|
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 12:39:47 AM กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเข้าสู่พายุดีเปรสชัน คัมมุริ (KAMMURI) ที่ได้อ่อนกำลังใกล้กรุงฮานอย ประเทศเวียดนาม และคาดว่าจะพายุจะสลายเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำในวันนี้ (8 ส.ค.) ลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ตาก เลย หนองคาย สกลนคร อุดรธานี หนองบัวลำภู และนครพนม ระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก สำหรับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยยังคงมีกำลังแรง ทำให้ด้านรับลมมรสุมในภาคตะวันออกกับภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีฝนตกหนักบางแห่งและทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายจากการเดินเรือ และเรือเล็กในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งในระหว่างวันที่ 8-9 สิงหาคม 2551 นี้ไว้ด้วย กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 7-9 ส.ค. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้หลายพื้นที่ และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ในช่วงวันที่ 10-13 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้จะมีกำลังอ่อนลง และร่องความกดอากาศต่ำกำลังจะเลื่อนขึ้นไปพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง อนึ่ง พายุโซนร้อน คัมมุริ (KAMMURI) บริเวณประเทศจีนตอนใต้ จะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศเวียดนามตอนบนและอ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชันในวันที่ 7 ส.ค. และจะอ่อนกำลังลงเป็นหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศลาวตอนบนในวันที่ 8-9 ส.ค หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 12:42:34 AM เดลินิวส์
แขก(ไม่ได้)รับเชิญ (http://ads.dailynews.co.th/column/images/2008/variety/8/8/61322_title0.jpg) ในวันพักผ่อนสุดสัปดาห์ของครอบครัวแฟลร์รี่ พวกเขาเลือกการล่องเรือใบลำใหญ่เพื่อนอนอาบแดด เล่นน้ำกันกลางทะเล ขณะเรือจอดอยู่กลางน้ำ พวกเขาไม่ได้กดปุ่มยกบันไดขึ้น เนื่องจากยังต้องการขึ้นๆ ลงๆ เรือเพื่อเล่นน้ำ ทำให้เจ้าสิงโตทะเลตัวใหญ่ ฉวยโอกาสขึ้นเรือมานอนอวดกายขอแอบแดดบนเรือหรูอีก(ตัว) พวกเขาพยายามหลอกล่อให้เจ้าสิงโตทะเลกลับลงน้ำสารพัดวิธีแต่ก็ไม่เป็นผล แขกตัวใหญ่ไถลตัวไปมาบนเรืออยู่นาน จนกระทั่ง ครอบครัวแฟล์รี่ หยิบกล้องขึ้นมา ทุกคนในครอบครัวผลัดกันถ่ายรูปร่วมกับเจ้าสิงโตทะเลที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เมื่อถ่ายรูปร่วมกันเสร็จ อยู่ๆ เจ้าสิงโตทะเลก็ไถลตัวลงน้ำ ว่ายวนรอบเรือ และกลับขึ้นมาให้พวกเขาต้องไล่ลงน้ำอีกครั้ง! หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 12:52:06 AM ข่าวสด
