กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 20, 2009, 01:32:55 AM



หัวข้อ: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 20, 2009, 01:32:55 AM

ตื่นเต้นเจอพะยูนหลายตัวโผล่อ่าว


เมื่อวันที่ 16 ม.ค. นางกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง 8 ว หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า เมื่อปลายปี 2551 คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก จ.ภูเก็ต นำโดยนายเผ่าเทพ เชิดสุขใจ สำรวจพบรอยกินหญ้าทะเลของพะยูนจำนวนมากที่อ่าวตังเข็น แหลมพันวา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นเวลานานแล้วที่พบพะยูนที่อ่าวตังเข็นนี้ โดยสถาบันเคยพบพะยูนยาว 2.8 เมตร เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 2524 จากนั้นไม่เคยได้รับข่าวว่ามีพะยูนเข้ามาในอ่าวตังเข็นอีกเลย

ต่อมาทีมงานขออนุญาตโรงแรมเดอะ รีเจนท์ ตั้งอยู่บนเขาสูงด้านขวาของอ่าวตังเข็น เพื่อขึ้นไปสังเกตพะยูน และตื่นเต้นมากเพราะเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2551 เวลาประมาณ 10.00 น. พบพะยูน 1 ตัวโผล่ขึ้นมาหายใจ และดำลงไปกินหญ้าทะเลบริเวณแนวหญ้าทะเลกลางอ่าวนานกว่า 2 ช.ม. ทีมงานสามารถบันทึกภาพไว้ได้ จากนั้นเพียรเฝ้าสังเกตพะยูนจากโรงแรมเดอะ รีเจนท์เกือบทุกวัน โดยสังเกตเห็นพะยูนได้ 5 ครั้งใน 4 วัน จากการเฝ้าสังเกตทั้งหมด 26 ครั้ง และพบว่าพะยูนเข้ามากินหญ้าทะเลแต่ละครั้งใช้เวลาประมาณ 2-3 ช.ม. ช่วงน้ำทะเลขึ้นฝั่ง

"สิ่งที่น่าห่วงใยคือ หาดแห่งนี้มีระบบนิเวศสมบูรณ์มาก ชายหาดด้านในมีแหล่งหญ้าทะเล ส่วนด้านนอกเป็นแนวปะการัง ด้านขวาของหาดเป็นป่าชายเลน จากเดิมที่อ่าวนี้มีเฉพาะชาวบ้านและชาวประมงขนาดเล็กเพียงไม่กี่หลังคาเรือน แทบไม่มีการทำการประมงในอ่าวนี้เลย ชาวบ้านอาจหาเก็บหอยเป็นครั้งคราวตอนน้ำลง ปัจจุบันมีการพัฒนาชายหาดของอ่าวตังเข็นเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ และหากสร้างท่าเทียบเรือหรือมีเรือเร็วเข้าออกในอ่าวนี้ พะยูนคงจะอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน"นักวิชาการ ทช. กล่าว



จาก                                        :                                     ข่าวสด       วันที่ 17 มกราคม 2552


หัวข้อ: Re: ตื่นเต้นเจอพะยูนหลายตัวโผล่ภูเก็ต
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 22, 2009, 01:58:38 AM

พะยูน รีเทิร์น

(http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/01/20/images/news_img_8636_1.jpg)
แผนที่บ่งชี้บริเวณที่มีการค้นพบพะยุน

คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ประกาศข่าวดี พะยูนโผล่ภูเก็ต หลังหายตัวกว่า 30 ปี หวั่นท่องเที่ยวรุกต่อ ทำพะยูนเผ่นซ้ำ ทิ้งน่านน้ำไทยถาวร

ข่าวพบเห็นการกลับมาของ "พะยูน" ที่บริเวณอ่าวตังเข็น แหลมพันวา อ.เมือง จ.ภูเก็ต ถูกจัดวางเอาไว้ด้านในของหนังสือพิมพ์หลายฉบับ หลายคนอาจพลิกข้ามผ่าน แต่สำหรับ คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก แม้ไม่ใช่ "ข่าวใหญ่" ที่สร้างความเกรียวกราวขนาดหน้า 1 ต้องมอบพื้นที่ให้ .. แต่นี่คือ "ข่าวดี" ครั้งสำคัญ หลังจาก "พะยูน" ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่เคยปรากฏกายให้ใครๆ (ในภูเก็ต) ได้เห็นอีกเลยนานเกือบ 30 ปี ผู้อยู่เบื้องหลังคราวนี้ มีอยู่ 3 คน ได้แก่ กาญจนา อดุลยานุโกศล เผ่าเทพ เชิดสุขใจ และ สนธยา มานะวัฒนา คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก แม่ทัพสำคัญจากสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตีกลองบอกข่าวดี

