|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 01:40:14 AM » |
|
"กระทรวงทรัพย์ ฯ เปิดเอกชนเช่า10อุทยานแห่งชาติ สัมปทาน 30 ปี"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้ออกมาประกาศเปิดอุทยานแห่งชาติ 10 แห่ง นำร่องให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่จัดบริการ ประกอบด้วย 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 3.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 4.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 6.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 7.อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย 8.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 9.อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 10.อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
แหล่งข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา มีนักธุรกิจหลายรายเสนอแผนจัดการอุทยานแห่งชาติ ที่ต้องการบริหารมายังกรม โดยส่วนใหญ่ต้องการเข้าไปบริหารพื้นที่อุทยานฯ ที่ทำรายได้ดีอยู่แล้ว อาทิเช่น เขาใหญ่ หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ อีกทั้งยังพยายามให้กรมลดราคาค่าเช่าลง
ทั้งนี้ กรมอุทยานแห่งชาติกำหนดราคาค่าเช่าพื้นที่เพื่อบริการไว้ตารางเมตรละ 30 บาท หรือไร่ละ 4.8 หมื่นบาทต่อเดือน แต่เอกชนมองว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป และต่อรองให้ลดราคาลงเหลือแค่ตารางเมตรละ 3 บาทเท่านั้น ซึ่งการต่อรองราคาดังกล่าวเกิดขึ้นแล้ว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีการเปิดประมูลอย่างเป็นทางการ
สำหรับแผนการเปิดให้เอกชนเข้าเช่าพื้นที่บริหารจัดการ ได้กำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นหลายข้อ อาทิเช่น จะเปิดให้เอกชนเข้ามาบริหารในโซนบริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร ประกอบด้วย ศูนย์อาหาร ร้านขายของที่ระลึก รีสอร์ท โรงแรม โดยมีอายุสัมปทาน 30 ปี มีเงื่อนไขว่าต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปลูกป่าเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการกำหนดสัญญาลักษณะเดียวกับที่การรถไฟแห่งประเทศไทย ให้ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเช่าพื้นที่บริเวณแยกลาดพร้าว
ชี้ต้องการมืออาชีพบริหาร
นายวิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ ในฐานะประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ กล่าวว่า กรมได้วางหลักการเบื้องต้นให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการให้การบริการพื้นที่ที่กรมอุทยานฯ ดูแลรับผิดชอบ 3 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นสิ่งแวดล้อมจะต้องมีการจัดการอย่างมืออาชีพและยั่งยืน ประเด็นทางสังคม ต้องให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม และประเด็นเศรษฐกิจ ต้องสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนในพื้นที่
"กรมอุทยานฯ ต้องการให้มืออาชีพเข้ามาบริหารพื้นที่บริการ ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนในพื้นที่ นักธุรกิจขนาดใหญ่ หรือขนาดกลาง โดยกรมจะแบ่งพื้นที่ของอุทยานฯ เป็นกลุ่มๆ คือกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง และกลุ่มที่มีกำลังซื้อปานกลาง และกลุ่มทั่วไป เพื่อเปิดให้มีตัวเลือกหลากหลาย ไม่ได้ปิดกั้นโอกาสของประชาชนในการเข้าถึงธรรมชาติ"
ถกระเบียบเอกชนเช่าสัปดาห์หน้า
นายวิชิต กล่าวต่อว่า กรณีที่กลัวว่าเอกชนที่ได้รับสัมปทานเข้าดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ จะเข้าไปทำลายธรรมชาติและป่านั้น คิดว่าขณะนี้ความคิดของนักธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นักธุรกิจยึดถือเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพราะกระแสโลกกระแสสังคมกำลังให้ความสำคัญเรื่องนี้
