กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => ห้องรับแขก => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 12:33:51 AM



หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 12:33:51 AM
กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตอนบนมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง สำหรับคลื่นใน ทะเลอันดามัน และอ่าวไทยยังมีกำลังค่อนข้างแรง ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายจากการเดินเรือในช่วงวันที่ 23-25 ก.ย.นี้ไว้ด้วย

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ฮากุปิต” มีศูนย์กลางอยู่บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือมุ่งเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้บริเวณเกาะฮ่องกง ประมาณวันที่ 24 ก.ย. 2551 ขอให้ผู้ที่จะเดินทางไปบริเวณดังกล่าวตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 22-25 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ มีกำลังค่อนข้างแรง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ทั่วทุกภาคของประเทศมีฝนกระจาย และในอ่าวไทยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จะมีกำลังแรงขึ้น ส่วนมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้หลายพื้นที่

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “ฮากุปิต (Hagupit)” บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวทิศตัวตะวันตกเฉียงเหนือมุ่งสู่ประะเทศจีนตอนใต้ บริเวณใกล้เกาะฮ่องกง ประมาณวันที่ 24 ก.ย. และจะอ่อนกำลังลงเป็นตามลำดับ


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 22-25 ก.ย. คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังค่อนข้างแรง ชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ย. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณพื้นที่ลาดใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากซ้ำได้อีก



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 01:02:58 AM
ผู้จัดการออนไลน์


อีกหนึ่งสัปดาห์ส่งผู้ว่าฯตัดสินโครงการมังกี้แลนด์-ภูเก็ต


ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อีก 1 สัปดาห์ คณะทำงานตรวจสอบประเมินความเป็นไปได้โครงการมังกี้แลนด์-ภูเก็ต สรุปทางข้อดีข้อเสีย-ทางเลือกให้ผู้ว่าราชการจังหวัดตัดสินใจ ขณะที่ทางโครงการพร้อมรอผลการตัดสินเพื่อกำหนดแผนการดำเนินโครงการต่อไป มั่นใจโครงการนี้เกิดแน่นอนถ้าไม่ใช่ที่ภูเก็ตก็จะเป็นเวียดนาม
       
       วันนี้ (22 ก.ย.) ที่ห้องประชุมสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานประชุมคณะทำงานตรวจสอบประเมินความเป็นไปได้โครงการมังกี้แลนด์-ภูเก็ต ครั้งที่ 3/2551 โดยมีหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วย นายโทนี บลิงโนท์ กรรมการบริหารระดับสูงของบริษัท ไพรเมทส์ รีสอร์ท (พีทีวาย) และคณะเข้าร่วมประชุม เพื่อนำเสนอข้อสงสัยของคณะกรรมการที่ได้มีการสอบถามไปในการประชุมครั้งแรก
       
       โดย นายโทนี กล่าวว่า เบื้องต้นโครงการจะใช้สองเกาะ คือ เกาะทะนาน ต.วิชิต และ เกาะแอว ต.ราไวย์ ในการดำเนินโครงการโดยมีไม่มีจุดมุ่งหมายที่จะเป็นเจ้าของเกาะ และเกาะทั้ง 2 จะยังเป็นของรัฐเหมือนเดิม และหากโครงการนี้เกิดรัฐบาลไทยจะเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ สำหรับรูปแบบการดำเนินโครงการเกาะแอว จะใช้เป็นเกาะที่ใช้สำหรับทำการวิจัยเพื่อการอนุรักษ์ไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ แต่จะมีลิงจากภูมิภาคเอเชียไปอยู่บนเกาะ เพื่อให้หน่วยงานและมหาวิทยาลัยได้ทำการศึกษา
       
