พฤษภาคม 02, 2024, 08:13:03 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี"ฝูงสุดท้าย
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี"ฝูงสุดท้าย (อ่าน 1620 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี"ฝูงสุดท้าย
«
เมื่อ:
มิถุนายน 07, 2008, 01:43:37 AM »
เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี" ฝูงสุดท้าย
ความหลากหลายในระบบนิเวศของทะเลสาบสงขลา ในพื้นที่ 636,800 ไร่ แหล่งทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด รวมทั้งโลมา ที่อยู่ในภาวะวิกฤตอาจจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยภายใน 5 ปี
เพราะโลมาตกลูกเพียงครั้งละตัว การผสมพันธุ์ในฝูงเดียวกันทำให้ทายาทไม่สมบูรณ์เต็มที่ เพราะโลมาไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างทะเลสาบกับอ่าวไทยได้ รวมทั้งการติดอวนของชาวประมง
กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับชุมชนเร่งแสวงหาแนวทางอนุรักษ์ปลาโลมา ณ วัดป่าลิไลย์ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง กระตุ้นจิตสำนึกและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการดูแลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยถ่ายทอดเสียงผ่านสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา
"โลมาอิรวดี" หรือที่ชาวบ้านเรียก "เจ้าหัวหมอน"
มีอยู่อย่างชุกชุมในอดีต ณ ทะเลสาบตอนในหรือทะเลสาบลำปำ ในเขตจังหวัดพัทลุง มักว่ายอยู่ข้างเรือประมงยามเช้า
นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง อธิบายว่า โลมาเป็นสัตว์เลือดอุ่นวิวัฒนาการมาจากสัตว์บก ใช้ปอดหายใจ มีตา หู จมูก และลิ้นเหมือนคน จะเห็นชัดเจนที่สุดในที่โล่ง และน้ำตื้น โลมาไม่มีตาอยู่ด้านหน้าจึงไม่สามารถกะระยะทางได้ดี มีตาขนาดเล็กใกล้กับริมฝีปาก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 ปี
แรกเกิดจะยาวประมาณ 1 เมตร และโตเต็มวัย 2-2.75 เมตร หนัก 115-130 กิโลกรัม จมูกของโลมาจะปิด ดังนั้นมันจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่ลิ้นสามารถรับรสได้ดี การรับเสียงด้วยคลื่นสะท้อนแบบเรดาร์ของโลมา ใช้ล่าเหยื่อ ทั้งยังส่งเสียงสื่อสารกับโลมาตัวอื่น หลังจากผสมพันธุ์ ราว 9 เดือน แม่โลมาจะให้ของขวัญแก่ท้องทะเลสาบ ลูกโลมาจะคลอเคลียกินนมแม่เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง
โลมาอิรวดี เป็นโลมาหัวบาตร ชนิดหนึ่ง ต่างตรงที่ โลมาอิรวดีตัวใหญ่กว่า และมีครีบหลังรูปสามเหลี่ยมโค้งมน สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำเงินเทาตลอดตัว แต่โลมาหัวบาตรชนิดอื่นไม่มีครีบหลัง และมีขนาดใหญ่กว่า จำนวนโลมาลดลง เพราะการผสมพันธุ์ในฝูงเดียวกัน ทำให้ทายาทไม่สมบูรณ์เต็มที่ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างทะเลสาบกับอ่าวไทยได้อย่างแต่ก่อน เพราะว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยเครื่องมือประมงจำนวนมาก
เมื่อมีการตายเกิดขึ้นโลมาก็จะไม่เดินทางไปยังบริเวณที่มีอันตรายอีก ส่วนทางด้านเหนือของทะเลสาบซึ่งมีคลองปากระวะเชื่อมต่อกับทะเล ก็มีเขื่อนปากระวะขวางทางเดินของน้ำเค็มไม่ให้เข้าสู่ทะเลสาบ มันจึงเหมือนถูกกักขัง อีกทั้งน้ำเสียจากนากุ้ง สารเคมีจากโรงงาน ตลอดจนขยะจากชุมชนจะถูกปล่อยลงสู่ทะเลสาบ เจ้าบ้านอย่างโลมาที่ชอบน้ำสะอาด อากาศที่บริสุทธิ์จึงไม่สามารถทานทนได้ รายงานปี พ.ศ.2533 พบซากโลมาอิรวดีรวม 45 ตัว
โลมาจะออกมาให้พบเห็นบ่อยๆ คือ บริเวณตรงร่องกลางทะเลสาบที่มีความลึกประมาณ 2.4-4 เมตร ที่บ้านลำปำ ตรงบริเวณที่เรียกว่า ลับห้า ซึ่งหมายถึง บริเวณที่เกาะใหญ่บดบังเกาะสี่เกาะห้ามิดพอดี
วิธีการที่จะอนุรักษ์ปลาโลมาฝูงสุดท้าย คือร่วมกันกำหนดมาตรการ
1. ให้มีการวางแนวทุ่นบริเวณลับห้า พื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งหากินของโลมาเพื่อไม่ให้ชาวประมงวางอวนในบริเวณดังกล่าว
2. ให้มีการทำแพชั่วคราวบริเวณที่มีการวางทุ่น เพื่อให้ชาวประมงได้เฝ้าระวัง หากโลมาติดอวน สามารถช่วยเหลือชีวิตได้
3. จัดกลุ่มอาสาสมัคร เพื่อเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ และแจ้งเหตุได้ทันท่วงที รวมทั้งจัดทำโครงการค่ายเยาวชนรักทะเลไทยสำหรับนักเรียนนักศึกษาระดับมัธยมและอาชีวศึกษา ให้ร่วมกันดูแลโลมา
ตามกฎหมายไทย โลมาอิรวดี รับการจัดให้
เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 138
สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ช่วยกันอนุรักษ์โลมาอิรวดีสัตว์หายาก พร้อมทั้งทรงรับไว้เป็นสัตว์ในพระบรมราชินูปถัมภ์
และมีการออกประกาศจังหวัดพัทลุงห้ามมิให้ผู้ใดล่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ
จาก
จำนวนสัตว์น้ำที่ลดลง ทำให้โลมาเข้าใกล้อวนเพื่อกินกุ้ง และปลาที่ติดอยู่กับอวน ทำให้ต้องติดพันธนาการไปด้วย ยิ่งดิ้นรนก็ถึงจุดจบของชีวิตเร็วขึ้น เพราะโลมาจะต้องขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำทุกๆ 70-150 วินาที
หากไม่ทำอะไร วันข้างหน้าจะไม่มี "โลมาอิรวดี" อีกแน่
จาก : ข่าวสด วันที่ 7 มิถุนายน 2551
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...