อีกเกาะหนึ่งคือพีพีเล) บนพีพีดอนเป็นดังเมืองขนาดย่อม หนาแน่นไปด้วยบ้านเรือน ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านค้า ผับบาร์ และสิ่งอำนวยความสะดวกอีกเพียบ ในขณะที่ในผืนน้ำก็มีเรือหางยาว สปีดโบ้ท เรือนำเที่ยว จอดอยู่เรียงรายไปตามแนวเวิ้งหาด
       
       ทำให้วิถีชีวิตบนเกาะนี้อยู่กันอย่างผสมกลมกลืน ชาวบ้าน ผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว ชาวไทยพุทธ ไทยมุสลิม บนเกาะนี้จึงไม่ขาดแคลนรอยยิ้มแห่งทักทายไปมาหาสู่กัน ซึ่งแม้เศรษฐกิจปีนี้จะเป็นปีเผาจริงทางเศรษฐกิจก็ตาม
       
       “บนเกาะนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกทางการท่องเที่ยวเกือบทุกอย่าง ที่ไม่มีอย่างเดียวก็เห็นจะเป็นร้านทองเท่านั้น เพราะฝรั่งไม่นิยมใส่ทองกัน”
       
       พี่ปลัด พูดติดตลก แต่มันก็กระตุ้นให้ผมอดไม่ได้ที่จะใช้สายตาสายตาสแกนหานักท่องเที่ยวชาวไทย ว่าน่าจะมีขึ้นมาเที่ยวบนเกาะนี้บ้าง ปรากฏว่าวันนั้นไม่เจอครับพี่น้อง มีแต่ฝรั่งทั้งน้าน ส่วนที่เห็นขาวๆสวยๆหมวยๆอึ๋มๆเดินมาดูหน้าออกแนวหมวยไทยแบบพิมพ์นิยมก็กลายเป็นไต้หวันไปเสียฉิบ
       
       “ปกติคนไทยไม่ค่อยขึ้นมาพักกันบนพีพีดอนเท่าไหร่ ที่ผ่านมามีประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์กว่าๆเท่านั้น ทั้งๆที่ที่พักราคาย่อมเยาบนเกาะนี้ก็มีให้เลือกอยู่พอสมควร แต่ส่วนใหญ่จะมาเที่ยวกันแบบ one day trip ที่พีพีเล มาจากกระบี่บ้าง ภูเก็ตบ้าง”
       
       พี่ปลัดบอกเล่าข้อมูล ซึ่งก็น่าเสียดายไม่น้อยที่พีพีดอนถูกพวกบริษัททัวร์ส่วนหนึ่งมองข้าม เพราะบนเกาะนี้ ถือว่ามีจุดสวยงามให้เที่ยวชมกันอยู่ไม่น้อยเลย เอาที่เด่นๆเป็นไฮไลท์ในระดับอ๋องก็มี
       
       “อ่าวโละดาลัม” อ่าวกว้างใหญ่ มีหาดทรายยาวขาวเนียน มากไปด้วยกิจกรรมอันหลากหลายของนักท่องเที่ยว
       
       "อ่าวต้นไทร" อ่าวหน้าเกาะ มีชายหาดยาวร่วม 2 กม.มีบรรยากาศเหมาะแก่การเล่นน้ำ เดินชิลล์ ชิลล์ เลาะเลียบชมวิวทิวทัศน์ริมอ่าว ซึ่งจุดเด่นของที่นี่อยู่ที่มีต้นไทรใหญ่ตั้งตระหง่าน โคนต้นมีผ้าแพรหลากสีผูกอยู่ ส่วนใต้ต้นมีศาลเจ้าที่ตั้งอยู่ดูขรึมขลัง ที่นี่ผมเห็นนักท่องเที่ยวฝรั่งที่เดินผ่านศาลเจ้าที่หลายคน หยุดยืนแวะดูตัวศาลและผ้าแพรด้วยความฉงน ส่วนไทยเราเมื่อเดินผ่านก็จะยกมือไหว้เพื่อความเป็นสิริมงคล
       
       จากอ่าวต้นไทรสามารถเดินขึ้นไปยังจุดชมวิว ชมทิวทัศน์เกาะพีพีดอน ซึ่งเมื่อมองลงมาจะเห็นวิวทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์แห่งเกาะพีพี ด้วยภาพเวิ้งอ่าวต้นไทร(เมื่อมองลงอยู่ขวา)และอ่าวอ่าวโละดาลัม(อยู่ซ้าย)ทอดตัวโค้งคู่ดูคอดกิ่วคล้ายพระจันทร์เสี้ยว 2 ดวงหันส่วนโค้งชนกัน แทรกด้วยภาพของชุมชนที่พักที่คงจะผุดแน่นขึ้นเรื่อยๆในอนาคต

   
อีกมุมหนึ่งที่อ่าวมาหยา    
 
       สำหรับแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้นักท่องเที่ยวแบบ one day trip จากบริษัททัวร์หลายแห่งอาจไม่มีบรรจุอยู่ในโปรแกรม มีแต่โปรแกรมเที่ยวเกาะพีพีเลอันเป็นที่นิยม ซึ่งพี่ปลัดเรียกขานมันว่าทะเลในอ้อมกอดของภูเขา เพราะพีพีเล เป็นเกาะที่เต็มไปด้วยหินปูนและหน้าผาสูงชันที่อุดมไปด้วยจุดท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
       
       ถ้ำไวกิ้ง ที่ภายในมีภาพเขียนสีสมัยประวัติศาสตร์ ปัจจุบันเป็นเขตสัมปทานนกนางแอ่น นักท่องเที่ยวจึงทำได้เพียงล่องเรือชมปากถ้ำเท่านั้น
       