       อย่างไรก็ตาม การดำเนินโครงการนั้น ย่อมมีค่าใช้จ่ายด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ต้องมีการใช้เกาะทะนานเกินขึ้น โดยเกาะทะนานจะใช้เป็นสถานที่โชว์ลิงสำหรับนักท่องเที่ยว จำนวน 30 ตัว จาก 15 สายพันธุ์ทั่วโลก เพื่อให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยว ซึ่งลิงทั้ง 2 เกาะทางโครงการจะเป็นผู้นำอาหารและดน้ำดื่มไปส่งให้ และประชากรลิงจะมีทั้งเพศเมียและเพศผู้ รวมทั้งมีการควบคุมการเพิ่มประชากรโดยการคุมกำเนิด
       
       โดยที่เกาะทะนาน ซึ่งเป็นเกาะสำหรับโชว์ลิงนั้น จะมีการสร้างสะพานท่าเทียบเรือ และร้านค้าสำหรับให้นักท่องเที่ยวชมลิง และซื้อของซึ่งในส่วนของร้านค้าจะมีจำนวน 40 ร้าน และใช้เรือของชาวบ้านในการให้บริการนักท่องเที่ยว ซึ่งผู้ประกอบการเรือหางยาว สามารถรับนักท่องเที่ยวไปเกาะทะนานได้ทุกวันจะมีรายได้วันละประมาณ 1,000 บาท โดยทางโครงการ คาดว่า จะมีนักท่องเที่ยวใช้บริการเรือหางยาวปีแรก 100,000 คน และในปีที่ 2 ที่กิจการดำเนินไปด้วยดีจะเพิ่ม
       
       สำหรับงบประมาณในการดำเนินการทางโครงการประมาณการลงทุนประมาณ 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจัดสร้างโครงการทั้งหมด ซึ่งจะประกอบด้วย จัดซื้อเรือขนถ่ายของเสีย 2 ลำ จากสะพานโครงการเพื่อนำไปบำบัด จำนวน 750,000 เหรียญสหรัฐฯ เรือดิงกิ้ง 2 ลำ เพื่อขนส่งอาหารไปยังเกาะ ราคา 120,000 เหรียญสหรัฐฯ เรือลาดตระเวนเพื่อความปลอดภัย 1 ลำ ราคา 60,000 เหรียญสหรัฐฯ ส่วนที่เหลือ 1.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯใช้สำหรับการสร้างสะพานโครงการ ท่าเทียบเรือ สถานที่สำหรับร้านค้า ค่าใช้จ่ายในการส่งลิงและการกักกันโรค รวมทั้งงานด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์
       
       อย่างไรก็ตาม ภายหลังทางบริษัทได้นำเสนอ ทางคณะทำงานได้แสดงความคิดเห็น และสอบถามทางบริษัทในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องของการรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านในพื้นที่ตำบลราไวย์ เรื่องของสิ่งแวดล้อม เรื่องการสร้างสะพาน เรื่องของทรัพยากรธรรมชาติที่จะได้รับผลกระทบ เรื่องของการวิชัย และอื่นๆ
       
       นายองอาจ ชนะชาญมงคล ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เลขานุการคณะทำงาน กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้จะเป็นการประชุมร่วมกับบริษัทครั้งสุดท้าย หลังจากนี้ จะใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ในการสรุปข้อมูลทั้งผลดี และผลเสีย ของโครงการเพื่อที่จะนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดในการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงการมังกี้แลนด์-ภูเก็ต ต่อไป
       
       ขณะที่ นายโทนี กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุม ว่า จากการประชุมร่วมกับคณะทำงานถือว่าเป็นเรื่องที่ดีและเพื่อเปิดกว้างให้ทุกคนได้แสดงความคิดเห็น แต่อย่างไรก็ตาม โครงการมังกี้แลนด์นั้น เกิดขึ้นแน่นอน ถ้าไม่เกิดขึ้นที่อ่าวฉลอง จ.ภูเก็ต ก็จะเกิดขึ้นที่อ่าวอะลองเบย์ ประเทศเวียดนาม โดยหลังจากนี้จะรอคำตอบจากทางจังหวัดเท่านั้น หลังจากนั้น จะกำหนดแผนการดำเนินการว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไปอย่างไร
       
