กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 22, 2024, 02:13:00 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 5 สิงหาคม 2551  (อ่าน 2068 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: สิงหาคม 05, 2008, 01:11:39 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และ อ่าวไทยเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่น และ มีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย อาทิเช่นบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ เพชรบูรณ์ หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร และกาฬสินธุ์  ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก สำหรับคลื่นลม ในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนเริ่มมีกำลังแรงขึ้น ขอให้ชาวเรือระวังอันตราย จากการเดินเรือในระยะ 2-3 วันนี้ ( 5-8 ส.ค.)ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5-8 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น และ ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมี ฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้เกือบตลอดสัปดาห์ สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 9-11 ส.ค.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังอ่อนลง และร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง

อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นและเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ ในระหว่างวันที่ 6-7 ส.ค.นี้ พายุนี้ไม่ผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 5-8 ส.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่น บริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ หนองคาย สกลนคร อุดรธานี นครพนม ขอนแก่นและกาฬสินธุ์  ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ และชาวเรือในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือ โดยเรือเล็กในทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (41.04 KB, 665x415 - ดู 332 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (33.53 KB, 400x440 - ดู 356 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 06, 2008, 12:28:31 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2008, 01:22:49 AM »

มติชน


จะเอาโลกสีเขียว หรือโลกสีเหล็กขึ้นสนิม?                 :                 คอลัมน์ สยามประเทศไทย  โดย สุจิตต์ วงษ์เทศ


 
“เบิร์กเลย์” เป็นชื่อเมืองมหาวิทยาลัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐ ที่ไม่น่าจะมีทุกข์จากสิ่งแวดล้อม

แต่แล้วกลับมีทุกข์ ดังรายงานเรื่อง ทุกข์ยืดเยื้อ ณ เมืองมหาวิทยาลัย โดย ดร. อาภา หวังเกียรติ (สาขาวิชาวิศวกรรมสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยรังสิต) เหตุเพราะโรงถลุงเหล็กโรงที่สามของบริษัท Pacific Steel Casting (พิมพ์ในหนังสือโลกสีเขียว ฉบับกรกฎาคม-สิงหาคม 2551 ที่กำลังวางตลาดขณะนี้) จะขอคัดข้อความตอนสรุปดังนี้

“โรงงานสร้างปัญหาสุขภาพต่อสาธารณะจริง ไม่ใช่เรื่องจินตนาการหรือคิดเอาเอง ตัวกรองไม่สามารถที่จะแก้ได้หมดทุกปัญหา เป็นไปได้มากที่ตัวกรองจะไม่สามารถกำจัดสารพิษ เช่น ในปี 2546 โรงงานที่หนึ่งและสองของบริษัทที่มีตัวกรองก็ยังมีการปลดปล่อยแมงกานีสออกมาปีละประมาณ 1,100 กิโลกรัม การได้รับแมงกานีสปริมาณมาก สามารถทำลายระบบประสาทส่วนกลางและเป็นสาเหตุของโรคสมองเสื่อมพาร์กินสัน (Parkinson) และจากรายงานของ US EPA ตั้งแต่ปี 2545 มีการปล่อยฟีนอล ซึ่งทำให้เกิดกลิ่นเหม็นเพิ่มมากขึ้นสองเท่า นอกจากนี้รายงานของบริษัท Pacific Steel Casting เองระหว่างปี 2545-2548 ก็พบการปล่อยนิกเกิล ตะกั่ว สังกะสี และแมงกานีส เพิ่มขึ้น”

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะชัดเจนว่าความทุกข์จากมลพิษของชาวเมืองอันเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างเบิร์กเลย์คงจะยังไม่คลี่คลายลงโดยง่าย

รายงานจากเมืองเบิร์กเลย์นี้ สนับสนุนให้การต่อต้านโรงถลุงเหล็กที่อำเภอบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์ ต้องเคร่งครัดและหนักแน่นเพิ่มขึ้นอีก เพื่อให้ปลอดจากโรงถลุงเหล็ก ดังมีรายงานล่าสุดจากมติชน (ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม 2551 หน้า 9)

ในหนังสือโลกสีเขียว ยังมีรายงานพิเศษเรื่อง อุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำญี่ปุ่น ต้นแบบสู่ความรุ่งเรืองจริงหรือ โดย เพ็ญโฉม แซ่ตั้ง (กลุ่มศึกษาและ รณรงค์มลภาวะอุตสาหกรรม) ย้ำว่า

“หากไม่มีโรงถลุงเหล็กในประเทศ เราก็สามารถนำเข้าผลิตภัณฑ์เหล็กชั้นดีมาจากญี่ปุ่นได้ในราคาที่ถูกลงอยู่แล้ว โดยไม่ต้องเอาต้นทุนทรัพยากรธรรมชาติและอื่นๆที่มีความหมายต่อประเทศไทยในระยะยาวไปแลกกับโรงถลุงเหล็กเพียงไม่กี่โรงที่อ้างกันว่าจำเป็นต้องสร้างขึ้นมา”

อ้าว! ถ้าอย่างนี้จะสร้างโรงถลุงเหล็กที่บางสะพานหาหอกอะไรอีกล่ะ?

