กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 22, 2024, 08:28:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 1855 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2008, 12:16:55 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่ปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงด้วย ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนอากาศอุ่นขึ้น และมีหมอกเพิ่มมากขึ้น ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ ด้วย ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือบริเวณอ่าวไทยควรระวังอันตรายจากการเดินเรือในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย และมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 13-16 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง และมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศอุ่นขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ สำหรับภาคใต้มีจะมีฝนลดลง และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง

ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 พ.ย. บริเวณความกดอากาศสูงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศหนาวเย็น และอุณหภูมิจะลดลง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 13-14 และในวันที่ 18 พ.ย. ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้จังหวัดชุมพรลงไประมัดระวังอันตราย จากสภาวะ น้ำท่วมฉับพลัน และน้ำล้นตลิ่ง ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 พ.ย. ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอก



* Forecast2.jpg (42.9 KB, 693x430 - ดู 226 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (21.26 KB, 450x307 - ดู 231 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2008, 12:32:56 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ญี่ปุ่นปฏิเสธข่าวลดจำนวนการล่าวาฬ

 นายโตชิโนริ อูโอยะ เจ้าหน้าที่สำนักประมงญี่ปุ่น ปฏิเสธรายงานของหนังสือพิมพ์อาซาฮีที่ว่า ญี่ปุ่นจะลดปริมาณการล่าวาฬในฤดูร้อนลง พร้อมระบุว่า ญี่ปุ่นยังคงแผนการเดิมที่ตั้งเป้าจะล่าวาฬมิงเกให้ได้ 850 ตัว และวาฬฟินอีก 50 ตัว เหมือนเมื่อปีที่แล้ว และจะงดล่าวาฬหลังค่อมต่อไปและว่า การล่าวาฬครั้งต่อไปจะมีการเตรียมรับมือกับกลุ่มผู้ประท้วง แต่ไม่ยอมเปิดเผยรายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร

ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นมีขึ้นหลังจากหนังสือพิมพ์อาซาฮีของญี่ปุ่นรายงานว่า ญี่ปุ่นจะลดจำนวนวาฬที่จะล่าในช่วงฤดูร้อนปีหน้าโดยจะล่าวาฬมิงเก 700 ตัว และวาฬฟิน 50 ตัว เพราะถูกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามประท้วงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ประกอบกับความต้องการบริโภคเนื้อวาฬของชาวญี่ปุ่นลดลง

นายปีเตอร์ การ์เรตต์ รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมออสเตรเลีย ระบุว่า หากญี่ปุ่นลดจำนวนการล่าจริงจะเป็นการลดครั้งแรกนับแต่ญี่ปุ่นเริ่มโครงการล่าวาฬเมื่อ 21 ปีก่อน
       
ด้านดาริล ฮันนาห์ ดาราสาวชื่อดังจากภาพยนตร์เรื่อง Splash และ Kill Bill มีแผนจะไปประท้วงต่อต้านการล่าวาฬประจำปีของญี่ปุ่นร่วมกับกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย โดยนายพอล วัตสัน กัปตันเรือซี เชฟเพิร์ด เผยว่า ฮันนาห์จะโดยสารไปกับเรือซึ่งมีกำหนดออกจากท่าในนครบริสเบน ของออสเตรเลียวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เพื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มนักล่าวาฬของญี่ปุ่นในมหาสมุทรแถบขั้วโลกใต้ช่วงปลายเดือนนี้ เพื่อหยุดยั้งการล่าวาฬ หรือก่อกวนให้ล่าวาฬได้น้อยลง


*****************************************************************************************************************************


อบจ.สตูล ยื่นหนังสือผู้ว่าฯ ชะลอคำสั่งรื้อถอนรีสอร์ตบนเกาะอาดัง

สตูล - นายก อบจ.สตูล นำตัวแทนผู้นำท้องถิ่นยื่นหนังสือมติองค์กรท้องถิ่นและองค์กรภาคเอกชน ให้กับผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อชะลอคำสั่งรื้อถอนรีสอร์ทบนเกาะอาดัง ขณะที่กลุ่มนักกิจกรรมสิ่งแวดล้อมเห็นปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐให้นึก ถึงชาวบ้านในพื้นที่มากกว่านายทุน
       
       วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.สตูล นายธานินทร์ ใจสมุทร นายก อบจ.สตูล พร้อมเหล่าสมาชิกได้นำหนังสือ มติองค์กรท้องถิ่น และองค์กรภาคเอกชน 7 องค์กรที่ลงรายชื่อร่วม 100 คน และมติของสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด ในการแสดงเจตจำนง ให้มีการชะลอคำสั่งรื้อถอนโครงการไปก่อน และเสนอให้มีการแก้ปัญหาให้ บริษัท อาดังรีสอร์ท จำกัด ได้ดำเนินโครงการต่อไป ผ่าน นายช่วงชัย เปาอินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล จำนวน 2 ชุดนั้น
       
       ด้านรองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูล กล่าวว่า ขณะนี้ทางจังหวัดสตูลได้ดำเนินการในเรื่องนี้เป็น 3 ส่วนด้วยกัน คือ 1.ได้มีการทำหนังสือถึงหัวหน้าอุทยานตะรุเตาให้มีการชะลอการรื้อ หรือทุบไว้ก่อน และ 2.ทางจังหวัดสตูลได้มีการแต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่า เรื่องราวเป็นอย่างไร และ 3.ได้มีการทำหนังสือถึงกรมธนารักษ์ ให้ทางกรมธนารักษ์ไปหารือกับกรมอุทยานแห่งชาติ
       
       นายสมยศ โต๊ะหลง นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภาคใต้ มองว่า เป็นปัญหาการจัดการด้านสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะพื้นที่อุทยานต่างๆว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นเกิดจากพื้นฐานการจัดการที่ดินของรัฐที่ผ่านมาเมื่อมาดูก็ จะพบว่า การจัดการที่ดินของรัฐโดยเฉพาะอุทยาน ตั้งแต่เริ่มต้นมีความต้องการแยกทรัพยากรบุคคลออกมาจากพื้นที่ป่า สุดท้ายก็มีการนำที่ดินของรัฐไปให้ทุนขนาดใหญ่ ซึ่งไม่ใช่ชาวบ้านในพื้นที่ ทำให้ที่ดินส่วนใหญ่ถูกประเคนออกไปให้นายทุน
       
       โดยการผลักดันออกกฎหมายต่างๆ เช่น การออกกฎหมายการจัดตั้งองค์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือว่า องค์กรเกี่ยวกับการจัดการท่องเที่ยวต่างๆ เป็นเครื่องมือในการจัดสรรที่ดินเหล่านี้ไปให้กับทุนกลุ่มใหญ่ ทำให้คนพื้นที่จริงๆไม่ได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้
       
       นักกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภาคใต้ กล่าวด้วยว่า ปัญหาของเกาะอาดังนั้น พบว่า เป็นปัญหาระดับนโยบาย และกฎหมาย และยังเห็นว่าเป็นตัวอย่างการดำเนินการที่เป็นรูปธรรม และน่าจะเป็นต้นแบบให้พื้นที่อื่นๆได้ ให้กับอุทยานหน่วยต่างๆ ให้กับพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศได้ และหลังจากนี้ เมื่อทางศาลสั่งให้อุทยานกลับคืนมาเป็นของอุทยาน ทางอุทยานตะรุเตาต้องทำให้เป็นรูปธรรมมากกว่านี้ เพื่อจะได้นำเอาทรัพยากรพื้นที่ตรงนี้กลับมาใช้ประโยชน์ให้กับคนในท้องถิ่น หรือคนใน จ.สตูล ได้จริงๆ มันจะเป็นตัวอย่างให้กับอุทยานฯอื่นๆ ในการดำเนินการในระยะต่อไป
       
       ที่ผ่านมาการบริหารทรัพยากรนั้น มองว่า เป็นหลักแนวคิดของอุทยานทั่วประเทศ จากการพบปัญหาของชาวบ้านจากการประกาศแนวเขตอุทยานเยอะมาก อย่างเช่นการย้ายคนในท้องถิ่นออกจากพื้นที่ในแนวเขตอุทยาน เจ้าหน้าที่เข้าไปทำลายอาสิน พืชผลของชาวบ้าน เพื่อที่จะกันชาวบ้านออกจากตรงนั้น แต่ไม่ได้เข้าศึกษาข้อเท็จจริงและวิธีการแก้ปัญหาจริงๆ แต่เป็นการนึกวิธีการแก้ปัญหาจากข้อมูลที่มีไม่มากพอ
       
