กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 22, 2024, 12:28:34 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 7 เมษายน 2552  (อ่าน 2106 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« เมื่อ: เมษายน 07, 2009, 02:12:22 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา

สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมภาคกลาง และภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงในระยะนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับลมกระโชกแรงบางแห่ง
อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศา อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศา
ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางยังคงปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และ ภาคตะวันออกของประเทศไทย ลักษณะเช่นทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนยังมีฝนฟ้าคะนองกระจาย และมีลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 11-13 เม.ย. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมบริเวณดังกล่าวจะมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อนขึ้น

ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 7-10 เม.ย. 52 ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายจากลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น


* Forecast0704.JPG (22.68 KB, 398x384 - ดู 259 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #1 เมื่อ: เมษายน 07, 2009, 02:18:56 AM »

ไทยรัฐ

นักคณิตศาสตร์คิดสูตรคำนวณหาหัวใจคลื่นสึนามิ
 
มนุษย์เรือนแสนอาจไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคลื่นยักษ์สึนามิถล่มอีกแล้ว เพราะนักคณิตศาสตร์ได้คิดสูตร ที่จะบอกให้รู้ล่วงหน้าและความรุนแรงมากน้อยขนาดไหน

ศาสตราจารย์โรบิน จอห์นสัน แห่งมหาวิทยาลัย นิว คาสเซิล ได้ศึกษาวิจัยเหตุการณ์เมื่อคลื่นยักษ์สึนามิถล่มแถบริมฝังทะเลในไทย อินเดีย อินโดนีเซีย และศรีลังกา รับเทศกาลคริสต์มาสเมื่อปี พ.ศ.2547 ครั้งนั้นแผ่นดินไหวใต้มหาสมุทรลึก ได้ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์เป็นแนวยาว โถมถล่มริมฝั่งด้วยความเร็วอย่างน่าตกใจ ตามกันมารวม 6 ลูกด้วยกัน

ดร.โรบินเปิดเผยว่า คลื่นลูกที่สามนับเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่สุด สูงถึง 20 เมตร ทรงพลังทำลายล้างมากที่สุด ซัดเอารถไฟทั้งขบวนตกรางที่ริมฝังของศรีลังกา สังหารชีวิตมนุษย์ไปเกือบ 1,000 คน

คณะนักวิจัยได้รายงานผลการศึกษา ในวารสารวิชาการ “งานวิจัยการเคลื่อนไหวของของเหลว” ว่า “เราพบว่าจำนวนและความสูงของคลื่นยักษ์สึนามิ ที่ถล่มชายฝั่ง ขึ้นอยู่กับลักษณะของคลื่นใต้น้ำลึกที่โผล่ขึ้นสู่ผิวน้ำตอนแรกอย่างสำคัญ จากจุดนี้ ทำให้เราสามารถดูออกมาได้ว่าคลื่นนำ เป็นท้องหรือหัวของคลื่น หากเป็นท้องคลื่น ก็จะมีกระแสน้ำพุ่งนำหน้าคลื่นยักษ์สึนามิที่กำลังตามเข้ามา แต่ถ้าหากเป็นหัวคลื่น จะไม่มีการเตือนอันใดเลย นอกจากกำแพงน้ำที่กำลังถาโถมเข้ามาอย่างรวดเร็ว”.
 
********************************************************************************************************

ทรู รณรงค์แข็งขัน ปิดไฟให้โลกพัก

เข้าสู่ยุคข้าวยากหมากแพง ราคาน้ำมันทะยานไม่หยุด ทางออกที่ดีที่สุดคือสามัคคี ช่วยกันประหยัดพลังงาน    คนละไม้ละมือ!!   ค่ายทรู  คอร์ปอเรชั่น  นำทีมนักล่าฝันบ้าน  AF  และพนักงานในเครือ  เข้าร่วมโครงการ “Earth Hour ปิดไฟให้โลกพัก” ซึ่งมีการรณรงค์ไปทั่วโลก   เมื่อปลายเดือน   มี.ค.ที่ผ่านมา

เพื่อเชิญชวนให้ลดการใช้พลังงานอย่างพร้อมเพรียงกันเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง ในช่วงสองทุ่มถึงสามทุ่ม ตามเวลาบ้านเรา

