กระดานข่าว Save Our Sea.net

Shark Finning on the Frontier    

Shark Finning  เรียกเป็นไทยง่ายๆว่า การตัดหูฉลาม  ซึ่งจริงๆแล้วมันคือครีบของฉลามที่ใช้ในการว่ายน้ำ ใช้พยุงตัว และบังคับทิศทางการว่ายน้ำนั่นเอง

ผมมาอ่านพบเรื่องนี้เข้าในนิตยสาร Scuba Diving (เดิมชื่อ Skin Diver)  ซึ่งผมบอกรับเป็นสมาชิกข้ามทวีปมาเป็นเวลาประมาณ 10 ปีแล้ว  เป็นฉบับประจำเดือน May 2007  ในส่วนของ Special Report  ในหัวข้อ  Stop Shark Finning  บอกเล่าโดยคุณ Shawn Heinrichs  ซึ่งไปดำน้ำที่ Raja Ampat ในเขตประเทศอินโดนีเซีย และได้ประสบพบเห็นการกระทำนี้มา ...... ผมจึงนำทั้งเรื่องและภาพจาก Scuba Diving Magazine มาถ่ายทอดต่อให้เพื่อนๆได้อ่านได้ชมกัน

เริ่มเลยนะครับ............

มาพบกับสภาวะวิกฤติทางสภาพแวดล้อมในอินโดนีเซียกันเถอะครับ...............

ภายในสัปดาห์ของการดำน้ำของ Shawn และ ช่างภาพ Justin Ebert  ในเกาะแก่งต่างๆของ Raja Ampat  ซึ่งเชื่อกันว่ามีความหลากหลายทางชีวภาพสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก  พวกเขาไม่พบฉลามเลยสักตัวเดียว  และคนที่พาเขาไปดำน้ำคือ นาย Andy Miners เจ้าของรีสอร์ทเชิงอนุรักษ์ ซึ่งต้องรับผิดชอบจัดการดูแลพื้นที่ 200 ตารางกิโลเมตรรอบเกาะ Batbitim เพื่อให้เป็นพื้นที่อนุรักษ์ทางทะเลแห่งแรกของ  Raja Ampat

พวกเขาต้องตะลึงกับความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายของพันธุ์ปลานานาชนิดและสีสันอันจัดจ้านของแนวปะการัง  แต่ ...... ก็ยังไม่มีฉลามให้เห็นอยู่ดี ... ซึ่งเป็นเรื่องแปลกสำหรับพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้   ที่พวกเขาควรจะได้พบฉลามในทุกๆไดฟ์

ในวันสุดท้ายของการดำน้ำ   พวกเขาสังเกตเห็นเรือน่าสงสัยอยู่ลำหนึ่งซึ่งจอดทอดสมออยู่ปากลากูน (ลากูน Lagoon คือ ทะเลสาบในทะเล)  พวกเขาเพียงคิดว่าคงจะเป็นชาวประมงท้องถิ่นที่กำลังลงเบ็ดตกปลาเพื่อนำไปเป็นอาหารเลี้ยงปากท้องเท่านั้น   

ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าชาวประมงมาทำอะไรกันในเขตพื้นที่อนุรักษ์เช่นบริเวณนี้  พวกเขาจึงเลื่อนเรือเข้าไปหา   พอเรือเข้าไปใกล้พอที่จะเห็นอะไรได้ชัด   พวกเขาต้องขนพองสยองเกล้ากับสิ่งที่เห็น ...... บนดาดฟ้าเรือประมงลำดังกล่าว  มีครีบฉลามที่ถูกตัดออกมา และวางผึ่งแดดตากแห้งอยู่เป็นจำนวนมาก

แต่ที่สะดุดตากว่าคือ แสงสะท้อนที่ส่องแว๊บๆขึ้นมาจากแนวปะการังตื้นๆใต้ท้องเรือประมง  สิ่งที่พวกเขาคิดไว้คงไม่ผิด  มันคือลำตัวของฉลาม และเห็นได้ชัดทีเดียวว่า ฉลามตัวนั้นไม่มีทั้งครีบและท่อนหาง