       การมีส่วนร่วมของชาวบ้านนั้น ขึ้นอยู่ในดุลพินิจของแต่ละพื้นที่ ชาวบ้านส่วนใหญ่ได้เพียงแค่แจ้งเพื่อทราบ แต่ไม่ได้มีการร่วมประชุมวางแผน แต่การกำหนดแนวเขตวางแผนการใช้ประโยชน์รวมไปถึงการรับประโยชน์ร่วมกัน และมองว่า ควรที่จะดำเนินการในทุกพื้นที่ของอุทยาน เพราะข้อ1 ได้เริ่มต้นการแก้ปัญหาจากข้อเท็จจริงๆ โดยการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจริงๆ เมื่อได้เข้าไปพูดคุยตั้งแต่เริ่มต้น ปัญหาต่างๆในระยะยาวจะได้รับความคลี่คลาย
       
       สำหรับ บทสรุปของกรณีเกาะอาดังนั้น มองว่า เกาะอาดังสามารถทำได้เพียงแค่ระดับในระดับหน่วยเหนือสามารถแก้ได้ในระดับหนึ่ง แต่ปัญหาจริงๆอยู่ที่ระดับนโยบายว่า จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้อย่างไร กรมอุทยานไม่ควรออกกฎหมายหรือเปิดช่องให้กับนายทุนเข้ามาใช้ประโยชน์ที่เกินกำลังจากพื้นที่


*******************************************************************************************************************************


ดอนสักทำเขตอนุรักษ์หญ้าทะเล-ปะการังเทียม “อ่าวเกาะนกเภา” แหล่งอาหารป้อนฝูงพะยูน
 
       สุราษฎร์ธานี - ดอนสักจัดทำเขตอนุรักษ์หญ้าทะเลและแนวปะการังในพื้นที่ชายทะเลบริเวณหน้าอ่าวเกาะนกเภา เป้าเพื่อเป็นอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลโดยเฉพาะฝูงปลาพะยูนซึ่งเป็นเอกลักษณ์ทางการท่องเที่ยว
       
       นายไพศาล ตรีธัญญา นายอำเภอดอนสัก จ.สุราษฏร์ธานี เปิดเผยว่า อำเภอดอนสักร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชน ร่วมจัดทำเขตอนุรักษ์หญ้าทะเลและแนวปะการังในพื้นที่ชายทะเลบริเวณหน้าอ่าว เกาะนกเภา ของอำเภอดอนสัก ในโอกาสครบ 40 ปี ในปี 2552 ของอำเภอดอนสักซึ่งจากเดิมเป็นตำบลหนึ่งที่ขึ้นกับอำเภอกาญจนดิษฐ์
       
       ทั้งนี้ เพื่อรักษาระบบนิเวศทางทะเลบริเวณดังกล่าวให้อุดมสมบูรณ์ รวมถึงเป็นแหล่งกำเนิดของอาหารและที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลโดยเฉพาะปลาพะยูน ที่ยังคงเหลืออยู่ในบริเวณหน้าอ่าวเกาะนกเภา หมู่ที่ 11 ต.ดอนสัก อ.ดอนสัก
       
       อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวได้ประกาศเป็นเขตพื้นที่อนุรักษ์สัตว์ทะเล พร้อมกับได้จัดทำโครงการสร้างปะการังเทียมในบริเวณนี้ โดยได้นำปล่องซีเมนต์ 100 ปล่อง บรรทุกเรือไปทิ้งไว้ในบริเวณดังกล่าวแล้ว เป็นโครงการนำร่อง
       
       สำหรับจัดทำเขตอนุรักษ์หญ้าทะเลและแนวปะการังในพื้นที่ชายทะเลบริเวณหน้า อ่าวเกาะนกเภานั้น เป็นหนึ่งในนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติของ จังหวัดสุราษฎร์ธานี อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ชาวประมงร่วมกันอนุรักษ์สัตว์ทะเลโดยเฉพาะปลา พะยูนที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณชายทะเลของอำเภอดอนสักและเพื่อให้เป็น เอกลักษณ์ทางการท่องเที่ยว เพราะปัจจุบันนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติเดินทางเข้ามาท่อง เที่ยวเยี่ยมชมปลาพะยูน บริเวณหน้าอ่าวเกาะนกเภา เพิ่มมากขึ้น