       สำหรับโครงการนี้เป็นโครงการที่แตกต่างจากโครงการอื่นๆ เนื่องจากทางโครงการต้องการให้คนในชุมชนได้เข้ามามีส่วนร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจ และสาเหตุที่เลือกดำเนินการบนเกาะก็เนื่องจากต้องการสร้างธุรกิจให้กับเรือโดยสารในพื้นที่เพื่อรับส่งนักท่องเที่ยว นอกจากนั้นน้ำทะเลจะเป็นแนวเขตธรรมชาติในการกั้นลิงไม่ให้มาเกี่ยวข้องกับคน



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 01:23:21 AM
(http://www.saveoursea.net/boardapr2007/index.php?action=dlattach;topic=1255.0;attach=18375;image)


มติชน


แผ่นดินไหวชายฝั่งตอนใต้ของพม่า ตึกสูงกทม.สั่นไหวหลายแห่ง

เมื่อเวลา 20.45 น. วันที่ 22 กันยายน 2551 กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเรื่องแผ่นดินไหวบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของประเทศพม่า ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้ 


ประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา       เรื่อง แผ่นดินไหวบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของประเทศพม่า

เมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 22 กันยายน 2551 ได้เกิดแผ่นดินไหวมีศูนย์กลางบริเวณชายฝั่งตอนใต้ของประเทศพม่า หรือที่ละติจูด 15.7 องศาเหนือ ลองจิจูด 96.3 องศาตะวันออก ห่างจากกรุงเทพมหานครไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 500 กิโลเมตร ขนาด 5.5 ริคเตอร์ ในเบื้องต้นอาคารสูงในกรุงเทพฯ หลายแห่งรู้สึกสั่นไหว 

ประกาศ ณ วันที่ 22 กันยายน พ.ศ.2551

ออกประกาศ เวลา 20.45 น.


*************************************************************************************************************************


วาฬบรูด้าเข้าหาดบางแสน "ดร.ธรณ์"ชี้ไม่เตือนภัยพิบัติ

จากกรณีที่มีการพบวาฬบรูด้าจำนวน 4 ตัว ความยาวประมาณ 8 เมตร ดำผุดดำว่ายกินปลาห่างจากหาดชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี ประมาณ 1.5 กม.นั้น

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) กล่าวว่า เท่าที่ดูจากรูปถ่ายของวาฬบรูด้าที่กำลังอ้าปากโผล่พ้นผิวน้ำ สันนิษฐานวาฬบรูด้าจะตามฝูงปลาเข้ามาเพราะหากินอยู่ในแถบอ่าวไทย และอยู่ใกล้ชายฝั่งราว 1-3 กม. ซึ่งก่อนหน้านี้จะพบบ่อยที่ที่ทะเลบ่อนอก จ.ประจวบคีรีขันธ์ และกรณีที่เข้ามาแถวหาดบางแสนในจุดที่มีการวางแนวปะการังเทียมก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเมื่อมีการวางแนวปะการังก็ทำให้มีฝูงปลามาอาศัยอยู่ วาฬจึงแวะเวียนเข้ามาหากิน และยืนยันว่าไม่เกี่ยวกับพิบัติภัย หรือมีความผิดปกติของตัววาฬบรูด้าเหมือนกับกรณีการพบวาฬเพชรฆาตเทียมเกยตื้นที่เกาะราชา จ.ภูเก็ต เมื่อเดือนที่ผ่านมา เพราะวาฬบรูด้าชนิดนี้จะไม่ได้อยู่รวมกันเป็นฝูง จึงไม่ต้องอาศัยการนำของจ่าฝูงเหมือนกับวาฬเพชฌฆาตเทียม จนทำให้พลัดหลงกันได้ แต่ที่มาอยู่ 4 ตัวพร้อมๆ เป็นเรื่องบังเอิญที่มาหากินในที่ดังกล่าว



