กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 17, 2024, 07:50:21 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม 2551  (อ่าน 3625 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 13, 2008, 12:07:27 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเป็นแห่งๆ โดยมีอากาศเย็นบางพื้นที่ในตอนเช้าบริเวณภาคเหนือ ส่วนร่องมรสุมยังคงพาดผ่านภาคใต้ ทำให้มีฝนกระจาย สำหรับในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง ในระยะนี้ไว้ด้วย 
 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศไทยเกือบตลอดช่วง ทำให้ร่องความกดอากาศต่ำเลื่อนลงไปพาดผ่านภาคใต้ และอ่าวไทยตอนกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนเป็นแห่งๆถึงกระจาย และเริ่มมีอากาศเย็นในตอนเช้าในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับภาคใต้จะมีฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และคลื่นลมบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงมากกว่า 2 เมตร


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้บริเวณภาคใต้ทั้ง 2 ฝั่งจะมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้โดยเฉพาะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฏร์ธานี นครศรีธรรมราชสงขลา ยะลา ปัตตานี และนราธิวาสระมัดระวังอันตรายจากฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมได้บางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรงโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (41.36 KB, 693x430 - ดู 1232 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (21.15 KB, 450x306 - ดู 1258 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2008, 12:24:07 AM »

เดลินิวส์


ชีวิตใต้น้ำบนยอดดอย สัมผัสอุโมงค์ใต้น้ำยาวสุดในโลก
 
 
 
  จังหวัดเชียงใหม่จะมีแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงาม  และศิลปวัฒนธรรมอันตระการตา  แต่สิ่งหนึ่งที่เชื่อว่าชาวเชียงใหม่ใฝ่ฝันอยากจะสัมผัสคือ “ ทะเล ”  โลกใต้น้ำที่งดงามและเติมเต็มให้เมืองเชียงใหม่สมบูรณ์แบบสมกับเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก  จึงเป็นโอกาสอันดีที่ “สวนสัตว์เชียงใหม่”  ร่วมกับ บริษัทมารีนสเคป ( ประเทศไทย )  ผู้เชี่ยวชาญด้านอควาเรียม  พัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่เกิดจากการสรรค์สร้างของมนุษย์ให้มีสภาพและบรรยากาศที่เหมือนธรรมชาติใต้แม่น้ำและใต้ทะเลขึ้น ภายใต้ชื่อเชียงใหม่ ซู อะควอเรี่ยม เชียงใหม่ “ Chiangmai  Zoo  Aquarium ”  บนพื้นที่ 10 ไร่เศษ ภายในสวนสัตว์เชียงใหม่

ความโดดเด่นของ Chiangmai  Zoo  Aquarium  ไม่ใช่เป็นเพียงศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่บอกเล่าเรื่องราวของชีวิตสัตว์โลกใต้น้ำ แต่ที่นี่นำเสนอชีวิตของสัตว์น้ำต่างสายพันธุ์ คือสัตว์น้ำจืด และสัตว์น้ำเค็มได้อย่างลงตัว  ทำให้อุโมงค์ใต้น้ำที่มีความยาวถึง 133  เมตร ที่ได้ชื่อยาวที่สุดในโลก มีสัตว์น้ำเวียนว่ายอยู่มากกว่า  250  สายพันธุ์  รวมกว่า 8,000 ตัว ตั้งแต่พันธุ์ปลาจากริมเจ้าพระยา   เวียนวนจากริมน้ำโขง  แหวกว่ายจากแม่น้ำอะเมซอนมารวมกันไว้ที่นี่