****************************************************************************************************************************


คณะสัตวแพทย์ จุฬาฯตรวจรักษาเต่าทะเล

   
 
  ศูนย์ข่าวศรีราชา - ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมคณะนำเครื่องมือ อุปกรณ์ อัลตราซาวด์ ตรวจคลี่นหัวใจ และรักษาบาดแผลเต่าทะเล ศูนย์อนุรักษ์กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ
       
       วันนี้ (12 พ.ย.) รศ.ส.พญ.นันทริกา ชันซื่อ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสัตว์น้ำ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พร้อมสัตวแพทย์ได้นำเครื่องมือแพทย์ เครื่องอัลตราซาวนด์ เครื่องมือ อุปกรณ์ ยารักษาโรค เดินทางมายังศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ซึ่งอยู่ในการดูแลของศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง กองทัพเรือ อำเภอสัตหีบ จึงหวัดชลบุรี
       
       ทั้งนี้มี นาวาเอก มนตรี จึงรุ่งเรือง ผู้อำนวยการศูนย์ต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง ได้ให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกให้แก่คณะ และได้นำลูกเต่าทะเลมาให้สัตวแพทย์ทำการตรวจรักษา
       
       ส่วนเต่าที่เจริญวัยพร้อมที่จะปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้ทำการฝังชิปไว้เพื่อไว้สำหรับติดตามเต่า หรือถ้าพบก็สามารถใช้เครื่องมือตรวจสอบได้ว่า ได้ถูกปล่อยไปจากศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ สัตหีบ ซึ่งจากผลการพิสูจน์พบว่าลูกเต่าเมื่อถูกปล่อยไปจากชายหาด ณ แห่งหนใด เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์จะกลับเข้ามาวางไข่ที่ชายหาดที่ถูกปล่อยครั้งแรก
       
       รศ.ส.พญ.นันทริกา ซันซื่อ กล่าวว่า เต่าทะเลที่กองทัพเรืออนุรักษ์ มีความสมบูรณ์ เพราะได้รับการเอาใจใส่ดูแลอย่างดีเยี่ยม ทำให้ไม่เกิดโรคระบาดสู่เต่าแรกเกิด และเต่าใหญ่ ในแต่ละปีมีจำนวนเต่ามากขึ้น นั่นหมายถึงการอนุรักษ์ การปลูกจิตสำนึกให้กับเยาวชน ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะประชาชนที่พักอาศัยอยู่แถบชายทะเลอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี และใกล้เคียง ได้ร่วมกันอนุรักษ์มากขึ้น ไม่จับเต่ามาฆ่ากินเนื้อ ไม่เก็บไข่มากินเป็นอาหาร หรือขาย ส่งผลให้กองทัพเรือมีการแพร่ขยายพันธุ์เต่าได้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
       
       ในฐานะที่เป็นสัตวแพทย์ได้ให้ความสนใจชีวิตเต่าทะเลมาโดยตลอด เมื่อเต่าป่วยก็จะพาคณะแพทย์ด้วยกันมาทำการผ่าตัด ตรวจรักษาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งตั้งใจไว้ว่าจะหาแนวทางในการก่อสร้างโรงพยาบาลเต่าที่ใหญ่ที่สุดใน แถบเอเชียไว้ที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ จะต้องปรึกษาหารือถึงความเป็นไปได้ในเรื่องนี้
       
