|
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 02:36:41 AM กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเกิดขึ้นได้ในระยะนี้ สำหรับหมอกหนาในตอนเช้ายังคงเกิดขึ้นได้หลายพื้นที่ของภาคเหนือ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย อนึ่ง คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนผ่านภาคเหนือทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศา อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศา ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในระยะนี้ บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมบริเวณดังกล่าว ทำให้มีอุณหภูมิสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ สำหรับในช่วงวันที่ 12-13 ก.พ. 52 คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนผ่านภาคเหนือ ทำให้มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศา ข้อควรระวัง ในระยะนี้ ขอให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะระมัดระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:10:29 AM ไทยรัฐ
กินปลาจะช่วยป้องกันรักษาชีวิต สกัดหลอดเลือด ตีบตัน นักวิทยาศาสตร์ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย พบสาเหตุใหม่ ที่คนเราควรจะกินปลาเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่ง ดร.ริชาร์ด เจ. เดคเกลบอม ผู้อำนวยการของสถาบันโภชนาการมนุษย์โคลัมเบียแห่งอเมริกา ได้พบว่า การกินอาหารที่อุดมด้วยน้ำมันปลา จะช่วยป้องกันไขมันไปจับตามเส้นโลหิตแดงใหญ่ของร่างกาย ทั้งปลายังอุดมด้วยกรดไขมัน โอเมกา-3 ซึ่งเป็นคุณแก่ร่างกาย ซึ่งช่วยป้องกันโรคจิตและถ่วงความพิการอันเนื่องมาแต่ความชราภาพให้เนิ่นช้าออกไปได้ การกินปลาพวกปลาทูนา ซาร์ดีนส์ ซัลมอน และพวกปลาที่เรียกกันว่าปลาที่อยู่ ในน้ำเย็นชนิดต่างๆ ช่วยป้องกันหลอดเลือดตีบตัน กรดไขมันโอเมกา-3 เป็นที่รู้กันอยู่ว่า มันช่วยลดไตรกลีเซอร์ไรด์ อันเป็นไขมันที่พบในกระแสโลหิตบ่อย. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:12:49 AM เดลินิวส์
นักวิจัยไทยโชว์'หุ่นยนต์ปลา'ว่ายน้ำได้ (http://ads.dailynews.co.th/news/images/2009/technology/2/13/190798_title3.jpg) เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 12 ก.พ.ที่กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) จัดแถลงข่าวการจัดงาน เปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ณ บ้านวิทยาศาสตร์ สิรินธร เนื่องในโอกาสครบรอบ 200 ปีเกิดของ ชาลส์ ดาร์วิน นักธรรมศาสตร์วิทยา เจ้าของ ทฤษฎีวิวัฒนาการ ภายในงานสาธิตการว่ายน้ำของหุ่นยนต์ปลา ฝีมือนักวิจัยไทยที่เรียกความสนใจจากสื่อมวลชนได้เป็นจำนวนมาก ด้าน ผศ.ดร.สโรช ไทรเมฆ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) กล่าวว่า ปัจจุบันทีมงานได้พัฒนาหุ่นยนต์ปลา ขึ้นเป็นรุ่นที่ 3 สามารถเลี้ยวและว่ายน้ำ ได้ด้วยความเร็ว 30 ซม.ต่อวินาที โดยหุ่นยนต์ปลาที่พัฒนาขึ้นเป็นการเลียนแบบปลาทูน่า ทำขึ้นเพื่อศึกษาพฤติกรรมการว่ายน้ำอย่างรวดเร็วของ ปลา ทั้งเรื่องลักษณะของหางและแรงเสียดทาน ระหว่างตัวปลากับน้ำ ซึ่งสามารถประยุกต์ใช้งานกับการออกแบบทางวิศวกรรมต่าง ๆ เช่น ทำให้เรือสามารถแล่นได้เร็วขึ้น ช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงการสร้างเรือที่สามารถเคลื่อนที่ได้เหมือนปลาในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกามีการสร้างหุ่นยนต์ปลาเพื่อใช้สำหรับเป็นหุ่นยนต์ สอดแนมทางการทหารอีกด้วย ส่วนในประเทศไทยอยู่ระหว่างการเก็บข้อมูลที่ได้จากการวิจัย เพื่อสร้างหุ่นยนต์ปลาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น สามารถติดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และเซ็นเซอร์ต่าง ๆ โดยตั้งเป้าให้สามารถว่ายน้ำได้เร็วขึ้น ถึงระดับ 1 เมตรต่อวินาที ขณะที่ปลาจริง ว่ายน้ำด้วยความเร็ว 20 เมตรต่อวินาที นอกจากนี้ในงานแถลงข่าวยังโชว์ไฮไลต์ของการจัดงาน เปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อาทิ การค้นพบ หอยมรกต ซึ่งได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พบได้แห่งเดียวในประเทศไทยคือที่เกาะตาชัย จ.