สำหรับค่ายทรู คอร์ปอเรชั่น  ภายใต้การนำของ  “รุ่งฟ้า เกียรติพจน์” ผอ.ด้านบริหารแบรนด์และการสื่อสารการตลาด ได้สนับสนุนโครงการปิดไฟให้โลกพักมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ขยายสเกลเพิ่มขึ้น ด้วยการร่วมปิดไฟดวงที่ไม่จำเป็นในทุกหน่วยงาน ทั้งที่ตึกทรู ทาวเวอร์ 1 และ 2, ร้านทรูคอฟฟี่ทุกสาขา  พร้อมกันนี้  ยังร่วมกันปิดไฟ  และลดการใช้พลังงานที่ชุมสายโทรศัพท์ทรูด้วย  รวมทั้งขอความร่วมมือ ในการปิดไฟจากพนักงานในเครือทุกคน เพื่อร่วมปลูกจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมแก่คนไทย  และกระตุ้นเตือนให้คนไทยลดการใช้พลังงานต่อไปในชีวิตประจำวัน  โดยก่อนหน้านี้ได้มีการระดมสื่อทุกแขนงในเครือทรู เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการ Earth Hour อย่างเต็มที่ร่วมกันรักษ์โลก ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นนะคะ เพื่อโลกน่าอยู่ของเราทุกคน!!
บันทึกการเข้า
เด็กน้อย
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 190


« ตอบ #2 เมื่อ: เมษายน 07, 2009, 02:23:55 AM »

เดลินิวส์

ฝนถล่มกรุงอ่วมนํ้าท่วมขังถนนทำจราจรวิกฤติ

 พื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลอ่วม เจอพายุฝนฤดูร้อนพัดถล่มนานกว่า 3 ชั่วโมง ส่งผลถนนสายสำคัญอัมพาต รถติดรถชนกันระนาว น้ำท่วมซ้ำอีก ส่วนในพื้นที่สูงเนิน นครราชสีมา พายุพัดถล่มบ้านเรือน-พื้นที่การเกษตรเสียหายยับเยิน ศูนย์พัฒนาเด็ก-วัด เสียหาย จนท.เร่งช่วยเหลือแล้ว ขณะที่ในเมืองสองแคว ฝนตกหนักรถวิ่งสวนทางกันมองไม่เห็น ชนแหลกตาย 3 ศพ เจ็บ 7 คน

เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในพื้นที่กรุงเทพฯตลอดในช่วงบ่ายมีฝนตกพร้อมลมกระโชกแรงอย่างต่อเนื่องนานกว่า 3 ชั่วโมง ทำให้ถนนหลายสายเริ่มมีน้ำท่วมขัง มีรถประสบอุบัติเหตุจากถนนลื่นในหลายจุด เช่น ที่ถนนวิภาวดีรังสิต รถชนกันบริเวณใกล้กองทัพอากาศ 2 จุด รวม 9 คัน ส่งผลการจราจรติดขัดอย่างหนัก ส่วนซอยมหาดไทยซึ่งเป็นเส้นทางลัดระหว่างถนนรามคำแหง กับถนนลาดพร้าว น้ำท่วมสูงทำให้รถเคลื่อนตัวลำบาก และติดขัดภายในซอย ยาวออกไปถึงถนนลาดพร้าว และถนนรามคำแหง
 
ด้านถนนแจ้งวัฒนะขาออก ที่จะเลี่ยงเข้าเมืองทองธานี เกิดน้ำท่วมขังปริมาณมาก การจราจรติดขัดเช่นกัน ส่วนย่านพุทธมณฑล ถนนพุทธมณฑลสาย 1-4 ฝนตกหนัก เกิดอุบัติเหตุรถกระบะเสียหลักลื่นไถลชนฟุตปาธ การจราจรเคลื่อนตัวได้อย่างยากลำบาก ส่วนที่เชิงทางขึ้นอุโมงค์ท่าพระ รถแท็กซี่ชนกัน 2 คัน การจราจรหนาแน่นสลับหยุดนิ่งเป็นระยะ และที่ถนนบางกรวย-ไทรน้อย จ.นนทบุรี ฝนตกหนัก ลมกระโชกแรง พัดป้ายโฆษณาข้างทางพังเสียหายกว่าสิบแห่ง
 
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศไว้ว่าลักษณะอากาศทั่วไปภายในประเทศมีความกดอากาศสูงกำลังปานกลางได้แผ่เข้ามาปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออก ทำให้ภาคตะวันออก เฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบนมีฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรงเพิ่มมากขึ้น ส่วนในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่กับลมกระโชกแรงบางแห่ง
 
ที่จ.นครราชสีมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกที่ผ่านมาเกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่มบ้านเรือนราษฎรพังเสียหาย รวมทั้งมีต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่นในพื้นที่บ้านวังรางน้อย หมู่ที่ 9 ต.มะเกลือเก่า อ.สูงเนิน โดยจากการสำรวจความเสียหายมีบ้านพัง 120 หลังคาเรือน ยุ้งฉางข้าว 56 หลัง ฟาร์มวัวนม 5 แห่ง โรงเรียน 1 แห่ง ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเสาหักหลังคายุบกองอยู่กับพื้นทั้งหลัง 1 แห่ง วัด 1 แห่ง และสวนผลไม้อีกกว่า 100 ไร่ มีราษฎรได้รับความเดือดร้อนกว่า 150 ครอบครัว ทางอำเภอสูงเนินและ      อบต.มะเกลือเก่าได้ตั้งศูนย์ช่วยเหลือแล้ว
 
