|
หัวข้อ: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 14, 2008, 01:18:29 AM เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน นักวิชาการชี้ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่บางแสน เกิดจากแพลงก์ตอน เตือนประชาชนอย่าด่วนบริโภคปลา ปู กุ้ง หอยที่ลอยตาย เพราะแพลงก์ตอนบางชนิดสร้างสารพิษได้ ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงบริเวณชายหาดบางแสน จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมาก ว่าเป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ(water discolouration หรือ red tide) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนพืช เนื่องจากแพลงก์ตอนเหล่านี้ต่างก็มีสีในตัวเอง เมื่อเจริญเติบโตจำนวนมากก็จะทำให้น้ำทะเลเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนชนิดที่มีมากในขณะนั้น ทั้งนี้ ผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์ พบว่าปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูม (Bloom) ของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว และยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ "สาเหตุการเกิดปรากฏการณ์น้ำทะเปลี่ยนสี คาดว่าเกิดจากช่วงนี้มีฝนตกหนักบ่อยครั้ง เกิดการชะล้างเอาแร่ธาตุจากหน้าดินไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก กอปรกับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่มีปริมาณธาตุอาหาร เช่น ไนโตรเจนและฟอสเฟตมากอยู่แล้ว จึงยิ่งเหมือนเติมปุ๋ยลงน้ำทะเล ขณะเดียวกันอุณหภูมิ ความเค็มของน้ำทะเล รวมถึงแสงแดดอยู่ในช่วงพอเหมาะ จึงทำให้แพลงก์ตอนเกิดการสังเคราะห์แสงและเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมผิวหน้าน้ำ" ผศ.ดร.สมถวิลกล่าวว่า เมื่อมีปริมาณแพลงก์ตอนมากก็ยิ่งทำให้มีการใช้ออกซิเจนในการหายใจมากตามไปด้วย ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำจึงลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้น้ำเริ่มเน่า สิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ สัตว์หน้าดิน และสัตว์ที่ฝังตัวอยู่ตัวในดิน เริ่มขาดอากาศหายใจและตายเป็นจำนวนมาก ทั้งปลา ไส้เดือนดิน หอยทับทิม ปูเสฉวน หอยเสียบ ปูม้า ปลาลิ้นหมา และพบว่าชาวบ้านเก็บปู ปลา เพื่อนำไปประกอบอาหาร จึงอยากเตือนว่าไม่สามารถทำได้เช่นนี้ทุกครั้งไป เพราะแม้ว่าการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอสครั้งนี้จะไม่มีพิษ แต่ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนมากกว่า 5,000 ชนิด ซึ่งชนิดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมีถึง 300 ชนิด และในจำนวนนั้นมีกว่า 40 ชนิดที่ผลิตสารพิษได้ "สารพิษนี้จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้จากการที่สัตว์น้ำกินแพลงก์ตอนพืชกลุ่มนี้เข้าไป พิษจะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเล เช่น หอย โดยที่ไม่เกิดอันตราย แต่จะไปมีผลต่อผู้บริโภคแทน ทั้งนี้ พิษบางชนิดรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ อาทิ พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish poison, PSP) เกิดจากการบริโภคหอยสองฝา เช่น หอยแมลงภู่ และหอยนางรมที่กรองแพลงก์ตอนพืชบางชนิดของกลุ่มอเล็กซานเดรียม (Alexandrium sp.) หรือกลุ่มไพโรดิเนียม (Pyrodinium sp.) เป็นต้น แพลงก์ตอนเหล่านี้จะสร้างสารพิษต่อระบบประสาท ที่สำคัญสารพิษนี้ละลายได้ในน้ำ และมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร จึงไม่สามารถทำลายด้วยการหุงต้ม โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก ลิ้น และปลายนิ้วหายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ เป็นต้น" ผศ.