โสภณ   ดำนุ้ย   ผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์  เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการเปิดให้บริการสวนสัตว์เชียงใหม่ ซู อควาเรียม ( Chiangmai  Zoo  Aquarium) ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมีอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลกว่า  ขณะนี้โครงการคืบหน้าแล้วเกือบ 100%  และพร้อมที่จะเปิดให้บริการในวันที่ 25 ตุลาคมนี้อย่างแน่นอน  โดยทั้งอุโมงค์น้ำจืดและน้ำเค็มถูกจัดเตรียมไว้รองรับบรรดาสัตว์น้ำต่างๆ  ภายใต้ระบบไลฟ์ ซัพพอร์ต (Life  Support)  ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยชีวิตสัตว์น้ำให้มีอายุยืนยาวด้วยการปรับคุณภาพน้ำ  ผ่านระบบกรอง  ฆ่าเชื้อ ให้น้ำสะอาดมีคุณภาพที่ดี 

ระบบนี้ถูกคิดค้นและได้รับความนิยมอย่างมากจากประเทศนิวซีแลนด์หมุนเวียนของน้ำ  การจัดการและดูแลรักษาสิ่งมีชีวิตในน้ำ  การจัดหาพันธุ์ปลาน้ำจืดและน้ำเค็ม   การขนย้าย และระบบช่วยชีวิตพันธุ์ปลา  จะทำให้ปลามีชีวิตที่ยืนยาว สดใส และร่าเริง



ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่ กล่าวอีกว่า  อควาเรียมแห่งนี้จะนำเสนอเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำที่หาชมได้ยากและเป็นครั้งแรกที่นักท่องเที่ยวที่เข้าชมจะได้สัมผัสกับโลกใต้น้ำจืดและน้ำเค็มได้ในเวลาเดียวกัน  นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับ “ปลาบึก”  ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก จ้าวแห่งลุ่มน้ำโขง (Giant Mekhong Catfish) ประชันกับ “ปลาเทพา” ซึ่งเป็นจ้าวแห่งลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา (Giant Chao Phya Catfish)   “ฉลาม”  นักล่าจากทะเลลึกที่คร่าเหยื่อในเสี้ยววินาที   ฝูงปลาการ์ตูน  ขวัญใจคุณหนูจากภาพยนตร์นีโม่ที่หลายๆ คนชื่นชอบ  และยังมีสัตว์น้ำนานาชนิดที่เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยเห็น  ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

“ขณะนี้พันธุ์ปลาต่างๆ ที่เราจะนำมาโชว์ในสวนสัตว์เชียงใหม่ อควาเรียม ถูกนำมาอนุบาลไว้แล้ว โดยปลาน้ำจืดถูกอนุบาลอยู่ที่จังหวัดนครปฐม  และมีบางส่วนขนย้ายไปอนุบาลต่อที่เชียงใหม่  ส่วนปลาทะเล  ถูกอนุบาลอยู่ที่จตุจักร  แสมสาร  และพังงา  ซึ่งจะมีการทยอยขนย้ายมาเชียงใหม่ในเร็วๆนี้  โดยปลาที่จะมาสร้างสีสันและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ จะมีทั้งอโรไพม่า  ยาวกว่า 1 เมตร  ฉลามเสือดาว   ปลากระเบน  ปลาหมอทะเล  ซึ่งล้วนเป็นปลาหาชมได้ยากอีกด้วย”



ธนภัทร   พงษ์ภมร  ผู้อำนวยการสวนสัตว์เชียงใหม่  อธิบายให้ฟังว่า  Chiangmai  Zoo  Aquarium  ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีความสูง 2 ชั้น  ชั้นล่างเป็นอุโมงค์ใต้น้ำ  แบ่งเป็นอุโมงค์น้ำจืด 66.5 เมตร และน้ำเค็ม 66.5 เมตร เชื่อมต่อกันด้วยทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ  ลักษณะอุโมงค์เป็นอะคีลิคใสหนาประมาณ  5.5 เซนติเมตร  สามารถรับแรงดันน้ำระดับความลึก 4.50 เมตรได้อย่างปลอดภัย

