กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 13, 2024, 10:22:19 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ศรีเทพ.....เมืองโบราณอันรุ่งเรืองแห่งลุ่มน้ำลพบุรี - ป่าสัก  (อ่าน 29491 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #60 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2008, 06:35:43 PM »

ผิดกับด้านที่ยังไม่ได้รับการขุดแต่ง ซึ่งมองอย่างไงก็ดูเหมือนเนินเขาธรรมดาๆ


* Sri-Thep56.jpg (98.08 KB, 740x594 - ดู 1866 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2008, 08:53:49 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #61 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2008, 06:58:53 PM »

เมืองศรีเทพมีลักษณะเด่นทั้งทางกายภาพและความสำคัญของเมือง ตลอดจนหลักฐานทางด้านโบราณสถานและโบราณวัตถุที่หลงเหลืออยู่ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นคุณค่าทั้งทางด้านวิชาการและคุณค่าทางด้านจิตใจของผู้คนในท้องถิ่นและผู้ที่ได้ไปเยือน

สองสายจึงรู้สึกอิ่มเอมใจตลอดสี่ชั่วโมงเต็มที่อยู่ในเมืองโบราณที่มีอายุกว่า 2,000 ปีของไทยเมืองนี้  และดีใจที่ได้มีโอกาสถ่ายทอดความอิ่มเอมใจนั้นมาให้กับพี่ๆน้องๆที่รักของเราได้รับรู้



* Sri-Thep38.jpg (100.11 KB, 740x594 - ดู 1532 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2008, 07:22:52 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #62 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2008, 07:10:38 PM »

การไปเยือนเมืองโบราณศรีเทพในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องยากเพราะตั้งอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 240 กม. ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัวเพียง 2 ชั่วโมงครึ่งก็ถึง ถนนที่จะใช้เดินทางคือถนนพหลโยธินและถนนสายสระบุรี - หล่มสัก (สาย 21) นั้น เป็นถนนไฮเวย์ 4- 6 เลนส์ ที่แสนสะดวกสบาย

เมื่อถึง กม. ที่ 102  สี่แยกสีเทพ (ใกล้ที่ว่าการอำเภอศรีเทพ) ให้เลี้ยวขวาเข้าสู้ทางหลวงหมายเลข 2211  ไปอีกราว 10 กม. จะถึงทางเข้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

ถ้ามีเวลาอย่าลืมแวะไปเที่ยวชมเมืองโบราณศรีเทพกันนะคะ....รับรองว่าท่านจะได้รับความอิ่มเอมใจเหมือนกับสองสายแน่นอนค่ะ


* Sri-Thep60.jpg (108.55 KB, 740x594 - ดู 1293 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2008, 07:24:36 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #63 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2008, 07:17:37 PM »

และหากหิว.....ออกจากเมืองโบราณศรีเทพแล้ว ให้ขับย้อนกลับมาที่ทางหลวงสาย 21 แล้วเลี้ยวขวาไปทางเมืองวิเชียรบุรี เพียง 20   นาที ท่านก็จะได้รับประทานไก่ย่างหนังกรอบวิเชียรบุรีที่แสนอร่อย แกล้มกับข้าวเหนียว - ส้มตำ และแจ่วรสเด็ด.....

อื้อหือ....อร่อยสุดๆ.....

อย่าลืมดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นใจหลังรับประทานอาหารรสเด็ด เพื่อแก้เผ็ดด้วยนะคะ....


* Sri-Thep58.jpg (100.01 KB, 514x620 - ดู 1328 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2008, 07:25:15 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #64 เมื่อ: มิถุนายน 09, 2008, 07:21:05 PM »

ข้อมูลและภาพแผนที่จาก หนังสืออุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม จัดพิมพ์เผยแพร่ ปี พ.ศ. 2550

ขอขอบคุณไว้ ณ. ที่นี้ค่ะ.....