ต่อมานายประภาส รักษาทรัพย์ นายอำเภอสูงเนิน และนายเอกชัย พรหมพันธุ์ใจ นายกอบต.มะเกลือเก่า นำคณะเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหาย โดยนายเอกชัย ระบุว่า ทางอำเภอร่วมกับ อบต.มะเกลือเก่า ได้ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการมอบถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้งให้กับผู้ประสบภัยและจัดหาที่อยู่อาศัยให้เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมกันนี้ พ.ต.อ.ดำรง รอดโพธิ์ทอง ผกก.สภ.สูงเนิน ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.นิพล บุญเกิด รอง ผกก.ป. จัดส่งกำลังสายตรวจดูแลช่วยเหลือและรักษาความปลอดภัยทรัพย์สินของชาวบ้านตลอด 24 ชั่วโมงด้วย
 
ที่ จ.พิษณุโลก เวลา 15.00 น. พ.ต.ท.สุพัฒน์ กาวิน สารวัตรเวร สภ.แก่งโสภา อ.วังทอง ไปตรวจสอบเหตุรถยนต์ชนกัน 3 คัน   บนถนนสายพิษณุโลก-หล่มสัก บริเวณหลัก กม.ที่ 40 หมู่ 3 ต.แก่งโสภา ในที่เกิดเหตุพบรถกระบะโตโยต้า ไมตี้เอ็กซ์ สีเขียว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จอดอยู่ในสภาพพังยับเยิน ภายในซากรถพบร่างผู้เสียชีวิตติดอยู่ 2 ศพ ทราบชื่อต่อมาคือ นางเดือนใจ ทิมสังข์ อายุ 30 ปี และ ด.ญ.พิมรี ทิมสังข์ ลูกสาวอายุ 6 ขวบ นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย คือ จ.ส.ต.ดาวรุ่ง ทิมสังข์ ตำรวจสังกัด สภ.บางมูลนาค จ.พิจิตร
 
ใกล้กันมีรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์ ทะเบียน รฮ 7762 กรุงเทพมหานคร จอดอยู่โดยมีผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ ติดอยู่ในรถทราบชื่อต่อมาคือด.ช.ณัฐวุฒิ นาทีทองพิทักษ์ อายุ 11 ขวบ ห่างออกไปเล็กน้อยมีรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ สีบรอนซ์ทอง ทะเบียน บบ 6776 พิษณุโลก สภาพพังยับเยินจอดอยู่ เจ้าหน้าที่จึงรีบลำเลียงคนเจ็บทั้งหมด 7 คนส่ง รพ.วังทอง สอบสวนทราบว่าก่อนเกิดเหตุ จ.ส.ต.ดาวรุ่งได้ขับรถพาครอบครัวกลับจากเยี่ยมญาติของภรรยาที่อ.ชาติตระการ จ.พิษณุโลก โดยมุ่งหน้าเข้าพิษณุโลก พอถึงที่เกิดเหตุมีพายุฝนตกหนักจนมองถนนแทบไม่เห็น ทำให้รถเสียหลักพุ่งชนกับรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ ที่วิ่งสวนทางมาอย่างจัง แล้วรถของจ.ส.ต.ดาวรุ่งก็หมุนข้ามเลนไปกลางถนน จึงถูกรถอีกคันพุ่งชนซ้ำ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ บาดเจ็บ 7 คน.

**************************************************************************************************************

พังงาจัดกิจกรรม"เก็บขยะชายหาด" ปลูกฝังเยาวชนให้รักความสะอาดแหล่งเที่ยว

 พังงาเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่ติดชายฝั่งทะเล เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามและสร้างความประทับใจแก่บรรดานักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติทั้งหลาย จุดเด่นที่เห็นได้ชัดคือหาดทรายสีขาวริมฝั่งชายทะเล ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคือหาดทรายสีขาวที่เกาะสุรินทร์กับสิมิลัน หากใครได้เดินทางไปท่องเที่ยวและได้สัมผัสด้วยตาของตัวเองจะเกิดความประทับใจที่ไม่รู้ลืมแต่ต้องอาศัยการเดินทางด้วยเรือใช้เวลาพอสมควร นอกจากนี้แล้วพังงาเรายังมีชายทะเลที่หาดทรายขาวสะอาดตานั่งรถไปสามารถแวะเที่ยวได้ตลอดเส้นทางเริ่มตั้งแต่ อ.คุระบุรี อ.ตะกั่วป่า อ.ท้ายเหมือง และ อ.ตะกั่วทุ่ง ซึ่งมีความยาวมากถึง 240 กิโลเมตร ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวดัง ๆ หลายแห่ง เช่น เขาหลัก หาดบางเนียง อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง และชายทะเลบ้านนาใต้ ลึกลงไปใต้ท้องทะเลพังงาถือว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำด้วยเช่นกัน มีสถานที่หลายแห่ง เหมาะแก่การดำน้ำดูปะกา รังหลากหลายชนิดตามธรรมชาติใต้ท้องทะเลอันเป็นที่สวยงามติดอันดับโลก นับเป็นทรัพยากรทางธรรมชาติที่ชาวพังงาเราภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่ง