ดังนั้น การจะไปสร้างขยะ ตัดต้นไม้ เอกชนคงทำไม่ได้ และอุทยานจะวางกรอบระเบียบให้ดำเนินการตามความเหมาะสม โดยในสัปดาห์หน้า นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อสรุปแผนการจัดการก่อนจะเปิดให้เอกชนประมูล
ส่วนที่มีการเข้าใจว่า แผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการคณะกรรมการนโยบายความร่วมมือในการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชนนั้น เป็นเรื่องที่เข้าใจผิด เพราะความจริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด และไม่ได้ทำเพื่อรองรับการปรับแก้กฎหมายอุทยานแห่งชาติ ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนดำเนินการ
"แผนการนี้ เป็นการคิดภายใต้ระเบียบเก่า ที่เปิดให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ และต้องการขยายเขตพื้นที่บริการในอุทยานฯ ต่างๆ ที่มีความพร้อม เพื่อกระจายการกระจุกตัวของนักท่องเที่ยว"
นายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า การให้สัมปทานเอกชนเข้าบริหารจัดการในพื้นที่อุทยานฯ ไม่ใช่เรื่องเสียหาย โดยต่างประเทศหลายประเทศมีการดำเนินการรูปแบบนี้มานานแล้ว และเป็นไปตามโครงงานการจัดการพื้นที่คุ้มครองตามอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพที่มี 191 ประเทศเป็นสมาชิก
การจัดดำเนินการโครงการดังกล่าว เพื่อหาเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนไปบริหารจัดการพื้นที่ป่า เพราะงบประมาณของรัฐไม่เพียงพอ ซึ่งประเทศภาคีควรทำในเรื่องนี้ภายในปี 2010 สำหรับไทย UNDP ได้ให้งบเกือบ 3 ล้านบาท จ้างผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาเรื่องนี้แล้ว และจะสรุปผลปลายปีนี้ จากนั้นกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกจะให้งบอีก 200 ล้านบาทมาวิจัย โดยเป้าหมาย คือ พื้นที่อนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติบนบก 1 แห่ง อุทยานแห่งชาติทางทะเล 1 แห่ง และพื้นที่ที่ชุมชนดูแล
ประกาศอุทยานฯ ใหม่ 17 แห่ง
นายไพศาล กุวลัยรัตน์ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ได้มีการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการดำเนินการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ จำนวนทั้งสิ้น 38 แห่ง และมีมติยืนยันให้มีการประกาศให้อุทยานแห่งชาติ ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา จำนวน 17 แห่ง คือ อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง จ.พะเยา อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว จ.ตราด อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน จ.น่าน และพะเยา อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท จ.ลำปาง อุทยานแห่งชาติดอยจง จ.ลำปาง-ลำพูน
อุทยานแห่งชาติขุนน่าน จ.น่าน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก จ.สกลนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์ อุทยานแห่งชาติเขานัน จ.นครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ จ.แม่ฮ่องสอน อุทยานแห่งชาติขุนพระวอ (แม่กาษา) จ.ตาก อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา จ.เชียงใหม่-เชียงราย อุทยานแห่งชาติแม่วาง จ.เชียงใหม่ อุทยานแห่งชาตินันทบุรี จ.น่าน อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จ.จันทบุรี และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ จ.นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี
เสนอครม.ประกาศเพิ่ม 21 แห่ง
นอกจากนี้ กรมอุทยานฯ ได้มอบหมายให้สำนักอุทยานแห่งชาติ สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ ประสานงานกับกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดดำเนินการประกาศเพิ่มอีก 17 แห่ง พร้อมทั้งหารือถึงการผนวกพื้นที่ชายหาดที่สวยงามเนื้อที่ประมาณ 1,500 ไร่ เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต
ขณะเดียวกัน ยังมีอุทยานแห่งชาติอีก 4 แห่ง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้วเสร็จ และเตรียมรอนำเข้าครม. รอบที่ 2 เพื่อให้ความเห็นชอบให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศบังคับใช้ ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่ปืม จ.เชียงราย-พะเยา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.หนองคาย-นครพนม และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน จ.น่าน โดยเมื่อรวมพื้นที่อุทยานแห่งชาติใหม่ จะมีทั้งสิ้นอีก 38 แห่ง คิดเป็นเนื้อที่ 11,289738.25 ไร่
นักวิชาการค้านเอกชนเข้าบริหาร
ศาสตราจารย์ นิวัติ เรืองพานิชย์ นักวิชาการด้านวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวระหว่างการประชุมเรื่อง "การวิจัยและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้" ว่า รู้สึกเป็นห่วงแนวความคิดในการให้สัมปทานอุทยานแห่งชาติแก่ภาคเอกชนเข้ามาบริหารจัดการการท่องเที่ยว โดยมีเป้าหมายเพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น เพราะเป็นการคิดถึงแต่เงินด้านเดียว ไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักในการดูแลรักษาป่าไม้ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งในที่สุดแล้ว จะทำให้ธรรมชาติถูกทำลาย จึงขอเรียกร้องข้าราชการอย่าตามใจฝ่ายการเมืองมากเกินไป
จาก : Blog Colomnists กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 25 สิงหาคม 2551
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 26, 2008, 01:42:13 AM โดย สายน้ำ »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
ตุ๊กแกผา
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 03:38:40 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 06:04:54 AM » |
|
การจัดดำเนินการโครงการดังกล่าว เพื่อหาเงินสนับสนุนจากภาคเอกชนไปบริหารจัดการพื้นที่ป่า เพราะงบประมาณของรัฐไม่เพียงพอ ซึ่งประเทศภาคีควรทำในเรื่องนี้ภายในปี 2010 สำหรับไทย UNDP ได้ให้งบเกือบ 3 ล้านบาท จ้างผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาเรื่องนี้แล้ว และจะสรุปผลปลายปีนี้ จากนั้นกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกจะให้งบอีก 200 ล้านบาทมาวิจัย โดยเป้าหมาย คือ พื้นที่อนุรักษ์ 3 แห่ง ได้แก่ อุทยานแห่งชาติบนบก 1 แห่ง อุทยานแห่งชาติทางทะเล 1 แห่ง และพื้นที่ที่ชุมชนดูแล
รู้สึกคลื่นเหียนและอยากอาเจียนกับแนวคิดแบบนี้ที่เป็นข้ออ้างเสมอๆ ขอแค่หยุดโกงกินกับการทำโครงการ หยุดการคอร์รัปชั่นซะบ้าง ประเทศไทยจะรวยขึ้นอีกมหาศาล
ถ้าผมใช้ข้อความไม่เหมาะสมกรุณาลบได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Bluefin
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
ออฟไลน์
เพศ:
กระทู้: 47
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: สิงหาคม 26, 2008, 07:32:57 AM » |
|
ขอความเห็นครับ ว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ พวกเราคิดว่าเราควรทำอย่างไร อย่างไรจึงสมควรและถูกต้องสมเหตุและผล เช่น ส่งจดหมายลงชื่อคัดค้าน, ออกไปประท้วง ฯลฯ ขอความเห็นด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #20 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 01:18:05 AM » |
|