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 01:29:44 AM
ข่าวสด


ทะเล"ออสเตรเลีย"อุดมสมบูรณ์ พบสัตว์น้ำหน้าแปลกหลายร้อยชนิด

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/09/col02230951p1.jpg)
นีล บรู๊ซ จากพิพิธภัณฑ์ทรอปิคัลควีนส์แลนด์
 
นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลค้นพบสัตว์น้ำชนิดใหม่นับร้อยชนิด บริเวณปะการังในน่านน้ำของออสเตรเลีย ไม่ว่าจะเป็นปะการังอ่อน ไปจนถึงสัตว์ที่มีกระ ดอง

นายจูเลียน คาลีย์ นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลออส เตรเลีย กล่าวว่า "พวกเราศึกษาในพื้นที่แถบนี้มานาน แต่ก็ยังพบสัตว์ใหม่ นับร้อยนับพันสาย พันธุ์ โผล่ขึ้นมาเรื่อยๆ นั่นหมายความว่า เรายังไม่ทราบถึงความลึกซึ้งของความหลากหลายทางชีวภาพในทะเล ทำ ให้ไม่อาจปกป้องสัตว์น้ำในทะเลได้อย่างเต็มที่"

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/09/col02230951p2.jpg)
1.หวีวุ้น    2.กุ้ง Alpheus parvirostris    3.ตัวซาเบลลิดส์ หรือ แฟนเวิร์ม    4.ปูคอรัลแคร็บ    5. หอยเม่น Pohls Sea Urchins    6.เดนดรอนเนพยา ซอฟต์ คอรัล

การรวบรวมสายพันธุ์สัตว์ทะเลของออสเตรเลีย อยู่ในโครงการ "สำรวจประชากรสัตว์ทะเล" ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งพิพิธภัณฑ์ต่างๆ ทั่วออส เตรเลีย ต่างส่งเจ้าหน้าที่มาร่วมสำรวจ และน่าจะใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะเสร็จสิ้น เพราะต้องเก็บตัวอย่างเพื่อนำไปทำบาร์โค้ดพันธุกรรม ทำอนุกรมวิธานสัตว์ทะเล และจัดตั้งระบบการตั้งชื่อสัตว์ที่พบ

ในการสำรวจครั้งล่าสุด นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลพบปะการังอ่อน หรือ "อ็อกโตคอรัล" สายพันธุ์ใหม่กว่า 130 สายพันธุ์ สัตว์ที่มีกระดองอ่อน เช่น กุ้งที่มีขายาวกว่าตัวของมัน

โครงการ "สำรวจประชากรสัตว์ทะเล" จะสิ้นสุดในพ.ศ.2553 นับเป็นเวลาการสำรวจทั้งหมด 10 ปี ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ออสเตรเลียสำรวจ 3 เส้นทาง คือ บริเวณหมู่เกาะลิซซาร์ด หมู่เกาะฮีรอน และแนวปะการังนิงกาลู

แม้โครงการจะเหลือเวลาการสำรวจอีกแค่ปีกว่าๆ แต่ออสเตรเลียจะยังคงเดินหน้าสำรวจปะการังอ่อนใน 3 พื้นที่นี้ต่อไปอีก 6 ปี เพื่อเรียนรู้และเข้าใจปะการังอ่อนให้มากขึ้น เพราะขณะนี้ความรู้ด้านปะการังอ่อนมีน้อยมาก แม้ว่าปะการังอ่อนจะมีมากในเขตเกรตแบริเออร์รีฟ

นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์จะนำบ้านพลาสติก 36 หลัง ปักไว้ใต้พื้นมหาสมุทรที่บริเวณหมู่เกาะลิซซาร์ด หมู่เกาะ ฮีรอน และแนวปะการังนิงกาลู เพื่อดูว่า สัตว์ใต้ทะเลจะสนใจบ้านพลาสติกนี้จนเข้ามาอยู่อาศัยหรือไม่ จากนั้นอีก 2-3 ปี ก็จะกลับไปดูอีกครั้งว่า บ้านเป็นอย่างไรบ้าง มีใครจับจองเป็นเจ้าของ ต่อไปก็จะนำบ้านพลาสติกไปปักไว้ใต้ทะเลในเขตอื่นๆ เพื่อสร้างมาตรฐานการศึกษาชีวิตสัตว์ทะเลในส่วนต่างๆ ของโลก


