กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => ห้องรับแขก => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 12:13:01 AM



หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 12:13:01 AM
กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปกคลุมอ่าวไทย และภาคใต้ ลักษณะเช่นนี้ทำให้ทุกภาคของประเทศมีฝนกระจาย และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย เช่นบริเวณจังหวัดเพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา มหาสารคาม และกาฬสินธุ์   ยังต้องระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดซ้ำได้อีกในระยะนี้ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในวันที่ 22-24 ก.ย.นี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ40 ของพื้นที่   อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา   ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21-25 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนตกต่อไปได้อีกกับมีฝนตกหนักบางแห่ง คลื่นลมในอ่าวไทยบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกและจะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้หลายพื้นที่


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณพื้นที่ลาดใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากซ้ำได้อีก สำหรับในช่วงวันที่ 21-25 ก.ย. ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในบริเวณที่มีฟ้าคะนองไว้ด้วย



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 12:44:54 AM
มติชน


4 วาฬยักษ์ โผล่ใกล้หาดบางแสน

นายเต่า ธรรมกิจจานุศร อายุ 50 ปี ชาวประมงท้องถิ่นแหลมแท่น บางแสน จ.ชลบุรี เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 กันยายน ว่า ได้พบวาฬยักษ์ 4 ตัว ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ชายหาดบางแสน โดยได้ถ่ายภาพของวาฬยักษ์ที่ขึ้นมาบนผิวน้ำได้ ขณะออกไปช้อนแมงกะพรุนอยู่ในทะเล ห่างจากชายหาดบางแสนประมาณ 1.5 กิโลเมตร พบฝูงนกนางนวลฝูงใหญ่ บินโฉบเฉี่ยวเป็นกลุ่มบริเวณแหล่งปะการังเทียม ศาลาอเนกประสงค์เฉลิมพระเกียรติ บางแสน-แหลมแท่น แล้วก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบวาฬขนาดใหญ่ 4 ตัว แต่ละตัวมีความยาวประมาณ 8 เมตร โผล่หัวเหนือผิวน้ำ แล้วพ่นน้ำ ดำผุดดำว่ายอย่างมีความสุข

ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยพบวาฬยักษ์เข้าชายหาดบางแสนเลยสักครั้งเดียว จะมีแต่เพียงปลาโลมาเท่านั้นที่พบบ่อยๆ น่าจะเป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าอาจเกิดภัยพิบัติในทะเล เพราะวาฬใหญ่ยังเปลี่ยนวิถีชีวิต ขณะนี้ธรรมชาติแปรปรวนอย่างมาก ทำให้ต้องระมัดระวังกันให้มากกว่าเดิม


*************************************************************************************************************************************


"ไกรทอง" ยานใต้น้ำไร้คนขับ เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพเรือ

(http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/09/pra02220951p1.jpg)
 
กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ที่อ่าวสัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ทีมวิจัยกองทัพเรือ ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และบริษัท นนทรี จำกัด นำเจ้า "ไกรทอง" ยานใต้น้ำไร้คนขับ ที่หน่วยงานทั้งสามประดิษฐ์คิดค้นขึ้นเพื่อใช้เป็น "ยาน" ฝึกค้นหาและปราบเรือดำน้ำ ไปทดสอบการทำงานขั้นสุดท้ายในทะเลจริง

ว่ากันว่าประสิทธิภาพที่มีการทดลองในสระน้ำก่อนไปทะเลจริงๆ อิทธิฤทธิ์ของเจ้าไกรทองเหลือร้าย!!

ดังนั้น เพื่อให้เห็นกับตาจึงเดินทางไปพิสูจน์ที่อู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช ดูการซักซ้อมเตรียมความพร้อมให้เจ้าไกรทอง ก่อนจะนำไปโชว์ให้สื่อมวลชนได้ชมเป็นขวัญตา

การทดสอบก่อนนำไปลงทะเลจริง เริ่มขึ้นที่สระน้ำในอู่ราชนาวีมหิดลอดุลยเดช เมื่อได้เวลานัดหมาย ทีมงานวิจัยได้เตรียมความพร้อมของตัวยานและตรวจเช็คโปรแกรมการทำงาน รวมถึงระบบการบังคับยานใต้น้ำในระยะไกล ว่าไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว และพร้อมที่จะนำยานดังกล่าวลงสระว่ายน้ำเพื่อทำการทดสอบ

