สายน้ำ
|
|
« เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 03:08:20 AM » |
|
เปิดกระทู้ด้วยภาพทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่จากระเบียงพระธาตุดอยสุเทพ
ส่วนเรื่องที่ว่า ขึ้นเหนือไปทำอะไรมา เดี๋ยวค่อยว่ากันต่อนะครับ .....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 03:13:57 AM » |
|
มาต่างถิ่น สิ่งที่ควรทำคือ ไปสักการะ แสดงความเคารพกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเขากันก่อน
สำหรับเชียงใหม่ ต้องเป็น "พระธาตุดอยสุเทพ" .....
"วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญในแง่ประวัติศาสตร์และเป็นวัดท่องเที่ยว ซึ่งเป็นที่รู้จักของประชาชนชาวไทยโดยทั่วไป ในฐานะที่เป็นวัดที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากวัดหนึ่งของประเทศไทย ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 14 กิโลเมตร อยู่สูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,053 เมตร อยู่ในเขตตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ ตามประวัติ ...... องค์พระเจดีย์ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง มีชื่อว่า ดอยสุเทพ แต่เดิมเป็นที่อยู่อาศัยของฤาษี มีนามว่า สุเทวะ เป็นภาษาบาลี มีความหมายว่า เทพเจ้าที่ดี ซึ่งตรงกับความหมายของคำว่า สุเทพ นั่นเอง เพราะฉะนั้นจึงได้ ชื่อว่า ดอยสุเทพ ซึ่งมาจากชื่อของฤๅษี คือสุเทวะฤาษี
และ เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารไว้บนยอด เขาดอยสุเทพ โดยได้นำเอาพระบรมธาตุ ของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามี นำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัย บรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวง 1 ใน 4 ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย (พระอารามหลวงหมายถึง วัดที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเจาอยู่หัวฯ) ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารมาก เสมือนหนึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่โบราณกาล
ในสมัยก่อน การขึ้นไปนมัสการพระธาตุดอยสุเทพนั้น เป็นเรื่องที่ยากลำบากเหลือเกิน เพราะไม่มีถนนสะดวกสบายเหมือนปัจจุบัน ทางเดินก็แคบๆ และ ไม่ราบเรียบ ต้องผ่านป่าเขาลำเนาไพร และปีนเขาต้องใช้เวลายาวนานถึง 5ชั่วโมงกว่า จนมีคำกล่าวขานกันทั่วไปในสมัยนั้นว่า ถ้าไม่มีพลังบุญและศรัทธาเลื่อมใสจริงๆ ก็จะไม่มีโอกาสได้กราบไหว้พระธาตุดอยสุเทพ
ในปี พ.ศ.2477 (ค.ศ.1934) ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย มาจากวัดบ้านปาง จังหวัดลำพูน เป็นผู้เริ่มดำเนินการสร้างถนนขึ้นสู่พระธาตุดอยสุเทพ โดยมีเจ้าแก้วนวรัฐ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่สมัยนั้น เป็นผู้เริ่มขุดดินด้วยจอบเป็นปฐมฤกษ์ ตรงที่หน้าสวนสัตว์เชียงใหม่ปัจจุบัน ใกล้ๆ กับบริเวณน้ำตกห้วยแก้ว โดยเริ่มสร้างวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477"
* คัดมาจาก www.dharmathai.org
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2008, 03:20:50 AM โดย สายน้ำ »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 03:26:46 AM » |
|
มีเวลาตั้งมากมายหลายวัน แต่สองสายเลือกไปวันอาทิตย์ !!!!!