เผ่าเทพ เชิดสุขใจ นักวิชาการประมง หนึ่งในกลุ่มเจ้ากรมข่าวดีครั้งนี้ เริ่มต้นเล่าว่าภาพที่สามารถสร้างรอยยิ้มให้กับคณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ. ภูเก็ต ได้เป็นครั้งแรกเกิดขึ้นราวกลางเดือนพฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา หลังจากได้สำรวจพบรอยกินหญ้าทะเลของพะยูน (feeding trails) จำนวนมากที่อ่าวตังเข็น แหลมพันวา และจุดนี้สถาบันฯ เคยได้ต้อนรับพะยูนความยาว 2.8 เมตรจากอ่าวตังเข็น เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2524 และนั่นคือตัวสุดท้าย

ภารกิจติดตามค้นหาตัว "พะยูน" จึงเกิดขึ้นตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา และได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจากภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงแรมเดอะรีเจนท์ ซึ่งวางตัวอยู่บนเขาสูงด้านขวาของอ่าวตังเข็น ได้อนุญาตให้ทีมเข้าไปสังเกตการณ์พะยูนอย่างอิสระ ในที่สุดเวลาที่ทุกคนรอคอยก็เดินทางมาถึง แต่ละคนล้วนสะกดความตื่นเต้นกันแทบไม่อยู่ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551 เวลาประมาณ 10:00 น. ภาพของพะยูนลำตัวสีชมพูขนาดใหญ่จำนวน 1 ตัวโผล่ขึ้นมาหายใจและดำลงไปกินหญ้าทะเลในบริเวณแนวหญ้าทะเลกลางอ่าว เป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง และสามารถบันทึกภาพไว้ได้ หลังจากนั้นทีมงานก็ยังเพียรเฝ้าสังเกตพะยูนจากอาคารของโรงแรมเดอะรีเจนท์เกือบทุกวันที่มีโอกาส "แต่ละวัน เราจะเฝ้ารอดูอยู่ 2-3 ชั่วโมง ในช่วงน้ำทะเลขึ้นเต็มฝั่ง เพราะช่วงนั้นจะเป็นช่วงที่พะยูนจะเข้ามากินหญ้าทะเล ซึ่งบางครั้งเราก็ได้เห็นพะยูนมากินหญ้านาน 2 ชั่วโมง โดยจะขึ้นมาหายใจทุกๆ 2-3 นาที แล้วค่อยดำลงไปกินต่อ

" เจ้าพะยูนตัวนี้ มีขนาดความยาวประมาณ 2 เมตร ตามคำบอกเล่าของเผ่าเทพที่สังเกตการณ์อยู่ไม่ไกล แล้วพอน้ำทะเลลง เจ้าหน้าที่จะใช้โอกาสตรงนั้นสำรวจและติดตามรอยกินหญ้าทะเลของพะยูน ขั้นตอนนี้ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนเศษ จากนั้นก็จะทำการวางทุ่นเพื่อบอกกำหนดบริเวณพื้นที่ที่ศึกษาจำนวน 5 ทุ่น พร้อมทำเครื่องหมายรอยกินของพะยูนเพื่อให้สามารถติดตามรอยกินครั้งใหม่ๆ ได้ถูกต้อง

"เราพบรอยกินหญ้าวันละ 19-30 รอย แต่ละรอยกินความกว้างประมาณ 15 เซนติเมตร และยาวประมาณ 2 เมตร" จากการเฝ้าสังเกตทั้งหมด 26 ครั้ง คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สามารถสังเกตเห็นพะยูนเพียง 5 ครั้งใน 4 วัน (วันที่ 29 พฤศจิกายน และ 6,7 และ 9 ธันวาคม 2551)

(http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/01/20/images/news_img_8636_2.jpg)
หญ้าทะเล อาหารพะยูน

ระหว่างนั้นก็มีอุปสรรคแทรกเข้ามาเป็นระยะๆ " วันที่ 6 ธันวาคม เวลาประมาณบ่ายสามโมงสิบห้า มีพะยูน 1 ตัวเข้ามาหากินหญ้าทะเลในตำแหน่งใกล้ทุ่นที่เราวางไว้ แล้วจู่ๆ ก็มีเรือติดเครื่องยนต์วิ่งเข้ามาวางลอบในอ่าวใกล้กับที่พะยูนหากินอยู่ พอชาวประมงโยนลอบลงไป พะยูนก็ตกใจ ว่ายน้ำหนีออกไปอย่างรวดเร็ว"

แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้ทีมวิจัยฯ ถอยหลังกลับ ทุกคนยืนยันว่า อุปสรรคที่เกิดขึ้นนับว่าเล็กน้อยมาก และจะเดินหน้าตามหาพะยูนต่อไป

"สิ่งที่น่าห่วงใย คือ หาดแห่งนี้มีระบบนิเวศที่สมบูรณ์มาก ชายหาดด้านในมีแหล่งหญ้าทะเล ส่วนด้านนอกเป็นแนวปะการัง และด้านขวาของหาดเป็นป่าชายเลน จากเดิมที่อ่าวนี้มีเฉพาะชาวบ้านและชาวประมงขนาดเล็กเพียงไม่กี่หลังคาเรือน แทบไม่มีการทำการประมงในอ่าวนี้เลย ชาวบ้านอาจหาเก็บหอยเป็นครั้งคราวในตอนน้ำลง แต่ปัจจุบัน มีการพัฒนาชายหาดอ่าวตังเข็นเป็นโรงแรมขนาดใหญ่ ถ้ามีการสร้างท่าเทียบเรือ หรือมีเรือเร็วเข้าออกในอ่าวนี้ พะยูนคงอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน"

นอกจากความห่วงและกังวล นักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ยังเสนอแนะว่า ถ้าเป็นไปได้ก็อยากส่งเสริมให้นักท่องเที่ยว ได้มีส่วนร่วมกันอนุรักษ์พะยูนและระบบนิเวศหญ้าทะเล ปะการังและป่าชายเลน "อาจจะปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศก็ได้ โดยสถาบันฯ จะช่วยในเรื่องจัดทำ Nature trail เอง"

อาจไม่ได้มาแค่ตัวเดียว ก่อนการปรากฎกายของ "พะยูน" ที่อ่าวตังเข็นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ทศวรรษนั้น นักวิชาการกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก บอกว่านี่เป็นสัญญาณของการกลับมาของพะยูนภูเก็ตแล้ว โดยทางฝั่งทะเลด้านตะวันตกของเกาะภูเก็ต ลุงต๋อย หรือ จุรณ ราชพล เครือข่ายกลุ่มอนุรักษ์บ้านป่าคลอก ก็เคยพบเห็นพะยูนดอดเข้ามากินหญ้าทะเลหน้าหาดบ้านป่าคลอก และบางครั้งในช่วงน้ำขึ้น พะยูนก็ขึ้นมาหายใจ

ส่วนร่องรอยการกินหญ้าที่พบจะเป็นเฉพาะหญ้าทะเลชนิด หญ้าอำพัน หรือ หญ้าชะเงา (ชื่อวิทยาศาสตร์ Halophila ovalis) "รอยกินหญ้าของพะยูนจะไม่เป็นเส้นตรง ยาวตั้งแต่เมตรเศษๆ ไปจนถึง 5-6 เมตร บางครั้งก็พบรอยกินของลูกพะยูน รอยกินของเจ้าตัวเล็กมักอยู่ห่างจากรอยกินของแม่พะยูนประมาณ 1 เมตร" ลุงต๋อยร่วมให้ข้อมูล

ขณะนี้นักวิจัยได้ติดตามรอยกินหญ้าทะเลของพะยูนที่หาดแห่งนี้ เพื่อใช้ในการประเมินประชากรพะยูนที่เข้ามาหากินในบริเวณดังกล่าว และศึกษาพฤติกรรมการกินอาหารของพะยูน ด้วยหวังว่าจะพบเห็นการปรากฎตัวอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับอ่าวตังเข็น แหลมพันวา

นอกจากนี้ ที่ อ่าวฉลอง (ห่างตัวเมืองภูเก็ตไป 11 กม.) ก็ส่งสัญญาณบ่งบอกการกลับมาของพะยูนภูเก็ตเช่นกัน โดย "เครือข่ายชุมชนชายฝั่งอ่าวฉลอง" พลังขับเคลื่อนจากชาวบ้านกลุ่มสำคัญที่รวมตัวกันผลักดันการเรียกคืนความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำต่างๆ ให้กลับมา

สุทา ประทีป ณ ถลาง ประธานเครือข่ายชุมชนชายฝั่งอ่าวฉลอง ได้สำรวจพบแหล่งหญ้าทะเลในอ่าวฉลองว่ามีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น ทำให้พบเต่าทะเลและโลมากลับเข้ามาหากิน และนำไปสู่การเดินทางกลับมาของพะยูน ที่ปรากฎต่อสายตาชาวบ้านเป็นครั้งคราวอีกด้วย

ส่วนประเด็นที่ว่า ความสมบูรณ์ของธรรมชาติทางทะเลเป็นปัจจัยสำคัญหลักที่ส่งผลให้ "พะยูน" เดินทางกลับบ้านหลังเดิมที่ภูเก็ตอีกครั้งหรือไม่นั้น คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กำลังไขปริศนาและหาคำตอบชนิดเร่งวันเร่งคืน ใครพรากพะยูน?