ผวจ.พัทลุงจี้ฟื้นฟูทะเลสาบสงขลา พัทลุง - เมื่อเร็วๆ นี้ รศ.ประเสริฐ ชิตพงษ์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญติดตามการแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา วุฒิสภา พร้อมคณะเดินทางมาติดตามแก้ไขปัญหาพื้นที่ลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยมีนายสุเทพ โกมลภมร ผวจ.พัทลุง ให้การต้อนรับ และกล่าวว่า ปัญหาลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลาตื้นเขิน รวมทั้งปัญหาสิ่งแวดล้อมและปริมาณของสัตว์น้ำลดลง ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่และวิถีชีวิตของชาวบ้านที่อยู่รอบลุ่มน้ำอย่างมาก นายสุเทพ กล่าวอีกว่า สำหรับการแก้ปัญหาลุ่มน้ำ รัฐบาลได้จัดทำแผนแม่บทและมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ แต่บางครั้งการแก้ปัญหาไม่ต่อเนื่อง จึงอยากให้รัฐบาลกำชับหน่วยงานที่รับผิดชอบให้ดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพื่อแก้ปัญหาในพื้นที่ลุ่มน้ำ สำหรับลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลามีพื้นที่ครอบคลุม 3 จังหวัด อาทิ สงขลา พัทลุงและนครศรีธรรมราช พื้นที่ประมาณ 8,729 ตร.ก.ม. ประกอบด้วย พื้นที่ทะเลสาบ 1,042 ตร.ก.ม. มีเทือกเขาบรรทัดที่มีความสูงประมาณ 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นแหล่งต้นน้ำ หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 12:55:15 AM คม ชัด ลึก
เมืองพัทยา เน้นพลังงานทดแทน เกะล้าน ตั้ง "กังหันลม" ปั่นไฟฟ้า เมืองพัทยา หนุนการใช้ "พลังงานทดแทน" ใช้พื้นที่ "เกาะล้าน" ติดตั้งกังหันลม 45 ต้น-แผงโซลาเซลล์รูปกระเบนยักษ์ ใช้งบประมาณ 95 ล้าน ครอบคลุมท่าหน้าบ้าน หาดแสม สถานีบำบัดน้ำเสีย และไฟสอง เล็งผุดเฟส 2 ให้ครอบคลุมทั่วเกาะ จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่พุ่งสูงอย่างต่อเนื่องทำให้กระแสการเพรียกหาพลังงานทดแทนดังกระหึ่มขึ้นทุกมุมโลก และองค์กรปกครองรูปแบบพิเศษอย่าง "เมืองพัทยา" ก็มีความตื่นตัวในการคิดหาพลังงานทดแทนมาใช้เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันเช่นเดียวกัน สำหรับแหล่งพลังงานทดแทนของเมืองพัทยา คือ "พลังงานลม" ที่มีความเร็วเหมาะสม และสม่ำเสมอพอที่จะผลิตกระแสไฟฟ้า (http://www.komchadluek.net/2008/08/08/images/11231305low.jpg) โดยพื้นที่ที่เหมาะสม คือ บริเวณ เกาะล้าน หมู่ที่ 7 ต.นาเกลือ อ.เมือง จ.พัทยา ซึ่งอยู่ห่างชายฝั่งเมืองพัทยา 7 กิโลเมตร มีพื้นที่ 4 ตารางกิโลเมตร และเป็นแหล่งดำน้ำ ดูปะการัง และเล่นกีฬาทางน้ำ ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี เป้าหมายของโครงการนี้ คือ ใช้พลังงานลมมาผลิตกระแสไฟฟ้า...เพื่อลดการใช้น้ำมันดีเซลในเครื่องกำเนิดไฟฟ้า !! พิกัดของแนวกังหันลม หรือ "ฟาร์มกังหันลม" จะอยู่บน "เนินนมสาว" โดยมีกังหันลมทั้งหมด 45 ต้น การออกแบบฟาร์มกังหันลมที่เหมาะสมกับสภาพอากาศของเมืองพัทยาที่มีระดับความเร็วลมเฉลี่ย 4-5 เมตรต่อวินาที จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 25-30 กิโลวัตต์ (http://www.komchadluek.net/2008/08/08/images/11231329low.jpg) หากมีลมต่อเนื่องประมาณ 10 ชั่วโมง จะสามารถผลิตไฟฟ้าได้ประมาณวันละ 200 หน่วย ซึ่งจะลดการใช้น้ำมันดีเซลผลิตไฟฟ้าได้ถึงวันละ 200 ลิตร โครงการนี้ได้รับการวิจัย และพัฒนาโดย นักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี นำโดย ดร.