* Sri-Thep57.jpg (99.83 KB, 532x650 - ดู 1261 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิถุนายน 09, 2008, 08:18:49 PM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #65 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2008, 01:22:30 AM »

สวยดีเนอะ.. ไว้หาโอกาสตามรอยพี่สองสายกันดีกว่า.. 
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
kungkings
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 791



« ตอบ #66 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2008, 01:50:18 AM »

รู้สึกดีจังคะ...   
บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ และวันหน้าให้ดีที่สุด...
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #67 เมื่อ: มิถุนายน 10, 2008, 10:25:04 AM »


เรื่องราวทางประวัติศาสตร์เป็นอะไรที่น่าสนใจและน่าค้นหาเสมอล่ะครับ น้อง WayfarinG ....

เวลาไปเยี่ยมชมโบราณสถาน ถ้าเราไม่ไปแบบฉาบฉวย คือ เดินผ่านๆๆๆๆ เอาแต่ถ่ายภาพ โดยเฉพาะภาพพรรคพวกตัวเองที่มีโบราณสถานเป็น background แต่ถ้าเราศึกษาความเป็นมาเสียก่อน ให้ความสนใจซักถามระหว่างเดินชม เรามักจะได้อะไรติดกลับออกมามากกว่าภาพถ่ายเสมอครับ




..... อย่างเช่นที่ฐานของโบราณสถานเขาคลังใน ในส่วนที่ปั้นปูนเป็นรูปคนแบกฐานเจดีย์อยู่นั้น มัคคุเทศก์ของสองสายบอกให้สังเกตุให้ดี  นอกจากจะพบว่า หน้าตาไม่ซ้ำกันแล้วนั้น  ใบหน้าของแต่ละคนจะบูดเบี้ยว แยกเขี้ยวยิงฟัน ลิ้นห้อย แสดงให้รู้สึกถึงความหนักขององค์เจดีย์ที่พวกเขาช่วยกันแบกไว้บนบ่า .... นี่ก็เป็นอารมณ์ขันมุมหนึ่งของช่างสมัยโบราณครับ

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #68 เมื่อ: มิถุนายน 11, 2008, 04:55:48 AM »


หุๆ....น่าสงสารเจ้าคนแคระจริงๆที่แบกของหนักมากไปหน่อย  จนลิ้นเกือบห้อยออกมานอกปาก....
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #69 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2008, 01:02:25 AM »


เสนอขึ้นทะเบียนมรดกโลก อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ   
 

 เพชรบูรณ์: นายสถาพร เที่ยงธรรม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ นายปองพล อดิเรกสาร ประธานคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ได้เดินทางอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพเพื่อรับทราบข้อมูลเกี่ยวกับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ โดยเฉพาะการขุดคุ้นแหล่งโบราณสถานเขาคลังนอก บริเวณหมู่ 11 บ้านสระปรือ ต.ศรีเทพ โดยกรมศิลปากร ซึ่งมีลักษณะฐานของอาคารมีรูปแบบศิลปะสมัยทวารวดีอย่างชัดเจน มีอายุประมาณกว่า 1,000 ปี สภาพสมบูรณ์กว่า 80 เปอร์เซ็นต์มากที่สุดที่เคยพบมา

 ทั้งนี้มีแหล่งโบราณสถานที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของยูเนสโก ซึ่งประเทศไทยรอการรับรองให้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อาทิ อุทยานประวัติศาสตร์ภูพระบาท จ.อุดรธานี เส้นทางอารยธรรมโบราณจากพิมาย ประสาทเมืองต่ำ ปราสาทเขาพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ และกลุ่มปราสาทตาเหมือน จ.สุรินทร์ และเมืองโบราณศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์



จาก                        :                        แนวหน้า   วันที่ 14 กรกฎาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Sky
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2506



« ตอบ #70 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2008, 05:20:19 AM »

เย้ๆๆๆ
บันทึกการเข้า
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #71 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2008, 05:43:22 AM »

  .........
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
conundrum
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 454


« ตอบ #72 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2008, 06:02:38 AM »

บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #73 เมื่อ: กรกฎาคม 14, 2008, 07:20:53 AM »


แม้ความยิ่งใหญ่....ความเพรียบพร้อมสมบูรณ์แบบ และความงามจะยังเทียบชั้นไม่ได้กับสุโขทัยหรืออยุธยา....  แต่ความเก่าแก่และสวยงามแปลกตาก็เป็นจุดเด่นของศรีเทพ