คำถามที่ว่า "พะยูนกำลังจะสูญพันธุ์ไปจากจังหวัดภูเก็ตจริงหรือ?" วันนี้ยังมีใครบางคนมองเป็นเรื่องตลก แต่ในทางตรงกันข้าม เหตุการณ์เช่นนี้กลับไม่ไกลเกินความเป็นจริงเลย พิสูจน์ได้จากความเพียรพยายามในการเฝ้าติดตามการกลับมาอีกครั้งของพะยูน ที่ต้องใช้เวลายาวนานถึง 30 ปี และจากข้อมูลของ นักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ภูเก็ต พบว่า พะยูนที่อาศัยอยู่ทั่วโลกได้สูญพันธุ์ไปเป็นจำนวนมากในหลายพื้นที่และกำลังจะสูญพันธุ์ในอีกหลายๆแห่ง  ที่สำคัญ ประเทศไทยตกอยู่ในข่ายนั้น

เมื่อพิจารณาจากสถิติแนวโน้มจำนวนประชากรพะยูนที่น้อยลงเรื่อยๆ อัตราการตายสูงกว่าอัตราการเกิด "ถ้าเรายอมให้พะยูนวัยหนุ่มสาวที่พร้อมจะสืบพันธุ์ได้ ตายเกินร้อยละ 5 ตัวต่อหนึ่งปี นั่นก็คือเส้นทางแนวดิ่งของการสูญพันธุ์ของพะยูนในน่านน้ำไทยอย่างแน่นอน" เป็นคำพูดของ กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง 8 ว หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก สถาบันวิจัยทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ร่วมให้ข้อมูลอีกว่า ในประเทศไทย สาเหตุที่ทำให้พะยูนตายส่วนใหญ่เกิดจากกิจกรรมของมนุษย์โดยเฉพาะการประมงอวนติดตาหรืออวนลอยประเภทต่างๆ  รองลงไปเป็นโป๊ะน้ำตื้น 

(http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/01/20/images/news_img_8636_3.jpg)
โผล่มาแล้ว

ในจังหวัดภูเก็ตก็เช่นกัน มีพะยูนเกยตื้นหรือตายจากการติดอวนลอยจำนวน 8 ตัว ติดโป๊ะจำนวน 3 ตัว เรือชนตาย 1 ตัว และไม่ทราบสาเหตุ 1 ตัวซึ่งเป็นลูกพะยูนขนาดเล็ก ทั้งนี้สถิติพะยูนที่เกยตื้นในเขตพื้นที่จังหวัดภูเก็ตซึ่งถูกบันทึกไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2524-2550 เป็นเครื่องยืนยันได้อย่างดีว่า "น้ำมือมนุษย์" คือเหตุผลใหญ่ที่พรากพะยูนไปอย่างไม่มีวันกลับ ไล่ตั้งแต่

2 มีนาคม 2524 พบพะยูน ความยาว 2.8 ม.น้ำหนัก 300 ก.ก.เพศผู้ ติดอวนลอย อ่าวตังเข็น แหลมพันวา เสียชีวิต

วันที่ 25 สิงหาคม 2524 พบพะยูน ความยาว 1.8 ม. น้ำหนัก 90 ก.ก. เพศผู้ ติดอวนลอยปู บริเวณอ่าวปอ อ.ถลาง ตายหลังจากอนุบาลที่สถาบันฯ ได้ 77 วัน

ในวันที่ 24 มีนาคม 2525 พบพะยูน ความยาว 1.2 ม.น้ำหนัก 31 ก.ก. เพศผู้ติดอวนลอย บริเวณอ่าวมะขาม เยื้องเกาะตะเภาใหญ่ ต.วิชิต อ.เมือง ตายหลังจากอนุบาลที่สถาบันฯ ได้ 111 วัน

จากนั้นปี 2529 พบพะยูน ความยาว 2.5 ม. เพศเมียติดอวนลอย บริเวณอ่าวฉลอง อ.เมือง ตายและชาวบ้านนำเนื้อไปกิน

ต่อมาปี 2529 พบซากพะยูน ความยาว 1.8 ม. ติดอวนลอย บริเวณอ่าวฉลอง อ.เมือง ตายและชาวบ้านนำเนื้อไปกิน

วันที่ 2 สิงหาคม 2541 พบพะยูน ความยาว 2.19 ม. หนัก 184 ก.ก. เพศผู้ ถูกเรือชนในท่าเรือน้ำลึก ใกล้เกาะตะเภาใหญ่ อ.เมือง

