|
หัวข้อ: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กรกฎาคม 13, 2008, 02:13:26 AM โลมาตายน้ำตื้น โดย ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/07/way03130751p1.jpg) หนึ่ง ในเหตุผลหลักที่ทำให้ผมมาเขียนใน "มติชน" คืออยากเล่าเรื่องเกี่ยวกับธรรมชาติ โดยเฉพาะประเด็นที่น่าสนใจและหนูน้อยทั้งหลายสามารถนำไปทำการบ้านได้ อย่างน้อยก็มีประโยชน์ ไม่ต้องขอเกรดจนกลายเป็นเรื่องวุ่นวายว้ายอาจารย์ขาอย่าจับหนู (โลกนี้มีเข่งครับ แล้วก็มีปลา จากนั้นก็มีปลาเน่า ไม่มีที่ไหนแม้ในวัดที่ปราศจากคนชั่ว) เรื่องที่ผมเล่าต่อไปนี้ กำลังอยู่ในความสนใจของมหาชนชาวไทย ได้แก่ โลมาและวาฬเกยตื้น ภาษาอังกฤษเรียกว่า Stranding เผื่อคุณๆ จะเอาคำนี้ไปค้นข้อมูลต่อ อันว่าการเกยตื้นเกิดกับสัตว์หลากหลายชนิด เช่น เต่าทะเล แต่ที่เราสนใจในขณะนี้เป็นพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมในทะเล ได้แก่ Marine Mammal หากเป็นต่างประเทศจะมีประเภทแมวน้ำบาดเจ็บกระเสือกกระสนจนร้องอ๊ง แต่ถ้าเป็นเมืองไทยเราเน้นเฉพาะโลมาและวาฬ อาจมีปรากฏการณ์พะยูนเกยตื้นบ้างนานทีปีหน การเกยตื้นดังกล่าว เกิดได้ทั้งเกยแบบยังหายใจและแบบไม่หายใจ ว่าง่ายๆ คือกลายเป็นศพมาเกยตื้น หากนับพวกนี้เข้าไปด้วย ในเมืองไทยเกิดเหตุการณ์บ่อยครั้ง เท่าที่ผมนับตามข่าวที่สื่อมวลชนรายงาน เอาเฉพาะโลมาอย่างเดียว ปีละกว่า 20 ครั้งทั่วประเทศ เรียกว่านำโด่งเมื่อเทียบกับพะยูนหรือวาฬ แต่ถ้าเป็นกรณีที่ยังไม่ตาย จะเกิดขึ้นน้อยกว่านิดหน่อย การเกยตื้น ยังสามารถแบ่งตามจำนวน หากมาเกยตื้นตัวเดียว นั่นยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อใดที่เกิดการเกยตื้นพร้อมกันมากกว่า 1 ตัว เราเรียก mass stranding อาจบ่งชี้อะไรบางอย่าง กลายเป็นที่สนใจของผู้คน เหมือนดังกรณีวาฬเพชฌฆาตเทียมร่วม 30 ตัว พากันมาเกยตื้นที่เกาะราชาเมื่อปลายเดือนที่แล้ว หรือกรณีโลมา 3 ตัวที่เกยตื้นแถวภูเก็ตเมื่อไม่กี่วันก่อน คำถามที่ทุกคนสงสัย มันเกิดอะไรขึ้นหนอ? น่าเสียดายที่ผมไม่อยู่เมืองไทยในช่วงที่วาฬเกย ตื้น มัวแต่ไปทำงานที่ออสเตรเลีย เพราะคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ไปลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกันกับ University of the Sunshine Coast เลยไม่มีโอกาสติดตามเหตุการณ์ใกล้ชิด แต่ในอีกทาง ผมมีโอกาสเจอผู้เชี่ยวชาญด้านโลมาและวาฬ เลยได้ถามข้อมูลโน่นนี่จากเขา ยังมีโอกาสไปชมโปรแกรมช่วยเหลือโลมาและสัตว์ทะเลบาดเจ็บจนมาเกยตื้นของ องค์กรเอกชน Sea World ที่ Gold Coast นักวิจัยเค้าอธิบายเรื่องต่างๆ ให้พวกเราฟังทั้งวัน ยังพาไปชมโลมา แมวน้ำ และพะยูนบาดเจ็บ ที่ได้รับการดูแลอย่างดี ก่อนจะนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติ ผมนำข้อมูล พวกนี้มาร่วมกับข้อมูลจากโครงการ Dolphin Watch ที่คณะประมง ม.