วิรชัย โรยนรินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มพลังงานทดแทนกังหันลมผลิตไฟฟ้า ส่วนที่มาของโครงการนี้เกิดขึ้นเนื่องจากบนเกาะล้านมีประชากรอาศัยอยู่ 489 ครัวเรือน หรือประมาณ 3,000 คน ไม่รวมประชากรแฝงอีกกว่า 2,000 คน และยังมีนักท่องเที่ยวทั้งไทย และต่างชาติหลั่งไหลที่เข้ามาพักผ่อนอยู่บนเกาะอีกประมาณ 60,000 คนต่อเดือน โดยการผลิตไฟฟ้าบนเกาะยังต้องพึ่งพาเครื่องปั่นไฟของ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ที่ต้องใช้น้ำมันดีเซลเป็นต้นทุนหลักที่มีราคาสูงขึ้นทุกวัน นอกจากจะมีต้นทุนการผลิตไฟสูงขึ้นเรื่อยๆ เครื่องปั่นไฟแบบเดิมยังเกิดการ "ชำรุด" อยู่บ่อยครั้งทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าตามบ้าน และสถานประกอบการบนเกาะได้รับความเสียหายจากเหตุกระแสไฟฟ้าตก และบางวันกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้ก็ไม่เพียงพอต่อความต้องการด้วย เมืองพัทยา จึงมีแนวคิดหาพลังงานรูปแบบใหม่มาทดแทนน้ำมัน โดยคำนึงถึงปัญหา "สิ่งแวดล้อม" เป็นสำคัญ ทั้งยังน้อมรับแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในด้านการใช้พลังงานทดแทน และการพึ่งพาตัวเองอย่างยั่งยืนมาใช้ ในที่สุดจึงมีการคัดเลือกพื้นที่ เกาะล้าน ที่มีความเหมาะสมทางสภาพภูมิประเทศเหมาะสม ทั้งกระแสลม และพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทั้งปี และยังเป็นการช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และเป็นแหล่งเรียนรู้พลังงานทดแทนอีกทางหนึ่งด้วย นายรัตนชัย สุทธิเดชานัย สมาชิกสภาเมืองพัทยา ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบบนเกาะล้าน และเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มเรื่องพลังงานทดแทน เล่าว่า แนวคิดนี้เกิดขึ้นหลังจากลงพื้นที่ และคลุกคลีกับชาวบ้านบนเกาะมานานจนทราบว่า ระบบสาธารณูปโภค โดยเฉพาะไฟฟ้ายังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการ อีกทั้งการผลิตไฟฟ้าก็ใช้น้ำมันที่มีค่าใช้จ่ายสูงมาก เมืองพัทยาจึงให้ความสำคัญในเรื่องของพลังงานทดแทน นายรัตนชัย ระบุว่า ขณะนี้ระบบผลิตพลังงานดังกล่าวดำเนินการเสร็จแล้วในเฟสที่ 1 โดยระบบการผลิตไฟฟ้าในเฟสนี้จะเป็นระบบ "ไฮบริดจ์" กล่าวคือ เป็นพลังงานไฟฟ้าที่แปลงมาจากพลังงานธรรมชาติแสงอาทิตย์ (แผงโซลาเซลล์ ) และพลังงานแรงลม พลังงานที่ได้ในแต่ละวันจึงแปรผันตรงกับปริมาณแสงอาทิตย์ และแรงลมที่พัดผ่านบนเกาะ โดยบนเกาะจะมีห้อง "จัดเก็บพลังงาน" ที่เรียกว่า "ห้องสำรองพลังงาน" คล้ายแบตเตอรี่ก้อนใหญ่ที่ควบคุมการสั่งการได้ทั้ง 2 ระบบ คือ ระบบสั่งการโดยมนุษย์ และคอมพิวเตอร์ ปัจจุบันโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนนี้สามารถผลิตไฟฟ้าใช้ได้จริงแล้วบริเวณท่าหน้าบ้าน บริเวณหาดแสม และระบบไฟฟ้าสาธารณะ ซึ่งในอนาคตจะมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อผลิตกำลังไฟฟ้าให้ได้มากกว่านี้ นอกจากนี้ เมืองพัทยา ยังมีโครงการ "วางสายไฟฟ้าใต้ทะเล" เพื่อแก้ปัญหากำลังไฟฟ้าไม่เพียงพอใช้บนเกาะล้านอีกด้วย "เฟสที่ 1 เราใช้งบประมาณไป 95 ล้านบาท ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟ เพื่อใช้ในระบบสาธารณูปโภคสาธารณะ ทั้งสถานีบำบัดน้ำเสีย ไฟส่องทางรอบเกาะ และใช้ในชุมชนใหญ่หน้าหาดแสม ในอนาคตจะมีการดำเนินการต่อในเฟสที่ 2 ซึ่งจะเป็นการเพิ่มปริมาณกังหัน และขยายพื้นที่ของโครงการ ขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงการศึกษาวิจัย" สมาชิกสภาเมืองพัทยา กล่าวทิ้งท้าย ขณะที่ นายวสันต์ สุขี รองประธานชุมชนเกาะล้าน ในฐานะตัวแทนของชาวบ้าน มองว่า หากโครงการดังกล่าวประสบความสำเร็จ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดี แม้ในขณะนี้จะไม่ส่งผลดีต่อชาวบ้านโดยตรง แต่ก็ดีต่อระบบสาธารณะในภาพรวม เพราะจะนำไปใช้กับไฟส่องทาง และ ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ บนเกาะ ชาวบ้านจึงมีความยินดีอย่างยิ่งที่เมืองพัทยาได้เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ อีกทั้งบริเวณที่ก่อสร้างกังหันลม จำนวน 45 ตัว ในอนาคตก็เชื่อว่า จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว และแหล่งศึกษาหาความรู้ระดับโลก ท่ามกลางทัศนียภาพที่สวยงามของทะเล สีคราม รวมทั้งบริเวณแผงโซลาเซลล์ที่มีการดีไซน์ให้เป็นรูป "ปลากระเบนยักษ์" เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกด้วย หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 12:57:45 AM X-cite ไทยโพสต์
เบรกอย่าตื่นแผ่นดินไหว! นักวิชาการด้านแผ่นดินไหวระบุอย่าแตกตื่นข่าวลือว่าจะเกิดเหตุแผ่นดินไหวกลางกรุงเทพฯ ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้เพราะยังไม่มีการศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาอย่างจริงจัง จากที่มีกระแสข่าวลือปรากฏแพร่กระจายในอินเทอร์เน็ตว่า จะเกิดภัยพิบัติครั้งรุนแรงกลางกรุงเทพมหานครในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยมีจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ที่ตลาดหลักทรัพย์และศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์เป็นรัศมีวงกว้าง 30 กิโลเมตรโดยรอบ และขอให้ทุกคนช่วยกันเตรียมพร้อมรับมือ รักษาศีล ศึกษาพระไตรปิฎก และทำบุญกับพระสงฆ์ที่รักษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ผู้เขียนระบุว่า ได้ข้อมูลดังกล่าวจากบุคคลผู้หนึ่งที่เคยทำนายดวงชะตาบ้านเมืองได้อย่างแม่นยำและถูกต้องมาแล้ว รศ.ดร.ปัญญา จารุศิริ อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะนักวิชาการที่ศึกษาวิจัยรอยเลื่อนแผ่นดินไหวในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ได้รับทราบข้อมูลจากนักศึกษาที่นำกระทู้ดังกล่าวมาให้อ่าน ทั้งนี้ในทางวิทยาศาสตร์โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวนั้นก็มีทั้งความเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ เพราะกรุงเทพฯ มีรอยเลื่อนแผ่นดินไหวพาดผ่าน แต่ไม่รู้ว่าเป็นรอยเลื่อนที่ยังมีพลังอยู่หรือตายแล้ว จึงไม่สามารถชี้ชัดได้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่และระดับความรุนแรงแค่ไหน