17 มกราคม 2543 พบซากพะยูน ติดอวนลอย ณ หาดป่าคลอก อ.ถลาง ชาวบ้านนำเนื้อไปกิน

วันที่ 10 เมษายน 2543 พบพะยูนติดโป๊ะที่บางโรง อ.ถลาง สามารถช่วยชีวิตไว้ได้และปล่อยไป วันที่ 25 ตุลาคม 2543 พบซากติดอวนลอย บริเวณหาดป่าคลอก อ.ถลาง ตายและชาวบ้านนำเนื้อไปกิน

วันที่ 28 มีนาคม 2545 พบพะยูน ความยาว 2.14 ม.น้ำหนัก 174 ก.ก.เพศผู้ ติดโป๊ะ บริเวณหัวแหลมบ้านพัด ต.วิชิต อ.เมือง

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2547พบพะยูนความยาว1.15 ม.น้ำหนัก 30 ก.ก.เพศเมีย บริเวณบ้านพารา ป่าคลอก อ.ถลาง ตายหลังจากอนุบาลที่สถาบันฯ ได้ 79 วัน

วันที่ 1 มกราคม 2548 พบซากพะยูนติดอวนลอย ป่าหล่าย อ่าวฉลอง อ.เมือง ตายและชาวบ้านนำเนื้อไปกิน

วันที่ 2 เมษายน 2550 พบพะยูนขนาด 1.92 ม.น้ำหนัก 126 ก.ก.เพศผู้ ติดโป๊ะที่อ่าวป่าคลอก อ.ถลาง ตายและผ่าชันสูตรซาก

โดยพะยูนตัวล่าสุดที่ได้รับเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2551 บริเวณนอกชายฝั่งแหลมกา อ.เมือง จ.ภูเก็ต เวลา 6:00 น.จากการชันสูตรซากพบว่า พะยูนตัวนี้มีบาดแผลตื้นๆ ภายนอกเพียงเล็กน้อย เป็นแผลสดแต่ไม่รุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต ที่สำคัญพบแผลและรอยช้ำบริเวณรอบโคนหาง ซึ่งเกิดจากการมัดเชือกและลากเพื่อขนย้าย ในกระเพาะอาหารมีหญ้าทะเล 6 กิโลกรัม ส่วนในลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่มีเศษอาหารที่ย่อยแล้วอยู่เต็มตลอดทั้งลำไส้

กาญจนาให้ความรู้ว่า การพบหญ้าทะเลจำนวนมากตลอดทั้งทางเดินอาหาร เป็นข้อบ่งชี้ว่าพะยูนยังกินอาหารได้ปกติก่อนเสียชีวิตไม่กี่ชั่วโมง ไม่ได้ป่วยเรื้อรัง พบพยาธิตัวแบนในโพรงจมูกทั้งสองข้าง ในกระเพาะอาหารพบพยาธิตัวกลม และในกระพุ้งลำไส้ใหญ่พบพยาธิตัวแบนไม่ทราบชนิด ทั้งนี้การพบพยาธิดังกล่าวเป็นลักษณะปกติที่พบได้ในพะยูนในธรรมชาติ และไม่ส่งผลต่อสุขภาพแต่อย่างใด แต่สิ่งผิดปกติอยู่ที่ การพบของเหลวสีเหลืองใสในช่องอกทั้งด้านซ้ายและขวาปริมาตรรวม 400 มิลลิลิตร เป็นข้อบ่งชี้ว่าพะยูนเกิดภาวะช็อค และพบหนองสีเหลืองอ่อนบริเวณแขนงหลอดลมในปอดทั้งสองข้างหลายตำแหน่ง แต่สภาพเนื้อปอดโดยรวมยังอยู่ในสภาพปกติ อันเป็นการติดเชื้ออักเสบของปอดแบบเฉียบพลัน ซึ่งน่าจะเกิดจากการสำลักน้ำเข้าปอด และไม่พบความผิดปกติที่อวัยวะภายในอื่น ๆ

"ดังนั้นสาเหตุการตาย คาดว่าจะมาจากการติดเครื่องมือประมงทำให้จมน้ำ และสำลักน้ำเข้าปอดทำให้อ่อนแอ และปอดติดเชื้อแบบเฉียบพลันจนเสียชีวิต"   กาญจนา เผยที่มาความสลด

ภารกิจ "คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก" เพื่อติดตามการเดินทางกลับบ้านอีกครั้งของเจ้าพะยูนยังคงดำเนินต่อไป เพื่อหาหนทางสร้างเครื่องการันตีว่าฝูงพะยูนจะไม่หนีไปจากเกาะภูเก็ตซ้ำรอยเหตุการณ์ในอดีตอีกครั้ง


หมายเหตุ  : คณะนักวิจัยกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก • กาญจนา อดุลยานุโกศล • เผ่าเทพ เชิดสุขใจ • สนธยา มานะวัฒนา




จาก                                        :                                     กรุงเทพธุรกิจ      วันที่  22 มกราคม 2552