พังงา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของหอยทากบกที่เปลี่ยนแปลงไปตามสภาพแวดล้อมจนเกิดเป็นสปีชีส์ย่อยและจะกลายเป็นสปีชีส์ใหม่ที่สมบูรณ์แบบในอนาคต การแสดงตัวอย่างไซยาโนแบคทีเรีย สิ่งมีชีวิตชนิดแรกที่ถือกำเนิดขึ้นบนโลก และนิทรรศการพืชกินแมลงต่าง ๆ ในประเทศไทยรวมถึงกิจกรรมค่ายการแข่งขันประดิษฐ์หุ่นยนต์ปลาจากเยาวชน ผู้สนใจเข้าร่วมชมงานนิทรรศการดังกล่าวซึ่งเป็นนิทรรศการถาวร ได้ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.52 ที่บ้านวิทยาศาสตร์ สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์แห่งประเทศไทยรังสิต. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:21:16 AM ผู้จัดการออนไลน์
ร่องรอยแห่งวิวัฒนาการ "หอยมรกต" เกาะตาชัย เทียบคล้าย "นกฟินช์" แห่งกาลาปากอส (http://pics.manager.co.th/Images/552000001761901.JPEG) ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา กับหอยทากสปีชีส์ แอมฟิโดรมัส แอตริคาโลสซัส (Amphidromus atricalossus) (ขวา) และหอยมรกต (ซ้าย) ที่เป็นสปีชีส์ย่อย และพบเฉพาะที่เกาะตาชัย จ.พังงา เท่านั้น ขณะที่ "กาลาปากอส" มี "นกฟินช์" ให้ดาร์วินศึกษาวิวัฒนาการสิ่งมีชีวิต ทว่าเมืองไทยก็มี "หอยมรกต" ให้เรียนรู้เหมือนกัน หลังพบสปีชีส์ย่อย และลักษณะประชากรที่เริ่มมีความแตกต่างไปจากสปีชีส์เดิม อีกตัวอย่างของการศึกษาวิวัฒนการ ส่วนหนึ่งของนิทรรศการและกิจกรรมเพื่อร่วมฉลองครบ 200 ปี "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" ที่บ้านวิทย์สิรินธรตลอดปี 52 พร้อมตัวอย่างพันธุ์พืชพันธุ์สัตว์อีกหลากหลายชนิด สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เตรียมจัดกิจกรรม "เปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ณ บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร" ซึ่งเป็นการร่วมฉลองในวาระครบรอบ 200 ปี "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" นักธรรมชาติวิทยาผู้ให้กำเนิด "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" โดยแถลงข่าวข่าวไปเมื่อวันที่ 12 ก.พ.52 ณ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (วท.) ซึ่งมีนักวิชาการหลายสาขา มาให้ความรู้เกี่ยวกับสิ่งมีชีวิตและการวิวัฒนาการ โดยเฉพาะหอยมรกต ที่พบเฉพาะในประเทศไทย และเป็นหลักฐานแสดงให้เห็นการวิวัฒนาการได้เทียบเท่ากับนกฟินช์บนเกาะกาลาปากอส ซึ่งมีสื่อมวลชนมากมายให้ความสนใจร่วมงาน รวมทั้งทีมข่าว "วิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์" (http://pics.manager.co.th/Images/552000001761902.JPEG) หอยมรกตที่พบบนเกาะตาชัย เป็นหอยสปีชีส์ย่อยของสปีชีส์ที่พบบนแผ่นดินใหญ่ โดยคาดว่าในอีกไม่กี่ร้อยหรือพันปีข้างหน้าอาจวิวัฒนาการเป็นสปีชีส์ใหม่อย่างเต็มตัว ศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า หอยต้นไม้หรือหอยทากในสกุล แอมฟิโดรมัส (Amphidromus) มีเปลือกสวยงาม และพบเฉพาะในป่าแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น จึงได้รับสมญานามว่า "อัญมณีแห่งป่า" (Gems of the forest) ซึ่งหอยทากในสกุลนี้ มีอยู่ประมาณ 80 ชนิด ทั่วโลก โดยพบในประเทศไทยถึง 1 ใน 4 และจากการศึกษาวิจัยพบว่าหอยสกุลนี้มีมาตั้งเกือบ 35 ล้านปีมาแล้ว "หอยทากสกุลนี้น่าสนใจมาก เพราะแม้อยู่ในสปีชีส์เดียวกัน