ทีมงานได้ป้อนข้อมูลในการบังคับการเคลื่อนตัวของยานใต้น้ำ "ไกรทอง" เช่น การลอยตัว บนผิวน้ำก่อนที่จะเคลื่อนตัวและดำลงสู่ใต้น้ำ การบังคับทิศทางให้เลี้ยวซ้าย-เลี้ยวขวา การบังคับให้ตัวยานดำและขึ้นสู่ผิวน้ำในแนวดิ่ง การลอย ตัวสงบนิ่งอยู่ใต้ผิวน้ำ เป็นต้น

หลังจากยานไกรทองผ่านการทดสอบระบบต่างๆ ในสระว่ายน้ำจนทีมงานมั่นใจแล้ว สื่อ มวลชนทั้งหลายมีโอกาสดำน้ำลงไปบันทึกภาพการทำงานของยานใต้น้ำ เพื่อให้รู้ถึงความเร็วและทิศทางการเคลื่อนที่ของตัวยานตามโปรแกรมที่ทีมงานป้อนข้อมูลไว้ พร้อมทั้งซักซ้อมความพร้อมในการบันทึกภาพและทดสอบการทำงานของกล้อง Olympus SP 560 พร้อม Housing Olympus PT 0037 ก่อนที่จะทำการทดสอบในทะเลจริง

(http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/09/pra02220951p2.jpg)
(ซ้าย) ตรวจสอบความพร้อมก่อนนำลงสระ (ขวา) ยานดำดิ่งสู่ใต้ผิวน้ำ

ผลของการทดสอบในสระว่ายน้ำออกมาเป็นที่น่าพอใจของทุกฝ่าย และหวังว่าเมื่อไปถึงทะเลจริงที่สัตหีบ "ไกรทอง" ของราชนาวีไทย จะสำแดงเดชให้ประจักษ์เช่นที่เห็นกันในวันนี้

และแล้วเมื่อถึงเวลานัดหมาย บริเวณหน้าอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี มีอุปสรรคและปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นบ้าง เพราะน้ำหนักถึง 300 กิโลกรัมของตัวยานใต้น้ำไกรทอง จำเป็นต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่ยกลงน้ำ และต้องใช้เรือยางในการลากจูงไปยังพื้นที่เป้าหมายบริเวณด้านหน้าเกาะพระ แต่หลังจากที่ทีมงานได้ดำน้ำลงไปสำรวจพื้นที่ก็พบว่ากระแสน้ำแรงและน้ำขุ่นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทีมงานจึงต้องเปลี่ยนจุดทดสอบไปยังด้านหน้าเกาะตอม่อ ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งมีทัศนวิสัยดีกว่าเป็นจุดทดสอบแทน

แต่กว่าที่ทีมช่างภาพจะบันทึกภาพตัวยานใต้น้ำที่ดำดิ่งสู่พื้นน้ำได้ก็ใช้เวลาในการทำงานนานพอสมควร เนื่องจากความเร็วของยานใต้น้ำบวกกับกระแสน้ำเริ่มเปลี่ยนทิศทางทำให้น้ำขุ่น เป็นปัญหาใหญ่สำหรับการบันทึกภาพ จนต้องปรึกษาทีมวิจัยให้ปรับความเร็วในการเคลื่อนตัวของยานใต้น้ำลงอีกเพื่อความสะดวกในการบันทึกภาพ

(http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/09/pra02220951p3.jpg)
(บน) ทดสอบขั้นสุดท้ายก่อนลงทะเลจริง (ซ้ายล่าง) ดูผลงาน (ขวาล่าง) รถเครนนำยานลงสระว่ายน้ำ

หลังจากปรับตั้งโปรแกรมให้เจ้าไกรทองทำงานอีกครั้งบริเวณหน้าเกาะตอม่อ คราวนี้ได้ผลเป็นที่น่าพอใจยิ่ง การบังคับยานใต้น้ำตามโปรแกรมต่างๆ ประสบผลสำเร็จตามความคาดหมาย สื่อมวลชนที่ดำน้ำลงไปบันทึกภาพต่างทึ่งในการทำงานของยานใต้น้ำไร้คนขับฝีมือคนไทย ที่ใช้งบประมาณประดิษฐ์คิดค้นเพียง 900,000 บาท ขณะที่ของทำจากต่างประเทศมีราคาแพงกว่านี้ถึง 5 เท่าตัว