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ มกราคม 22, 2009, 02:34:33 AM
 :-* :-*









ขอให้พวกมันอยู่รอดปลอดภัยด้วยเถอะ ..  :P


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ มกราคม 22, 2009, 03:06:12 AM
อยากเจอตัวเป็นๆๆ จัง


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มกราคม 22, 2009, 03:44:25 AM

อ่านรายงานสถิติการพบเห็นพะยูนทีไร....พบแบบตายแล้วมากกว่าที่ยังมีชีวิตอยู่นะคะ.....เศร้าจัง..... :'( :'( :'(


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 03:47:55 AM
อ่าวตังเข็นเมื่อมีการก่อสร้างโรงแรมด้านบนก้นอ่าว รวมทั้งใกล้เคียง ทำให้มีคนงานจากแคมป์ลงไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่เป็นจำนวนมาก ไม่เหมือนสมัยที่ยังไม่มีการก่อสร้าง ที่เคยเดินลงไปศึกษาสิ่งมีชิวิตจะพบเพียงครอบครัวชาวประมงท้องถิ่นเท่านั้นที่ลงไปหาจับสัตว์น้ำเล็กๆ น้อยๆ เป็นพื้นที่ที่น่าห่วง

จริงๆ แล้วอยากให้ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่ตั้งอยู่ในรั้วรอบเดียวกับสวพ. และกำลังจะสร้างอาคารใหม่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ได้ขยายไปตั้งบนพื้นที่อ่าวตังเข็นมากเลย เพราะรู้สึกเสียดายพื้นที่ธรรมชาติของบริเวณนั้น ซึ่งสร้างดอคเตอร์มาแล้วหลายคน


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 10:51:35 AM
ชมวิวภาพอ่าวตังเข็นครับ

มุมสูงจากภูเขาด้านหนึ่ง (ทางขึ้นจุดชมวิวช่องเขาขาด)


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 10:53:06 AM
แนวหญ้าใบมะกรูด


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 10:55:15 AM
แนวหญ้าชะเงา (จำชื่อเต็มไม่ได้) ส่วนฉากหลังเป็นโรงงาน


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 10:57:22 AM
ที่มุมหนึ่ง (มุมละแวกโรงงาน) มีหาดทรายดำซึ่งเกิดจากแร่ที่นำมาแต่ง


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 10:59:01 AM
ที่กั้นฉากเขียวๆ สูงจากหาด ตรงนั้นมีการก่อสร้างโรงแรมใหม่ครับ


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 11:01:19 AM
โรงแรมบนก้นอ่าวตังเข็นที่กำลังสร้าง ภาพตั้งแต่เดือนม.ค.51 ปัจจุบันตัวอาคารส่วนใหญ่น่าจะเหลือแค่ตกแต่งภายใน กับภายนอก แล้วก็ปรับปรุงภูมิทัศน์ เสร็จจากนี้ไม่รู้จะมีโครงการใหนผุดขึ้นมาอีกหรือเปล่า


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 11:03:46 AM
ถ้ามีเวลาว่างตรงกับช่วงน้ำลง จะชอบไปเดินที่นี่ ส่วนใหญ่จะหาถ่ายรูปเจ้าพวกนี้ ก็ยังเคยเจอบุคคลที่มีชื่อในข่าว กำลังง่วนอยู่กับการวัดระยะอยู่ในแนวหญ้าทะเล แต่ไม่ได้ถ่ายภาพนั้นมาหรอกครับ พอดีอยู่คนละทางกับปูตัวนี้


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 22, 2009, 02:55:13 PM
ภาพเมื่อ 2-3 ปีก่อน


(http://siamensis.org/images/webboard_images/TravelPics_reply_09669.jpg)  (http://siamensis.org/images/webboard_images/TravelPics_reply_09666.jpg)


(http://siamensis.org/images/webboard_images/TravelPics_reply_09674.jpg)


จากกระทู้ http://siamensis.org/board/6599.html (http://siamensis.org/board/6599.html)


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มกราคม 22, 2009, 03:05:20 PM

ขอบคุณสำหรับภาพที่นำมาลงให้ชมค่ะ คุณนกกินเปี้ยว....(http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_53.gif)

เห็นภาพโรงแรมและสิ่งก่อสร้างที่อยู่ประชิดติดชายหาดแล้ว ก็นึกห่วงว่าน้ำในอ่าวจะเน่าเสียในไม่ช้าไม่นาน....หญ้าก็จะพากันเน่าตาย  แล้วพะยูนจะมาเยี่ยมเยือนที่นี่ได้อีกอย่างไร..... :'(


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: สายรุ้ง ที่ มกราคม 23, 2009, 05:33:01 AM
ขอถามผู้รู้ค่ะ ด้วยความสงสัยและ สนใจ