*****************************************************************************************************************************


ญี่ปุ่นสอน"วาฬเบลูก้า"พูด

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/09/tec02230951p1.jpg)
 
ศ.ทสึคะสะ มุระยะมะ แห่งมหาวิทยาลัยโตไค ประเทศญี่ปุ่น สอนวาฬเบลูก้าให้พูด โดยเสียง 3 เสียง บ่งบอกถึงสิ่ง 3 สิ่ง

"แน็ก" เป็นวาฬที่อยู่ในคาโมะงะวะซีเวิลด์ สวนน้ำใกล้กับกรุงโตเกียว มันร้องเสียงสูงสั้นๆ เมื่อเห็นฟินของนักว่ายน้ำ ร้องเสียงสูงยาวๆ เมื่อเห็นแว่นตาดำน้ำ ร้องเสียงต่ำสั้นๆ เมื่อเห็นถังน้ำ

ศ.มุระยะมะ กล่าวว่า "ผมฝันอยากพูดคุยกับปลาวาฬมานานมาก ก่อนหน้าการใช้เสียงทดลอง ผมลองใช้สัญญาณมืออย่างที่ใช้กับโลมา แต่ผลที่ได้ไม่น่าพอใจ จนวันหนึ่งคิดได้ว่า มันสื่อสารด้วยการใช้เสียงอยู่แล้วนี่ ทำให้ผมใช้เสียงในการฝึก เพื่อใช้เรียกสิ่งของต่างๆ"

สำหรับการทดลองนี้มีขึ้นเพื่อว่า วันหนึ่งมนุษย์จะได้สื่อสารกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่อาศัยอยู่ในทะเลได้ และอาจฝึกให้วาฬส่งเสียงซึ่งแสดงถึงอารมณ์เพื่อให้มนุษย์เข้าใจ เพราะเป็นสิ่งที่ดีอย่างยิ่งที่วาฬจะสามารถสื่อสารกับมนุษย์ได้ว่า มันชอบหรือไม่ชอบอะไร ต้องการอะไร หิวหรือไม่ ขั้นตอนต่อไปคือ ให้เรียนรู้คำศัพท์เพิ่มขึ้น

แต่อุปสรรคในการขยายการสื่อสารคือ ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษในการสร้างและตรวจจับเสียงอัลตราโซนิกของวาฬ เพราะวาฬส่วนมากสื่อสารด้วยเสียงอัลตราโซนิก ซึ่งเป็นเสียงที่มนุษย์ไม่ได้ยิน-รอยเตอร์



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 01:34:18 AM
X-cite  ไทยโพสต์


วอนอย่าตื่นอาเพศ ! พบฝูงวาฬ

นักวิชาการชี้ 4 วาฬยักษ์เข้าใกล้หาดบางแสนแค่หาอาหาร วอนประชาชนอย่าตื่นข่าวสัญญาณเตือนเกิดภัยพิบัติ ระบุอ่าวไทยตอนบนมีความอุดมสมบูรณ์พบเห็นวาฬเป็นปกติ   ได้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในขณะนี้ว่าจะเกิดภัยพิบัติทางทะเลขึ้นหรือไม่  เมื่อชาวประมงท้องถิ่นแหลมแท่น  บางแสน จ.ชลบุรี พบวาฬบรูด้าขนาดใหญ่ 4 ตัว ว่ายน้ำเข้ามาใกล้ชายหาดบางแสนประมาณ  1.5  กิโลเมตร ซึ่งที่ผ่านมาแทบไม่มีรายงานการพบวาฬบรูด้าเข้าชายหาดบางแสนมาก่อน  จึงทำให้ชาวบ้านหวั่นวิตกว่าการที่วาฬบรูด้ามาปรากฏตัว  จะเป็นเสมือนสัญญาณบอกเหตุ