จึงนับเป็นความภูมิใจของการร่วมมือระหว่างทีมวิจัยกองทัพเรือและภาคเอกชนครั้งนี้ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายพึ่งตนเองของกระทรวงกลาโหม

พลเรือเอก ศาสตราจารย์เกียรติคุณ วีรวัฒน์ วงษ์ดนตรี หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนา ธิการประจำผู้บังคับบัญชา ปฏิบัติหน้าที่นายทหารโครงการวิจัยและพัฒนายานใต้น้ำไร้คนขับสำหรับฝึกค้นหาและปราบเรือดำน้ำ เล่าถึงเจ้าไกรทองว่าวัตถุประสงค์ของการคิดค้นพัฒนายานไกรทองจนสำเร็จถึงการทดลองขั้นสุดท้ายนี้ ก็เพื่อทำการค้นหาและปราบเรือดำน้ำ เพราะถือเป็นศัตรูสำคัญสำหรับเรือรบของกองทัพเรือ

"ปกติแล้วการตรวจพบเรือดำน้ำทำได้ยากมากแม้จะมีเครื่องมือเครื่องไม้ที่ทันสมัยประจำการบนเรือรบก็ตาม แต่ถ้าขาดการฝึกฝนในการค้นหาและปราบเรือดำน้ำ การทำงานก็ไม่ได้ผลเท่าที่ควร จึงต้องมีการพัฒนายานใต้น้ำไร้คนขับที่มีการทำงานคล้ายเรือดำน้ำจริง มีระบบการส่งสัญญาณเสียงใต้น้ำทำให้เกิดสัญญาณปรากฏบนจอโซน่าร์ของเรือผิวน้ำ แต่มีขนาดเล็กกว่า เพื่อให้กำลังพลได้มีการฝึกฝนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการค้นหาและปราบเรือดำน้ำข้าศึก เป็นการเสริมเขี้ยวเล็บให้แก่ราชนาวีไทยเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติจากศัตรูผู้รุกราน"

"เจ้าไกรทอง" ยานใต้น้ำไร้คนขับอาวุธชิ้นใหม่ของกองทัพเรือไทยนี้ได้รับการพัฒนาจากยานรุ่นแรกจนมีขีดความสามารถในการดำน้ำได้นานถึง 4 ชั่วโมง ทำความเร็วสูงสุดถึง 5 น็อต กำหนดการเคลื่อนไหวใต้น้ำได้ถึง 10 รูปแบบ มีระบบการหาตำแหน่งด้วยสัญญาณดาว เทียม (GPS) สามารถส่งสัญญาณคลื่นวิทยุบอกตำแหน่งไปยังเรือผิวน้ำเพื่อสะดวกในการค้นหาและเก็บกู้ได้อย่างแม่นยำ

ทางทีมงานวิจัยกองทัพเรือจะปิดโครงการ วิจัยนี้ในวันที่ 30 กันยายน 2551 เพื่อทำการส่งมอบยานใต้น้ำไร้คนขับนี้ให้กองทัพเรือไว้ใช้ราชการเพื่อให้กำลังพลได้ทำการฝึกฝนและพัฒนาศักยภาพในการค้นหาปราบเรือดำน้ำต่อไป


********************************************************************************************************************************


เรือต่อขา                           :                             คอลัมน์ จูนคลื่น

(http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/09/epe02220951p2.jpg)    (http://www.matichon.co.th/news-photo/matichon/2008/09/epe02220951p1.jpg)
 
ความจริงเราคงต้องเรียกว่า "เรือติดล้อ" น่าจะเหมาะกว่า แต่ "ซีเลคส์" (Sealegs) พัฒนาโดยนักธุรกิจชาวนิวซีแลนด์ ต่อยอดมาจากเรือต่อข
 