ถ้าเวลาน้ำลดจะเห็นหญ้าทะเลขนาดนี้เลยหรือค่ะ แล้ว เวลาน้ำขึ้นจะขึ้นสูงแค่ไหนค่ะ คือ อยากทราบระดับความลึกของ

น้ำที่ พะยูนจะสามารถว่ายเข้ามากิน หญ้า ทะเลเหล่านี้ได้คะ   แล้ว อาหารของหญ้าทะเล เหล่านี้ จะต้องเป็น แหล่ง น้ำทะเล

ที่สะอาดด้วยหรือเปล่าค่ะ  แล้ว โรงงานที่ตั้งอยู่ริมทะเล จะมีสารพิษ ตกค้างไหลลงสู่ทะเลไหมเอ่ย

แล้วถ้าโรงแรมแถบนั้น สร้างเสร็จ  ผู้คนพากันมาเยอะแยะ พะยูน  พวกเรือ ต่างๆ ก็คงจะเข้ามารับนักท่องเที่ยวกัน

เอ..อย่างนี้ อบต. หรือ ผู้ใหญ่ในชุมชน เค้าจะมีการ รณรงค์ ร่วมกับ โรงแรม เพื่อปลูกจิต สำนึก ให้เกิดความรับผิดชอบ

กับ ชีวิตและสิ่งแวดล้อม ของ พะยูน สัตว์ ทะเลที่หายากเหล่านี้หรือเปล่าค่ะ

เสียดายนะค่ะ ถ้า ลูก หลาน  เราในอนาคต จะได้ ดูแค่ พะยูน ที่ สต๊าฟ ไว้ ที่ พิพิธภัณฑ์ทางทะเล  ทั้งหลาย

ถามเยอะไปหรือเปล่าค่ะเนี่ย แฮะ แฮะ

ก็เพราะว่า ตื่นเต้นดีใจมาก ตั้งแต่ อ่านข่าวในหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ  หน้า จุดประกายแล้วค่ะ   

ขนาดเราอายุก็ปูนนี้แล้ว ยังอยากเห็น พะยูน ตัวเป็นๆ แบบอยู่ใน ธรรมชาติเลยค่ะ   :-* :-*


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 23, 2009, 11:25:38 AM
ระดับน้ำขึ้นกับลงทางฝั่งอันดามันนั้นต่างกันมากครับ จุดที่มีหญ้าทะเลนั้นน่าจะอยู่ในช่วงเมตรกว่า (ระดับอก) แล้วก็สูงต่ำกว่านี้ตามช่วงข้างขึ้นข้างแรม

คำตอบอื่น ขอรอฟังจากผู้รู้ต่อไปครับ


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หมูน้ำ ที่ มกราคม 27, 2009, 11:23:03 AM
วันนี้แม่หมูร้ำได้แวะมาพูดคุยด้วยคะ เลยถือโอกาสตอบบางข้อสงสัยนะคะ

ระดับน้ำขึ้นลง .. ความสูงหรือลึกของน้ำขึ้นกับความลาดเอียงของหาดด้วยคะ (slope) และช่วงน้ำเกิดหรือน้ำตาย....แต่โดยทั่วไปติดริมๆ หาด หากน้ำขึ้นเต็มที่มีความลึกตั้งแต่ 1--3-4 เมตรคะ (เทียบระยะห่างจากชายหาดแกไปประมาณ 1-2 กม.คะ
ในบ้านเรา พะยูนเข้ามากินหญ้าทะเลในที่ตื้นขณะน้ำขึ้นที่ระดับน้ำสูงราว 2 เมตรขึ้นไปคะ..... น่าแปลกใจที่พะยูนบ้านเราชอบเข้ามาหากินในเขตน้ำตื้นที่มีอันตรายมากกว่าเขตน้ำลึกที่ไม่แห้งขณะน้ำลง....อาจเป็นไปได้ว่าหญ้าทะเลในที่ตื้นมีคุณค่าทางโภชนาการมากกว่า



หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หมูน้ำ ที่ มกราคม 27, 2009, 11:30:25 AM
เรื่องสารตกค้างนั้น...แน่นอนคะ.... หญ้าทะเลรับไปเต็มๆ .... พะยูนรับต่อ.... หากคุณสายรุ้งสนใจต้องไปอ่านงานวิจัยของ ดร.สุวรรณา ภาณุตระกูล อยู่มหาวิทยาลัยบูรพาคะ.... อาจารย์สุวรรณาทำงานวิเคราะห์เรื่องสารโลหะตกค้างในเนื้อเยื่อพะยูน โลมาและวาฬคะ...รวมทั้งในหญ้าทะเลด้วย

หากแม่หมูน้ำว่างๆ (ไม่ลืม) จะช่วยขายความเรื่องนี้ต่อไปคะ

ส่วนเรื่องของโรงแรมที่กำลังจะเปิดบริการที่อ่าวตังเข็น...เห็นแล้วน่ากลัวว่า.. พะยูนของเราจะอยู่ไม่ได้นะคะ เพระต้องถูกรบกวนแน่นอน.... แม่หมูนำกะลังหาจังหวะดีๆ ไปพูดคุยกับผู้จัดการโรงแรม และอบต. ด้วยคะ...

