กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 21, 2024, 10:16:02 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 9 กันยายน 2551  (อ่าน 2073 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 12:47:24 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกภาคมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่นบริเวณจังหวัด พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ จันทบุรี ตราด พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ โดยมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

 ในช่วงวันที่ 9-10 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคกลาง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่าง ทำให้ภาคกลาง ภาคตะวันออกและภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ และในช่วงวันที่ 11-15 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำได้เลื่อนไปพาดผ่านภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทั่วประเทศมีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นด้วย

อนึ่ง หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนล่าง คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งในวันที่ 10 ก.ย.และอ่อนกำลังลง


ข้อควรระวัง

ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย ในช่วงวันที่ 9-10 ก.ย. เช่นบริเวณจังหวัด พิษณุโลก เพชรบูรณ์ จันทบุรี ตราด ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี ตรังและสตูล ส่วนวันที่ 11-14 ก.ย. เช่น จังหวัดอุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี นครนายก ปราจีนบุรีจันทบุรี ตราดให้ระมัดวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลาก กับขอให้เดินเรือด้วยความระมัดระวัง



* Forecast2.jpg (32.5 KB, 693x430 - ดู 233 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (38.82 KB, 400x495 - ดู 228 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:01:01 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


แผ่นดินไหวอิเหนา 5.6 ริกเตอร์ ไม่มีเตือนภัยสึนามิ

       สำนักงานอุตุนิยมวิทยาและธรณีฟิสิกส์อินโดนีเซียรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหว ขนาด 5.6 นอกชายฝั่งเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย แต่ไม่มีรายงานเตือนภัยคลื่นยักษ์ และไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ

        แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 17.43 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเวลาเดียวกันในไทย โดยมีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะปาไก ในสุมาตราตะวันตก ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 43 กม. และอยู่ลึกลงไป 20 กม.

        ทั้งนี้ เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว พื้นที่สุมาตราตะวันตกเคยเผชิญแผ่นดินไหวรุนแรงถึง 8.4 ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน และบ้านเรือนเสียหายหลายพันหลัง


*****************************************************************************************************************************


ธรณีพิโรธวานูอาตู 6.9 ริกเตอร์ โชคดีไม่เกิดคลื่นยักษ์สึนามิ

       เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.9 ริกเตอร์นอกชายฝั่งวานูอาตู หมู่เกาะทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิกเมื่อเวลา 05.52 น.ตามเวลาท้องถิ่น (01.52 น.ตามเวลาในไทย) โดยมีศูนย์กลางลึกลงไปใต้ทะเล 115 กิโลเมตร ห่างจากเกาะเอสปีรีตู ซานโต เกาะใหญ่ที่สุด ไปทางตอนเหนือประมาณ 230 กิโลเมตร ขณะที่ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐฯ วัดแรงสั่นสะเทือนของเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวได้ 7.0 ริกเตอร์
       
       ด้านศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก กล่าวว่า เหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวไม่ส่งผลให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิแต่อย่างใด
       
       ทั้งนี้เหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดเกิดขึ้น หลังก่อนหน้านี้ได้เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ริกเตอร์เมื่อวันจันทร์ ( วานูอาตูเป็นประเทศที่เกิดเหตุแผ่นดินไหวบ่อยครั้ง รวมถึงปาปัวนิวกีนี เนื่องจากมีภูมิประเทศตั้งอยู่บนวงแหวนแห่งไฟ ซึ่งเปลือกโลกเคลื่อนที่มาบรรจบกัน จึงทำให้เกิดเหตุแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดบ่อยครั้ง
 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:06:11 AM »

คม ชัด ลึก


ฟื้น "สนามบินชุมพร" เปิดตลาดสินค้าสู่จีน
 


สนามบินพาณิชย์ใน อ.ปะทิว จ.ชุมพร ถูกปิดร้างมานานนับสิบปี จนน่าเสียดายในระบบโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งรันเวย์ อาคารผู้โดยสาร หอบังคับการบิน ระบบนำร่องการบิน ฯลฯ ซึ่งน่าจะช่วยสร้างความเจริญทางการคมนาคมและเศรษฐกิจให้คนชุมพรมากกว่านี้

 แต่ในปี 2551 นี้ จังหวัดชุมพรก็มีโครงการที่จะฟื้นสนามบินแห่งนี้ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โดยเตรียมจะผลักดันให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งสินค้าการเกษตร ผลไม้ และอาหารทะเลสู่ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกทุกวันนี้!!