ดร.ธรณ์  ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ที่ปรึกษาฝ่ายวิชาการศูนย์สื่อสารวิทยาศาสตร์ไทย  สวทช. ชี้แจงว่า  การพบวาฬบรูด้าใกล้ชายฝั่งครั้งนี้เป็นการเข้ามากินอาหารซึ่งก็คือฝูงปลาอกแลเท่านั้น  โดยปกติวาฬบรูด้าจะเข้ามาหาอาหารในอ่าวไทยช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายนเป็นประจำ  และจะพบมากบริเวณตำบลบ่อนอก  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ส่วนสาเหตุที่ครั้งนี้พบเข้ามาใกล้ชายหาดบางแสนมาก  อาจเนื่องจากมีการวางปะการังเทียมค่อนข้างเยอะในบริเวณดังกล่าว  ฝูงปลาจึงว่ายเข้ามาอาศัยอยู่  ส่วนวาฬบรูด้าก็ว่ายตามเข้ามากินลูกปลา ซึ่งนับเป็นเรื่องปกติที่พบได้ในธรรมชาติ จึงไม่อยากให้ประชาชนวิตกมากเกินไปนัก ทั้งนี้ วาฬบรูด้าเป็นวาฬที่พบได้บ่อยในประเทศไทย มีความยาวตั้งแต่ 8-14 เมตร แต่ที่พบในอ่าวไทยส่วนใหญ่มีความยาวประมาณ 8-10 เมตร

นายสมชาย  มั่นอนันต์ทรัพย์ นักวิชาการประมง ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จังหวัดระยอง  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การพบวาฬบริเวณใกล้บางแสนมีโอกาสเกิดขึ้นได้  เพราะที่ผ่านมามีการสำรวจพบวาฬบรูด้าอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวไทยตอนในอยู่แล้วประมาณ  10 ตัว เนื่องจากเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก โดยหลักๆ จะพบได้บริเวณบ่อนอก-หินกรูด  จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  หรือจังหวัดเพชรบุรี  เป็นต้น  ล่าสุดมีรายงานการพบวาฬบรูด้าแถวบางปะกงเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา  ในเบื้องต้นไม่แน่ใจว่าอาจเป็นวาฬกลุ่มเดียวกันว่ายน้ำตามเข้ามากินฝูงปลา  เพราะหากมองจากสภาพภูมิประเทศแล้วจะพบว่าไม่ได้ห่างกันมากนัก วาฬจึงสามารถว่ายไปมาในเส้นทางนี้ได้

ส่วนที่ประชาชนเกรงว่าจะเป็นลางบอกเหตุร้ายนั้น  คิดว่าไม่น่ากังวล  เพราะเท่าที่สังเกตพบว่า  วาฬไม่ได้มีพฤติกรรมตื่นตระหนก  แต่มีลักษณะกำลังว่ายน้ำ อ้าปากช้อนฝูงปลาและแพลงตอนกินเป็นอาหารตามปกติเท่านั้น  แต่สิ่งที่น่าห่วงคือ การที่วาฬเข้ามาใกล้ชายฝั่งมากเกินไป  อาจเป็นอันตรายต่อวาฬเอง สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือการเฝ้าระวังไม่ให้คนเข้าไปทำอันตราย หรือไปรบกวนวิถีชีวิตของพวกมันมากนัก

นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ นักวิชาการประมงสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล  ชายฝั่งทะเล  และป่าชายเลน กล่าวว่า วาฬบรูด้าที่พบเป็นวาฬพันธุ์ที่มีขนาดค่อนข้างเล็กเมื่อเปรียบกับวาฬชนิดอื่นๆ  และวาฬชนิดนี้จะอาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวไทยเป็นหลัก  ไม่มีการอพยพย้ายถิ่นเหมือนกับวาฬชนิดอื่นๆ ที่จะมีการอพยพในช่วงหน้าหนาวเข้ามาในเส้นศูนย์สูตรเพื่อออกลูกหรือหาอาหาร  โดยการเข้ามาครั้งนี้เชื่อว่าเข้ามากินอาหาร และการที่วาฬเข้ามาใกล้ชายหาดมากขนาดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะในบางปีแถบชายฝั่งอันดามัน บริเวณเกาะพระทอง   จังหวัดพังงา  ก็พบวาฬเข้ามาหาอาหารใกล้ชายฝั่งมาก จนทำให้ชาวประมงที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตกใจในลักษณะเช่นเดียวกันนี้