ปัจจุบันนี้ธรรมชาติที่สวยงามเหล่านี้บางแห่งความสวยงามกำลังลดน้อยถอยลง เนื่องจากความรู้เท่าไม่ ถึงการณ์ของบรรดานักท่องเที่ยวและประชาชนโดยทั่วไป สังเกตเห็น ได้ว่า บริเวณชายฝั่งหาดทรายสีขาวจะมีจำพวกเศษขยะ อุปกรณ์หาปลาต่าง ๆ เกลื่อนเต็มไปหมดซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยเฉพาะชายทะเลบ้านนาใต้ หมู่ 5, 6, 14 ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา เพื่อเป็นการแก้ปัญหาและสร้างจิตสำนึกให้แก่บรรดานักท่องเที่ยว ประชาชนทั่วไป และรวมถึงเยาวชน ให้รักษ์หวงแหนชายฝั่งทะเลช่วยกันดูแลรักษาความสะอาดในพื้นที่การท่องเที่ยว สมาคมดำน้ำทีดีเอ ประเทศไทย ร่วมกับ เทศบาลตำบลโคกกลาย อบต.โคกกลอย อบต.หล่อยูง อบต.ท่าอยู่ ประชาชนในพื้นที่และนัก เรียนนักศึกษาจำนวน 1,500 คน จัดกิจกรรมโครง การ “ทำความสะอาดหาดนาใต้”

นายรณชัย จิดาพล นายกสมาคมดำน้ำทีดีเอ ประ เทศไทย กล่าวว่า ครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่สมาคม มีความภาคภูมิใจอย่างยิ่ง เพราะนอกจากเป็นการทำความสะอาดสถานที่ท่องเที่ยวบริเวณชายหาดแล้ว ที่สำคัญสุดคือเป็นการปลูกฝังให้ประชาชนและเยาวชนในพื้นที่มีความสำนึกรักและหวงแหนทรัพยากรธรรมชาติอันสวยงามของตนเอง โดยครั้งนี้ทางสมาคมได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 1 แสนบาท ในการจัดกิจกรรม ถือว่าประสบความสำเร็จที่เห็นหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน และนักเรียนนักศึกษา จำนวนมากได้ให้ความสำคัญกิจกรรมสร้างสาธารณประโยชน์แก่สังคม โอกาสต่อ ๆ ไปข้างหน้าคิดว่าทางสมาคมจะต้อง ต่อยอดกิจกรรมดี ๆ เช่นนี้และ จะขยายไปพื้นที่อื่น ๆ ของจังหวัด พังงาเพื่อให้ชายหาดทะเล บ้านเราสวยงามสะอาดตาเกิดความประทับใจทั้งเราเจ้าของพื้นที่เองรวมถึงนักท่องเที่ยวด้วย

นายเยี่ยมสุริยา พาลุสุข ผวจ.พังงา กล่าวว่า กิจกรรมครั้งนี้ทางจังหวัดพังงาต้องขอขอบคุณทางสมาคมทีดีเอ ประเทศไทย ที่จัดกิจกรรมทำความสะอาดชายทะเลบ้านนาใต้ เป็นการสนับสนุนแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดให้มีความสวยงามสะอาดขึ้น เป็นกิจ กรรมที่มีประโยชน์ยิ่งปลูกฝังให้ พี่น้องประชาชน เยาวชน ช่วยกันอนุรักษ์ และร่วมกันไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมต่าง ๆ เพื่อจะได้ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวที่นี่มากยิ่งขึ้น ชาวบ้านก็จะมีรายได้จากในส่วนนี้โดยตรง นอกเหนือจากนี้บริเวณชายหาดทุกพื้นที่ของพังงาทางจังหวัดต้องการให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่อยากเห็นการปักร่มเพราะนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่พังงาก็ไม่ชอบมากนัก จุดขายของพังงาคือความเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์ จึงถือโอกาสนี้เชิญชวนนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวไทยเศรษฐกิจอย่างนี้ช่วยกันเที่ยวไทยดีกว่า ประหยัดค่าใช้จ่ายชาวพังงาเองก็พร้อมยินดีให้การต้อนรับอย่างเต็มที่ต่อไป.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 07, 2009, 02:25:34 AM โดย เด็กน้อย » บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.028 วินาที กับ 19 คำสั่ง