ภายในอุโมงค์รวบรวมสัตว์น้ำกว่า 250 สายพันธุ์ ทั้งสัตว์น้ำจืด  สัตว์น้ำเค็ม  และสัตว์น้ำหายากจำนวนกว่า  8,000 ตัว  อาทิ  ฉลาม  ปลาบึก   กระเบนหลายสายพันธุ์   ปลาเทวดา ปลาช่อนทะเล  ปลาไหลไฟฟ้า  เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีสัตว์ครึ่งน้ำครึ่งบก  เช่น  หอย  ปู  กุ้ง   และสัตว์ที่อาศัยอยู่ตามป่าโกงกาง    โขดหินและแนวปะการังใต้น้ำ  ฯลฯ
ส่วนชั้นบน  ถูกจัดแบ่งออกเป็น ห้องโถงขนาดใหญ่รองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ  พร้อมห้องจัดแสดงสัตว์อนุรักษ์   น้ำตก   ระบบนิเวศน์ป่าโกงกาง   ผืนป่าแห่งอินทนนท์   และนิทรรศการต่างๆ  อาทิ  นิทรรศการชีววิทยาของพันธุ์สัตว์น้ำ   นิทรรศการแสดงหุบเขาและดอยอินทนนท์  นิทรรศการแสดงป่าชุ่มน้ำ  นิทรรศการแสดงแมลงนานาชนิด  นิทรรศการแสดงปะการังชายฝั่ง  นิทรรศการแสดงชีวิตใต้น้ำลุ่มแม่น้ำโขง  มหานทีที่ไหลผ่าน 7  ประเทศและเชื่อมอารยะธรรมของชาวเอเชียไว้ด้วยกัน   ทั้งประเทศจีน  ธิเบต  ลาว  พม่า  กัมพูชา  เวียดนาม และไทย   เป็นต้น

“ อควาเรียมแห่งนี้จะนำเสนอเรื่องราวที่น่ามหัศจรรย์ของโลกใต้น้ำที่หาชมได้ยาก และเป็นครั้งแรกที่นักท่องเที่ยวที่เข้าชมจะได้สัมผัสกับโลกใต้น้ำจืดและน้ำเค็มได้ในเวลาเดียวกัน  นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสกับ “ ปลาบึก ”  ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้สร้างตำนานแห่งลุ่มน้ำโขง   “ ฉลาม ”  นักล่าจากทะเลลึกที่คร่าเหยื่อในเสี้ยววินาที   ฝูงปลาการ์ตูน  ขวัญใจคุณหนูจากภาพยนตร์นีโม่ที่หลายๆ คนชื่นชอบ

 ในช่วงแรกจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนสวนสัตว์เชียงใหม่ได้เตรียมจัดโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชม อาทิ ส่วนลดพิเศษ ค่าผ่านประตู โดยผู้ใหญ่จะเสียค่าผ่านประตูเพียง 180 บาท  จากราคาปกติ 250 บาท  และเด็ก 130  บาท  จากราคาปกติ 180 บาท  ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติ  ผู้ใหญ่จะเสียค่าผ่านประตู  450 บาท และเด็ก 350  บาท  ส่วนนักเรียน นักศึกษา  ข้าราชการ  และหน่วยงานภาครัฐ ที่เข้าชมเป็นหมู่คณะจะได้รับส่วนลดพิเศษอีกด้วย  สนใจสอบถามราย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2008, 12:34:47 AM »

ข่าวสด


กีตาร์น้ำ                                   :                                    เอิ๊กอ๊ากอินเตอร์


 
นายจอช ไพก์ นักดนตรี-นักแต่งเพลงหนุ่ม ขอทำอะไรพิสดารแตกต่างจากศิลปินทั่วไปหน่อยเต๊อะ!

