สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2552

[สายน้ำ]

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยต่อไปอีก ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไปต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 15 มกราคม 2552 และมีลมแรง โดยในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือจะมีอากาศหนาวจัดในบางพื้นที่ และบริเวณยอดดอย ยอดภู และบริเวณเทือกเขาสูงจะมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปถึงนราธิวาสมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร และบริเวณชายฝั่งของภาคใต้ฝั่งตะวันออกมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 12-15 มกราคม 2552 นี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศหนาว และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


คาดหมาย

ในวันที่ 11 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศา โดยมีอากาศหนาวเย็นลงโดยทั่วไปและมีลมแรง ส่วนภาคใต้ตอนล่างมีฝนเป็นแห่งๆและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่วนในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงปกคลุมประเทศไทยอีก ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิลดลงและคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงต่อเนื่องออกไปอีก ในช่วงวันที่ 16-17 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอากาศอุ่นขึ้น โดยจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 11-15 ม.ค. ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพ และชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

[สายน้ำ]

ไทยรัฐ


เรืออิเหนาล่มคนสูญหายกว่า 200
 
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานโดยอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ด้านการเดินเรือของอินโดนีเซียว่า เรือเฟอร์รี่หรือเรือโดยสารข้ามฟาก “เตราไต ไพรมา” ขนาดระวางขับน้ำ 700 ตัน ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารราว 250 คน ลูกเรือและกัปตัน 18 คน ประสบอุบัติเหตุล่มในทะเลหลังเผชิญพายุรุนแรงและถูกคลื่นสูงถึง 7 ฟุตหรือ 2 เมตรโถมกระหน่ำ ทางการส่งเรือกู้ภัยและระดมเรือประมงในเขตใกล้เคียงเข้าไปช่วยเหลือ แต่ผู้โดยสารและลูกเรือกว่า 200 คนยังสูญหายไม่ทราบชะตากรรม

จุดที่เรือล่มอยู่ห่างชายฝั˜งเมืองมาเจเน จ.สุลาเวสีตะวันตก ราว 50 กม. หรือห่างกรุงจาการ์ตาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 1,370 กม. โดยเรือลำนี้แล่นออกจากเมืองท่าปาเร-ปาเร จ.สุลาเวสีใต้ บนเกาะสุลาเวสี เพื่อมุ่งสู่เมืองซามารินดา จ.กาลิมันตันตะวันออก ซึ่งเป็นดินแดนในส่วนของอินโดนีเซียบนเกาะบอร์เนียว ซึ่งมาเลเซียและบรูไนมีกรรมสิทธิ์ร่วม โดยก่อนเรือล่ม กัปตันเรือวิทยุแจ้งหอบังคับการว่าถูกพายุโหมกระหน่ำ มีคลื่นสูงถึง 2 เมตร ขณะรายงานว่า เรือประมงสามารถช่วยผู้โดยสารและลูกเรือขึ้นมาจากเรือยางได้แล้ว 18 คน แต่ที่เหลือกว่า 230 คนยังสูญหายไม่ทราบชะตากรรม 

เรือเป็นพาหนะหลักในการขนส่งคมนาคมในอินโดนีเซียซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะใหญ่น้อยกว่า 17,000 เกาะ มีประชากรกว่า 235 ล้านคน แต่ละปีเกิดอุบัติเหตุทางเรือในอินโดฯบ่อยครั้ง มีผู้เสียชีวิตปีละหลายร้อยคน เนื่องจากเรือบรรทุกเกินพิกัดและการบังคับใช้กฎเกณฑ์ด้านความปลอดภัยหละหลวม.
 

[สายน้ำ]

สำนักข่าว INN


กรมประมงเชิญร่วมเรียนรู้ชีวิตใต้น้ำ 

กรมประมงเชิญชวนร่วมเรียนรู้ชีวิตใต้น้ำของสัตว์น้ำจืดและพรรณไม้น้ำสวยงามหายากณ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ กรุงเทพฯ กรมประมง

ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า หนึ่งในพันธุ์ปลาน้ำจืดที่หาชมได้ยาก คือ ปลาเทพา ซึ่งได้รับฉายาว่าเป็นเจ้าแห่งแม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็นปลาที่มีรูปร่างขนาดใหญ่ที่สุดในแม่น้ำแห่งนี้ โดยผู้ที่เคยพบเห็นขนาดใหญ่ที่สุดมีความยาวถึง 2.5 เมตร และมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ลักษณะโดดเด่นตรงที่มีก้านครีบขนาดใหญ่ เวลาว่ายน้ำจึงดูสง่างามมากกว่าปลาชนิดอื่นในวงศ์เดียวกัน ปัจจุบันพบหาได้ยากในแหล่งน้ำธรรมชาติเนื่องจากอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืดที่หาชมได้ยากหลายชนิด อาทิ ปลาบึก ปลาเสือตอ ปลากระเบนกิตติพงษ์ นอกจากนี้ ยังมีปลากดดำ ปลากดแก้ว ปลากะโห้ ปลาช่อนงูเห่า และอื่น ๆ อีกมากมายรวมกว่า 100 ชนิด และนิทรรศการจัดแสดงพันธุ์น้ำต่างถิ่น กิจกรรมสาธิตการจัดตกแต่งตู้ปลาและพรรณไม้น้ำสวยงาม โดยจัดแสดงที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำกรุงเทพฯ กรมประมง ตั้งแต่เวลา 10.00-16.00 น. ทุกวัน เว้นวันจันทร์หยุด 1 วัน