Andy กระโดดขึ้นเรือลำนั้นทันที และขอดูใบอนุญาตจับปลาของคนพวกนั้น  ส่วนตัว Shawn ก็คว้ากล้องวิดิโอที่ยังอยู่ใน Housing ขึ้นมาถ่าย เขาเก็บภาพไปทั่วๆให้มากเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะเป็น ครีบฉลาม ,  เรือ ,  ชาวประมง และซากฉลามที่กลิ้งไปมาอยู่บนแนวปะการัง  เขาลองนับจำนวนดูเท่าที่สามารถมองเห็น มันเป็นฉลามครีบดำประมาณ 12 ตัว และเป็นฉลามวัยเยาว์ทั้งหมด 

หลังจากที่พวกเขากลับขึ้นมาบนเรือ    ก็ติดเครื่องและวิ่งออกไปจากทะเลสาบ  และ Andy อธิบายว่า ชาวประมงพวกนั้นได้รับใบอนุญาตซึ่งเขียนด้วยมือ และมีลายเซ็นของหัวหน้าหมู่บ้านกำกับอยู่  และAndy บอกว่าจะนำเรื่องนี้เข้าที่ประชุมเมื่อกลับไปถึงเกาะแล้ว 

ใบอนุญาตนั้น มีมูลค่าเทียบเท่ากับ US$30  ซึ่งให้สิทธิ์แก่ชาวประมงในการล่าฉลามเพื่อตัดครีบได้ภายใน 30 วัน    Shawn คำนวณอย่างเร็วๆ จะได้ฉลามประมาณ 300 ตัว สำหรับเงินที่เสียไป 30เหรียญ  หรือเท่ากับ 10 เซ็นต์สำหรับฉลาม 1 ตัว

ระหว่างทางที่พวกเขาวิ่งเรือกลับเกาะ Batbitim   ได้แวะเข้าไปสำรวจทะเลสาบอื่นๆที่มีน้ำทะเลสีครามและป่าชายเลนอันอุดมสมบูรณ์  และต้องชะงักเมื่อเห็นอะไรเคลื่อนไหวอยู่ใต้น้ำ  ที่แท้มันคือ ฉลามครีบดำที่กำลังว่ายแบบสบายๆ ลอดท้องเรือไปอีกด้านหนึ่ง และมุ่งตรงไปยังปากทางเข้าทะเลสาบ  พวกเขาค่อยๆตามไปอย่างเงียบๆจนกระทั่งเงาดำๆของมันหายเข้าไปในแนวป่าชายเลน

พวกเขาดีใจสุดๆที่พบฉลามเป็นๆตัวนี้ และหวังว่ามันจะต้องมีอีกหลายตัวที่สามารถรอดจากการล่าของชาวประมงมาได้.....


 :) :P :) :P :) :P :)

ยังมีเรื่องเล่าของ Shawn ที่ละเอียดกว่านี้  เพื่อนๆสามารถติดตามอ่านได้ที่ http://www.scubadiving.com/shark_finning_frontier

ถ้าอยากทราบเรื่องราวเกี่ยวกับ Raja Ampat ติดตามอ่านได้ที่ http://www.saveoursea.net/oldboard/viewtopic.php?t=654&postdays=0&postorder=asc&start=0&sid=3fd8c91c68ff057a9b90382dc90139e6 ครับ

(http://www.saveoursea.net/oldboard/files/passage27.jpg)

ปกติไม่เคยกินมันอยู่แล้ว...คนสมองไร้รอยหยักเท่านั้นแหละที่กินมัน... :'(
เคยดูรายการใน discovery กับ ng เค้าจับมันขึ้นมา...เฉือดทั้งเป็น...แล้วก็ทิ้งมันลงไปในทะเล... :(
อยากรู้จังว่าพวกเนี่ย...จุดสุดท้ายชีวิตเค้าจะเป็นงัย...