จนกว่าจะมีการศึกษาวิจัยทางธรณีวิทยาอย่างเป็นระบบ "อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนกระทู้ไม่ได้อ้างอิงหลักฐานทางวิชาการเลย แต่เป็นการนั่งทางในหรือทำนายทายทักมากกว่า เพราะการเตือนประชาชนให้รับมือกับภัยพิบัตินั้น ไม่ใช่การรักษาศีลหรือทำบุญ แต่ควรเตรียมวางแผนอพยพผู้คน ดังนั้นผมไม่เชื่อว่าแผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นตามข่าวลือนี้ และไม่อยากให้ประชาชนหลงเชื่อหรือแตกตื่น" รศ.ดร.ปัญญากล่าว. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 01:04:19 AM สำนักข่าว ไอ.เอ็น.เอ็น
กินปลามันๆป้องกันความจำเสื่อมและอัมพาต นักวิจัยชาติสแกนดิเนเวียแนะนำให้กินปลาทูน่าและปลาที่มีไขมัน จะป้องกันความจำเสื่อมและลดความเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตลงได้ นักวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคุโอเปียว ที่ฟินแลนด์ กล่าวว่า ได้พบในการศึกษาด้วยการตรวจสมองผู้สูงอายุ วัยไม่ต่ำกว่า 65 ปีขึ้นไป 3,660 คน เพื่อดูประโยชน์ของการกินปลาที่มีต่อร่องรอยเนื้อตายบนสมองพบว่า ผู้ที่กินปลาพวกที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 อุดม ที่ย่างหรือปิ้งไม่ใช่ทอด อาทิตย์ละ 3 มื้อ จะลดโอกาสที่จะพบรอยเนื้อตายมากถึงเกือบ ร้อยละ 26 ในขณะที่ผู้ที่กินเพียงอาทิตย์ละหนึ่งหน ก็ลดโอกาสลงได้ร้อยละ 13 เทียบกับคนที่เกลียดปลา หากแต่ว่าผู้ที่กินปลาที่ซึ่งทำให้สุกด้วยการทอด จะไม่ได้คุณประโยชน์ เรื่องนี้อันใดเลย ปลาที่มีกรดไขมันโอเมกา-3 มักได้แก่ ปลาแซลมอน ซาร์ดีน เฮอริง และอาหารอย่างอื่น เช่น ถั่ววอลนัท มีคุณประโยชน์ในทางป้องกันการอักเสบ และลดโอกาสที่จะเป็นโรคหัวใจให้น้อยลงด้วย หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 08, 2008, 01:06:54 AM สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
ญี่ปุ่นระบุมีน้ำปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีรั่วไหลจากเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของสหรัฐในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่นวันนี้โดยอ้างข้อมูลจากเจ้าหน้าที่สหรัฐว่า เกิดเหตุน้ำมันปนเปื้อนสารกัมมันตรังสีรั่วไหลออกจากเรือดำน้ำยูเอสเอส.ฮุสตัน ซึ่งขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์เป็นเวลานาน 2 ปี ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวเรือได้แวะจอดที่ท่าเรือ 3 แห่งของญี่ปุ่นกว่าสิบครั้งเป็นท่าเรือในเมืองซาเซโบ และโอกินาวา 5 ครั้ง และอีก 1 ครั้งที่เมืองโยโกซูกะ ซึ่งข่าวดังกล่าวทำให้เกิดการประท้วงในญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตาม สหรัฐแถลงว่า กัมมันตรังสีที่รั่วไหลออกมามีประมาณครึ่งไมโครคิวรี่ หรือน้อยกว่าที่ปล่อยออกมาจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ที่ใช้ประโยชน์ด้านพลเรือนสหรัฐเมื่อเปิดเดินเครื่องตามปกติใน 1 วัน ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อลูกเรือ ประชาชน สัตว์น้ำหรือสิ่งแวดล้อมอื่นๆ |