ดร.สมถวิลกล่าว ทั้งนี้ ในเมืองไทยได้มีรายงานการเกิดน้ำแดงที่เป็นพิษอัมพาต (PSP) ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2526 โดยเกิดที่ปากแม่น้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ป่วย 63 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากกินหอยแมลงภู่ที่จับมาจากบริเวณที่เกิดน้ำแดง. จาก : X-cite ไทยโพสต์ วันที่ 14 ตุลาคม 2551 หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 16, 2008, 01:23:38 AM นักวิชาการ เตือนชาวบ้านอย่าเก็บสัตว์ทะเลที่ตายจากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาปรุงอาหาร นัก วิชาการ เตือนชาวบ้านอย่าเก็บสัตว์ทะเลที่ตายจากปรากฎการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมาปรุง อาหาร เหตุพบแพลงค์ตอนกว่า 40 ชนิดมีสารพิษ หวั่นได้รับพิษรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา กล่าวถึงกรณีที่น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง บริเวณชายหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี จนทำให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมากว่า เป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (water discolouration หรือ red tide) ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวด เร็ว (บลูม)ของแพลงก์ตอนพืช ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp) ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว เคลื่อนที่ไม่ได้ อาศัยล่องลอยไปตามกระแสน้ำ หากอยู่รวมกันจำนวนมากจะเห็นเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลแดง ซึ่งยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวว่า ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีและผลิตสารพิษ กว่า 40 จาก 5,000 ชนิด ดังนั้น จึงเตือนชาวบ้านอย่าเก็บปลา ปู กุ้ง หอย ที่ตายจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี นำไปประกอบอาหาร โดยสารพิษนี้จะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเลโดยไม่เกิดอันตราย แต่จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ จนถึงขึ้นเสียชีวิตได้ มีผลต่อระบบประสาท อาทิ พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish poison, PSP) ซึ่งสารพิษนี้มีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก ลิ้น และปลายนิ้ว หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ จาก : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 15 ตุลาคม 2551 หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 17, 2008, 12:50:21 AM เผยเหตุน้ำทะเลบางแสนแดง เกิดจากแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (http://pics.manager.co.th/Images/551000013274001.JPEG) นักวิชาการเผยปรากฏการน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่บางแสน เกิดจากแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งเป็นกลุ่มที่ยังไม่เคยมีรายงานการสร้างสารพิษมาก่อน พร้อมเตือนประชาชนกรณีปลา ปู กุ้ง หอย ตายจากปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี อาจไม่สามารถนำมาบริโภคได้ทุกครั้ง ระบุต้องรอผลการวิเคราะห์ให้แน่ชัดก่อน เพราะแพลงก์ตอนบางชนิดสร้างสารพิษได้ จากกรณีข่าวน้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงที่เกิดขึ้นในช่วงเช้าวัน ที่ 12 ตุลาคม บริเวณชายหาดบางแสน ต.แสนสุข อ.เมือง จ.ชลบุรี จนเป็นเหตุให้สิ่งมีชีวิตตายลงจำนวนมากนั้น ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา อธิบายว่า เป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสี หรือปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬ (water discolouration หรือ red tide) เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดจากการเจริญเติบโตและเพิ่มปริมาณอย่างรวด เร็ว(บลูม หรือ Bloom)ของแพลงก์ตอนพืช เนื่องจากแพลงก์ตอนเหล่านี้ต่างก็มีสีในตัวเอง เมื่อเกิดการเจริญเติบโตจำนวนมาก จึงทำให้สีของน้ำทะเลเปลี่ยนไปตามสีของแพลงก์ตอนชนิดที่มีมากในขณะนั้น เช่น สีแดง เกิดจากแพลงก์ตอนสกุลเซอราเตียม (Ceratium sp.) สีส้มเกิดจากสกุลเพอริดิเนียม(Peridinium sp.) หรือ สีเขียวเกิดจากสกุลนอคติลูกา ( Noctiluca sp.) เป็นต้น (http://pics.manager.co.th/Images/551000013274002.JPEG) “ ทั้งนี้ผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์พบว่า ปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดขึ้นจากการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งเป็นสาหร่ายขนาดเล็กที่เซลล์มีรูปร่างเป็นทรงกระบอกต่อกันเป็นสายยาว โดยแต่ละเซลล์จะมีรยางค์ยื่นออกทางด้านข้างมุมละ 1 เส้น ( 1 เซลล์มีรยางค์ 4 เส้น) เคลื่อนที่ไม่ได้ อาศัยล่องลอยไปตามกระแสน้ำ หากอยู่รวมกันจำนวนมากจะเห็นเป็นสีน้ำตาล หรือน้ำตาลแดง และยังไม่เคยมีรายงานว่าสร้างสารพิษ ส่วนสาเหตุการเกิดปรากฏการณน้ำทะเปลี่ยนสี คาดว่าเกิดจากช่วงนี้มีฝนตกหนักบ่อยครั้ง ทำให้เกิดการชะล้างเอาแร่ธาตุจากหน้าดินไหลลงสู่ทะเลจำนวนมาก กอปรกับน้ำทิ้งจากบ้านเรือนที่มีปริมาณธาตุอาหาร เช่น ไนโตรเจนและฟอสเฟตมากอยู่แล้ว จึงยิ่งเหมือนเติมปุ๋ยลงน้ำทะเล ขณะเดียวกันอุณหภูมิ ความเค็มของน้ำทะเล รวมถึงแสงแดดอยู่ในช่วงพอเหมาะจึงทำแพลงก์ตอนให้เกิดการสังเคราะห์แสงและ เจริญเติบโตอย่างรวดเร็วปกคลุมผิวหน้าน้ำ ดังนั้นเมื่อมีปริมาณแพลงก์ตอนมากก็ยิ่งทำให้มีการใช้ออกซิเจนในการ หายใจมากตามไปด้วย ออกซิเจนที่อยู่ในน้ำจึงลดลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งเมื่อแพลงก์ตอนหนาแน่น เซลล์บางส่วนก็จะตาย แบคทีเรียจะย่อยสลายโดยต้องใช้ออกซิเจนอีก ส่งผลทำให้น้ำเริ่มเน่า สิ่งมีชีวิตทั้งในน้ำ สัตว์หน้าดิน และสัตว์ที่ฝังตัวอยู่ตัวในดินเริ่มขาดอากาศหายใจและตายเป็นจำนวนมาก ดังจะเห็นว่ามีทั้งปลา ไส้เดือนดิน หอยทับทิม ปูเสฉวน หอยเสียบ ปูม้า ปลาลิ้นหมา ขึ้นมาตายจำนวนมาก” (http://pics.manager.co.th/Images/551000013274003.JPEG) ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวว่า ขณะที่เดินสำรวจพบชาวบ้านมาเก็บปู ปลาเพื่อนำไปประกอบอาหารจำนวนมาก