อ่านแล้วขอ ...ถอนใจเฮือกใหญ่ๆ 
คนทำลายก็ทำไป  คนสร้างก็สร้างไป ......แข่งกัน
สุดท้าย...ไม่รู้ใครจะชนะ!!!!

หึๆ มันอร่อยตรงไหนฟะ .... มะเห็นอร่อยเลย
แล้วไอ้ที่ว่าบำรุงเนี่ย ไม่เห็นจะยืนยันจริงๆจังๆกันซักที   สรุปแล้วมีแต่ความเชื่อผิดๆหรือเปล่าเนี่ย

มีทั้งความเชื่อผิดๆและเต็มไปด้วยความอยากจนกระทั่งทำลายได้ทุกสิ่ง สุดท้ายคงมีแต่ผู้แพ้ มังคะ ???

เท่าที่ยังจำได้ ตั้งแต่เริ่มดำน้ำมาไม่กี่ปี ผมก็เริ่มกลายเป็นผู้หนึ่งที่เลิกบริโภคหูฉลามอย่างเด็ดขาด
เคยเห็นภาพจาก อสท. เล่มหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้วลงภาพฉลามถูกตัดครีบแบบนี้
เมื่อผมได้มีโอกาสลงไปเห็นความสง่างามของมันด้วยตัวเอง
จึงเป็นจุดตัดสินใจที่จะเลิกกินโดยเด็ดขาด

เมื่อประมาณ3ปีมาแล้วผมจัดงานวันเกิดแซยิดใหญ่ให้คุณพ่อคุณแม่
ผมแจ้งให้พี่น้องทราบกันก่อนว่างานนี้เมนูขึ้นโต๊ะจะไม่มีหูฉลาม
ซึ่งออกจะผิดธรรมเนียมโต๊ะจีนอยู่
แต่ผมยืนยันไม่ให้มี
และผมได้รับความเอื้อเฟื้อจากเพื่อนคนหนึ่ง ช่วยหาภาพฉลามถูกตัดครีบนอนตายอยู่ที่พื้นทะเล
ผมส่งไฟล์ภาพนั้นให้โรงพิมพ์แห่งหนึ่งทำที่คั่นหนังสือพร้อมคำอธิบายด้านหลังแจกเป็นของชำร่วยในงาน

ผลตอบรับ
ผู้ใหญ่ส่วนใหญ่เข้าใจและไม่ถามอะไรต่อ
และผมก็ได้มีโอกาสรู้ว่ามีญาติพี่น้องอีกหลายคนที่เลิกกินเหมือนกัน
ด้วยความเข้าใจอย่างเดียวกัน
งานนี้สิ่งที่ผมมีความสุขนอกจากความยินดีในงานวันคล้ายวันเกิดผู้ให้กำเนิดแล้ว
ผมยังปลาบปลื้มยินดีที่รู้ว่าญาติลูกพี่ลูกน้องในรุ่นเดียวกันก็เห็นเช่นกัน
อย่างน้อยมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี

แต่...
ผมฉุนชมัดเลยที่ผู้นำรัฐบาลชุดก่อนไปเจรจาการเมืองด้วยการซดหูฉลามกัน

ไอเดียดีจังค่ะพี่ Plateen   ;) ไว้มีโอกาสจะลองเอาไปใช้บ้าง เพราะบางทีพูดอย่างเดียว อาจจะไม่เข้าใจเท่าเห็นภาพ  :P

ใช่ค่ะ...น้อง Plateen ช่างคิดจริงๆ แล้วก็ดีตรงท่านผู้ใหญ่ทั้งหลายไม่มีใครขัด

ขอบคุณแทนฉลามทั้งโลกค่ะ....

 

ประทับใจความคิดของคุณ Plateen มากค่ะ เห็นด้วยทุกอย่าง โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย โดนใจที่สุด ..
ตอนเห็นข่าวนั่น แม่หอยควันออกหูเลยเชียว แถมไฟแล่บออกจากปาก น้องๆ หน้าตาตื่นตามๆ กัน .. >:(