อ่าวนี้เป้นอ่าวที่สมบูรณ์มาก และจะหาระบบนิเวศที่พร้อมสรรพกันในอ่าวเล็กๆ แบบนี้ได้ยากมาในประเทศไทยนะคะ... ที่ทีทั้งแนวปะการัง หญ้าทะเล และป่าชายเลน (ยังไม่บวก หาดหิน หาดทราย และหาดโคลนเล็กๆ อีกด้วยคะ)


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หมูน้ำ ที่ มกราคม 27, 2009, 11:42:55 AM
อ้อ... ที่สำคัญมาก ต้องแก้ไข  :) คือคำนำหน้าของแม่หมูน้ำยังไม่เปลี่ยนนะคะ... ยังเป็น"นางสาว" เหมียนเดิมคะ.... ใจจริงก็อยากจาเปลี่ยนอยู่นะคะ.... :-[


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: kungkings ที่ มกราคม 27, 2009, 12:01:21 PM
...นู๋ว่าพะยูนอยู่ไม่ได้ก็ไม่น่าห่วงเท่ากับอันตรายที่อาจเกิดกับพะยูนเน๊อะ ...คิดแล้วน่ากลัวจัง  เฮ้อ ??? ??? ???


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: นกกินเปี้ยว ที่ มกราคม 27, 2009, 01:00:41 PM
มีโรงแรมตั้งอยู่ในอ่าวที่ค่อนข้างสงบ ในเวลาน้ำขึ้นก็ลึกพอประมาณ ต่อไปยังไงคิดว่าคงเกิดการให้บริการกิจกรรมทางน้ำแก่นักท่องเที่ยวแน่เลย เช่นเจ็ทสกี สกุ๊ตเตอร์ แม้แต่คายัค แคนูก็สามารถรบกวนพะยูนได้ หากเป็นปริมาณสำหรับบริการนักท่องเที่ยว นอกเหนือไปจากนั้น อาจจะมีเรือบริการนักท่องเที่ยวออกไปทะเล ซึ่งจะมีเรือหางยาว/หัวโทงทั้งหลายมาจอด และวิ่งผ่านไปมาในอ่าวมากขึ้นอีกด้วย



หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: lord of death ที่ มกราคม 28, 2009, 04:30:35 AM
นะโมตัสะ นะโมตัสะ ขอให้เจอ ขอให้เจอ ขอให้เข้ามากินหญ้านะจ๊ะ
พอดีว่าผมจะไปพักบ้านของพี่ผม ริมทะเลที่แหลมพันวา พร้อม Dive Instructor 2-3 คน พอดี แบบว่าเพิ่งขึ้นมาจากสิมิลัน มาพักสัก วันสองวัน เด๋วจะขอไปดูชะหน่อย
เผื่อฟลุคๆ จะได้เก็บภาพมาฝาก แต่ไม่มาไม่ว่า ไปเก็บภาพหญ้าเปล่าๆ พร้อมสรรพชีวิตย่านนั้นก็ได้ แต่มาเถอะมากินหญ้าเร้ว โมะ โมะ โมะ


หัวข้อ: Re: พะยูน รีเทิร์น
เริ่มหัวข้อโดย: สายรุ้ง ที่ มกราคม 28, 2009, 10:33:25 AM
โอม  เพี้ยง ขอให้แม่หมูน้ำ ดลใจให้ ผู้จัดการโรงแรม และ อบต. กับผู้ใหญ่ในชุมชน ของ อ่าว ตังเข็น  เห็นกับ  ชีวิตของ พะยูน

และ สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะ แหล่งอาหารของ พะยูนด้วยนะค่ะ   

ไม่รู้ว่าทางศูนย์วิจัยฯ ของ แม่หมูน้ำ จะมีงบ เพื่อทำการประชาสัมพันธืในเรื่องนี้หรือเปล่านะค่ะ   จริงๆ ถ้าหาแนวร่วมเป็น 

ชาวบ้านหรือเด็กๆ นักเรียนในพื้นที่ ให้เค้ารุ้คุณค่าของ หญ้าทะเล กับ พะยูน เพื่อปลูกจิตสำนึกและ เพื่อ ก่อให้เกิดแนวร่วม

ป้องกันภัยให้พะยูนได้ก็จะดีนะค่ะ