ดีใจค่ะ...ถ้าศรีเทพจะเป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของไทย....
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #74 เมื่อ: กรกฎาคม 24, 2008, 01:21:42 AM »


ไขความลับอุทยานศรีเทพ และ เหตุความพินาศ "ถ้ำถมอรัตน์"


1.ปรางค์ศรีเทพ    2.ทิวทัศน์ที่ราบเชิงเขาถมอรัตน์ เมื่อมองจากยอดเขา    3.ทับหลังอุมามเหศวร     4.บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์
 
เมื่อต้นปีที่ผ่านมา มีข่าวที่น่ายินดีสำหรับนักประวัติศาสตร์และผู้สนใจในศิลปะวรรณคดีทั้งหลาย นั่นคือความคืบหน้าในการขุดค้นแหล่งโบราณสถานเขาคลังนอก บริเวณหมู่ที่ 11 บ้านสระปรือ ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งหลังดำเนินการมาได้ราว 70%

พบเค้าโครงของสถูปเจดีย์โบราณสมัยทวารวดีที่สร้างด้วยศิลาแลงอายุกว่า 1,000 ปี ที่มีสภาพสมบูรณ์กว่า 80% และถือเป็นโบราณสถาน "ชิ้นเอก" ของไทยในเวลานี้

ผ่านไป 3 เดือน คู่หู 2 มูลนิธิ คือ มูลนิธิโตโยต้า และ มูลนิธิโครงการตำราสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ก็จับมือพาสื่อมวลชนสายวัฒนธรรมไปติดตามความคืบหน้าอีกรอบ

...ปรากฏว่าความสมบูรณ์ของสถูปเจดีย์โบราณที่เห็น มีทั้งความงดงามและความยิ่งใหญ่คล้ายบรมพุทโธ หรือบุโรพุทโธ ของอินโดนีเซีย จนเชื่อว่าน่าจะสร้างในยุคสมัยเดียวกันคือราว 1,200 ปีล่วงมาแล้ว โดยด้านบนสุดยังมีซากเจดีย์โบราณที่ก่อด้วยอิฐหลงเหลืออยู่ ส่อเค้าว่าในอดีตจะเป็นเจดีย์ที่มีความสูงในลักษณะเดียวกับบุโรพุทโธ

เมื่อไปถึง อบต.เพิ่งจะเสร็จสิ้นการนำชาวบ้านทำพิธีบวงสรวงบูชาเทพเทวดาที่ดูแลสถูป โดยคุณครูนำนักเรียนตัวน้อยมารำทวารวดีถวาย แสดงให้เห็นถึงความตื่นตัวและผูกพันของคนท้องถิ่นที่มีต่อบรรพบุรุษและวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ในอดีต

ความยิ่งใหญ่ของสถูปเขาคลังนอก ทำให้ต้องย้อนมาตั้งคำถามเอากับความเป็นมาและเป็นไปของ "เมืองศรีเทพโบราณ" ที่ยังมีร่องรอยอารยธรรมที่เจริญคาบเกี่ยวกัน คือ ทวารวดีและขอม อันเห็นได้ชัดเจนที่อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ

ไม่ว่าจะสะท้อนผ่าน "ปรางค์ศรีเทพ" ซึ่งเป็นโบราณสถานหลักของเมืองที่มีทรวดทรงคล้ายพระปรางค์แบบเขมร "ปรางค์สองพี่น้อง" ที่เป็นปรางค์คู่ขนาดใหญ่ 2 องค์ที่ตั้งคู่เคียงกันบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ ซึ่งมีจุดเด่นคือ ทับหลังอุมามเหศวร ศิลปะสมัยบาปวนที่เป็นรูปพระอิศวรอุ้มนางปารพตีประทับนั่งบนหลังโคนนทิที่ยังสมบูรณ์และสวยงามจนไม่น่าเชื่อว่าจะเหลือรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้


