กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 17, 2024, 09:05:07 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: วิธีสังเกตเนื้อปลาปักเป้า  (อ่าน 6772 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 12:41:36 AM »

ผมไปอ่านพบเรื่องนี้จากเว็บไซท์ของ สถาบันวิจัยและเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง  กรมประมง .... เห็นว่าเป็นประโยชน์  จึงขอนำเสนอต่อสมาชิกทุกท่านครับ


* Pufferfish-news_01.jpg (102.09 KB, 800x790 - ดู 1481 ครั้ง.)

* Pufferfish-news_02.jpg (106.2 KB, 800x790 - ดู 1188 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 19, 2007, 12:58:45 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 12:44:38 AM »

 


* Pufferfish-news_03.jpg (93.66 KB, 800x790 - ดู 1603 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 02:52:06 AM »

พิษของปลาปักเป้าร้ายแรงมากค่ะ ลองอ่านข้างล่างนี้นะคะ



ข้อมูลจาก.....http://elib.fda.moph.go.th/multim/journals1/9430.htm
ขอขอบคุณไว้ ณ. ที่นี้ค่ะ
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 03:11:12 AM »

เมื่อวันก่อนดูข่าวในทีวีช่องหนึ่ง มีการถ่ายภาพคนงานแถวเมืองแม่กลองกำลังนั่งแล่ปลาปักเป้าที่กองเพนินเทินทึกอยู่อย่างรวดเร็ว....

การแล่นั้น...เขาใช้มีดคมๆจรดลงบริเวณด้านข้างใต้หัวปลาลงมาสักนิ้วหนึ่ง แล้วก็กรีดมีดลงไปเล็กน้อย แล้วก็เอียงมีด เฉือนเนื้อปลาไล่ลงมาจนถึงหาง โดยไม่พยายามให้ไปโดนเครื่องในปลา เขาทำอย่างนี้ทั้งสองข้างตัวปลา  แล้วก็โยนส่วนหัวพร้อมเครื่องในทิ้งลงไปกองกับพื้น ส่วนเนื้อก็แยกไปใส่กระบะใหญ่

การแล่ปลาอย่างรวดเร็วนั้น...จะแน่ใจได้ร้อยเปอร์เซนต์หรือว่าจะไม่ไปเจาะเอาเครื่องในปลาปักเป้าเข้าบ้าง...

เคยเห็นภาพคนแล่ปลาปักเป้าที่ญี่ปุ่นที่เขาได้รับการอบรมฝึกสอนให้แล่ปลาปักเป้าอย่างถูกวิธีแล้ว ช่างผิดกันลิบลับ โดยเขาจะแล่ปลาปักเป้าอย่างระมัดระวัง โดยทำอย่างช้าๆ พิถีพิถัน  ตัดที่ละชิ้นๆ เพราะเขารู้ว่าอันตรายกับคนกินเพียงใดหากเกิดผิดพลาดในการแล่ปลาปักเป้า

ชีวิตคนบ้านเมืองเรานี่ถูกกว่าชีวิตคนที่เมืองญี่ปุ่นเยอะเลยนะคะ....





บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 03:27:44 AM »

ลองอ่านข่าวนี้ต่อนะคะ เป็นข่าวตั้งแต่ปี 2545 แล้ว แต่จนถึงบัดนี้....มีอะไรดีขึ้นไหม....

"ปลาปักเป้า" พิษร้ายกว่าไซยาไนด์ 10,000 เท่า อย.ขอ 1 เดือน จะให้กินเสี่ยงตายเหมือนญี่ปุ่น หรือสั่งห้ามขายเด็ดขาด!  
ข่าวจาก นสพ. คม ชัด ลึก ฉบับวันที่ 17 ต.ค. 2545
 
 

เล็งห้ามขายปักเป้า อย.ขอเวลา 1 เดือน

สธ.สมุทรสาคร เตรียมประกาศสั่งห้ามขายปลาปักเป้าพิษ โยนความผิดให้แรงงานพม่าฝีมือไม่ถึงในการแล่ปลา เป็นเหตุให้ประชาชนกินเข้าไปจนเฉียดตาย ด้านอย.ขอเวลา 1 เดือน กำหนดทางเลือก 2 ทาง จะให้กินเสี่ยงตายเหมือนญี่ปุ่น หรือสั่งห้ามขายปลาปักเป้าทุกชนิด เผยพิษร้ายกว่า ไซยาไนด์ 10,000 เท่า


ความคืบหน้าปลาปักเป้าพิษกินแล้วเฉียดตาย ตามที่ คม ชัด ลึก ได้นำเสนอไปแล้วนั้น น.พ.ธงชัย ชัยศิริยะสวัสดิ์ สาธารณสุข จ.สมุทรสาคร ในฐานะประธานรับผิดชอบดำเนินการปัญหาปลาปักเป้าพิษ กล่าวว่า ปลาปักเป้าหรือปลาเนื้อไก่จะมีลักษณะเนื้อขาวอร่อยกว่าเนื้อไก่ ประเทศญี่ปุ่นนิยมบริโภคกันมาก แต่วิธีการทำคือ การแล่เนื้อผู้แล่ต้องมีความชำนาญและต้องมีใบอนุญาต ถ้าแล่ผิดจะไปโดนจุดที่มีพิษ เช่น ลำไส้ได้ ดี จะทำให้เนื้อปลาเป็นพิษ รับประทานเข้าไปแล้ว จะทำให้เสียชีวิตได้


"การแล่ปลาต้องมีความชำนาญจริงๆ แต่เท่าที่ตรวจสอบโรงงานแล่ปลา หรือเรือประมงพบว่า ใช้แรงงานพม่าเป็นผู้แล่ปลา คนงานเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการอบรมมาก่อน ไม่ได้มีความรู้ในเรื่องการแล่ปลาเลย จึงมีโอกาสพลาด เมื่อประชาชนกินเข้าไปทำให้เฉียดตายได้ ผิดจากประเทศญี่ปุ่น มือแล่ปลาปักเป้าต้องชำนาญจริงๆ อย่างน้อยต้องผ่านการฝึกอบรมมากกว่า 3 ปี แต่ของเรามีเพียงการบอกต่อๆ กันไป ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้เหมือนพี่สอนน้องเท่านั้น" น.พ.ธงชัย กล่าว


น.พ.ธงชัย กล่าวอีกว่า ขณะนี้เนื้อปลาปักเป้า ได้กระจายไปทั่วประเทศ จนกลายเป็นส่วนผสมอาหารหลายอย่าง เช่น ห่อหมก ลูกชิ้น ทอดมัน เมื่อนำไปประกอบอาหารทำด้วยความร้อนสูงแล้ว ก็ยังไม่สามารถทำลายพิษปลาปักเป้าให้พ้นอันตรายได้ เมื่อได้รับเชื้อเข้าไปแล้ว จะมีอาการเกิดขึ้นจนทำให้เป็นอัมพาตได้ พิษทำลายระบบประสาท เหมือนโดนงูเห่ากัด ชา คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งจะเกิดอาการใดมากน้อยก็อยู่ที่ปริมาณการบริโภคด้วย


น.พ.ธงชัย กล่าวอีกว่า การป้องกันในเบื้องต้นนี้ จะมีการประชุมร่วมกันหลายฝ่าย ตั้งแต่ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ผู้ประกอบการประมง เจ้าของโรงแล่เนื้อปลา ในวันที่ 18 ต.ค.นี้ เพื่อทำการตกลงออกประกาศห้ามไม่ให้ขายปลาปักเป้า เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้บริโภคต่อไป


ด้านน.พ.วิชัย โชควิวัฒน อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพิ่งได้รับการแต่งตั้งโยกย้ายให้ดำรงตำแหน่งเป็นอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค.นี้เป็นต้นไป กล่าวว่า หน้าที่ของ อย.คงต้องดำเนินการกำหนดแนวทางแก้ปัญหาอยู่ 2 ประการคือ ได้ออกเตือนไปยังประชาชนให้เลิกรับประทานเนื้อปลาปักเป้า ได้ดำเนินการไปแล้ว ซึ่งในเรื่องนี้จากการศึกษาของมหาวิทยามหิดล ได้ระบุเอาไว้ชัดเจนว่า ปลาชนิดนี้ไม่ควรรับประทานอย่างยิ่ง


"ประการต่อมาต้องขอเวลาประมาณ 1 เดือน เพื่อรอดูท่าทีว่า ประชาชนยังได้รับอันตรายจากการรับประทานเนื้อปลาชนิดนี้อีกหรือไม่ ถ้ายังมีประชาชนได้รับอันตราย คงต้องกำหนดแนวทางกันใหม่ว่า เราจะเลือกให้เนื้อปลาปักเป้า เป็นอาหารต่อไป แล้วให้คนไทยเสี่ยงตายรับประทานเหมือนประเทศญี่ปุ่นต่อไป หรือประกาศห้ามซื้อขายกันไปเลย ชาวญี่ปุ่นกินปลาปักเป้าตายกันทุกปี แต่เขาไม่กลัวตายกัน โดยคนแล่เนื้อปลาของญี่ปุ่น จะให้เนื้อติดพิษบ้าง เพื่อกินเข้าไปแล้ว จะได้กระตุ้นร่างกายให้ออกอาการบ้าง มันเหมือนกับการปีนภูเขาหิมาลัย รู้ว่าตายกันทุกปี ก็ยังมีคนเสี่ยงตายขึ้นไป ประเทศไทยเราจะเลือกอย่างนี้หรือเปล่า" น.พ.วิชัย กล่าว


จากการวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ของประเทศสหรัฐฯ ญี่ปุ่น พบว่า สาร "เทโทรโดทอกซิน" หรือ ทีทีเอกซ์ (tetrodotoxin-TTX) อยู่ในปลาปักเป้า เป็นสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรงที่สุดชนิดหนึ่ง เท่าที่เคยรู้จักกันในโลกนี้ เมื่อเทียบน้ำหนักกันกรัมต่อกรัม ทีทีเอกซ์ร้ายแรงกว่าไซยาไนด์มากกว่า 10,000 เท่า ความร้ายกาจนี้เป็นที่รู้จักกันดีในเอเชียตะวันออก เพราะเป็นพิษที่อยู่ใน "ปลาปักเป้า" หรือ "ปลาฟุกุ" ของญี่ปุ่น ที่ทำให้คนตายได้เมื่อกินปลาปักเป้าเข้า ไป มีชาวประมงญี่ปุ่นหลายพันคนที่เสียชีวิตด้วยปลาชนิดนี้


"ทีทีเอกซ์" ถือเป็น "นิวโรทอกซิน" ซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทประมาณ 20- 25 นาที หลังจากได้รับพิษ คนที่ได้รับจะเป็นอัมพาต ขยับแขนขาไม่ได้ แต่รู้ตัวตลอดเวลาว่าเกิดอะไรขึ้น สุดท้ายจะหยุดหายใจหรือหัวใจล้มเหลวภายในไม่กี่ชั่วโมง ปัจจุบันยังไม่มียาแก้สารพิษชนิดนี้ แต่ถ้าคนไข้ยังคงมีชีวิตอยู่หลังจากได้รับพิษไปแล้ว 24 ชั่วโมง ก็จะฟื้นขึ้นมาโดยไม่มีอาการแทรกซ้อนใดๆ
   
 
 ที่มา : http://www.komchadluek.com/shownews/news.php?id=-5000503
 
Link ที่เกี่ยวข้อง   http://www.komchadluek.com/shownews/news/1213044.html
วัน / เวลา   17 ต.ค. 2002


ข้อมูลจาก...http://www.mthai.com/square/news/news10085.html

ขอขอบคุณไว้ ณ. ที่นี้ค่ะ
บันทึกการเข้า

Saaychol
Mermaid
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 269



« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 08:28:29 AM »

น่ากลัวจริงๆค่ะ จะทานอะไรแต่ละทีก็ต้องระวังกันนะคะพี่น้อง
บางทีคนเอามีขายก็น่าจะมีจิตสำนึกนิดนึงว่ามันมีพิษกินแล้วเป็นอัตราย อย่างนี้ผู้บริโภคก็แย่สถานเดียวถ้ามีแต่พ่อค้าแม่ค้ามักง่ายเอามาขาย.....แย่จัง   
บันทึกการเข้า

Let's go to the sea, let's go to save our sea.
Plateen
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 522



« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 19, 2007, 09:19:15 AM »

ขอบคุณพี่สายน้ำที่นำมาแนะนำให้ทราบครับ
สงสัยผมต้องเลิกกินก๋วยเตี๋ยวปลาแล้ว ไม่รู้เลยว่าคนขายเอาเนื้อปลาอะไรมาทำขาย
บันทึกการเข้า

For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
ok3
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 137


« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 21, 2007, 04:03:04 AM »

ขอบคุณมากครับ 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.198 วินาที กับ 21 คำสั่ง