|
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 17, 2009, 12:47:24 AM กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์อากาศหนาวเย็น โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกในระยะนี้ สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป สูงประมาณ 2 เมตร กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-18 องศา อุณหภูมิสูงสุด 27-28 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. คาดหมาย ในระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลงเป็นลำดับ ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอากาศอุ่นขึ้น โดยจะมีหมอกในตอนเช้าเพิ่มขึ้นทำให้มีหมอกหนาในบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ภาคใต้ตอนล่างยังคงมีคลื่นลมแรง คลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ข้อควรระวัง ในระยะนี้ ขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 17, 2009, 01:06:58 AM มติชน
"หนาว"ไทยทุบสถิติหลายพื้นที่ "เขาค้อ"เกิดน้ำค้างแข็งครั้งแรก (http://www.matichon.co.th/online/2009/01/12321011321232101325l.jpg) "หนาว"ทั้งประเทศทุบสถิติประวัติศาสตร์ กทม.เย็นสุดในรอบ10ปี เผยกว่าจะหมดหน้าหนาวเดือนก.พ. ปลายสัปดาห์นี้ร้อนขึ้นอีก1-2องศา นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยเมื่อ วันที่ 16 มกราคม ว่าภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวจัดจนลบสถิติเดิมในช่วงเวลาเดียวกันของเดือนมกราคม ไม่เว้นแม้แต่พื้นที่ กทม. อุณหภูมิต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี วัดได้ต่ำสุดวันที่ 11 มกราคมนี้ 14.7 องศาเซลเซียส ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะในระยะหลังคนกรุงไม่ได้สัมผัสอากาศหนาวเย็นมานาน เคยเจอแต่อากาศที่ร้อนต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม สำหรับฤดูหนาวปีนี้จะเต็มฤดูกาลจนสิ้นสุดในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ตั้งแต่ปลายสัปดาห์อากาศจะอุ่นขึ้นอีก 1-2 องศา จากนั้นคาดว่าจะมีความกดอากาศแผ่ลงมาอีกเป็นระลอกๆ คราวละ 3-5 วัน แต่จะไม่หนาวจัดแล้ว โดยเฉลี่ยจะประมาณ 20 องศา ขณะเดียวกัน จากสถานีตรวจวัดในหลายจังหวัด ยังมีอากาศที่หนาวเย็นจัดจนทำลายสถิติเดิมของเดือนมกราคม (ม.ค.) ในอดีตเมื่อหลายปี ได้แก่ นครพนม 4.2 องศา เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 52 จากเดิม 4.5 องศา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 26 และปี 36 สุพรรณบุรี 8.5 องศา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. จากเดิม 15 ม.ค. 12 และ ปี 19 ปทุมธานี 14.5 องศา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 52 จากเดิม 15.6 องศา เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 42 และปี 48 สระแก้ว 11.4 องศา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 52 จากเดิม 12.5 เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 41 และปี 48 ฉะเชิงเทรา 11.3 องศา เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 52 จากเดิม 11.5 องศา เมื่อ วันที่ 8 ม.ค. 32 และปี 38 แหลมฉบัง 14.9 องศา เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 52 จากเดิม 15.9 องศา เมื่อวันที่ 30 ม.ค. 35-36 และกระบี่ 15.3 องศา เมื่อวันที่ 11 ม.ค. 52 จากเดิม 17.9 องศา เมื่อ 8 ม.ค. 37 และปี 42 นอกจากนี้ อากาศที่หนาวเย็นยังทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งในพื้นที่ที่ไม่เคยมีรายงานมาก่อนด้วย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว เขาค้อ ภูทับเบิก จ.เพชรบูรณ์ "ลมหนาวจากจีนระลอกใหญ่ที่เข้ามาครั้งนี้ มีขนาดกำลังแรง ทำให้ทุกพื้นที่ของไทยเจออากาศที่เย็นในรอบ 10 ปี ขณะเดียวกัน อิทธิพลของความเย็นยังทำให้ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดแรงขึ้น ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันออกได้รับอิทธิพลไล่ตั้งแต่พื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ลงไป และเจอคลื่นซัดฝั่ง" นายสมชายกล่าว หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 17, 2009, 01:13:46 AM ไทยโพสต์