(ซ้าย) เด็กนักเรียนมาร่วมรำทวารวดีบวงสรวงสถูป (ขวา) ชาวบ้านทำพิธีบวงสรวงเทพเทวดา

รวมถึงโบราณสถานเขาคลังในที่สันนิษฐาน ว่าเคยเป็นที่เก็บอาวุธและทรัพย์สมบัติในสมัยโบราณที่มีลายปูนปั้นคนแคระลักษณะเฉพาะตัวอายุกว่าพันปีประดับรอบฐานอาคาร ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับภาพปูนปั้นที่เมืองคูบัว ราชบุรี และวัดนครโกษา ลพบุรี

ทีมนักประวัติศาสตร์ของมูลนิธิโครงการตำราฯ ที่มี ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ เป็นหัวเรือใหญ่ กับนักโบราณคดีที่มี สถาพร เที่ยงธรรม หัวหน้าอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ พยายามร่วมกันอธิบายถึงรากที่มาของความรุ่งเรืองของเมืองศรีเทพโบราณและบทจบ

ปรากฏว่าได้ข้อสรุปไปในทิศทางเดียวกันว่า อาณาจักรศรีเทพที่รับอารยธรรมทวารวดีและเขมรโบราณมา น่าจะรุ่งเรืองสุดในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-18 หรือราว 700 ปี

จากนั้นเมืองก็ถูกทิ้งร้างไปราวก่อนหรือต้นสมัยสุโขทัย ด้วยสาเหตุที่ยังไม่มีหลักฐานบ่งชี้แน่นอนว่าเพราะโรคระบาด ทางน้ำเปลี่ยนทิศหรือถูกบีบบังคับให้ต้องโยกย้ายเช่นเดียวกับกรณีที่นครวัดโบราณถูกกองทัพจากอยุธยาโจมตีและกวาดต้อนผู้คนมาจนเกลี้ยง

อย่างไรก็ตาม ประวัติความเป็นมาของเมืองศรีเทพ แยกไม่ออกจากความสำคัญของภูเขาลูกหนึ่งซึ่งตั้งโดดเด่นเป็นสง่าด้วยรูปทรงคล้ายพีระมิดที่ถือเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของเมืองมาจนถึงปัจจุบัน นั่นคือ เขาถมอรัตน์ ที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเม่น้ำป่าสัก

เพราะภายในถ้ำมีภาพจำหลักแบบนูนต่ำเป็นรูปพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ปางต่างๆ รวมทั้งสิ้น 11 องค์ ซึ่งเป็นการสร้างขึ้นตามคติในพระพุทธศาสนาแบบมหายานผสมหินยาน สมัยทวารวดี ซึ่งมีอายุระหว่างพุทธศตวรรษที่ 11-16 หรือในยุคที่ศรีเทพรุ่งเรืองที่สุดนั่นเอง จึงนับว่าเป็นคูหาศิลปกรรมที่ยิ่งใหญ่อันควรค่าแก่การดูแลรักษา

แต่น่าเสียดายว่ามันไม่เป็นเช่นนั้น

จากข้อเขียนของ อาจารย์นิคม มูสิกะคามะ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ที่เขียนไว้ในวารสารศิลปากร เดือนกันยายน 2511 เรื่อง "ความพินาศของภาพจำหลักที่ถ้ำถมอรัตน์" นอกจากทำให้ทราบถึงที่มาของพระพุทธรูปจำหลักนี้แล้ว ยิ่งประหลาดใจเมื่อรู้ว่าในที่สุดภาพจำหลักนี้พินาศไปเพราะฝีมือใคร


ร่องรอยความพินาศภาพในถ้ำ

ข้อมูลระบุชัดเจนว่าราวเดือนพฤษภาคม 2505 มีผู้มาแจ้งกรมศิลปากรว่าเห็นฝรั่งเดินวนเวียนอยู่บริเวณหมู่บ้านรอบๆเขาลูกนี้อยู่บ่อยๆ ทั้งที่ในยุคนั้นการเดินทางไปเขาถมอรัตน์ทั้งยากลำบากและทุรกันดาร

เมื่อเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรดั้นด้นไปตรวจสอบก็พบว่าพระพุทธรูปจำหลักที่มีอยู่ถูกสกัดเอาเศียรและมือไปจนหาที่สมบูรณ์ไม่ได้ จึงเข้าแจ้งความต่อนายอำเภอวิเชียรบุรี