ดร.สุพรรณี ลีโทชวลิต หัวหน้าฝ่ายสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา  กล่าวว่า วาฬกลุ่มนี้น่าจะอพยพมาจากสมุทรสาคร  สมุทรสงคราม หรือเพชรบุรี   เพราะเมื่อช่วงปี  2548  มีผู้พบวาฬบริเวณดังกล่าว 3 ตัว แต่ขณะนี้พบเป็น 4 ตัว คาดว่าอาจอาจเป็นกลุ่มพ่อแม่ลูกที่มีลูกเพิ่มอีกตัว  ส่วนที่ประชาชนมีความหวั่นวิตกว่าจะเกิดภัยพิบัติ  ก็ไม่ควรตื่นตระหนกมากเกินไป หรือหากจะเฝ้าระวังเตรียมความพร้อมไว้ก็ไม่เสียหายอะไร ในส่วนของเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างออกติดตามความเคลื่อนไหววาฬกลุ่มนี้

วาฬบรูด้า  มีชื่อสามัญว่า  Bryde's whale จัดอยู่ในวงศ์ Balaenopteridae เป็นวาฬขนาดใหญ่  มีรูปร่างค่อนข้างเพรียว  สีเทาดำ  ส่วนหัวมีแนวสันนูน  3 สัน ครีบเล็กและปลายแหลม  มีร่องใต้คาง  (Throat pleat) 40-70 ร่อง ยาวพ้นแนวสะดือ โตเต็มที่ยาว  14-15.5  เมตร  หนัก  20-25  ตัน กินอาหารโดยการกรอง มีซี่กรองสีเทา 250-370 ซี่ อาหารส่วนใหญ่เป็นแพลงตอน เคย ลูกปลา และหมึก เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ 9-13 ปี ตั้งท้องนาน  10-12  เดือน ออกลูกครั้งละ 1 ตัว ทุก 2 ปี ระยะให้นมน้อยกว่า 12 เดือน สามารถพบได้ในจังหวัดชายทะเลเกือบทุกจังหวัด.



หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอังคารที่ 23 กันยายน 2551
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 23, 2008, 01:39:34 AM
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์ถูกโจรสกัดโซมาเลียจับเป็นตัวประกันเกือบ 100 คน ขณะที่เรียกร้องให้มหาอำนาจปราบปรามโจรสกัดในโซมาเลีย

เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ระบุว่า ลูกเรือชาวฟิลิปปินส์เกือบ 100 คน ถูกโจรสลัดในแถบโซมาเลียจับเป็นตัวประกัน ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศต้องการให้สั่งห้ามลูกเรือชาวฟิลิปปินส์เดินทางไปกับเรือที่ผ่านน่านน้ำบริเวณดังกล่าว รายงานของกระทรวงต่างประเทศฟิลิปปินส์ระบุว่า ในสัปดาห์นี้มีชาวฟิลิปปินส์อย่างน้อย 17 คน ถูกโจรสลัดจับตัวไป ทำให้จำนวนลูกเรือฟิลิปปินส์ที่ถูกโจรสลัดจับตัวไปแล้วมีถึง 97 คน ทั้งนี้มี 9 คน ได้รับการปล่อยตัว ขณะที่ 1 คนเสียชีวิตระหว่างการกักขัง นอกจากนี้ฟิลิปปินส์ได้เรียกร้องให้มหาอำนาจทางทะเลปราบปรามโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลีย