สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2551

[สายน้ำ]

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนปกคลุมประเทศไทยตอนบน และทะเลจีนใต้ส่งผลทำให้ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปก คลุมภาคกลาง และ ภาคตะวันออก ประกอบกับร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงยังคงพาดผ่านภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนืออากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส ส่วนภาคกลางรวมทั้งกรุงเทพมหานคร ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นโดยมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พังงา ภูเก็ต กระบี่ และตรัง ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งได้

ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร โดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือในช่วงวันที่ 25-27 ต.ค. นี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 24-27 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ตอนบน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองในระยะแรก จากนั้นอากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา ส่วนร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคใต้และอ่าวไทยเข้าสู่ หย่อมความกดอากาศต่ำในทะเลจีนใต้ตอนล่าง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกชุกหนาแน่นกับมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. บริเวณความกดอากาศสูงที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนลดลง สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงด้วย


ข้อควรระวัง

 ในระยะนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้บริเวณ จังหวัดชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส กระบี่ ตรังและสตูลระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนัก ซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้ และชาวเรือในอ่าวไทยขอให้ระวังอันตรายจากการเดินเรือในช่วงวันที่ 24-27 ต.ค. นี้ไว้ด้วย

[สายน้ำ]

ไทยรัฐ


องค์การสวนสัตว์ฯ เตรียมอวดของใหม่ "ซู อววาเรียม"            :             โลกหลากวิถี



แม้ช่วง นี้ฝนยังเทลงมาไม่ขาดสาย ทั้งที่ควรเป็นช่วงเวลาของปลายแห่งวสันตฤดู เตรียมเข้าสู่เหมันตกาล แต่แหล่งท่องเที่ยวที่สูงหลายแห่งก็พยายามงัดกลยุทธ์ ดึงคนเข้ามาในพื้นที่กันอย่างเต็มที่ เช่นเดียวกับ ที่สวนสัตว์เชียงใหม่ ภายใต้การดูแลขององค์การสวนสัตว์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ก็พยายามเต็มที่ในการรักษาสถานภาพความเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวคนไทยและต่างชาติ ที่ต้องการมาสัมผัสเสน่ห์ของอดีตเมืองศูนย์กลางอาณาจักรล้านนาแห่งนี้

ในระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมา “สวนสัตว์เชียงใหม่” มีจุดขายที่ถือเป็นแม่เหล็กชั้นดีในการดึงคนเข้ามาเที่ยวก็คือ แพนด้า ที่มาอยู่เมืองไทยได้ครึ่งทาง คือครบ 5 ปี ไปเมื่อกลางตุลาคมนี้เอง และมีเวลาเหลือให้คนไทยไปชื่นชมอีกแค่ 5 ปีเท่านั้น

“เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” จึงถือกำเนิดขึ้นด้วยแนวคิด “เปิดประสบการณ์โลกใต้น้ำบนยอดดอย” บนพื้นที่ 10 ไร่ในสวนสัตว์เชียงใหม่ เพื่อเติมเต็มให้เมืองเชียงใหม่สมบูรณ์แบบสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก และเป็นอควาเรียมที่รวมพันธุ์สัตว์น้ำจืดและน้ำเค็มมาไว้รวมกัน ซึ่งความโดดเด่นของ “ซู อควาเรียม” คือ ตัวอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก มี ความยาวทั้งสิ้น 133 เมตร โดยแบ่งเป็นอุโมงค์น้ำจืดและน้ำเค็ม ความยาวอย่างละเท่ากันคือ 66.5 เมตร อุโมงค์เป็นอะคีลิคใสหนาประมาณ 5.5 เซนติเมตร เชื่อมต่อกันด้วยทางเลื่อนอัตโนมัติ สำหรับคนที่ไม่ต้องการเดินเอง



ส่วนช่วงเชื่อมต่อระหว่างอุโมงค์น้ำเค็มและน้ำจืดนั้น จัดเป็นจุดแสดงพื้นที่ป่าชายฝั่ง ให้ผู้มาชมได้เรียนรู้สภาพระบบนิเวศ นอกจากนี้ บริเวณรอบนอกอควาเรียม ก็จัด
แต่งเป็นห้องจัดแสดงสัตว์อนุรักษ์ น้ำตก ป่าโกงกาง ผืนป่าอินทนนท์ และนิทรรศการต่างๆ อาทิ นิทรรศการชีววิทยาของพันธุ์สัตว์น้ำ นิทรรศการแสดงหุบเขาและเขื่อนภูมิพล นิทรรศการแสดงป่าชุ่มน้ำ นิทรรศการแสดงแมลงนานาชนิด นิทรรศการแสดงปะการังชายฝั่ง