       พลเรือตรี จักรชัย ภู่เจริญยศ ผู้บัญชาการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง เปิดเผยว่า ในปัจจุบันศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ ได้รับความสนใจจากหน่วยงานภาครัฐ เอกชน ประชาชนทั่วไป เข้ามาเยี่ยมชม ศึกษาวิถีชีวิตเต่าทะเล ที่มีจำนวนน้อยลง เกรงว่าอีกไม่นานจะสูญพันธุ์ถ้าประชาชนชาวไทยไม่ร่วมแรง ร่วมใจกันอนุรักษ์เต่าทะเลให้คู่กับทะเลไทย เพราะเต่ามีบุญคุณต่อประเทศไทยอย่างมาก ที่สามารถเป็นเครื่องต่อรองในการส่งออกกุ้งของไทยไปจำหน่ายต่างประเทศมาจนถึงปัจจุบัน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนจากทุกภูมิภาคของประเทศเดินทางมาชมเต่าทะเล กองทัพเรือ ซึ่งถือว่าเป็นหน้าเป็นตาของกองทัพเรือที่สามารถดูแลอนุรักษ์เต่าทะเลไว้ได้อย่างดีเยี่ยม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2008, 12:41:58 AM »

ข่าวสด


รักษาเต่า



ไมคาช โรเจอร์ (ขวา) จากโรงพยาบาลเต่าบนฟลอริดาคีย์ และทอม เลบเก้ ใช้เครื่องมือดอพเพลอร์เสียสะท้อนเพื่อ ตรวจอัตราการเต้นหัวใจของเต่ากระชื่อเจ้าแซนดี้ ที่ไมอามี่ เจ้าเต่าน่าสงสารตัวนี้ถูกสุนัขจรจัดทำร้ายเมื่อเดือนที่แล้วขณะขึ้นมาวางไข่บนหาดเซนต์คร็อกซ์ ได้ขึ้นเครื่องอเมริกันแอร์ไลน์ฟรี เดินทางมารักษาตัวที่โรงพยาบาลเต่าในไมอามี่ (ภาพ-เอเอฟพี)


****************************************************************************************************************************


พบหลักฐานใหม่ "โรบินสัน ครูโซ"ติดเกาะ



นักโบราณคดีพบหลักฐานใหม่ล่าสุดของอเล็กซานเดอร์ เซลเคิร์ก ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็น "โรบินสัน ครูโซ" เนื่องจากติดเกาะร้างมานานกว่า 4 ปี

เดวิด คัลด์เวล นักโบราณคดีจากพิพิธภัณฑ์แห่งชาติสกอตแลนด์ เปิดเผยว่า "ในการขุดค้นที่เกาะอะกูอัส บัวนาส ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆในทะเลแปซิฟิก เราพบร่องรอยการตั้งแคมป์ที่น่าจะเป็นของเซลเคิร์ก ที่ตั้งแคมป์ในจุดที่มองเห็นอ่าวโดยสะดวก เพื่อมองหาเรือที่อาจเข้ามา เรายังพบเครื่องมือนำทางเรือ ซึ่งเครื่องมือนี้ใช้สำหรับนักเดินเรือระดับหัวหน้าเท่านั้น"

เซลเคิร์กติดเกาะตั้งแต่ เดือนตุลาคม ค.ศ. 1704 หลังจากทะเลาะกับธอมมัน สแตรดลิ่ง ผู้บัญชาการเรือ เขาเลยพร้อมใจที่จะอยู่บนเกาะ ไม่ไปกับเรือ โดยไม่รู้เลยว่า จะต้องอยู่บนเกาะนี้คนเดียวถึง 4 ปี 4 เดือน ซึ่งต่อมาเรือของอังกฤษ ที่มีกัปตันวู้ดเดส รอเจอร์ส เป็นผู้บัญชาการเรือได้ช่วยเหลือให้เขาออกมาจากเกาะ

จากบันทึกของเซลเคิร์ก ที่เขียนขึ้นหลังจากพ้นเกาะเพียงไม่นาน พบว่า เขาใช้ปืนยิงแพะเป็นอาหาร ใช้หนังแพะเป็นเครื่องนุ่งห่ม ใช้เวลาว่างในการอ่านไบเบิ้ลและร้องเพลง

สำหรับนวนิยายเรื่อง "โรบินสัน ครูโซ" เขียนโดย แดเนียล ดีโฟ ตีพิมพ์เมื่อค.ศ. 1719 ไม่แน่ว่า ดีโฟอาจเขียนหนังสื่อชื่อดังเล่มนี้จากการบอกเล่าของเซลเคิร์กเอง หรือได้ยินเรื่องเล่าต่อๆ กันมา

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 22 คำสั่ง