โอ้เอ้วิหารราย บทสวดโบราณ ตั้งแต่สมัยอยุธยา ในรัชสมัยของ สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ก่อน การเทศน์มหาชาติคำหลวง โดยจะสวดในพิธีสำคัญๆ เท่านั้น เช่น เข้าพรรษา ออกพรรษา ผู้ที่สวดได้คล่องแคล่ว แม่นในอักขระ จะได้สวดต่อหน้าพระพักตร์พระเจ้าอยู่หัว ส่วนพวกที่ยังไม่เก่ง ต้องฝึกซ้อมสวดกัน ตามศาลาที่รายรอบพระอุโบสถ ทำนองของการสวด จะมีทำนอง เอ้อ เอ้อ เอิง เอย ประสานเสียงกัน คนที่ฟังแล้วไม่ชัด จึงได้ยินเป็นเสียง โอ้ๆ เอ้ๆ
ขออนุญาตเสริมข้อมูลเพื่อเป็นความรู้กับทุกท่านนะค่ะ เนื่องจากได้ไปพูดคุยกับ อาจารย์ที่ พาน้องๆมาสวด โอ้เอ้วิหารราย ที่วัดพระแก้วมาค่ะ
ไปวัดพระแก้ว เมื่อ เข้าพรรษา ปีที่แล้ว เห็นน้องๆ นักเรียน(โรงเรียน พระโขนงพิทยาลัย) เหล่านี้นั่งเตรียมพร้อมเพื่อทำอะไรบ้างอย่างซักพักก็เ ริ่มต้น สวดเหมือนสวดมนต์ แต่ฟังแล้ว ไม่ใช่บทสวดมนต์ที่เราๆเคยได้ยินกัน เพราะจะมีคำว่า เอ้อ เอ้อ เอิง เอย มาเป็นระยะๆ ให้สงสัย จึงเดินไป คุยกับคุณครูที่พาน้องๆมา
จึงได้ความว่า เป็นการสวดโอ้เอ้วิหารราย กาพย์พระไชยสุริยา ซึ่ง สุนทรภู่เป็นผู้แต่ง อาจารย์ได้มอบตัวอย่างบทสวดมาให้ค่ะ
บทสวดนี้จะมีลักษณะเป็นกาพย์ เช่น กาพย์ยานี 11 กาพย์สุรางคนางค์ 28 กาพย์ฉบัง 16 จากตัวอย่างที่ท่านอาจารย์ให้มา เหมือนเป็นบทเรียนในการฝึกอ่านสะกดคำ เช่น แม่กง แม่กน แม่เกย เนื้อหาประมาณ พระไชยสุริยาเดินเข้าไปท่องเที่ยวในป่า
ตามข้อมูลที่หามาเพิ่มเติมบอกว่า บทสวดนี้จะสอดแทรกการสอน ศีลธรรม จริยธรรม ให้แก่ เด็ก และ เยาวชน ไปด้วยในตัว
ภายหลังครูมืด (กรมศิลปากร) เสนอให้มีการฟื้นประเพณีการสวดนี้ขึ้นมาใหม่ สำนักพระราชวัง และ สำนักคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ (สวช.) กระทรวงวัฒนธรรม จึงจัด "การสวดโอ้เอ้วิหารราย" ขึ้นบริเวณ ศาลาราย วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว)
สอบถามคุณครูได้ความว่า จะมาสวด พรรษาละ 3 วัน คือ ช่วงวันเข้าพรรษา กลางพรรษา และ ช่วงวันออกพรรษา เพื่อเป็นพุทธบูชาพระแก้วมรกต เท่าที่เห็น น้องๆนักเรียนโรงเรียนนี้จะนั่งสวดกันอยู่ ทุกศาลารายโดยรอบพระอุโบสถวัดพระแก้ว ทุกศาลาเลยทีเดียว
เพียงแต่สลับกันสวด บางขณะ ก็จะสวดพร้อมกัน นั่งท่องเที่ยวหลายคนก็ให้ความสนใจหยุดดูนะค่ะ
เราคนไทยยังสนใจเลยค่ะ