เริ่มปวดหัวตั้งแต่ หาที่จอดรถแล้ว รถมหาศาล แถมคนยังมหาศาลมากอีกด้วย แดดก็เปรี้ยง อากาศจึงไม่ค่อยเย็น แถมด้านบนที่ระเบียงรอบพระธาตุฯ ยังแลดูวุ่นวาย หาความสงบไม่ได้เอาเลย เพราะเหตุใดหรือครับ ..... ตามมาฟังต่อไป
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
Sea Man
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 03:37:42 AM » |
|
.....ขออีก............ๆๆๆๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 03:53:37 AM » |
|
มีมากมายที่นอกจากมากราบไหว้สักการะองค์พระธาตุแล้ว ถือโอกาสเวียนเทียนกลางแดดเปรี้ยงๆกันซะเลย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:08:05 AM » |
|
อยากทราบจริงๆ ใครกันหนอที่เป็นคนบอกว่า "เคาะระฆัง ... ต้องเคาะดังๆ ... ให้ได้ยินไปถึงสวรรค์"
บนวัดพระบรมธาตุ มีระฆังรายรอบองค์พระธาตุนับร้อยใบได้กระมัง อู๊ยส์ !!!! ทั้งผู้ใหญ่ทั้งเด็กอัดกันเต็มที่คนละเป๊งสองเป๊ง เทวดาบนสวรรค์จะได้ยินหรือไม่สองสายไม่ทราบ แต่เราสองคนใกล้จะลงนรก เพราะหูจะแตกตายแล้ว
นอกจากความวุ่นวายของนักท่องเที่ยวจำนวนมากมายที่มาเดินกันจนดูวุ่นวายแล้ว นักท่องเที่ยวบางกลุ่ม (สาวไทย) ที่ไม่ได้สนใจกับคนอื่นที่ไม่ใช่กลุ่มของตัว ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว ผลัดกัยถ่ายรูป โดยใช้องค์พระธาตุเป็นเพียงฉากหลังประกอบความสวย(มั๊ง) ของตัวเอง ไม่ได้แสดงความเคารพสถานที่หรือเกรงใจผู้คนรอบข้างเลยแม้แต่น้อย และยิ่งตอนนี้ทางวัดยังปล่อยให้มีพวกรับจ้างถ่ายรูปนับจำนวนได้ประมาณสามสิบกว่าคน มาเดินคอยชวนให้ใช้บริการสร้างความรำคาญอยู่รอบลานชั้นใน .....
ยิ่งทำให้ความสงบ หาไม่ได้เอาเลย ทั้งในวัด และในใจของผู้คนที่มาสักการะพระธาตุฯ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:11:11 AM » |
|
ฝรั่งนายนี้ ถึงจะต่างชาติศาสนา แต่ด้วยความศรัทธา จึงลงนั่งอธิษฐานร่วมกับคนไทยอยู่นานทีดียว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:18:24 AM » |
|
ยิ่งอยู่นานไป เริ่มร้อนมากขึ้นทั้งกายและใจ สองสายจึงพากันออกไปยังระเบียงชั้นนอก เพื่อเตรียมเดินลงบันได
มาพบอะไรที่เย็นตาเย็นใจเข้า คือ ..... หนูๆกลุ่มนี้มานั่งบรรเลงดนตรีไทยและฟ้อนรำให้นักท่องเที่ยวได้ชม โดยมีกล่องรับบริจาคเงินเพื่อเป็นทุนการศึกษาตั้งอยู่ด้านหน้า
สวย ใส น่ารักน่าเอ็นดู บริสุทธิ์สดใส จริงๆครับ .....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:20:41 AM » |
|
สองชุดถัดมา ก็น่ารักน่าเอ็นดูไม่แพ้กันครับ .... เรียกเสียงปรบมือ และเงินบริจาคได้พอสมควร
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 03, 2008, 06:16:15 AM โดย สายน้ำ »
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:23:40 AM » |
|
เดินไปอีกนิด พบต้นสาละออกลูกงามเต็มต้น จึงอดที่จะเก็บภาพไว้ไม่ได้ แต่ในใจคิดว่า ถ้าเอากล้วยไม้ซึ่งแปลกปลอมออกไปให้เหลือแต่ธรรมชาติแท้ๆของสาละน่าจะดีกว่า แต่ทางวัดคงคิดคนละอย่างกับเรา
