สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 31 ธันวาคม 2551

[สายน้ำ]

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมเข้ามาถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแล้วในเช้าวันนี้ (31 ธ.ค. 51) ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา และมีลมแรง ต่อจากนั้นความกดอากาศสูงนี้ จะแผ่ปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกและภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพ-มหานครในวันที่ 1-2 ม.ค. 52 ซึ่งจะทำให้มีอุณหภูมิลดลง 2-3 องศาและมีลมแรง

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือ และในช่วงวันที่ 31ธ.ค. 2551 ถึง 3 ม.ค. 2552 นี้ขอให้เรือเล็กตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง  อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศา  ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีหมอกในตอนเช้า โดยในภาคเหนือมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังปานกลาง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองกระจาย คลื่นลมในอ่าวไทยสูง 1-2 เมตร

ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551-5 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมทะเลจีนใต้และประเทศไทยตอนบน ประกอบกับมีคลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนตัวจากประเทศพม่าผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยในช่วงวันที่ 2-4 ม.ค. 52 ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 2-5 องศา ส่งผลให้มีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง ส่วนภาคใต้จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น และคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2551 - 4 ม.ค. 2552 ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไประวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน รวมทั้งชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงเวลาดังกล่าวไว้ด้วย

[สายน้ำ]

แนวหน้า


กรมอุทยานฯระดมจนท. เตรียมสกัดแก๊งค์โฟร์วีล ลอบล่าสัตว์ช่วงเทศกาล    
 
 นายเอิบ เชิงสะอาด ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่3 กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวถึงกรณีที่มี่ข่าวลือว่ากลุ่มคนล่าสัตว์ หรือ แก๊งค์โฟร์วีลจะฉวยโอกาสช่วงเทศกาลปีใหม่เข้าไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร จ.กาญจนบุรี ว่า ทางเราไม่นิ่งนอนใจ ได้สั่งการกำชับให้เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจการณ์มากขึ้นอีก รวมถึงให้ตั้งจุดตรวจตามรายทางเข้าออกอย่างเข้มงวด เช่น จุดตรวจที่บ้านคลิตี้ที่ตรวจร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู จุดตรวจที่ด่านทินวยที่จะเป็นประตูเข้าสู่ทุ่งใหญ่นเรศวร เป็นต้น คาดว่าเราสามารถดูแลป้องกันขบวนการล่าสัตว์ได้อย่างแน่นอน

 ดังนั้นจึงอยากประชาสัมพันธ์ไปยังผู้ที่คิดว่าจะลักลอบเข้ามาล่าสัตว์ในทุ่งใหญ่นเรศวรว่าให้หยุดความคิดในการกระทำดังกล่าวเสีย ไม่เช่นนั้นหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะจับกุมและดำเนินคดีอย่างถึงที่สุดต่อไป รวมทั้งยังอยากเตือนไปยังนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวที่ทุ่งใหญ่ฯว่า การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์จะสนุกสนามหรือได้รับบรรยากาศธรรมชาติอย่างใดก็ตามสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือการท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตามกฎของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอย่างเข้มงวด เพราะหากไม่ปฏิบัติตามเจ้าหน้าที่ก็จะต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นกัน

 นายเอิบ กล่าวอีกว่า เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ถือว่าเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ห้ามมีการเข้าไปล่าสัตว์อย่างเด็ดขาด ซึ่งทางกรมอุทยานแห่งชาติฯ มีการสั่งการเป็นระเบียบปฏิบัติอย่างเข้มงวด โดยมีการกำหนดเส้นทางให้นักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปท่องเที่ยวในเขตพื้นที่ทุ่งใหญ่นเรศวรเป็น 4 เส้นทางเข้า เส้นทางแรกคือเส้นทางจากบ้านทินวยไปน้ำตกน้ำโจน 2.เส้นทางจากบ้านทินวยไปจุดซ่งไท้ 3.เส้นทางจากบ้านเสน่ห์พร่องไปเกาะสะดิ่ง และ4.คือเส้นทางไปน้ำตกตะเคียนทอง โดยทั้ง 4 จุด เจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวสามารถนำรถเข้าไปท่องเที่ยวได้แค่เส้นทางละ 15 คันต่อวันเท่านั้น และสามารถท่องเที่ยวได้ 3 วัน 2 คืน และจะค้างคืนได้เฉพาะในพื้นที่ทางเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กำหนดไว้เท่านั้น ซึ่งการพักค้างแรมในพื้นที่ป่าอนุรักษ์จะต้องเป็นพื้นที่ที่ไม่รบกวนสัตว์ป่าและไม่ส่งผลกระทบทำลายต่อสิ่งแวดล้อมป่าที่มีความสมบูรณ์ที่สุดในประเทศไทยอย่างเด็ดขาด 

[สายน้ำ]

เนชั่นทันข่าว


ปะการัง พท.สึนามิ ฟื้นตัวเกือบ 100% แล้ว
 
นายศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านปะการัง เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่สำรวจปะการังในเขตพื้นที่ประสบภัยพิบัติ "สึนามิ" ตลอดช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดพบว่า ปะการังในพื้นที่ดังกล่าว เกิดการฟื้นตัวและสร้างความสวยงามให้กับท้องทะเลทั้ง 6 จังหวัดที่ประสบภัยเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยเฉพาะแนวปะการังในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน และอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตุรุเตา จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ความงดงามของแนวปะการังที่เกิดขึ้นนั้น ได้กลับมาสร้างแรงจูงใจให้นักท่องเที่ยว ได้กลับมาเที่ยวชม และร่วมกิจกรรมดำน้ำในพื้นที่ที่เคยประสบภัย "สึนามิ" ได้อีกครั้ง

"นอกจากความงดงามของแนวปะการังแล้ว สิ่งหนึ่งที่สามารถสังเกตได้คือจำนวนสัตว์น้ำขนาดเล็กที่อาศัยอยู่ตามแนวปะการังที่เพิ่มมากขึ้นจนสามารถสร้างสีสันให้กับใต้ท้องทะเลไทยได้ จึงกล่าวได้ว่าห้องรับแขกทางทะเลของประเทศไทย กำลังกลับมาสร้างรายได้ให้กับชาวไทยได้อีกครั้งหนึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่หายไปจากการสังเกตคือ ปลาขนาดใหญ่ตามแนวปะการังนั้น เหลือน้อยมาก

ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะนักท่องเที่ยว เริ่มหันมาบริโภคปลาขนาดใหญ่ตามแนวปะการังมากขึ้น ซึ่งในส่วนนี้อยากเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ออกรณรงค์ห้ามไม่ให้นักท่องเที่ยวจับปลาขนาดใหญ่มาบริโภค ทั้งนี้ เพื่อความสมดุลทางธรรมชาติ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ในอนาคตข้างหน้าจะไม่พบปลาขนาดใหญ่ตามแนวปะการังอีกเลย" นายศักดิ์อนันต์ กล่าว