กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤษภาคม 21, 2024, 05:29:16 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 19 มกราคม 2552  (อ่าน 2937 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 12:32:04 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นอีก 1-2 องศา แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปมีกำลังปานกลาง ขอให้ชาวเรือ และชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่  อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศา อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศา  ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศอุ่นขึ้น โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง โดยมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-24 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนอีกครั้งหนึ่ง ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศเย็นลง และมีลมแรง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย โดยตั้งแต่วันที่ 24 ม.ค.เป็นต้นไป ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยระมัดระวังอันตรายจากการเดินเรือ



* Forecast2.jpg (36.77 KB, 684x423 - ดู 676 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 12:37:42 AM »

เดลินิวส์


ผจญภัยข้ามมหาสมุทร



 ‘ผจญภัยข้ามมหาสมุทร’  เป็นการ์ตูนความรู้หมวดวิทยาศาสตร์แสนสนุก ผลงาน HONG JAE-CHEOL แปลโดย กัญญารัตน์ จิราสวัสดิ์ จากสำนักพิมพ์นานมีบุ๊คส์

การเดินทางข้ามมหาสมุทรครั้งนี้เป็นความฝันอันยิ่งใหญ่ของคุณแม่ และเป็นทางเดียวที่โซระจะใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ไปโรงเรียน  การผจญภัยนี้ใช้เรือใบที่อาศัยเพียงแรงลมและเครื่องยนตร์ขนาดเล็ก แถมต้องฝ่าฟันการทำสงครามกับคลื่นลมแรง ทั้งตื่นเต้าทั้งอันตรายจนน่าหวาดเสียวจะไม่ได้มีชีวิตรอดกลับมา แต่ในระหว่างการเดินทาง

สำหรับการเดินเรือครั้งนี้โซระได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ทั้งหลักการทำงานของเรือใบ วิธีการแล่นเรือ อุกปกรณ์เทคโนโลยีชั้นสูง การใช้ชีวิตในท้องทะเล และทำความรู้จักกับธรรมชาติที่มีความเกี่ยวข้องและช่วยเหลือมนุษย์ในการแล่นเรือ

ในท้ายบทได้สอดแทรกความรู้วิทยาศาสตร์และปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ พร้อมพาไปรู้จักกับกิจกรรมการแล่นเรือใบ ประวัติ อุปกรณ์และชนิดของเรือใบ รวมถึงการแข่งเรือใบในประเทศไทย โดยการแบ่งประเภทของเรือใบ เรือใบมีทั้งเรือใบเร็วซึ่งใช้เครื่องยนตร์ในการขับเคลื่อน และเรือใบที่อาศัยแรงลมเพียงอย่างเดียว อาจแบ่งตามลักษณะเรืออกได้อีก 2 ชนิด คือ เรือใบดิงกี (DINGHY) เป็นเรือใบขนาดเล็ก ใช้แรงลมขับเคลื่อนและมักไม่มีห้องโดยสาร สำหรับการแล่นระยะสั้นในเวลากลางวัน มักพบตามชายฝั่ง บึง หรือทะเลสาบ อีกชนิดคือ เรือใบครุยเซอร์ (CRUISER) เรือใบที่มีห้องโดยสาร (เคบิน) และมีเครื่องยนต์สำรองไว้ใช้สำหรับแล่นเรือออกจากท่าหรือเวลาฉุกเฉิน ดังนั้นจึงสามารถเดินทางไปยังที่ไกลๆได้

การผจญภัยครั้งนี้จะสนุกและสบายกว่าการไปโรงเรียนหรือไม่ต้องติดตาม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 12:44:27 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


ผอ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติฯ ระบุยังไม่มีข้อสรุปสาเหตุไทยหนาวนาน

      นายสมิทธ ธรรมสโรช ผู้อำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าวว่า สภาพอากาศที่เกิดขึ้นในขณะนี้ สาเหตุส่วนหนึ่งน่าจะมาจากผลพวงของความแปรปรวนของสภาพอากาศที่เกิดขึ้นทั่วโลก ซึ่งเชื่อมโยงกับภาวะโลกร้อน แต่ยังไม่มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถยืนยันได้อย่างชัดเจน ส่วนไทยจะได้รับผลกระทบแค่ไหนต้องรอดูสภาพความหนาวเย็น หากหนาวยาวไปถึงปลายเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะทำให้ไทยมีฤดูร้อนที่สั้นผิดปกติ ขณะที่อุณหภูมิก็จะสูงขึ้นด้วย ซึ่งที่ผ่านมาไทยเคยมีอุณหภูมิสูงสุดที่ 42 องศาเซลเซียส ทำให้ผลผลิตทางการเกษตรน้อยลง และราคาพืชผลแพงขึ้น

        นายอานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรมการเปลี่ยนแปลงของโลกแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่ายังไม่สามารถระบุได้ว่ามีความเชื่อมโยงกันภาวะโลกร้อน แต่ความแปรปรวนทั้ง 2 กรณี เป็นอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เกิดจากมวลอากาศเย็น หรือลมหนาว พัดมาจากขั้วโลกเหนือ ผ่านประเทศจีน และเข้าประเทศไทย ถือว่าไม่มีอะไรผิดปกติ เพราะเป็นช่วงฤดูที่ลมหนาวจะพัดผ่าน

        ส่วนสาเหตุที่บางพื้นที่มีความหนาวเย็นรุนแรงมากที่สุดในรอบ 10 ปี เป็นเพราะลมหนาวมีมากและยาวนาน จึงส่งผลให้คลื่นลมมีความรุนแรงมากขึ้น และอิทธิพลนี้จะเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งในช่วงปลายเดือนนี้ แต่ความรุนแรงจะน้อยลง

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 19, 2009, 12:53:06 AM »

คม ชัด ลึก


อบจ.ระนอง ร้องแก้ปัญหาแพปลา ผ่อนผันที่ "ป่าชายเลน" ขอทำกินต่อ



ปัญหาการบุกรุกพื้นที่ที่เป็นทรัพยากรทางธรรมชาติบางครั้งก็เป็นเรื่องสลับซับซ้อน และแก้ได้ยาก หากบังคับใช้แต่กฎหมายเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทของชุมชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ด้วย

 ดังเช่นปัญหาการประกาศมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 วันที่ 22 สิงหาคม 2543 และวันที่ 17 ตุลาคม 2543 เพื่อให้พื้นที่แพปลาบริเวณย่านแพใหม่ หมู่ 5 ต.บางริ้น อ.เมือง จ.ระนอง จำนวน 242 ไร่ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่ต้องอพยพผู้คนออกไป

 ประเด็นนี้ นภา นทีทอง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง กล่าวว่า ปัญหาที่ดินผืนนี้เกิดจาก อบจ.ระนอง ที่ได้ขอใช้ประโยชน์จากกรมป่าไม้บริเวณดังกล่าว ซึ่งกรมป่าไม้ได้อนุญาตให้เข้าใช้ประโยชน์ โดยทำสัญญาเช่าเป็นระยะเวลา 15 ปี ตั้งแต่ปี 2525-2540 

 ระหว่างการดำเนินการตามสัญญา ก็มีมติ ครม.ทั้ง 3 ฉบับข้างต้น ให้กรมป่าไม้ประกาศให้บริเวณที่ตั้งแพปลาเป็นพื้นที่ป่าชายเลน ดังนั้นเมื่อสัญญาหมดอายุลง อบจ.ระนอง จึงไม่สามารถเข้าไปใช้ประโยชน์หรือดำเนินการต่อสัญญากับกรมป่าไม้ได้

 นายก อบจ.ระนอง มองว่า ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน พื้นที่ดังกล่าวสิ้นสภาพการเป็นป่าชายเลนอย่างสิ้นเชิง โดยกลายเป็นย่านเศรษฐกิจการค้าสำคัญของจังหวัดแทน เพราะเป็นที่ตั้งของแพปลา ท่าเทียบเรือ โรงงานอุตสาหกรรม และที่อยู่อาศัยจำนวนมาก

 ด้วยเหตุนี้ อบจ.ระนอง จึงทำหนังสือร้องเรียนไปยังคณะกรรมาธิการการปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้ช่วยลงพื้นที่ และนำเสนอข้อมูลไปยังกระทรวงมหาดไทย เพื่อเสนอ ครม. พิจารณา ยกเว้นเขตพื้นที่ดังกล่าวให้ประชาชนสามารถเข้าไปทำประโยชน์ได้

 ขณะนี้ประชาชนกว่า 2,000 คน เกิดความวิตกกังวลอย่างมากว่าพวกเขาจะกลายเป็นบุคคลที่ทำผิดกฎหมาย ฐานบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนหรือไม่

 ต่อมาเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 อบจ.ระนอง ร่วมกับ นายนิรวัชช์ ปุณกัณฑ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง ได้ชี้แจงปัญหาดังกล่าวต่อคณะกรรมาธิการปกครองส่วนท้องถิ่น

 โดยยื่นข้อเสนอ 2 ข้อ คือ ขอผ่อนผันยกเว้นการปฏิบัติตามมติ ครม. และขอต่ออายุหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าคลองหัวเขียว-เกาะสุย บริเวณที่มีข้อพิพาทต่อไปอีก

 นายวิรัตน์ ร่มเย็น ประธานคณะกรรมาธิการปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวว่า หลังได้รับข้อร้องเรียน และรับทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด คณะกรรมาธิการจะนำข้อมูลที่ได้นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งผ่านให้ ครม.มีมติยกเว้น หรือผ่อนผันในพื้นที่ดังกล่าวต่อไป

 งานนี้คนระนอง โดยเฉพาะคนในย่านแพปลาต้องจับตาดูกันต่อไปว่า รัฐบาลพรรคสะตอจะสานฝันของคนระนองได้แค่ไหน

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 20 คำสั่ง