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:27:22 AM » |
|
ขาขึ้น ยอมเสียเงินขึ้นลิฟท์ แต่ขาลง ตัดสินใจเดินลงทางบันได หลังจากสะบัดหน้าเดินผ่านร้านกิฟท์ช็อป ที่เรารู้สึกว่าไม่น่ามาตั้งอยู่บนระเบียงวัด ไปยังบันไดนาคที่ทอดลงไปด้านล่าง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 04:29:27 AM » |
|
เมื่อถึงปลายบันได ก็อยากจะเก็บภาพบันไดนาคไว้ แต่หาจังหวะปลอดคนไม่ได้จริงๆครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 06:25:31 AM » |
|
ปกติ สองสายเป็นคนไปมาลาไหว้อยู่แล้ว ...... เมื่อมาถึงบ้านท่าน ก็ต้องไปกราบเจ้าของบ้านตามธรรมเนียม
ผ่านไปธุระแถวนั้น จึงแวะกราบ 3 กษัตริย์ที่ "อนุสาวรีย์สามกษัตริย์" ซึ่งตั้งอยู่หน้า "หอศิลปวัฒนธรรม" หรือ คุ้มของเจ้านายทางเหนือในอดีต
สามกษัตริย์ที่กล่าวถึงคือ พญาเม็งราย พญางำเมือง และ พ่อขุนรามคำแหง ผู้ร่วมกันก่อตั้ง "นพบุรีศรีนครพิงค์เชียงใหม่"
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 06:41:01 AM » |
|
อาคารที่ตั้งอยู่ทางด้านหลังคือ "หอศิลปวัฒนธรรม เมืองเชียงใหม่" ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เมืองเชียงใหม่ มีประวัติความเป็นมาดังนี้ครับ ....
"หอศิลปวัฒนธรรมเชียงใหม่ ตั้งอยู่ที่ ถนนพระปกเกล้า ต.ศรีภูมิ (ใกล้กับวัดพระสิงห์) บริเวณที่ตั้งเคยเป็นสะดือเมือง ตั้งแต่สมัยพระยาเม็งราย เป็นที่ตั้งของเสาอินทขีล หรือเสาหลักเมือง ก่อนที่พระเจ้าติโลกราชจะโปรดให้ย้ายเสาอินทขีลไปไว้ที่วัดเจดีย์หลวง ที่ดินนี้เป็นมรดกตกทอดมาตั้งแต่สมัยพระเจ้ากาวิโรรสสริยวงศ์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 6 จนถึงสมัยเจ้าดารารัศมี เมื่อมีการปฏิรูปการปกครองตามระบบเทศาภิบาล ได้ประทานให้รัฐบาล
ตัวอาคารสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2467 เคยใช้เป็นศาลาว่าการมณฑลพายัพ และศาลากลางจังหวัดเขียงใหม่ หลังจากที่ย้ายไปใช้ศาลากลางหลังใหม่ เทศบาลนครเชียงใหม่จึงขอปรับปรุงอาคารเพื่อใช้เป็นพิฑิธภัณฑ์ในปี พ.ศ.2540 และได้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่นในปี พ.ศ. 2542 ประเภทที่ทำการอาคารสาธารณะ จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
ภายในพิพิธภัณฑ์จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองเชียงใหม่ และวิถีชีวิตวัฒนธรรมท้องถิ่น นับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์มา และที่อาคารส่วนหลังจัดแบ่งเป็นห้องแสดงนิทรรศการหมุนเวียน
วันเวลาเปิดทำการ 08.30-17.00 วันอังคาร-อาทิตย์ ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ปิดทำการวันจันทร์ ค่าเข้าชม 20 บาท นักเรียนนักศึกษา 10 บาท รายละเอียดติดต่อโทร. 0 5321 7793, 0 5321 9833 โทรสาร 0 5321 9833 หรือ www.chiangmaicitymuseum.org "
ข้อมูลจาก : www.tat.or.th
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|