เปิดอุทยานฯ สัมปทานมรดกของชาติ โดย : วินิจ รังผึ้ง
รายงานข่าวจากกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กำลังมีโครงการจะเปิดให้เอกชนเข้ารับสัมปทานบริหารพื้นที่บริการในเขตอุทยานแห่งชาติ โดยจะเริ่มนำร่องใน 10 อุทยานแห่งชาติยอดนิยมประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อุทยานแห่งชาติผ้าห่มปก อุทยานแห่งชาติภูกระดึง อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหารายได้นำมาสนับสนุนการบริหารจัดการพื้นที่ป่าซึ่งทางอุทยานฯไม่มีงบประมาณเพียงพอ สำหรับแนวทางที่จะเปิดให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่บริหารจัดการในอุทยานแห่งชาตินั้น ได้มีการกำหนดเงื่อนไขเบื้องต้นไว้เช่น เปิดให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการภายในโซนบริการนักท่องเที่ยวแบบครบวงจร เรียกว่าเข้ามารับสัมปทานทำโรงแรม ที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และกิจกรรมท่องเที่ยวต่างๆ เช่นพายเรือคายัค จักรยานให้เช่า และอะไรต่อมิอะไรแล้วแต่จะคิด โดยมีกำหนดเวลาการเช่าการให้สัมปทานยาวนานถึง 30 ปีเลยทีเดียว เรียกว่าเอกชนรายไหนได้สิทธิ์เข้าไปรับสัมปทาน ก็สามารถจะครอบครองกิจการเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กันไปชั่วลูกชั่วหลานเลยทีเดียว แม้นจะมีมาตรการที่ทางกรมอุทยานฯวางไว้ว่าเอกชนที่เข้ามารับสัมปทานจะต้องดูแลรับผิดชอบใน 3 ประเด็นคือ จะต้องบริหารจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างมืออาชีพและยั่งยืน จะต้องให้ประชาชนทุกระดับเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม และประเด็นทางเศรษฐกิจจะต้องสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งพิจารณาจากหลักการที่วางไว้ก็ฟังดูดี แต่ในทางปฏิบัติก็ยังน่าเป็นห่วง เพราะจะนำมาตรฐานอะไรไปวัด และที่สำคัญมันจะเกิดความคุ้มค่าหรือไม่ กับการนำเอาสมบัติของชาติ สมบัติของประชาชน มาให้เอกชนรายใดรายหนึ่งเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์แบบผูกขาด โดยรัฐได้ผลตอบแทนเพียงน้อยนิด ซึ่งเรามาลองพิจารณากันทีละประเด็น ประเด็นแรก ความคุ้มค่าของสิ่งที่ได้มากับสิ่งที่เสียไป ซึ่งเหตุหลักของการดำเนินการเปิดให้เอกชนเข้ามารับสัมปทานครั้งนี้ก็เพื่อหารายได้เข้ามาบริหารจัดการดูแลพื้นที่ป่าอันกว้างใหญ่ของอุทยานแห่งชาติเนื่องเพราะงบประมาณที่ได้รับในแต่ละปีไม่เพียงพอ ซึ่งเหตุผลนี้ฟังเหมือนจะดูดี แต่เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกทางแล้วหรือไม่ เพราะหากรัฐบาลเห็นความสำคัญของการรักษาผืนป่า รักษาต้นน้ำลำธาร รักษาสิ่งแวดล้อม ก็ควรจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้พอเพียง ไม่ใช่การตัดแบ่งสมบัติของชาติขายหรือให้เช่าเช่นนี้ และประเด็นที่ดูจะขัดแย้งไม่สมเหตุสมผลกันเองก็คือ หากต้องการหารายได้เพิ่มจากการเปิดให้เอกชนเช่าบริหารอุทยานฯ แต่ก็กลับคัดเลือกเอา 10 อุทยานแห่งชาติยอดนิยมระดับเกรดเอที่ทำรายได้เข้าอุทยานฯจำนวนมหาศาลในแต่ละปี นำไปให้เอกชนเช่าหาผลประโยชน์ในราคาที่แสนถูก คือมีข้อมูลออกมาว่าจะให้เช่ากันในอัตราตารางเมตรละเพียง 30 บาทต่อเดือนเท่านั้น ปีหนึ่งจะได้เงินค่าสัมปทานสักกี่บาท และเช่ากันยาวนานชั่วลูกชั่วหลาน 30 ปี ในอีก 10-20-30 ปีข้างหน้ามูลค่าของผลประโยชน์จะมากมายมหาศาลตามการเติบโตของเศรษฐกิจ และการขยายตัวของการท่องเที่ยวอีกเท่าใด ในขณะที่ค่าเช่าในเวลานั้นจะถูกแสนถูกยิ่งกว่าให้เปล่าเสียอีก ลองมาดูสถิติรายได้ของอุทยานแห่งชาติทั้ง 10 แห่งที่มีรายชื่อจะถูกนำมาให้เอกชนเช่าสัมปทานกันดู ซึ่งตัวเลขสถิติรายได้นี้ผมนำมาจากข้อมูลของฝ่ายแผนงบประมาณและเงินรายได้ ส่วนนโยบายแผน สำนักอุทยานแห่งชาติที่เผยแพร่กันทางเว็บไซต์ โดยในปีงบประมาณ 