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2008, 01:30:46 AM »

แนวหน้า


ทช.ทุ่มงบหนุน 24.3 ล้าน อบรม ยช.เครือข่ายเฝ้าดูแล อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล   
 
 ทช.:นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า เพื่อให้การบริหารจัดการทั้งด้านการอนุรักษ์ การฟื้นฟู และการเฝ้าระวังการทำลายระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของไทย รวมถึงการดำเนินมาตรการในด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) โดยสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้เตรียมจัดทำโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลน มุ่งเน้นการเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับความสำคัญ การอนุรักษ์ การฟื้นฟูและแนวทางการจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมทั้งการจัดการป่าชายเลนที่ถูกต้อง สร้างความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และชุมชน ในการบูรณาการร่วมกันทำหน้าที่ดูแล และอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเล

 ทั้งนี้การดำเนินงานจะเน้นการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ที่อยู่ภายในจังหวัดชายฝั่งทะเลทั้ง 23 จังหวัด โดยกรมฯ จะให้ความรู้เชิงปฏิบัติการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ป่าชายเลน ระบบนิเวศต่างๆ ทางทะเล พร้อมกับร่วมกันทำกิจกรรมในการดูแล อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เช่น การปลูกป่าชายเลน การเก็บขยะบริเวณชายหาด การเก็บขยะใต้ทะเล รวมถึงการฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ เป็นต้น

 นายสำราญ เปิดเผยอีกว่า ในการดำเนินงานโครงการดังกล่าว กรมฯ ได้จัดสรรงบประมาณไว้ทั้งสิ้น 24.3 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจกรรมในการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เยาวชน และประชาชนในชุมชนไม่น้อยกว่า 4,000 คน ในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และฟื้นฟู รวมถึงเข้าถึงการบริหารจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างถูกต้อง ตลอดจนพัฒนาเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังและดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต

 ปัญหาความเสื่อมโทรมทั้งในส่วนของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงป่าชายเลนทั้งหมดของไทย กำลังเจ้าหน้าที่กรมฯ อาจจะไม่สามารถดูแลได้อย่างทั่วถึง จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหน่วยงานท้องถิ่น ประชาชนในพื้นที่ร่วมมือกันในการดูแล อนุรักษ์ และฟื้นฟู 


**********************************************************************************************


ทช.อัด 24.3 ล้าน สร้างเครือข่ายชาวบ้าน ส่งชุมชน 23 จว.ช่วยงานอนุรักษ์ชายฝั่ง    
 
 นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 2552 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เตรียมทำโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลน มุ่งสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างหน่วยงานของกรมและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและชุมชน ในการบูรณาการร่วมกันทำหน้าที่ดูแล และอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเล

 ทั้งนี้ การดำเนินงานจะเน้นการประสานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่ภายในจังหวัดชายฝั่งทะเลทั้ง 23 จังหวัด โดยกรมจะให้ความรู้เชิงปฏิบัติการในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป่าชายเลน ระบบนิเวศต่างๆ ทางทะเล พร้อมกับร่วมกันทำกิจกรรมในการดูแล อนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน เช่น การปลูกป่าชายเลน การเก็บขยะบริเวณชายหาด การเก็บขยะใต้ทะเล รวมถึงการฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำ ด้วยการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ

 นายสำราญ กล่าวเพิ่มเติมว่า การดำเนินงานโครงการดังกล่าวกรมฯได้จัดสรรงบประมาณไว้ 24.3 ล้านบาท เพื่อดำเนินกิจกรรมในการฝึกอบรมให้ความรู้แก่เยาวชน และประชาชนในชุมชนไม่น้อยกว่า 4,000 คน ในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเล สร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์และฟื้นฟู รวมถึงเข้าถึงการบริหารจัดการ และใช้ประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างถูกต้อง ตลอดจนพัฒนาเป็นเครือข่าย ในการเฝ้าระวังและดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างเข้มแข็งต่อไปในอนาคต 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 05, 2008, 01:38:57 AM »

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น


ดินไหว 6.0 ริกเตอร์ห่างซาอัมรากี้-อินโดฯ  

เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.0 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ะทะเล บันดาของประเทศ อินโดนีเซีย
 


เมื่อเวลา 03.45 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 6.0 ริกเตอร์ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใต้ะทะเล บันดาของประเทศ อินโดนีเซีย ลึกราว 150.4 กม. ห่างจาก เมือง ซาอัมรากี้ หมู่เกาะตานิมบาร์ ประเทศอินโดนีเซีย ราว 255 กม. เบื้องต้นยังไม่มีความเสียหาย ผลกระทบของการสั่นครั้งนี้ และการประกาศเตือนภัยสึนามิของ ทางการอินโดนีเซีย
 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.077 วินาที กับ 20 คำสั่ง