 นายมานิต วัฒนเสน ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เปิดเผยถึงที่มาและรูปแบบของโครงการเมกะโปรเจกท์นี้ว่า สำหรับสนามบินชุมพรเริ่มมีการก่อสร้างเมื่อปี 2537  ตามมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 15 พฤษภาคม 2533 โดยใช้งบประมาณทั้งสิ้น 530 ล้านบาท

 ชาวชุมพรได้รับสนามบินแห่งนี้เป็นกำลังใจ หลังจากประสบภัยวาตภัยพายุใต้ฝุ่นเกย์เมื่อปี 2532 ซึ่งทำให้จังหวัดชุมพรได้รับความบอบช้ำอย่างหนัก รัฐบาลจึงเร่งสนับสนุนในด้านต่างๆ ทั้งคมนาคม และอื่นๆ เพื่อให้สภาพเศรษฐกิจของชุมพรพลิกฟิ้นคืนมาอีกครั้ง

 ทว่า สิ่งที่คาดหวังไว้กลับไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ เพราะเส้นทางการบินเส้นทางชุมพร-กรุงเทพฯ ไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากในอดีตชุมพรยังเป็นจังหวัดที่มีภาคธุรกิจ การลงทุน อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว ที่ยังไม่ค่อยมีศักยภาพเท่าที่ควร

 สนามบินชุมพรจึงปิดตัวมานานนับสิบปี กระทั่งภาคการค้าการลงทุน และการท่องเที่ยวของชุมพรเจริญเติบโตขึ้นถึงจุดที่คุ้มต่อการลงทุน จังหวัดชุมพรได้จับมือกับ สายการบินพลาตินัมแอร์เวย์ เพื่อฟื้นคืนชีพสนามบินพาณิชย์ใน อ.ปะทิว ขึ้นมาอีกครั้ง

 ในเบื้องต้น ทางสายการบินพลาตินัมแอร์เวย์ จะเข้ามาใช้บริการเพื่อการพาณิชย์ในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ โดยจะเริ่มทำการบินในลักษณะของ "แอร์คาร์โก้" (เที่ยวบินขนส่งสินค้า)

 โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขนส่งสินค้าจาก จ.ชุมพรไปยังประเทศจีน โดยเฉพาะสินค้าด้านการเกษตร ผลไม้ และอาหารทะเล

 นอกจากนี้ ในเดือนตุลาคม 2551 สายการบินพาณิชย์แห่งนี้จะเริ่มให้บริการด้าน "การบินโดยสารระหว่างจังหวัด" ในเส้นทาง ชุมพร-กรุงเทพฯ โดยใช้เครื่องบินขนาด 32 ที่นั่ง ซึ่งจะมีเที่ยวบินไป-กลับให้บริการสัปดาห์ละ 4 เที่ยว

 ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรเชื่อว่า ด้วยเส้นทางการคมนาคมที่สะดวกสบายมากขึ้น จะส่งผลให้การท่องเที่ยว ตลอดจนภาคอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และภาคธุรกิจต่างๆ ใน จ.ชุมพร กลับมาคึกคักอีกครั้ง หลังจากที่คนชุมพรเฝ้ารอมานาน

 สำหรับสนามบินชุมพรตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.ชุมโค อ.ปะทิว มีพื้นที่ประมาณ 2,224  ไร่ ห่างจากตัวเมืองชุมพรประมาณ 36 กิโลเมตร และอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ 490  กิโลเมตร

 สนามบินมีทางวิ่งกว้าง 45 เมตร ยาว 2,100 เมตร ความยาวทางวิ่งเผื่อ 60 เมตร มีทางขับ 2 สาย สายแรกกว้าง 23 เมตร ยาว 404.5 เมตร สายสองกว้าง 23 เมตร ยาว 297.5 เมตร พื้นผิวเป็นแอสฟัลท์ผสมคอนกรีต