ไปขอให้ผู้ผลิตกีตาร์ยี่ห้อ "เมตั้น" ทำ "เรือกีตาร์" ขนาดใหญ่เบ้อเริ่ม

แล้วก็เอาลงไปลอยน้ำแหวกว่ายอ่าวนครซิดนีย์ แดนออสซี่ สร้างความตื่นตาตื่นใจให้ชาวบ้านชาวช่องสุดๆ

การลงทุนครั้งนี้แม้ไม่ได้เล่นเพลงโชว์แต่ก็ไม่เสียเปล่า เพราะมีตากล้องคอยบันทึกภาพเอาไว้ตัดต่อประกอบมิวสิควิดีโอตัวใหม่ของนายจอช

สู้ทุ่มทุนลงน้ำทั้งที ความจริงน่าจะชวนเพื่อนๆ นักดนตรีลงไปลอยตุ๊บป่องให้ครบวงเปิดคอนเสิร์ตกลางน้ำไปเลยเนอะ

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2008, 12:46:32 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


ทะเลแดงที่บางแสนปลาลอยตายเกลื่อน

นักท่องเที่ยวงง น้ำทะเลบางแสนเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น กุ้ง หอย ปู ปลาลอยตายเกลื่อน นักวิชาการชี้สาเหตุมาจากปล่อยน้ำเสียลงไปเป็นอาหารของแพลงตอนจนเจริญเติบโตรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำอื่นๆ

ตั้งแต่เช้าวันอาทิตย์ที่  12  ตุลาคมที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ต่างแสดงความแปลกใจ เมื่อพบว่าน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่นและมีกลิ่นเหม็น  อีกทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ยังลอยตายเกยชายหาดจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถลงไปเล่นน้ำได้และไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

นายวรเทพ  มุธุวรรณ  ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล  มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวว่า  การที่น้ำทะเลชายหากบางแสนเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น  จากการสังเกตสภาพน้ำ พบว่าแพลงตอนเจริญเติบโตทั่วบริเวณชายหาด  เนื่องจากได้รับสารอาหารจากการปล่อยน้ำเสียของชุมชน  และฝนที่ตกหนักชะล้างของเสียลงทะเล  ประกอบกับช่วง  2-3 วันที่ผ่านมา แสงแดดแรงมาก  ทำให้พืชเกิดการสังเคราะห์สารอาหาร แพลงตอนจึงเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว ถือว่ายังไม่เกิดผลกระทบรุนแรงต่อสัตว์น้ำ  แต่ถ้าแสงแดดยังแรงอยู่  คาดว่า  5-7 วัน เมื่อแพลงตอนขยายตัวเต็มที่และใช้ออกซิเจนในน้ำจนหมด  แพลงตอนจะตายลง  ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสัตว์ทะเลไม่มีอากาศหายใจและตายลง

อย่างไรก็ตาม  เหตุการณ์ดังกล่าวจะเกิดหมุนเวียนเป็นประจำทุกปี  อาจจะเกิดปีละหลายครั้ง  แล้วแต่วงจรของแพลงตอนจะสมบูรณ์หรือไม่ คือแสงแดดและอาหารพอเพียง ก็จะเกิดเหตุการณ์ขี้ปลาวาฬ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถหาวิธีป้องกันได้ ต้องปล่อยเป็นไปตามธรรมชาติ

นายวรเทพกล่าวว่า  วิธีป้องกันสามารถทำได้โดยรณรงค์ให้ประชาชนไม่ทิ้งน้ำเสียลงทะเล  หรือต้องผ่านบำบัดน้ำเสียก่อนจะทิ้ง  ซึ่งจะทำให้แพลงตอนไม่มีสารอาหาร การเติบโตช้าลง ปรากฏการณ์ดังกล่าวจะเกิดน้อยเช่นกัน

"ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีหรือขี้ปลาวาฬ  ไม่เป็นอันตรายกับผู้ที่ลงเล่นน้ำทะเล ส่วนแพลงตอนจะเป็นชนิดใดนั้น อยู่ระหว่างการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่" นายวรเทพกล่าว.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 13, 2008, 12:50:08 AM »

แนวหน้า


สัมผัสชีวิตชาวประมงอ่าวสิเกา อีกหนึ่งการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่ง
 
 ตรัง เป็นจังหวัดที่มีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ตลอดแนวอำเภอที่ตั้งติดชายฝั่งทะเล 119 กิโลเมตร ชาวบ้านมีการดูแลและจัดการทรัพยากรทางทะเลอย่างดียิ่ง

 จากการเจริญเติบโตและการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้วิถีชีวิตของชุมชนชาวประมงค่อยๆ มีการปรับเปลี่ยนไปสู่การสร้างงานอาชีพอื่นๆ เพิ่มขึ้นอย่างมากมาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวประมงเองพยายามปรับเปลี่ยนอาชีพเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ ให้มีชีวิตอย่างมั่นคง

 แม้แต่อาชีพการทำธุรกิจท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ก็ถือเป็นอาชีพหนึ่งซึ่งเป็นทางเลือกที่หันมาให้ความสนใจและทำกันเป็นจำนวนมาก โดยอาศัยความอุดมสมบูรณ์ของพื้นที่ชายฝั่งและเสน่ห์ของวิถีชีวิตชุมชนเป็นจุดขายในตลาดท่องเที่ยว โดยสอดรับกับการพัฒนาตามวิสัยทัศน์ของจังหวัดที่จะทำให้จังหวัดตรังเป็น “สวรรค์แห่งการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และพัฒนาการเกษตรสู่สากล”

 อ.สิเกา ถือเป็นหน้าด่านทางทะเลของจังหวัดที่ได้มีการจัดการในเรื่องของการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มาเป็นจุดขาย ด้วยการสร้างรากฐานของการพัฒนาให้มีความพร้อม จึงมีการจัดทำโครงการ “ประมงนำชมวิถีชีวิตและทรัพยากรชายฝั่งอ่าวสิเกา”

 นายเสรี พาณิชย์กุล นายอำเภอสิเกา กล่าวว่า การจัดทำโครงการดังกล่าวเป็นจุดเริ่มของการพัฒนาชายฝั่งแบบบูรณการที่คาดหวังว่าจะนำไปสู่การส่งเสริมและสนับสนุนให้ประชาชนสามารถใช้ประโยชน์จากศักยภาพของชายฝั่งอำเภาสิเกาได้อย่างเหมาะสมและเป็นธรรมต่อทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการท่องเที่ยวเชิงนิเวศที่ผสมผสานการสัมผัสระบบนิเวศน์ชายฝั่งกับวิถีอาชีพของชุมชนชายฝั่งให้มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง

 นายเสรี เล่าให้ฟังอีกว่า โครงการนี้นอกจากกจะรองรับการท่องเที่ยวแล้วยังเตรียมความพร้อมในอันที่จะได้ช่วยกันพัฒนาการท่องเที่ยวทางทะเลของจังหวัดให้เป็นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อย่างยั่งยืน โดยที่ชาวบ้านจะเป็นผู้นำชมความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรชายฝั่งตลอดแนวชายฝั่ง 54 กิโลเมตรของอ่าวสิเกา พร้อมทั้งนำชมวิถีชีวิตการประกอบอาชีพของชุมชนชายฝั่งบริเวณอ่าวสิเกา อีกทั้งยังเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้ในการจัดการทรัพยากรชายฝั่งระหว่างชุมชนประมงพื้นบ้านกับผู้เยี่ยมชมอีกด้วย ประการสำคัญถือเป็นงานของทางอำเภอที่จะได้นำเสนอนโยบายและทิศทางการจัดการชายฝั่งทะเลอ่าวสิเกา แบบบูรณการต่อไป

 โครงการ “ประมงนำชมวิถีชีวิตและทรัพยากรชายฝั่งอ่าวสิเกา” มีชุมชนประมงพื้นบ้านชายฝั่งอ่าวสิเกาเข้าร่วมจำนวน 12 ชุมชน ซึ่งจะได้เกิดการเรียนรู้และตระหนักถึง ความสำคัญในการอนุรักษ์และบริหารจัดการทรัพยากรชายฝั่งอ่าวสิเกาด้วยตนเอง อันจะนำมาซึ่งความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจนสามารถดำเนินโครงการให้ประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืนต่อไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.037 วินาที กับ 22 คำสั่ง