าซึ่งสร้างขึ้นเมื่อ ค.ศ.2004 เป็นต้นมา พัฒนาจนปี 2008 ก็ออกมาให้บริการนักท่องเที่ยว แล่นด้วยความเร็วในน้ำ 50 กม./ชม. เรือต่อล้อสามล้อนี้ ก็กลายเป็นพาหนะสะเทินน้ำสะเทินบกไปได้โดยปริยาย ยิ่งเมืองไทยน้ำท่วมหลายจังหวัด น่าจะเหมาะที่คนไทยจะพัฒนาขึ้นมาใช้เองได้บ้าง และในเร็วๆ นี้ ซีเลคส์ก็จะถูกนำไปร่วมแสดงในงาน The Fort Lauderdale International Boat Show วันที่ 30 ตุลาคม-3 พฤศจิกายนนี้



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 12:48:38 AM
ข่าวสด


ดัตช์สร้างเรือดำน้ำจิ๋วชมใต้ทะเลลึก 100 เมตร

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/09/tec02220951p2.jpg)    (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/09/tec02220951p1.jpg)
 
"เดอะ ซี-เควสเตอร์" เรือดำน้ำขนาดเล็กนี้ดูเหมือนยานในการ์ตูนเรื่อง "เดอะ เจ็ตสันส์" ข้างในเรือมี 4 ที่นั่ง ติดตั้งแอร์เพียบพร้อม ดำน้ำได้ลึก 100 เมตร พัฒนาโดยบริษัท "U-Boat Worx" ประเทศเนเธอร์แลนด์

เมื่ออยู่บนผิวน้ำเรือดำน้ำ "เดอะ ซี-เควสเตอร์" จะเหมือนกับเรือธรรมดา แต่เมื่ออยู่ใต้น้ำ แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน จะนำเรือไปสำรวจใต้ท้องทะเลลึกได้นานถึง 6 ชั่วโมง ส่วนเวลาชาร์ตแบตฯ นั้นประมาณ 2 ชั่วโมง ข้อดียังมีอีกคือ ไม่ต้องใช้เรือแม่ในการนำส่งเรือดำน้ำเล็กลงไปยังใต้น้ำ ทั้งยังไม่ต้องหาโรงเก็บเรือ

"U-Boat Worx" แถลงว่า "ซี-เควสเตอร์จะเข้าไปปฏิวัติอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ทั้งยังเป็นเรือดำน้ำที่มีความปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้มนุษย์เราลงไปสำรวจโลกใต้น้ำได้อย่างง่ายดาย สำหรับราคาที่ถูกที่สุดนั้นอยู่ที่ 20 ล้านบาท"



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 12:56:18 AM
แนวหน้า


ถกพื้นที่อนุรักษ์-อุทยานฯ   เหตุสั่งระงับก่อสร้างม.รามฯ   ผู้ว่าฯพังงาเต้นยื่นเรื่องชี้แจง

 พังงา: จากกรณีคณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาตินำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจป้องกันและปราบปรามการทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า เข้าระงับยับยั้งการดำเนินงานไถปรับถนนในพื้นที่ ม.9 ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ซึ่งเป็นพื้นที่จำนวนทั้งสิ้น 186 ไร่ ที่ทางจังหวัดพังงาร่วมกับมหาวิทยาลัยรามคำแหง เตรียมสร้าง ม.รามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติ

 ล่าสุดนายวิชัย ไพรสงบ ผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา พร้อมด้วยนายประพฤทธิ์ ยูถนันท์ นายอำเภอท้ายเหมือง นายบำรุง ปิยนามวาณิช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)พังงา และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมเจรจาเรื่องการปรับพื้นที่ก่อสร้าง ม.รามคำแหง กับนายศรัณย์ ใจสะอาด ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 5(นครศรีธรรมราช) และนายวัฒนาพรประเสริฐ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง

 ทั้งนี้นายศรัณย์ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่อุทยานฯ พบว่าได้มีการนำรถไถเข้าทำการปรับถนนในบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จึงได้เข้าห้ามปรามขอให้ระงับยับยั้งการดำเนินการไว้ก่อนและให้นำรถไถออกจากพื้นที่ โดยเห็นว่ากรณีดังกล่าวอาจก่อให้เกิดเป็นข้อพิพาทระหว่างหน่วยงานของรัฐด้วยกันและเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความขัดแย้งกับมวลชนในพื้นที่ส่งผลกระทบต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในอนาคตได้