ด้วยการใช้งบประมาณก่อสร้างราว 600 ล้านบาท อันเป็นการร่วมทุนระหว่างองค์การสวนสัตว์ฯ กับภาคเอกชนในสัดส่วน 50:50 “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” มีพื้นที่อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำรวม 13,985 ตารางเมตร ภายในอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาว 133 เมตร ใช้ ปริมาณน้ำจุมากกว่า 8,000 ลูกบาศก์ลิตร ใช้เกลือเพื่อทำให้เป็นทะเลน้ำเค็มถึง 160,000 กิโลกรัม ภายในอุโมงค์รวบรวมสัตว์น้ำกว่า 250 สายพันธุ์ รวมพันธุ์ ปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม กว่า 8,000 ตัว รวมถึงสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ แมลง และสัตว์ที่หาชมได้ยากจากทั่วโลก

ดาราเอกในอควาเรียม ที่ นายโสภณ ดำนุ้ย ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์ฯ ว่ามาคือจะมีทั้ง อโรไพม่า ฉลามเสือดาว ปลากระเบน ปลาหมอทะเล ขณะที่ความคาดหวังของ นายธนภัทร พงษ์ภมร ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ ก็คือ ให้ “เชียงใหม่ ซู อควาเรียม” เป็นศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งนอกจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่แล้ว ยังจะเป็นศูนย์การศึกษาและวิจัยพันธุ์สัตว์น้ำให้แก่ เยาวชนและประชาชนทั่วไป เพราะจะเป็นที่ที่นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส “ปลาบึก” เจ้าแห่งลุ่มน้ำโขง ประชันกับ “ปลาเทพา” เจ้าแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึง “ฉลาม” นักล่าจากทะเลลึก



“อควาเรียม จะเป็นแม่เหล็กใหม่ที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและ ชาวต่างประเทศเข้ามาเที่ยวเชียงใหม่ และแวะมาชมพันธุ์สัตว์น้ำในอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลก ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้าชมกว่า 1 ล้านคนต่อเดือน ใกล้เคียงกับช่วงที่เปิดตัวแพนด้า “ช่วงช่วงกับหลินฮุ่ย” ทำให้สวนสัตว์เชียงใหม่มีรายได้เพิ่มขึ้น 250 ล้านบาทต่อปี และคาดว่าจะมีเงินสะพัดในเชียงใหม่ มากขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยว” ผอ.สวนสัตว์เชียงใหม่ตั้งเป้าไว้

แน่ล่ะหากทำได้อย่างที่เตรียมการไว้ อีก 5 ปี ข้างหน้า เมื่อไทยจำต้องส่งแพนด้าคู่ขวัญ “ช่วงช่วง-หลินฮุ่ย” คืนเจ้าของเดิมคือประเทศจีน โดยไร้ทายาทไว้ดูต่างหน้า “สวนสัตว์เชียงใหม่” ก็ยังมีสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแบบกินยาว เพราะเป็นการเติมสิ่งที่ ขาดด้วย “สวนสัตว์น้ำ” หรือ “ซู อควาเรียม” ที่แน่นอน ผู้เข้าชมต้องเสียค่าเข้าต่างหาก...ซึ่งถ้าสมกับราคาที่จ่าย...ก็ถือ ว่าคุ้ม.


...

กว่าจะเป็น “สวนสัตว์ เชียงใหม่”

เชื่อหรือไม่ว่า สวนสัตว์เชียงใหม่ ที่ตอนนี้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวเคียงคู่เมืองเชียงใหม่ มีอายุยาวนานเกินครึ่งศตวรรษ!