 ตัวอาคารผู้โดยสารเป็นแบบ 2 ชั้น ขนาด 8,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 600 คนต่อชั่วโมง สามารถจอดเครื่องบินโบอิ้ง 737 ได้ 2 ลำ เครื่องบินขนาดไม่เกิน 80 ที่นั่งได้ 2 ลำ เฮลิคอปเตอร์ได้ 2ลำ

 สนามบินชุมพรได้เปิดทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2541 และได้ประกาศเป็นสนามบินศุลกากร เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2543 แต่เปิดทำการบินอยู่ได้ปีเศษก็หยุดบิน เพราะประสบการขาดทุน กระทั่งมาเปิดอีกครั้งในปลายปี 2551 นี้

 ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรกล่าวให้ความเชื่อมั่นว่า ขณะนี้มีผู้ที่สนใจจะใช้เส้นทางบินชุมพร-กรุงเทพฯ เป็นจำนวนมาก ทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว

 โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทท่องเที่ยวในกลุ่ม TUI Nordic จาก 4  ประเทศ คือ นอร์เวย์ สวีเดน ,เดนมาร์ก และ ฟินแลนด์  ซึ่งให้ความสนใจพร้อมทั้งเข้ามาขอข้อมูลการบิน

 บริษัททัวร์ในกลุ่ม TUI แจ้งว่า มีแผนที่จะจัดเครื่องบินชาเตอร์ไฟล์จาก 4 ประเทศนำนักท่องเที่ยวเดินทางมายัง จ.ชุมพร ในช่วงระหว่างเดือนมกราคม-เมษายนของทุกปี สัปดาห์ละ 1 เที่ยวบิน จำนวนนักท่องเที่ยว 150 คนต่อเที่ยวบิน

 ขณะที่ นายณัฐดิษฐ์ รวีฉัตรพงศ์ ตัวแทนบริษัท พลาตินัมแอร์เวย์ จำกัด ก็มั่นใจว่า ท่าอากาศยาน จ.ชุมพร เป็นสนามบินที่มีศักยภาพ และเหมาะสมในทางยุทธศาสตร์การบินของภาคใต้ตอนบน บริษัทจึงตัดสินใจเลือกใช้สนามบินแห่งนี้ในการดำเนินธุรกิจ

 เมื่อทางจังหวัดสนับสนุนเต็มที่ ประกอบกับผู้ให้บริการการบินก็มีความมั่นใจ และมีกลุ่มลูกค้ารองรับชัดเจน จึงเชื่อว่าสนามบินแห่งนี้น่าจะมีอนาคตที่สดใสรอท่าอยู่ และคงไม่ล้มพังพาบลงเหมือนการเปิดตัวครั้งที่แล้ว เพราะดูรูปการณ์แล้วน่าจะมีความพร้อมกว่ากันมาก

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:08:51 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


เรือบรื๋อโลมา                                    :                                  คอลัมน์ โลกน่ารู้

ใครชอบประลองความเร็ว ต้องท้าพิสูจน์กับเรือเร็วกึ่งเจ็ตสกีกึ่งเรือดำน้ำลำนี้

ตัวเรือมีรูปร่างคล้ายโลมา   มีชื่อว่า Seabreacher สามารถแล่นได้ทั้งบนน้ำและใต้น้ำด้วยความเร็วสูง

แถมยังมีพละกำลังมากขนาดสามารถกระโจนขึ้นจากน้ำ  ลอยละลิ่วไปในอากาศ และแล่นผาดโผนฉวัดเฉวียนได้สารพัดแบบ

เรือลำนี้นั่งได้   2  คน มีราคาประมาณ 1.95 ล้านบาท เมื่อตกลงบนผิวน้ำแล้ว เรือจะตั้งตรงได้เอง

เจ้าเรือโลมาสามารถทำความเร็วบนผิวน้ำได้    70  กม./ชม.  แต่ถ้าดำน้ำก็จะมีความเร็วลดลงครึ่งหนึ่ง

ตัวเรือมีความยาว  15  ฟุต  ทำด้วยไฟเบอร์กลาส  ใช้เครื่องยนต์  1,500 ซีซี มีกำลัง 215 แรงม้า สามารถดำน้ำได้นานเพราะมีหน้ากากออกซิเจนติดไว้ด้วย