ต่อมากรมศิลปากรตรวจสอบพบว่าพระเศียรและพระหัตถ์ที่ถูกตัดตกอยู่ในความครอบครองของนายเจมส์ ทอมสัน "ราชาไหมไทย" ในขณะนั้น

เจ้าหน้าที่จึงไปพบและขอคืน แต่เจมส์ ทอมสัน ก็อ้างว่าได้ซื้อชิ้นส่วนเหล่านี้มาโดยชอบจากตำรวจ และยืนยันว่าไม่ได้คิดจะนำออกนอกประเทศ แต่พร้อมจะจำลองไปซ่อมแซมให้ แต่ขอเอาชิ้นส่วนจริงไว้ครอบครองตามเดิม

พร้อมทั้งมีจดหมายถึงอธิบดีกรมศิลปากรในสมัยนั้นอ้างว่าได้ไปเห็นสภาพพระพุทธรูปภายในถ้ำเชื่อว่าเศียรพระที่ซื้อไว้ตั้งแต่ปี 2503 ไม่ได้มาจากแหล่งนี้ แต่ก็มีความตั้งใจจะบูรณะให้โดยการ "จำลองด้วยปูนปลาสเตอร์ไปติดแทน ซึ่งเป็นงานใหญ่และใช้เวลานาน"

แต่ตำรวจก็ไม่เชื่อ เพราะพบว่าเนื้อวัตถุที่นายเจมส์ครอบครองกับเนื้อหินที่เหลือที่ถ้ำเป็นชิ้นเดียวกันแน่นอน จึงประสานสถานีตำรวจปทุมวันบุกตรวจค้นบ้านและขอยึดของกลาง

แต่นายเจมส์ก็ไม่ยินยอมโดยอ้างความเป็นชาวต่างประเทศมาประวิงเวลารอทนาย เรื่องจึงยังค้างคา กรมศิลปากรเกรงจะมีการโยกย้ายจึงประสานให้ตำรวจกองปราบปรามดำเนินการ

ปรากฏว่าวันเดียวกันนายเจมส์มีจดหมายถึง ม.จ.สุภัทรดิศ ดิศกุล ซึ่งขณะนั้นเป็นภัณฑารักษ์เอก กองโบราณคดี กรมศิลปากร...

อ้างว่านัดเวลาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจมารับแล้ว แต่ไม่มาจึงจะให้คนขับรถนำไปมอบให้ ทั้งยังทำทีว่าหากจะมีการนำโบราณวัตถุเหล่านี้แสดงที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ก็ไม่ประสงค์ออกนามความเป็นเจ้าของ

แถมยังแสดงความจำนงจะคืนชิ้นส่วนพระพุทธรูปปางนาคปรกอีก 28 ชิ้น ที่อ้างว่ามาจากแหล่งเดียวกัน ซึ่งอาจมีผู้ทิ้งตกมาจากหน้าผาคืนให้ด้วย ถ้าทางพิพิธภัณฑ์สถานสนใจ !!

ต่อมาเมื่อกรมศิลปากรรายงานไปยังกระทรวงศึกษาธิการโดยมีสำเนาจดหมายของนายเจมส์ที่มีถึง ม.จ.สุภัทรดิศ "ขอระงับเรื่อง" แนบไปด้วย โดยเสนอขอให้ ครม.กำชับทุกหน่วยงานร่วมมือในการสกัดกั้นการทำลายโบราณวัตถุ

ซึ่งเมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการในยุคนั้นมีหนังสือถึงเลขาธิการ ครม.แจ้งที่ประชุม ทุกอย่างก็จบลงดื้อๆ

อารยธรรมอันยิ่งใหญ่จึงต้องพ่ายความศิวิไลซ์ของนายทุนด้วยประการฉะนี้ และไม่แปลกที่ความพินาศของโบราณสถาน โบราณวัตถุ จะพัฒนามาจนเข้าขั้นวิกฤตในปัจจุบัน !!



จาก                        :                        มติชน   วันที่ 24 กรกฎาคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: 1 ... 3 4 [5] 6   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.553 วินาที กับ 20 คำสั่ง