 ด้านนายวิชัย กล่าวว่า กรณีดังกล่าวมหาวิทยาลัยรามคำแหงได้ดำเนินการยื่นคำขอใช้พื้นที่ต่อกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช และต่อมาสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่5ผู้รับผิดชอบได้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมืองเจ้าของพื้นที่เป็นกรรมการร่วมและคณะกรรมการชุดดังกล่าวได้มีมติควรอนุญาตให้ใช้พื้นที่อุทยานฯ เพื่อก่อสร้างมหาวิทยาลัยภายหลังได้ทราบว่าคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ ได้มีมติสวนทางไม่เห็นชอบให้สร้างขึ้นมาอีก

 “ตนเห็นว่าการสร้างมหาวิทยาลัยจะก่อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการศึกษาเป็นการให้ความรู้กับชุมชนในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง หลังจากนี้ตนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะได้นำหนังสือและข้อมูลทั้งหมดขึ้นไปอธิบายข้อเท็จจริงกับทางกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่า และพันธุ์พืช คาดว่าจะหาทางออกได้ และคงจะได้ใช้พื้นที่ตรงนี้สร้างมหาวิทยาลัยรามคำแหง สาขาวิทยบริการเฉลิมพระเกียรติได้ต่อไป” นายวิชัย กล่าว


*******************************************************************************************************************************


จัด"กินหอย ดูนก ตกหมึก" บูมเที่ยวโลว์ซีซั่นเพชรบุรี    

 เพชรบุรี:นายสยุมพร ลิ่มไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดพชรบุรี เปิดเผยว่า จังหวัดเพชรบุรี ร่วมกับอำเภอชะอำ จ.เพชรบุรี และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเพชรบุรี กำหนดจัดงาน “เทศกาลกินหอย ดูนก ตกหมึก และมหกรรมอาหารสะอาดรสชาติอร่อย” ประจำปี 2551 ขึ้นระหว่างวันที่ 26 ก.ย.- 5 ต.ค. 2551 ที่จุดชมวิวชายหาดชะอำ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ส่งเสริมการท่องเที่ยวระหว่างภาครัฐและเอกชน และกระตุ้นการท่องเที่ยวในช่วงฤดูที่มีการท่องเที่ยวน้อยหรือโลว์ซีซั่น เพิ่มช่องทางและโอกาสการจำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรและอาหารทะเลแปรรูปตลอดจนสินค้าโอท็อป สร้างรายได้ให้แก่ประชาชนในพื้นที่

 ทั้งนี้ภายในงานจะมีกิจกรรมต่างๆ มากมาย อาทิ การแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับนก และเที่ยวชมนกนานาชนิดบนเส้นทางดูนกในพื้นที่ อ.ชะอำ การนั่งเรือตกหมึกในยามค่ำคืน การออกร้านจำหน่ายอาหารที่ปรุงด้วยเมนูหอยและอาหารทะเลรสเด็ดจากโรงแรมชั้นนำและร้านอาหารชื่อดังของอำเภอชะอำในราคาถูกและยุติธรรม กลางคืนมีการแสดงต่างๆ เพื่อสร้างสีสันในงานตลอดทั้ง 10 คืน สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 032-471078, 032 472502, 032-471361, 032-470650 หรือที่ ททท.สำนักงานเพชรบุรี หมายเลขโทรศัพท์ 032-471005-6 



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 22 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 22, 2008, 01:00:38 AM
กรุงเทพธุรกิจ


วาฬยักษ์บรูด้าโผล่ใกล้ชาดบางแสน

(http://www.bangkokbiznews.com/2008/09/22/thumb/296535_thumbnewbkk.jpg)

ฝูงนกนางนวลบินโฉบวาฬยักษ์บรูด้า 4 ตัวมาโผล่ใกล้ชายหาดบางแสน ชลบุรี สร้างความประทับใจแก่นักท่องเที่ยว ขณะที่ ชาวประมงคนพื้นที่ตั้งข้อสังเกต วาฬโผล่เช่นนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนบางอย่างถึงความเปลี่ยนแปลงทางทะเล วานนี้