เอ้า เพราะถ้านับกันตั้งแต่วันก่อตั้ง ที่ดำเนินการโดยมิชชั่นนารีชาวอเมริกัน ที่ชื่อ นายฮาโรลด์ เมสัน ยังอาสาสมัครสอนการยังชีพในป่าให้แก่พวกทหารและตำรวจชายแดน ในช่วงสงครามเกาหลี ที่เริ่มจากการเปิดเป็นสวนสัตว์เล็กๆ ของเอกชน ก็เมื่อประมาณ พ.ศ.2495 โน่นแน่ะ โดยอาศัยพื้นที่บ้านที่เช่าอยู่คือ บ้านเวฬุวัน เชิงดอยสุเทพของนายกีและนางกิมฮ้อ นิมมานเหมินท์ เป็นสถานที่เริ่มต้น ต่อมาเมื่อมีสัตว์จำนวนมากขึ้น เจ้าของที่จึงขอให้ย้ายทำเลไปยังที่ดินอีกแปลง ที่อยู่เชิงดอยสุเทพ ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ แต่นายฮาโรลด์ได้ติดต่อขอที่ดินป่าสงวนเชิงดอยสุเทพต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เชียงใหม่โดยตรง ซึ่งก็ได้รับอนุมัติใช้พื้นที่มาประมาณ 60 ไร่ เป็นที่ตั้งสวนสัตว์ของเอกชน เปิดบริการให้เข้าชมตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2500 กระทั่งนายฮาโรลด์ถึงแก่อนิจกรรม ใน พ.ศ.2518 องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ จึงรับกิจการสวนสัตว์ของนายฮาโรลด์ไว้ในความดูแล

จากนั้น ก็มีการขยายพื้นที่มาเป็นระยะ จาก 60 ไร่ เขยิบเป็น 130 ไร่ และเพิ่มอีก 500 ไร่ จนกว้าง ใหญ่อย่างในปัจจุบัน ซึ่งนอกจากมีพันธุ์ไม้หายากให้ชมแล้ว ที่นี่ยังมีการจัดแสดงสัตว์จากทั่วทุกมุมโลก ทั้งโคอาล่า จากออสเตรเลีย ขวัญใจหนูๆ อย่าง แพนด้า จากจีน เสือขาวเบงกอล นกเพนกวิน แรดอินเดีย แกะภูเขา สวนสัตว์เปิด ที่มีฝูงกวาง เก้ง เนื้อทราย นกยูง อัลปากา และอื่นๆ กว่า 200 ชีวิต สวนชมนกนครพิงค์ ที่ มีนกนานาชนิดกว่า 800 ตัว ส่วนการจัดแสดงสัตว์แอฟริกา และการแสดงความสามารถของสัตว์อีกหลากหลายชนิด และล่าสุดก็คือ การยกทะเลมาไว้บนดอย ด้วย “ซู อควาเรียม” นี่แหละ.

[สายน้ำ]

ข่าวสด


ร้อนกว่าปกติ



ทิวทัศน์ ริมแม่น้ำดรามเมนเซลวา ฝั่งตะวันออกของนอร์เวย์ ในบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงที่มาเยือนยุโรป ขณะที่มีรายงานผลการศึกษาของสำนักงานบรรยา กาศและมหาสมุทรของสหรัฐ ว่า อุณหภูมิในฤดูใบไม้ร่วงของซีกโลกเหนือ แถบอาร์กติก เพิ่มสูงขึ้นกว่าระดับปกติเป็นประวัติการณ์ 5 องศาเซลเซียส เนื่องจากการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา เกี่ยวเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน (ภาพ-เอพี)

[สายน้ำ]

คม ชัด ลึก


เป็นห่วงปะการัง             :            คอลัมน์ลุงแจ่ม



ถาม

เมื่อ เดือนเมษายนผมไปเที่ยวที่เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล และได้พบเห็นโครงการทำรีสอร์ท 2 ราย ซึ่งเป็นการทำลายธรรมชาติมาก ขนาดยังสร้างไม่เสร็จก็เปิดเพลงเสียงดังคล้ายๆ พัทยา แต่ที่เป็นห่วง คือ "แนวปะการังน้ำตื้น"

หน้าเกาะถูกเรือบรรทุกวัตถุดิบที่ใช้ในการก่อสร้างทำลายไปมาก บริเวณเกาะขาดการดูแลปล่อยให้ขยะเต็มเกาะ เหมือนพัทยาทุกขณะแล้ว

ผมเป็นคนรักธรรมชาติ เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้ ก็อดเสียดายไม่ได้ว่าอนาคตเกาะแห่งนี้จะเป็นอย่างไร ขนาดอยู่ห่างไกลจากฝั่งตั้ง 2 ชม. การเดินทางไม่ใช่ใกล้ๆ