เกษตรศาสตร์ กำลังทำอยู่กับฝูงโลมาชายฝั่งขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช ภายใต้การสนับสนุนของบริษัทผลิตไฟฟ้า (EGGO) ลูกศิษย์ 2-3 คนต้องลงไปขนอมทุกเดือน ครั้งละสิบกว่าวัน เพื่อติดตามศึกษาฝูงโลมาที่นั่น มีอะไรน่าสนุกเยอะเชียว แต่ผมจะอุบไต๋ไว้เล่าในวันหน้า กะว่าจะจัดประกวดการตั้งชื่อโลมาด้วยซ้ำไป ใครชนะได้รางวัลไปเยี่ยมชมโลมากับหมีโคอาลาที่ออสเตรเลีย (อย่าเพิ่งส่งชื่อมานะครับ ยังไม่มีตังค์ทำโครงการจ้ะ) ข้อมูลพวกนี้ ทำให้ผมแบ่งสาเหตุการเกยตื้นเป็น 2 รูปแบบ หนึ่งคือเกยตื้นเพราะสาเหตุตามธรรมชาติ เช่น สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลง อาหารหายไป บาดเจ็บเพราะถูกไล่ล่าหรือทะเลาะกัน เป็นโรคติดเชื้อ ฯลฯ อีกหนึ่งคือสาเหตุจากมนุษย์ มีร้อยแปดพันประการ แบบเห็นชัดหน่อยก็ประเภทติดอวนหรือเครื่องมือประมงอื่นๆ หรือโดนเรือชน ไปจนสาเหตุที่ยังไม่มีข้อพิสูจน์แน่ชัด เช่น การซ้อมรบในทะเลรบกวนคลื่นโซนาร์ของเหล่าโลมาและวาฬจนสับสน เมื่อ เกิดอาการผิดปกติขึ้น จะเป็นด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ สัญชาตญาณของสัตว์พวกนี้จะทำให้เธอพยายามเข้าที่ตื้น เพราะอยู่กลางทะเลมีอันตรายจากผู้ล่านานัปการ แต่กรณีนี้ต้องพิจารณาให้ดี เพราะมีโลมาหรือวาฬหลายกลุ่มที่ชอบอยู่ใกล้ฝั่งเป็นปกติ เช่น โลมาขนอม ว่ายน้ำหาปลากินห่างจากหาดแค่ไม่กี่เมตร หรือวาฬบ่อนอก เข้ามากินปลาที่อยู่ห่างฝั่งไป 1-2 กิโลเมตรเท่านั้น อย่านำไปรวมกับประเด็นเกยตื้นนะครับ การเกยตื้นแบบตัวเดียวจึงถือ เป็นเรื่องปกติในภาวะสัตว์บาดเจ็บ เช่น โลมาเพศเมียที่เกยตื้นที่ภูเก็ตเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา สาเหตุอาจมาจากเรือชน จนถึงตอนนี้ เธอไปสู่สวรรค์อันน่าพิสมัยของเหล่าโลมา แต่ในกรณีของวาฬเพชฌฆาตเทียมที่เกาะราชา หรือโลมาสามตัวที่ภูเก็ต เรายังมีคำตอบไม่ชัดเจน เพราะพวกนั้นมีสุขภาพแข็งแรง แล้วทำไมเกยตื้นล่ะเนี่ย? แม้ว่านักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของไทยยังตอบ ไม่ได้ แต่มิใช่เราอ่อน แม้นักวิทยาศาสตร์ทั้งโลกก็ยังตอบไม่ได้ ขนาดพวกนั้นมีข้อมูลการศึกษามากกว่าเราตั้งเยอะ เช่น ปริมาณโลมาและวาฬเกยตื้นในอเมริกา ปีหนึ่งเกิดขึ้นตั้ง 