งานสบายที่สุดในโลกชั่วโมงละ5หมื่นบาท ออสซี่รับสมัครทั่วโลก 'คนเที่ยวเกาะสวรรค์' หน่วยงานส่งเสริมการท่องเที่ยวในออสเตรเลียประกาศรับสมัครทั่วโลก ต้องการคนที่ชอบท่องเที่ยวตามเกาะ หวังให้ทำงานพีอาร์ ด้วยราคาค่าจ้างชั่วโมงละ 52,000 บาท เป็นเวลา 6 เดือน รัฐควีนส์แลนด์ได้ป่าวประกาศหาคนที่จะไปอาศัยอยู่ตามเกาะในแนวปะการัง เกรตแบริเออร์รีฟ อันสวยงาม หน้าที่ในตำแหน่งงานนี้คือ อาบแดด ดำน้ำชมปะการัง กินๆ นอนๆ ค่าที่พักและอาหารฟรี แถมค่าเครื่องบินให้ด้วย ผู้สมัครไม่จำเป็นต้องมีวุฒิการศึกษาใดๆ ขอให้พูดเขียนภาษาอังกฤษได้ และชอบสื่อสาร เพราะจะต้องโฆษณาประชาสัมพันธ์ความสวยงามของเกาะแฮมิลตันที่จะไปอาศัยอยู่ โดยสื่อสารผ่านอินเทอร์เน็ต คนที่ผ่านการคัดเลือกจะได้เข้าอยู่ในบ้านขนาด 3 ห้องนอน โดยจะได้รับค่าจ้างรวมทั้งสิ้น 3.6 ล้านบาท ขณะใช้ชีวิตบนเกาะ ลูกจ้างรายนี้จะต้องเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเกาะ และกิจกรรมที่ตัวเองทำ ซึ่งใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ส่วนเวลาที่เหลือสามารถไปดำน้ำก็ได้ ช่วยงานนักชีววิทยาก็ได้ หรือช่วยคิดค้นกิจกรรมใหม่ๆ สำหรับนักท่องเที่ยวก็ยิ่งดีใหญ่. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 17, 2009, 01:27:07 AM กรุงเทพธุรกิจ
เรียกร้องติดสัญญาณเตือนภัย (http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/01/16/images/news_img_7426_1.jpg) ชาวบ้านสงขลาเรียกร้องให้หน่วยงานรับผิดชอบติดตั้งไฟสัญญาณเตือนภัย บนถนนเลียบชายทะเลสายสงขลา-นาทับ ที่ถูกคลื่นซัดพังเสียหายหนัก หวั่นเกิดอุบัติเหตุรถตกถนน *************************************************************************************************************************** สารเคมีทำปลากลายพันธุ์มีสองหัว (http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/01/15/images/news_img_6969_1.jpg) สารเคมีปนเปื้อนในแหล่งน้ำ อาจทำให้ปลากะพงกลายพันธุ์มีสองหัว ขณะที่เทคโนโลยียาฆ่าแมลง ทำให้สารพิษเดินทางได้ไกลขึ้น นายแมตต์ แลนดอส ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์น้ำและสมาชิกวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และสัตวแพทย์ของออสเตรเลีย เผยว่า สารเคมีเป็นพิษในแหล่งน้ำอาจเป็นสาเหตุให้ปลาในแม่น้ำนูซา รัฐควีนส์แลนด์ ทางตอนเหนือของออสเตรเลียกลายพันธุ์ ไข่ของปลากะพง ซึ่งกลายพันธุ์จนมีสองหัวในตัวเดียว สามารถมีชีวิตรอดได้แค่ 48 ชั่วโมง จากนั้นก็เสียชีวิตทั้งหมด "เมื่อเราลองนำน้ำในแม่น้ำนูซา หรือนำปลากะพงจากแม่น้ำดังกล่าวมาตรวจสอบ พบว่า ปลาเหล่านี้น่าจะปนเปื้อนสารพิษ มีลักษณะพิการและไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเองได้ ผมทำงานเกี่ยวกับแหล่งน้ำมา 10 ปี แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นอะไรแบบนี้" นายแลนดอสระบุ ผลการตรวจสอบ พบว่าปลาและน้ำไม่ได้ติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้นายแลนดอสสันนิษฐานว่า สารพิษจากไร่ถั่วแมคคาเดเมีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียง อาจเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ "สิ่งเหล่านี้ทำให้เราสันนิษฐานว่าการปนเปื้อนสารเคมีเป็นพิษน่าจะเป็นสาเหตุ ผมเชื่อว่าสารเคมีบางชนิดแม้จะมีจำนวนน้อยมาก แต่ก็ส่งผลกระทบต่อระบบแพร่พันธุ์ของปลา" นายแลนดอส เผย พร้อมระบุว่า ปลามีลักษณะพิการเพิ่มขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ไร่ถั่วแมคคาเดเมียขยายพื้นที่จนเข้ามาชิดแนวต้นไม้ ซึ่งเป็นสถานที่ฟักไข่ของปลา ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ เสริมด้วยว่า การพัฒนาเทคโนโลยีควบคุมจำนวนแมลง ทำให้อนุภาคของสารเคมีที่เล็กมาก สามารถเดินทางไปได้ไกลขึ้น แม้กระทั่งไก่ ม้า และแกะ ที่อยู่ในบริเวณเลี้ยง ก็เคยคลอดลูกที่มีลักษณะพิการ และอัตราการเสียชีวิตของตัวอ่อนในครรภ์ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติด้วย ทั้งนี้ นายแลนดอส กล่าวว่า บางประเทศ มองว่า ยาฆ่าแมลงกลุ่มออร์กาโนฟอสเฟตน่าจะเป็นอันตราย จึงมีกฎหมายห้ามใช้สารดังกล่าว แต่ออสเตรเลียยังคงอนุญาตให้ใช้สารชนิดนี้ได้อยู่ ด้านเจ้าหน้าที่รัฐควีนส์แลนด์ กล่าวว่า ผลการตรวจไม่ได้แสดงให้เห็นว่า ไร่แมคคาเดเมียใช้สารเคมีที่ขัดกับกฎระเบียบ แต่เจ้าหน้าที่ประมงท้องถิ่นได้เข้าไปสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว และน่าจะได้รับผลการตรวจตัวอย่างปลาที่ตายในเดือนหน้า หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันเสาร์ที่ 17 มกราคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 17, 2009, 01:53:20 AM สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
จ.ตราด เชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยว ร่วมพิธีลอยพวงมาลา งานวันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง นายแก่นเพชร ช่วงรังษี ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าวว่า จังหวัดตราดโดยอำเภอแหลมงอบ ร่วมกับกองทัพเรือ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กำหนดจัดงาน “วันวีรกรรมทหารเรือไทยในยุทธนาวีที่เกาะช้าง ประจำปี 2552” ขึ้น ระหว่างวันที่ 17 – 21 มกราคม 2552 ณ อนุสรณ์สถานยุทธนาวีที่เกาะช้าง อำเภอแหลมงอบ เพื่อเป็นการรำลึกถึงวีรกรรมของทหารเรือไทยที่ได้ทำศึกยุทธนาวีกับทัพเรือ ฝรั่งเศส บริเวณหมู่เกาะช้าง เมื่อ 68 ปีที่แล้ว โดยการจัดงานในดังกล่าว มีกิจกรรมที่สำคัญประกอบด้วย เวลา 09.00 น. วันพรุ่งนี้ (17 ม.ค. 52) จะมีการประกอบพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่วีรชนทหารเรือไทยที่เสียชีวิตใน ยุทธนาวีที่เกาะช้าง และพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ พระบิดาของเหล่าทหารเรือ ขณะที่ในเวลาประมาณ 11.00 น. จะมีการนำประชาชน และนักท่องเที่ยวร่วมพิธีลอยพวงมาลา บริเวณเกาะลิ่ม ด้านทิศใต้ของเกาะช้าง นอกจากนี้ตลอดเวลาของการจัดงานยังมีกิจกรรมประกอบด้วย นิทรรศการเชิดชูวีรกรรมทหารเรือไทย การกระโดดร่มของทหารเรือ การออกร้านจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน การออกร้านกาชาดของ อ.แหลมงอบ ตลอดจนการจำหน่ายสินค้าชุมชนของจังหวัดตราด และการแสดงบนเวที ดังนั้นทางจังหวัดจึงขอเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวที่สนใจเข้าร่วมงาน ดังกล่าว ************************************************************************************************************************************************ นักวิจัย ม.สงขลาฯ วอนชาวบ้านอย่าบริโภคค้างคาว หลังผลวิจัยระบุช่วยระบบนิเวศน์ นัก วิจัยมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วอนชาวบ้านอย่าบริโภคค้างคาว หลังผลวิจัยระบุชัดช่วยระบบนิเวศน์ และสร้างมูลค่าให้กับพืชเศรษฐกิจปีละกว่า 400 ล้านบาท ดร.สาระ บำรุงศรี นักวิจัยภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา กล่าวว่า ทีมนักวิจัยได้ทำการศึกษาโครงการประเมินมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ของค้างคาวเล็บ กุดในการผสมเกสรพืชเศรษฐกิจภาคใต้ อย่างเช่น ทุเรียนและสะตอ เพื่อหวังให้ประชาชนได้ตระหนักถึงบทบาทของค้าวคาวที่มีความสำคัญต่อระบบ นิเวศน์และมนุษย์ พบว่า ค้างคาวเล็บกุดมีส่วนช่วยผสมเกสรร้อยละ 80-100 นอกจากนี้ ยังพบว่าบริเวณพื้นที่เพาะปลูกและตัวเลขผลผลิตทุเรียนและสะตอของเกษตรกรใน บริเวณที่อยู่ในระยะการหากินของค้างคาวรอบถ้ำเป็นระยะทาง 38 กิโลเมตร พบว่ามูลค่าทางเศรษฐกิจที่ค้างคาวเล็บกุดช่วยผสมเกสรคิดเป็นมูลค่าประมาณ 420 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ นอกจากค้างคาวเล็กกุดแล้ว ยังมีค้างคาวปากย่นที่มีส่วนช่วยกำจัดเพลี้ยกระโดดที่เป็นศัตรูพืชของข้าว ได้ถึงคืนละเกือบ 20 ตัน ดังนั้น แสดงให้เห็นว่าค้างคาวไม่ได้มีส่วนทำลายพืชพันธุ์ของเกษตรกรทั้งหมด จึงขอให้ประชาชนอย่าจับค้างคาวมาบริโภคตามความเชื่อที่ผิดๆ และกำจัดทิ้ง |