ส่วนผู้ที่อนุรักษ์ธรรมชาติ เป็นคนเก่าแก่ก็พยายามก่อสร้างโดยที่ไม่ทำลายสภาพธรรมชาติของเกาะ สำหรับกลุ่มทุนหนักก็ตั้งหน้าตั้งตาลงทุนโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบหรือความ เปลี่ยนแปลงของธรรมชาติ

ช่วยด้วยครับ...อยากให้คงสภาพเกาะสวยๆ น้ำใสๆ อากาศดีๆ ไว้อยู่กับ จ.สตูล นานๆ

ผู้รักธรรมชาติ


ตอบ

นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล ชี้แจงว่า เพิ่งมารับตำแหน่งได้เพียง 2 วัน ยังไม่ทราบรายละเอียดในเรื่องนี้ แต่รับเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว และจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปตรวจสอบก่อน จากนั้นก็จะไปดูสภาพพื้นที่ที่แท้จริงด้วยตนเอง

พื้นที่บริเวณนี้ถ้าอยู่เป็นพื้นที่ห่วงห้ามก็สร้างไม่ได้ หรือมีการสร้างโรงแรมหรือรีสอรท์ ถ้าทำโดยถูกต้องก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้ประชาชนที่มาเที่ยวได้รับประโยชน์จากการบริการนี้ ซึ่งในเชิงหลักการแล้วอะไรที่ผิดกฎหมายหรือไม่ถูกต้องก็จะไม่ให้ทำ เว้นแต่ว่าจะได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการโดยถูกต้องเท่านั้น

การก่อสร้างโรงแรมหรือที่พักบนเกาะ จะต้องได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง และต้องยึดหลักระเบียบและกฎหมายเป็นหลัก เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัญหาของโรงแรมหรือที่พัก ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินการจัดการ อย่างเช่น ตามกฎหมายระบุให้ต้องท่อบำบัดน้ำเสีย แต่พอสร้างเสร็จแล้วกลับไม่ได้ทำท่อบำบัดน้ำเสีย แบบนี้ ถือว่าผิดแน่นอน

เช่นเดียวกัน หากการก่อสร้างนั้น มีผลกระทบกับธรรมชาติโดยรอบ ก็ต้องว่ากันตามกฎหมาย

ผู้ว่าฯ สตูล บอกว่า จะเรียกผู้ประกอบการเข้ามาคุย เพื่อทำให้ถูกต้อง ให้คงสภาพธรรมชาติเอาไว้มากที่สุด และต้องเป็นไปตามกฎหมายที่ถูกต้องด้วย

[สายน้ำ]

สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น


คค.ฟังความเห็นปชช.โครงการท่าเรือน้ำลึกฯ

    ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม ลงพื้นที่ ฟังความเห็นประชาชน ต่อโครงการ ท่าเรือน้ำลึกปากปารา อ.ละงู จ.สตูล

    ว่า ที่ ร.ต.ดร.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม พร้อมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ท่าเทียบเรือปากบารา อ.ละงู จ.สตูล เพื่อพบปะพูดคุยร่วมหารือในการเตรียมการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา กับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนและสอบถามถึงความคืบหน้าของโครงการใน การสร้างเส้นทางคมนาคมในการเชื่อมโยงทะเลอันดามันสู่ทะเลอ่าวไทย ถึงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกในภาคใต้เป็นเมืองประตูสู่การค้า การขนส่งสินค้าทางทะเลทั้งอ่าวไทยและฝั่งภาคตะวันออกของไทย ไปสู่เอเชียใต้รวมถึงตะวันออกกลางและยุโรป ซึ่งหากท่าเทียบเรือดังกล่าวสร้างเสร็จแล้วจะเกิดประโยชน์มหาศาลต่อประเทศ ไทย คาดเป็นโครงการที่ได้รับการก่อสร้างเร็วๆ นี้ และจะนำเสนอ ครม.ในการจัดสรรงบประมาณในการก่อสร้างระยะแรกเป็นเงินจำนวน 12,000 ล้านบาท คาดการณ์ก่อสร้างในปี 2553 จะแล้วเสร็จภายใน 4 ปี ท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา จะมีการเตรียมอุตสาหกรรมต่างๆ เช่นโรงกลั่นน้ำมันและการกระตุ้นเศรษฐกิจการงานคนในพื้นที่ รวมถึงภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดสตูลและ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้