       อ่าวโละซามะ อ่าวเล็กๆไม่มีชายหาด เป็นจุดเล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการังชั้นดีเพราะโลกใต้ทะเลที่นี่สวยงามไม่เบา
       
       อ่าวปิเละ มีลักษณะเป็นลากูน(Lagoon) หรือทะเลในที่ถูกโอบล้อมด้วยหน้าผาสูงชันเกือบทุกด้าน น้ำทะเลที่นี่สวยงามใสปิ๊งนิ่งเขียวจนหลายคนขนานนามให้เป็น”สระว่ายน้ำกลางทะเล”เลยทีเดียว
       
       และจุดที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงก็คือ “อ่าวมาหยา” อันสวยสดงดงาม น้ำทะเลใสสวยใสเป็นสีเขียวมรกต หาดทรายกว้างขาวสะอาดเนียนนุ่มเท้า
       
       อ่าวมาหยา ถูกเคยใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องเดอะบีช(The Beach) ซึ่งด้านหนึ่งส่งผลลบ เนื่องจากแนวสันทรายส่วนหนึ่งบนหาดพังทลายเพราะมีการขุดพืชหน้าดินเพื่อใช้ในการถ่ายทำ ทำให้ชายหาดถูกคลื่นลมกัดเซาะทรายหายไปเรื่อยๆ
       
       ส่วนอีกด้านหนึ่งส่งผลบวก เพราะด้วยความโด่งดังของเดอะบีช ทำให้ผู้ชมเห็นความงดงามของอ่าวมาหยา จึงมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกันมาไม่ได้ขาด ชนิดหัวกระไดอ่าวไม่แห้งในช่วงไฮซีซั่น ซึ่งก็ทำให้วันนั้น วันที่ผมไปเยือน อ่าวมาหยาเต็มพรึ่ดไปด้วยนักท่องเที่ยวต่างชาติชนิดที่หากรุ๊ปทัวร์ไทยไม่เจอ จนผมอดคิดเล่นๆไม่ได้ว่า “...นี่ตูมาเที่ยวทะเลเมืองนอกหรือไงฟะ...”
       
       แต่ก็นี่แหละนี่มันคือมายาคติทางการท่องเที่ยวแบบไทยๆที่ เกาะดังๆ ทะเลสวยๆงามๆ ในช่วงไฮซีซันจะกลายสภาพเป็นเมืองย่อมๆของฝรั่งไป ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราปฏิเสธไม่ได้ เพราะการท่องเที่ยวคือหนึ่งในรายได้หลักในการทำเงินให้ประเทศชาติ
       
       อย่างไรก็ตามแม้ว่าเราอาจจะต้องง้อนักท่องเที่ยวฝรั่งบ้างในหลายๆครั้ง แต่ก็ไม่ควรง้อชนิดเลอเลิศประเสริฐศรีจนนักท่องเที่ยวฝรั่งกลายเป็นพระเจ้าไป ในขณะที่นักท่องเที่ยวคุณภาพชาวไทยกับถูกผู้ประกอบการ- พนักงานคนไทยบางคนแสดงพฤติกรรมดูถูกรังเกียจนักท่องเที่ยวชาวไทยด้วยกัน
       
       ชนิดที่ทำได้แค่เพียง “ทำใจ”

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 19, 2009, 12:45:54 AM »

แนวหน้า


ทส.เปิดตัวโครงการ รณรงค์ยุติค้าสัตว์ป่า

 นายสุวิทย์ คุณกิตติ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังการเปิดตัวโครงการรณรงค์ยุติการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายว่า การค้าสัตว์ป่าที่ผิดกฎหมายเป็นประเด็นสำคัญระดับโลก ดังนั้นอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ หรือไซเตส (CITES) จึงเกิดขึ้น โดยมีเป้าหมายเพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้สัตว์ป่าและพืชป่าที่หายากต้องสูญพันธุ์ไปเนื่องจากการค้า

 สำหรับการจัดงานครั้งนี้ ได้รับความร่วมมือจากหลายหน่วยงานเข้ามาเป็นเครือข่ายการป้องกันและปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในการจัดตั้งเครือข่ายฯ โดยผ่านโครงการ ASEAN-WEN Support Program ตลอดจนบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ที่ได้ร่วมกับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาตริและสิ่งแวดล้อม จัดทำโครงการรณรงค์ยุติการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมายขึ้น

 อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยมีจุดยืนมาตลอดในเรื่องการต่อต้านการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย แต่การค้าสัตว์ป่ากระทำกันเป็นเครือข่ายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลก ดังนั้นจึงต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศต่างๆ เพื่อยุติปัญหาดังกล่าว ซึ่งในวันนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ได้จัดโครงการรณรงค์นี้ขึ้น เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยไม่ได้นิ่งนอนใจต่อปัญหาดังกล่าวและจะเพิ่มความเข้มงวดในการป้องกันปราบปรามให้มากขึ้นโดยเฉพาะการลักลอบนำสัตว์ป่าผ่านแดน

 "การจัดโครงการรณรงค์ยุติการค้าสัตว์ป่าและพืชป่าที่ผิดกฎหมาย เป็นการดำเนินงานภายใต้เครือข่ายปราบปรามการค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่ผิดกฎหมายในภูมิภาคอาเซียน โดยจัดขึ้นเพื่อรณรงค์ให้สาธารณชนได้มีความรู้ความเข้าใจและตระหนักถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น และหันมาให้ความร่วมมือในการยุติการซื้อสัตว์ป่าและพืชป่า ซึ่งจะเป็นการหยุดยั้งวงจรการค้าการลักลอบขนส่งไปยังประเทศปลายทาง"นายสุวิทย์ กล่าว

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.024 วินาที กับ 21 คำสั่ง