[สายน้ำ]

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


ปลัดสำนักนายกฯ ติดตามการดำเนินงานกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสำนักนายกฯ ที่เกาะ พีพี

     วันนี้ (11 ม.ค.52) นายนัที เปรมรัศมี ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี และ นายศิวะ ศิริเสาวลักษณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมคณะ ตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการ ที่ใช้เงินกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยสำนักนายกรัฐมนตรี ในพื้นที่จังหวัดกระบี่ จำนวน 2 โครงการ คือ โครงการก่อสร้างอาคารหลบภัยสึนามิ บนเกาะพีพี และโครงการก่อสร้างอาคารบริจาคโดยหลวงตาบัว โรงพยาบาลเกาะพีพี โดยโครงการก่อสร้างอาคารหลบภัยสึนามิ งบประมาณกว่า 14 ล้านบาท เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ขนาดกว้าง 19.50 เมตร ยาว 21 เมตร สูง 2 ชั้น ขณะนี้การดำเนินการเรียบร้อยแล้ว 2 งวดงาน คืบหน้าร้อยละ 9 คาดว่าจะสามารถดำเนินการแล้วเสร็จตามสัญญาที่กำหนดไว้ ส่วนโครงการก่อสร้างอาคารบริจาคโดยหลวงตาบัว โรงพยาบาลเกาะพีพี งบประมาณ 1 ล้าน 7 แสนบาท ได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ และเบิกจ่ายเรียบร้อยแล้ว

    ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในตรวจติดตามการดำเนินงานโครงการต่างๆ บนเกาะพีพี ได้ร่วมกันหารือถึงการใช้ประโยชน์ของอาคารหลบภัยสึนามิ ในภาวะปกติ เพื่อเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากนี้ ในเรื่องของการพัฒนาเกาะพีพี ที่มีความเจริญอย่างรวดเร็ว ได้ฝากให้ทางจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลในเรื่องของการรุกล้ำชาย หาด ทั้งการก่อสร้างอาคาร การนำร่มและเตียงผ้าไปปักเรียงรายอยู่ตามชายหาด ให้ผู้ประกอบการได้ถือปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัดด้วย


**********************************************************************************************************************************************


อบต.แหลมกลัด จัดทัวร์ท่องเที่ยวชมปลาโลมา ส่งเสริมการท่องเที่ยวในตำบล

    นายประดิษฐ์ คุ้มชนม์ นายก อบต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนธันวาคม เป็นต้นมาที่บริเวณอ่าวตราดตรงข้าม ต.แหลมกลัด จะมีฝูงปลาโลมาจำนวน 30-70 ตัว แหวกว่ายหาอาหารที่เป็นปลาทู ที่อยู่บริเวณโป๊ะดักปลาของชาวประมง ซึ่งทาง อบต.แหลมกลัด ได้ดำเนินการสำรวจจำนวนปลาโลมาฝูงนี้มาตลอด 1 ปี และได้เชิญผู้บริหารของ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน และ สื่อมวลชนท้องถิ่นลงไปสำรวจและสัมผัสวิถีชีวิตของโลมาฝูงนี้มาแล้ว ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเข้ามาชมฝูงโลมาในอ่าวตราดจำนวนมาก ทำให้ อบต.แหลมกลัด ได้จัดโปรแกรมปลาโลมาขึ้นมาเพื่อจัดเป็นทัวร์การท่องเที่ยว ส่งเสริมการท่องเที่ยวของตำบลแหลมกลัด โดยมั่นใจว่าโลมาฝูงนี้ จะสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวทุกคนที่ได้เข้ามาสัมผัส โดย อบต.แหลมกลัด ได้ร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์ของ ต.แหลมกลัด และ ต.ไม้รูด เพื่อดูแลไม่ให้มีการทำร้าย หรือถูกจับไปขาย หรือบริโภคเนื้อ เนื่องจากปัจจุบันมีนักล่าปลาโลมามาจับโลมาแล้วนำไปขายในประเทศเพื่อนบ้าน