จึงอยากเตือนว่าไม่สามารถทำได้เช่นนี้ทุกครั้งไป เพราะแม้ว่าการบลูมของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส ครั้งนี้จะไม่มีพิษ แต่ในน้ำทะเลมีแพลงก์ตอนมากกว่า 5,000 ชนิด ซึ่งชนิดที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลเปลี่ยนสีมีถึง 300 ชนิด และในจำนวนนั้นมีกว่า 40 ชนิดที่ผลิตสารพิษได้ โดยสารพิษนี้จะเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ได้จากการที่สัตว์น้ำกิน แพลงก์ตอนพืชกลุ่มนี้เข้าไป พิษจะถูกสะสมอยู่ในตัวของสัตว์ทะเล เช่น หอย โดยที่ไม่เกิดอันตราย แต่จะไปมีผลต่อผู้บริโภคแทน ทั้งนี้พิษบางชนิดรุนแรงถึงขึ้นเสียชีวิตได้ อาทิ พิษอัมพาตในหอย (paralytic shellfish poison, PSP) เกิดจากการบริโภคหอยสองฝา เช่น หอยแมลงภู่ และหอยนางรมที่กรองแพลงก์ตอนพืชบางชนิดของกลุ่มอเล็กซานเดรียม (Alexandrium sp.) หรือกลุ่มไพโรดิเนียม (Pyrodinium sp.) เป็นต้น แพลงก์ตอนเหล่านี้จะสร้างสารพิษต่อระบบประสาท ที่สำคัญสารพิษนี้ละลายได้ในน้ำ และมีคุณสมบัติทนต่อความร้อนที่ใช้ในการปรุงอาหาร จึงไม่สามารถทำลายด้วยการหุงต้ม โดยผู้ที่ได้รับสารพิษจะมีอาการชาบริเวณปาก ลิ้น และปลายนิ้ว หายใจลำบาก กล้ามเนื้อเป็นอัมพาต และอาจเสียชีวิตเนื่องจากการล้มเหลวของระบบหายใจ เป็นต้น (http://pics.manager.co.th/Images/551000013274004.JPEG) ทั้งนี้ในเมืองไทยได้มีรายงานการเกิดน้ำแดงที่เป็นพิษอัมพาต(PSP) ครั้งแรกเมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2526 โดยเกิดที่ปากแม่น้ำปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มีผู้ป่วย 63 ราย และเสียชีวิต 1 ราย เนื่องจากกินหอยแมลงภู่ที่จับมาจากบริเวณที่เกิดน้ำแดง ในปัจจุบันถึงแม้จะมีรายงานการเกิดน้ำแดงบ้างแต่ยังไม่มีรายงานความเป็นพิษ เกิดขึ้นอีก แต่ก็ควรระมัดระวัง ดังนั้นทุกครั้งที่เกิดกรณีเช่นนี้จึงต้องรอให้มีการตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน ว่าสาเหตุที่ปลาตายจำนวนมากเป็นเกิดจากอะไร เป็นกลุ่มแพลงก์ตอนที่มีพิษหรือไม่ เพื่อความปลอดภัยของประชาชนเอง จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 16 ตุลาคม 2551 หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: ตุ๊กแกผา ที่ ตุลาคม 17, 2008, 09:21:13 AM โอ! น่ากลัวมากๆ(หมายถึงข่าว ไม่ใช่คนชื่อO) ถึงจะดูเหมือนธรรมดาที่เกิดบ่อยๆ แต่เตือนบ่อยๆก็ดีกว่า เพราะมันอาจมีคนประมาทกินมันก็ได้....เนอะ
หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: myjoefiend ที่ ตุลาคม 20, 2008, 04:30:55 AM :'( เคยเจอตอนอยู่สมุย แต่ดันไปเล่นน้ำอยู่เลย เกิดมัน เข้าไปในปาดก็ซี๊แหงแก๋เลย คราวหน้าเจอแบบนี้คงไม่กล้าลงเล่นน้ำแน่ๆเลย ทะเลมีอะไรที่ไม่รู้อีกเยอะ ขอบคุณครับสำหรับข้อมล
หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: topping ที่ ตุลาคม 20, 2008, 09:22:01 PM เป็นเพราะคนเราใช้ไนโตรเจนกับฟอสเฟส (เช่น ปุ๋ยเคมี, ผงซักฟอก) กันเยอะ
พอน้ำชะลงทะเล ก็เกิดแพลงตอนบูม .... ฆ่าสัตว์ทะเลทางอ้อม ถ้าเราช่วยกันลดการใช้สารเหล่านี้ ก็จะเป็นผลดีกับสัตว์ทะเลด้วยจ้า หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: แมลงปอ ที่ ตุลาคม 20, 2008, 09:38:26 PM ขอบคุณค่ะ หวังว่าไม่มีใครโลภจนเก็บมาขายนะ ??? ???
หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 21, 2008, 12:59:14 AM นักวิชาการ ย้ำน้ำทะเลเปลี่ยนสีไม่มีสารพิษ ทำให้สิ่งมีชีวิตตาย นักวิชาการ ย้ำน้ำทะเลเปลี่ยนสีไม่มีสารพิษทำให้สิ่งมีชีวิตตาย พร้อมระบุ นักท่องเที่ยวรับประทานอาหารทะเลได้ตามปกติ จากกรณีที่น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดง ที่ชายหาดบางแสน ทำให้สิ่งมีชีวิตตายจำนวนมากนั้น และประชาชนที่จะไปเที่ยวทะเลในช่วงนี้เกิดความกังวลว่า จะสามารถรับประทานอาหารทะเล หรือเล่นน้ำทะเลในช่วงนี้ได้หรือไม่นั้น ผศ.ดร.สมถวิล จริตควร ภาควิชาวาริชศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ยืนยันว่า จากการนำผลการเก็บตัวอย่างน้ำทะเลบางแสนมาวิเคราะห์พบว่า น้ำทะเลเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลแดงครั้งนี้ เกิดจากการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของแพลงก์ตอนกลุ่มคีโตเซอรอส (Chaetoceros spp.) ซึ่งแพลงก์ตอนกลุ่มดังกล่าวไม่ใช่สาเหตุสร้างสารพิษ จนทำให้สิ่งมีชีวิตตาย แต่สาเหตุหลักเกิดจากปริมาณแพลงก์ตอนที่มีจำนวนมาก ทำให้ใช้ออกซิเจนในน้ำหายใจมากและลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำขาดอากาศหายใจ รวมทั้ง ปริมาณแพลงก์ตอนที่หนาแน่นมาก เซลล์บางส่วนก็จะตาย ทำให้น้ำเริ่มเน่า และสิ่งมีชีวิตตายจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม การเจริญของแพลงก์ตอนดังกล่าวไม่มีพิษ จึงไม่ส่งผลกระทบต่ออาหารทะเล ดังนั้น นักท่องเที่ยวสามารถรับประทานอาหารทะเลที่วางขายทั้งในหาดบางแสน หรือทะเลแถบจังหวัดอื่นๆได้ตามปกติ ผศ.ดร.สมถวิล กล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนที่จะบริโภคอาหารทะเลโดยทั่วไปนั้น ควรเลือกอาหารทะเลที่ยังสด ใหม่ และหากเกิดเหตุกรณีน้ำทะเลเปลี่ยนสีในครั้งต่อไป ก่อนที่จะเก็บสัตว์ทะเลมาบริโภค ควรรอผลการพิสูจน์ให้แน่ชัดก่อนว่าเป็นแพลงก์ตอนชนิดใด เพราะอาจเกิดจากแพลงก์ตอนชนิดที่มีพิษได้ จาก : สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ วันที่ 21 ตุลาคม 2551 หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: Oo ที่ ตุลาคม 21, 2008, 01:37:54 AM ขากลับจากพัทยา
ไอ้เราก็อุตส่าห์ไม่กินอาหารทะเล เลือกไปกินร้านส้มตำก็ไม่สั่งปูดอง ปูม้า ปูทะเล สั่งแค่ส้มตำปูเค็ม แต่เนื่องจากตะกละ เห็นพี่ปูเค็มพลีชีพแล้ว จะไม่กินก็กะไรอยู่ 2 ชม. ต่อมา ผื่นขึ้นเต็มแขนเลยง่ะ :( :( :( กินยาแก้แพ้แล้ว??? ??? ??? ตอนนี้พี่ผื่น..ตะกละยังคงเป็นรอยย้ำที่แขนอยู่เลย :'( :'( :'( หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: marine_wi ที่ ตุลาคม 21, 2008, 02:36:04 AM จะกินอะไรก็ระวังกันเน้อ
น่ากลัวจริงๆๆ น้ำทะเลเปลี่ยนสี แต่ความรักทะเลที่มีจะไม่เปลี่ยนไป หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ ตุลาคม 21, 2008, 02:46:37 AM กินใจ จิงๆๆ นะเนี่ย แล้วเมื่อไร จะโตล่ะจ๊ะ
หัวข้อ: Re: เตือนอย่ากินปลาตายบางแสน เริ่มหัวข้อโดย: marine_wi ที่ ตุลาคม 21, 2008, 02:54:04 AM เป็นเว็บบอร์ดที่อบอุ่นมากมาย
และเป็นห่วงทั้งทะเล และมนุยษ์ ซึ้งสุดๆๆ เดี๋ยววิก็โตแล้วน่า พี่ SNR ไม่ต้องห่วง พอเจ๋งแล้วเราจะไปร่วมงานกันแน่ๆ หวังว่าพี่SNRจะไม่หนีไปก่อนนะค่ะ ;) |