คนที่ประดิษฐ์เรือลำนี้อยู่ในแคลิฟอร์เนีย  สามารถต่อเรือตามใบสั่งได้ปีละ 20 ลำ ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นนักเล่นเรือยอตช์

กระจกห้องโดยสารเป็นแบบโปร่งใส  มีความหนาครึ่งนิ้ว เป็นแบบเดียวกับที่ใช้กับเครื่องบินเอฟ-16

ร็อบ  อินส์ แห่งบริษัทอิสน์สเปซ บอกว่า เวลาทำความเร็วสูงสุดบนผิวน้ำ สามารถเปิดครอบกระจกได้ เวลาดำน้ำ ถ้าไม่ใช้ระบบเติมอากาศหายใจ จะสามารถอยู่ใต้น้ำได้นาน 20 วินาที แล้วเรือจะโผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำเองโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าใช้หน้ากากหายใจ ก็จะอยู่ใต้น้ำได้นานขึ้น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:11:13 AM »

แนวหน้า

 
 เปิดนิทรรศการ"หอยหวานเมนูเด็ด" วช.ต่อยอดวิจัย-ปลุกผลิตเชิงพาณิชย์  
 
 ศ.อานนท์ บุณยะรัตเวช เลขาธิการคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ หรือ วช. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ร่วมกับสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และคณะเทคโนโลยีและการจัดการ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตสุราษฎร์ธานี จัดงานนิทรรศการ "หอยหวานไทย เมนูเด็ด" ขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ราชประสงค์ ซึ่งในงานมีการสาธิตเมนูหอยหวานพระราชทาน จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี โดยหม่อมหลวงขวัญทิพย์ เทวกุล จากร้านอาหารเดวา สุขุมวิท การประกวดแข่งขันการทำอาหารจากหอยหวาน จากพ่อครัวแม่ครัวรุ่นใหม่ ซึ่งมี chef จากรายการตีท้ายครัว ทางไทยทีวีสีช่อง 3 สาธิตเมนูหอยหวานจานเด็ดนานาชาติ

 ศ.อานนท์ กล่าวอีกว่า หอยหวาน หรือหอยตุ๊กแก หรือหอยทิพรส เป็นหอยทะเลฝาเดียว ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจต่อประเทศไทย และประเทศในภูมิภาคเอเซีย ตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา โดย วช. ให้การสนับสนุนทุนวิจัยแก่สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันการศึกษาต่างๆ ศึกษาวิจัยศักยภาพและพัฒนาเทคนิคการเพาะและเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์ การศึกษาผลผลิตและผลตอบแทนทางเศรษฐกิจของการเลี้ยงหอยหวาน รวมถึงการเลี้ยงหอยหวานแบบครบวงจรในประเทศไทย จนนำไปสู่การถ่ายทอดเทคโนโลยีในระดับปฏิบัติแก่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป ซึ่งจากความสำเร็จของการวิจัยและพัฒนาศักยภาพของหอยหวานในรูปแบบต่างๆ ก่อให้เกิดการต่อยอดการวิจัยรูปแบบเมนูอาหารของหอยหวานจากการเพาะเลี้ยง เพื่อเพิ่มผลผลิตและการขยายตลาดหอยหวานภายในประเทศ จึงมีการจัดนิทรรศการ "หอยหวานไทย เมนูเด็ด" ขึ้น เพื่อเผยแพร่และประชาสัมพันธ์การเพาะเลี้ยงหอยหวานเชิงพาณิชย์ของประเทศไทย เพื่อสร้างแรงจูงใจในการบริโภคหอยหวานจากการเพาะเลี้ยง และเพื่อขยายตลาดหอยหวานภายในประเทศให้สูงยิ่งขึ้น รวมทั้งสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่หอยหวาน ตลอดจนก่อให้เกิดการลงทุนในการประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงหอยหวานเป็นอาชีพเสริม หรือเป็นอาชีพหลักที่ยั่งยืนแก่เกษตรกร 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.025 วินาที กับ 20 คำสั่ง