2550 ที่ผ่านมา อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีรายได้รวมจำนวน 57,786,921 บาท อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 11,092,208 บาท อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 34,012,348 บาท อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย 9,469,350 บาท อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 8,785,120 บาท อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 9,923,610 บาท อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 16,217,516 บาท อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 11,092,208 บาท ส่วนอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกนั้นไม่มีตัวเลขแสดง รายได้เข้าอุทยานแห่งชาติที่ยกมาข้างต้นนั้นเป็นรายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยว รายได้จากที่พัก จากการบริจาคของนักท่องเที่ยวและอื่นๆ นั่นยังไม่รวมรายได้จากร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และจากกิจกรรมบริการอื่นๆ และไม่เกี่ยวกับงบประมาณที่รัฐบาลจัดให้อุทยานฯในแต่ละปี รวมรายได้ทั้ง 9 อุทยานฯข้างต้นเป็นเงินถึง 161,476,643 บาท ซึ่งมากมายมหาศาลทีเดียว นี่ขนาดเป็นการบริการตามสภาพชนิดตามมีตามเกิดอย่างที่เป็นอยู่ ยังมากมายขนาดนี้แล้ว หากเอกชนเข้าไปบริหารจัดการอย่างมีระบบ คิดค้นรูปแบบการหารายได้จากกิจกรรมบริการต่างๆ เช่นเรือบริการระหว่างเกาะ เรือบริการนำเที่ยว รถบริการนำชม ในรูปแบบของธุรกิจที่ผูกขาดแล้วก็เชื่อว่าจะทำรายได้มากมายกว่านี้หลายเท่าตัว คำถามก็คือเมื่ออุทยานฯ เกรดเอที่สามารถจะทำรายได้มหาศาลเช่นนี้แล้ว ทำไมจึงต้องประเคนให้เอกชนเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ถ้าทางอุทยานฯ ห่วงใยผืนป่าและต้องการหารายได้เพื่อนำไปดูแลรักษาผืนป่าแล้วทำไมไม่ทำเอง และทำไมต้องประเคนผลประโยชน์มหาศาลไปให้เอกชนบางคนหรือนักการเมืองบางกลุ่มแล้วก้มเก็บเศษเงินค่าเช่าสมบัติของชาติจำนวนน้อยนิดเล่า ทำไมนักวิชาการ นักบริหารจัดการอุทยานแห่งชาติบ้านเราสิ้นไร้หนทางจนต้องแบ่งชาติให้เช่า ขายสมบัติเก่ากินกันแล้วหรือ ทุกวันนี้คนไทยเราจะหาแหล่งธรรมชาติที่เป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับท่องเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจกันก็ยากเต็มที เพราะพื้นที่ท่องเที่ยวจำนวนมากตกเป็นของเอกชนไปหมด หาดทราย ชายทะเล หลายแห่งกลายเป็นหาดส่วนบุคคลห้ามคนจนขึ้นไปเหยียบ เกาะบางเกาะจะขึ้นไปเหยียบหาดทราย จะขึ้นไปดูจุดชมวิวยังต้องควักกระเป๋าจ่ายสตางค์ จะมีที่พึ่งแหล่งสุดท้ายก็อุทยานแห่งชาตินี่แหละ ที่ยังคงเป็นที่พึ่งที่หวัง เป็นแหล่งธรรมชาติแหล่งพักผ่อนใจราคาถูกของประชาชน แต่ก็ไม่รู้ว่าอุทยานฯที่เป็นสมบัติของชาติ ซึ่งบางแห่งเป็นถึงมรดกโลก จะถูกทุนนิยมไร้สำนึกผู้หิวกระหายและธุรกิจการเมืองที่ไร้ยางอายใช้อำนาจเข้ามาแย่งทึ้งสมบัติของชาติสมบัติของประชาชนไปเมื่อไหร่ ในส่วนตัวแล้วจากประสบการณ์เดินทางท่องเที่ยวสัมผัสอุทยานแห่งชาติมากว่า 20 ปี ได้รู้จักมักคุ้นคนอุทยานฯมามาก ผมยังเชื่อมั่นว่าคนอุทยานฯ ส่วนมากมีความรักและหวงแหนทรัพยากรของชาติ มีความตั้งใจจริงในการดูแลรักษาและให้บริการด้วยความทุ่มเท ก็อยากจะขอเรียกร้องจิตสำนึกและจิตวิญญาณของชาวอุทยานฯให้ตั้งมั่นในอุดมการณ์ มั่นคงต่อหน้าที่ช่วยกันปกป้องทรัพย์สมบัติของชาติให้ดำรงคงอยู่เป็นสมบัติของคนไทยทุกคนร่วมกันตลอดไป ตามแนวปรัชญาสากลของอุทยานแห่งชาติที่จะต้องเป็นพื้นที่ที่สงวนไว้เพื่อคุ้มครองรักษาทรัพยากรธรรมชาติ พืชพรรณ สัตว์ป่า และความงดงามของธรรมชาติ ให้ดำรงคงอยู่ เพื่อเป็นสมบัติของประชาชนและอนุชนรุ่นหลัง ได้เข้าไปศึกษาค้นคว้าต่อไป.
จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 26 สิงหาคม 2551
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
angel frog
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 01:40:29 AM » |
|
ข้อมูลต่างๆค่อนข้างเห็นได้ชัดว่า ประชาชนทุกคน ควรคัดค้านเรื่องนี้ อย่างจริงจัง ประโยชน์ไม่ได้ตกที่ลูกหลานเราเลย รวมตัวคัดค้าน หรือจะทำอะไร เมื่อไหร่ บอกด้วยนะ จะไปด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
kungkings
|
|
« ตอบ #23 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 04:46:56 AM » |
|
มาลงชื่อด้วยคะ... 1. นาย สมยศ ยศสุนทร 2. นาง แน่งน้อย ยศสุนทร 3. นาย สรรค์ ยศสุนทร 4. น.ส. สโรชา ยศสุนทร 5. นาย ภาณุพงศ์ ทิพย์วงศ์ 6. น.ส. สุธัญญา สอวัฒนชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ทำวันนี้ และวันหน้าให้ดีที่สุด...
|
|
|
Sea Man
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 05:09:27 AM » |
|
รายชื่อผู้เข้าร่วมคัดค้านการให้เอกชนเข้าดำเนินกิจการในอุทยานฯ....
1. นาย สมยศ ยศสุนทร 2. นาง แน่งน้อย ยศสุนทร 3. นาย สรรค์ ยศสุนทร 4. น.ส. สโรชา ยศสุนทร 5. นาย ภาณุพงศ์ ทิพย์วงศ์ 6. น.ส. สุธัญญา สอวัฒนชาติ 7. นายสมบัติ ปัญจทรัพย์สิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
|
|
|
conundrum
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 05:12:57 AM » |
|
รายชื่อผู้เข้าร่วมคัดค้านการให้เอกชนเข้าดำเนินกิจการในอุทยานฯ....
1. นาย สมยศ ยศสุนทร 2. นาง แน่งน้อย ยศสุนทร 3. นาย สรรค์ ยศสุนทร 4. น.ส. สโรชา ยศสุนทร 5. นาย ภาณุพงศ์ ทิพย์วงศ์ 6. น.ส. สุธัญญา สอวัฒนชาติ 7. นายสมบัติ ปัญจทรัพย์สิน 8. นาย สุทธิพร อนันต์พิพัฒน์กิจ 9. นาง บุปผชาติ อนันต์พิพัฒน์กิจ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 05:21:10 AM » |
|
1. นาย สมยศ ยศสุนทร 2. นาง แน่งน้อย ยศสุนทร 3. นาย สรรค์ ยศสุนทร 4. น.ส. สโรชา ยศสุนทร 5. นาย ภาณุพงศ์ ทิพย์วงศ์ 6. น.ส. สุธัญญา สอวัฒนชาติ 7. นายสมบัติ ปัญจทรัพย์สิน 8. นาย สุทธิพร อนันต์พิพัฒน์กิจ 9. นาง บุปผชาติ อนันต์พิพัฒน์กิจ 10.นาย สุรัตน์ อรุณวัฒนาพร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
a-bad
|
|
« ตอบ #27 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 05:26:54 AM » |
|
ติดต่อกับเพื่อนๆ ในห้องบลูพลาเน็ต ว่า จะมีการตั้งโต๊ะ ล่ารายชื่อคัดค้านโดยมีสำเนาประชาชนแสดงสิทธิ์ประกอบคำคัดค้านไว้ครับ
ถ้าได้ความคืบหน้าอย่างไร จะมาแจ้งนะครับ ต้องรวมกำลัง ช่วยกันคัดค้าน ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
chickykai
|
|
« ตอบ #29 เมื่อ: สิงหาคม 27, 2008, 05:59:46 AM » |
|
ลงชื่อต่อด้วยคนค่ะ ตอนนี้พับติ๊บเข้าม่ะได้ เนตบล๊อกอ้ะ
1. นาย สมยศ ยศสุนทร 2. นาง แน่งน้อย ยศสุนทร 3. นาย สรรค์ ยศสุนทร 4. น.ส. สโรชา ยศสุนทร 5. นาย ภาณุพงศ์ ทิพย์วงศ์ 6. น.ส. สุธัญญา สอวัฒนชาติ 7. นายสมบัติ ปัญจทรัพย์สิน 8. นาย สุทธิพร อนันต์พิพัฒน์กิจ 9. นาง บุปผชาติ อนันต์พิพัฒน์กิจ 10.นาย สุรัตน์ อรุณวัฒนาพร 11. น.ส.ปิยพร วิทยวิจิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
*********************************************************************** ไม่สวย แต่เลือกมาก ทางเลือกเป็นของทุกคน แต่เลือกแล้วต้องยอมรับผลทั้งหมดที่ตามมา
|
|
|
|