1,000-1,500 ตัว (ไม่รวมแมวน้ำนะ) แต่คุณที่ห่วงว่า โลมาหรือวาฬจะสำเหนียกภัยธรรมชาติ เช่น แผ่นดินไหวในทะเล คลื่นสึนามิ ฯลฯ บอกไว้เลยว่า จากสถิติทั้งหมดที่รวบรวมมาโดยนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ยังไม่มีหลักฐานใดชี้ชัดว่า การเกยตื้นของโลมาหรือวาฬเกี่ยวข้องกับภัยพิบัติทำนองนั้น เรายังหา สาเหตุไม่ได้ แต่นั่นยังไม่สำคัญเท่า เราควรทำไงต่อไป? ผมแยกเป็น 2 กรณี สำหรับการแก้ที่ต้นเหตุ หมายถึงโลมาหรือพะยูนที่เกยตื้นเพราะผลการกระทำของมนุษย์ นั่นคือสาเหตุหลักที่ทำให้พวกเธอลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว จนบางแห่งมีทีท่าว่าจะสูญพันธุ์จากพื้นที่ เช่น โลมาอิรวดีในทะเลสาบสงขลา หรือมีแนวโน้มว่าน่าเป็นห่วงจัง เช่น โลมาที่ขนอม พะยูนที่ตรัง เรื่องนี้ต้องว่ากันยาว ขอติดไว้ภายหน้าจ้ะ อีกการกระทำที่เกิดได้ คือ เราจะช่วยโลมาหรือวาฬที่เข้ามาเกยตื้นได้อย่างไร? หากเธอตายแล้ว นั่นก็ยังต้องช่วยนะครับ ช่วยกันแจ้งให้ ทช.ทราบ หน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือ สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน ภูเก็ต มีผู้เชี่ยวชาญหลายท่านประจำการอยู่ที่นั่น เกิดเหตุครั้งใด รีบโทร.ไป 0-7639-1128 และ 0-7639-1438 อย่าคิดว่าสัตว์ตายแล้วทำเป็นปุ๋ยเลยดีกว่า เพราะการผ่าพิสูจน์ศพ จะช่วยให้เราเข้าใจถึงสาเหตุการตาย ก่อนนำข้อมูลมาศึกษาเพื่อหาทางป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซาก อีก กรณีคือพวกเธอยังไม่ตาย นิสัยของคนไทยเวทนาสัตว์อยู่แล้ว เราจะพยายามช่วยผลักช่วยดันเธอออกไปให้กลับสู่ทะเล แต่วิธีนั้นอาจเกิดผลเสียที่คาดไม่ถึง เพราะหากโลมาหรือพะยูนบาดเจ็บ จะดันเธอออกไปสู่ทะเล เธอก็ยังเจ็บ แถมอาจเจ็บหนักกว่าเก่า ก่อนหมดแรงว่ายเข้าฝั่งอีกครั้งและอีกครั้ง หากเป็นฝรั่ง เค้าจะบอกให้เราห้ามไปยุ่ง แต่แจ้งเจ้าหน้าที่ให้เร็วที่สุด ก่อนคอยดูแลอยู่ห่างๆ แต่ในเมืองไทย บางทีไม่อยู่ในภาวะที่ทำเช่นนั้นได้ เราอาจช่วยให้เธอได้พักในน้ำนิ่งหน่อย หรือหากเกยตื้นจนเรายกไม่ไหว ก็พยายามทำให้ตัวเธอเปียกน้ำเข้าไป อดทนรอจนกว่าเจ้าหน้าที่เค้าจะมาถึง ผู้เชี่ยวชาญจะตรวจสอบโดยละเอียด ถ้าโลมาหรือวาฬไม่บาดเจ็บ เขาจะหาทางพาพวกเธอไปปล่อยกลางทะเล แต่ถ้าบาดเจ็บจนต้องพักฟื้น เขาจะมีสถานที่อนุบาลทำการรักษาจนแข็งแรง แล้วค่อยนำไปปล่อยภายหลังครับ ประเด็น นี้ยังน่าสนใจ คนทั่วไปมีส่วนร่วมช่วยทะเลได้ ในหลายประเทศ เขาจะมีกลุ่มอาสาสมัครหรือ Stranding Network บ้างก็เป็นมูลนิธิ เพื่อช่วยกับเจ้าหน้าที่ภาครัฐในการช่วยเหลือสัตว์ทะเลเกยตื้น ใครสนใจอยากจัดตั้งป่อเต็กตึ๊งโลมา ลองติดต่อสถาบันวิจัยฯภูเก็ต เขาอาจมีการอบรมหรืออะไรทำนองนั้น เพื่อสร้างเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลไทยครับ จาก : มติชน วันที่ 13 กรกฎาคม 2551 หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ กรกฎาคม 13, 2008, 02:19:37 AM เฮ้อออ.. เรายังขาดความรู้ในด้านนี้อย่างมากเลยเนอะ.. :-X
น่าจะมีการจัดอบรม เจ้าหน้าที่ชายหาด หรือ คนในระแวกนั้น ให้รู้ว่า ควรทำอย่างไรเมื่อมีสัตว์มาเกยตื้นเนอะ.. :-* หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: Sky ที่ กรกฎาคม 13, 2008, 11:14:44 AM ".....ใครสนใจอยากจัดตั้งป่อเต็กตึ๊งโลมา ลองติดต่อสถาบันวิจัยฯภูเก็ต เขาอาจมีการอบรมหรืออะไรทำนองนั้น เพื่อสร้างเครือข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลไทยครับ"
น่าสนใจนะคะ แต่ขอไม่ใช่ไปเก็บศพได้มั้ยเนี่ย ขอช่วยแบบตัวเป็นๆ กลับสู่ธรรมชาติเป็นๆ ...... :P หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: conundrum ที่ กรกฎาคม 13, 2008, 11:44:01 AM เอาเป็นศูนย์โลมา นเรนทร ดีกว่าครับ เพราะจะได้ไปช่วยเหลือ ไม่ได้จ้องเก็บศพท่าเดียว เหมือนท่านปอ ::)
หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: หอยกะทิ ที่ กรกฎาคม 14, 2008, 02:26:14 PM เรื่องอบรมประชาชนทั่วไปและจัดตั้งโครงข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลเกยตื้น ที่ภูเก็ตพยายามดันกันมานานๆๆๆๆๆ หลายปีมากๆๆๆๆๆ แต่ติดหลายอย่างทั้งเงิน แรง การประสาน และผู้ใหญ่
ศูนย์ช่วยเหลือก็พึ่งจะผ่านได้สร้างสระพยาบาลสัตว์ ได้เงินจ้างหมอก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ได้แต่นั่งลุ้นๆๆๆๆ กันต่อปายยยยยย :'( หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ กรกฎาคม 14, 2008, 02:30:01 PM เป็นกำลังใจให้ตั้งหน่วยกู้ชีพสัตว์ทะเลฯได้สำเร็จนะคะน้องแม่หมูน้ำ....น้องก้องเกียรติ์....น้องสะดี....น้องชิน....ฯลฯ หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กรกฎาคม 15, 2008, 01:19:02 AM ทช.สั่งหาสาเหตุโลมาเกยตื้นยกฝูง เล็งรื้อใหญ่ประสิทธิภาพทีมกู้ชีวิต นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่เข้ามาเกยตื้นในพื้นที่ชายฝั่งของประเทศไทยหลายครั้งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา จึงสั่งการให้เร่งศึกษาและเก็บข้อมูลทางสถิติเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียด โดยเฉพาะประเด็นการส่งสัญญาณผิดปกติของผู้นำฝูงที่เกิดขึ้นอาจมีปัจจัยใดมาเกี่ยวข้องบ้าง อาทิ อาการป่วย ความบกพร่องทางพันธุกรรม และความเชื่อมโยงถึงการเปลี่ยนแปลงทางธรรมชาติ หรือภัยธรรมชาติต่างๆ ตลอดจนเป็นผลจากการกระทำหรือกิจกรรมบริเวณชายฝั่งของมนุษย์หรือไม่ จากนั้นจะนำข้อมูลไปเปรียบเทียบกับข้อมูลทางสถิติและหลักฐานทางวิชาการระหว่างประเทศ เพื่อนำมาจัดทำมาตรการสร้างความเข้าใจเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืนในอนาคตต่อไป สำหรับแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาว กรมฯจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของทีมช่วยชีวิตสัตว์ทะเล โดยจัดอบรมความรู้เรื่องวิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและการเคลื่อนย้ายสัตว์ทะเลขนาดใหญ่ที่ขึ้นมาเกยตื้นให้กับชุมชนบริเวณชายฝั่งทั่วประเทศ รวมทั้งจัดซื้ออุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นเพิ่มเติม ตลอดจนเสนอให้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ พิจารณาอนุมัติตำแหน่งสัตวแพทย์ วิศวกรชายฝั่ง และผู้เชี่ยวชาญด้านสมุทรศาสตร์ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ด้าน น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการประมง 8 หัวหน้ากลุ่มสัตว์ทะเลหายาก กล่าวว่า จากเหตุการณ์ปลาโลมาฟันห่างเกยตื้นที่บ้านอ่าวน้ำบ่อ อ.เมือง จ.ภูเก็ตล่าสุด ได้มีการตั้งข้อสังเกตทางวิชาการเรื่องการทดลองเกี่ยวกับทะเลลึกในขณะนี้ เช่น การสำรวจก๊าซหรือสำรวจปิโตรเลียมในทะเลอันดามัน เนื่องจากการสำรวจธรณีฟิสิกซ์หรือใช้วิธีวัดคลื่นไหวสะเทือนไปถึงชั้นพื้นทะเลอาจมีส่วนรบกวนหรือกระทบกระเทือนใต้ทะเลก็เป็นได้ โดยเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมามีข่าวต่างประเทศ ระบุ การฝึกทางทะเลของกองทัพเรือประเทศหนึ่งส่งทำให้เกิดเหตุการณ์ปลาโลมา หรือวาฬขึ้นมาเกยตื้นจำนวนมากถึง 150-200 ตัว จาก : แนวหน้า วันที่ 15 กรกฎาคม 2551 หัวข้อ: Re: โลมาตายน้ำตื้น เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ กรกฎาคม 15, 2008, 02:15:29 AM เรื่องอบรมประชาชนทั่วไปและจัดตั้งโครงข่ายช่วยเหลือสัตว์ทะเลเกยตื้น ที่ภูเก็ตพยายามดันกันมานานๆๆๆๆๆ หลายปีมากๆๆๆๆๆ แต่ติดหลายอย่างทั้งเงิน แรง การประสาน และผู้ใหญ่ ศูนย์ช่วยเหลือก็พึ่งจะผ่านได้สร้างสระพยาบาลสัตว์ ได้เงินจ้างหมอก็เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง ได้แต่นั่งลุ้นๆๆๆๆ กันต่อปายยยยยย :'( ช่วยลุ้นคะ.. ขอให้ประสบความสำเร็จนะคะ.. :-* |