ประชากรกลุ่มเดียวกัน แต่ก็มีความหลากหลายและแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งสี และการเวียนของเปลือกหอย โดยมีทั้งเวียนซ้ายและเวียนขวาอยู่ร่วมกัน ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกกำหนดโดยพันธุกรรม และเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้หอยชนิดนี้อยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ เนื่องจากความแตกต่างนี้ทำให้หอยบางส่วน สามารถรอดชีวิตจากผู้ล่าบางชนิดในบางพื้นที่ได้ และขยายพันธุ์ได้ต่อไป" ศ.ดร.สมศักดิ์ อธิบาย นอกจากนี้ ศ.ดร.สมศักดิ์ยังได้ยกตัวอย่างว่า งูบางชนิดเลือกกินเฉพาะหอยทากเวียนขวา ทั้งนี้เป็นเพราะความถี่ของซี่ฟันข้างขวามากกว่าข้างซ้าย จึงทำให้หอยทากเวียนซ้าย มีโอกาสรอดมากกว่า ส่วนในพื้นที่ที่ผู้ล่าถนัดล่าหอยเวียนซ้าย ก็จะทำให้มีประชากรหอยเวียนขวาอยู่มากว่าเช่นกัน (http://pics.manager.co.th/Images/552000001761903.JPEG) เปลือกหอยมรกตจากเกาะตาชัย (ซ้าย) และเปลือกหอยทากในสปีชีส์เดียวกันที่พบในป่าของประเทศไทย นอกจากนี้ ดร.สมศักดิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่กี่ปีมานี้คณะวิจัยของเขาสำรวจพบหอยมรกต (นามพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี) บนเกาะตาชัย นอกชายฝั่ง จ.พังงา และจากการศึกษาพบว่า หอยมรกตที่พบ เป็นหอยสปีชีส์ใหม่ คือ แอมฟิโดรมัส แอตริคาโลสซัส คลาสซิอาเรียส (Amphidromus atricalossus classiarius) ซึ่งเป็นสปีชีส์ย่อยของหอยสปีชีส์ แอมฟิโดรมัส แอตริคาโลสซัส (Amphidromus atricalossus) ที่พบบนแผ่นดินใหญ่ "ประชากรของหอยมรกต มีเปลือกเวียนซ้ายทั้งหมด ในขณะที่สปีชีส์เดิม มีทั้งเวียนขวาและเวียนซ้าย และยังมีขนาดเล็กกว่าสปีชีส์เดิมด้วย เมื่อศึกษาอวัยวะภายในก็พบว่ามีอวัยวะสืบพันธุ์สั้นลงและมีรายละเอียดต่างกัน จึงทำให้ไม่สามารถผสมพันธุ์กับสปีชีส์เดิมได้อีกต่อไป และฟันของหอยมรกตก็แตกต่างไปจากสปีชีส์เดิม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหอยมรกต เริ่มมีวิวัฒนาการแยกออกจากสปีชีส์เดิม" ดร.สมศักดิ์อธิบาย หอยมรกตนี้เป็นตัวอย่างของการศึกษาวิวัฒนาการ ได้เช่นเดียวกับนกฟินช์บนหมู่เกาะกาลาปากอส ที่ดาร์วินเคยศึกษาเมื่อเกือบ 200 ปีมาแล้ว (http://pics.manager.co.th/Images/552000001761907.JPEG) หุ่นยนต์ปลา การเลียนแบบวิวัฒนาการในธรรมชาติเพื่อใช้ให้เป็นประโยชน์แก่มนุษย์ (ภาพจาก สวทช.) ผู้เชี่ยวชาญด้านหอย อธิบายต่อว่า หลักฐานทางธรณีบ่งชี้ว่าเกาะตาชัยเริ่มแยกออกจากแผ่นดินใหญ่เมื่อประมาณ 4,000 ปีที่แล้ว จากการที่น้ำทะเลสูงขึ้น และท่วมภูเขาบนแผ่นดินใหญ่เกิดเป็นเกาะน้อยใหญ่ นับแต่นั้นมาหอยมรกตก็เริ่มถูกตัดขาดจากสปีชีส์เดิม โดยมีน้ำทะเลคั่น และเริ่มวิวัฒนาการให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมบนเกาะตาชัยเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน คาดว่าในอีกไม่กี่ร้อยหรือพันปีข้างหน้า หอยมรกตอาจแยกเป็นสปีชีส์ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ หากไม่สูญพันธุ์ไปเสียก่อน เพราะเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี 47 ส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรหอยมรกตไม่น้อย และหอยมรกตอาจตายได้ทันทีเมื่อถูกน้ำทะเล "หอยมรกต" เป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่จะจัดแสดงภายในงานเปิดโลกมหัศจรรย์แห่งวิวัฒนาการ ที่จะเริ่มจัดขึ้นที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร ในวันที่ 12 มี.ค. 52 นี้ และยังมีตัวอย่างพืชและสัตว์อีกมากมายให้ผู้เข้าร่วมงานได้เรียนรู้เกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพและการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต พร้อมด้วยนิทรรศการประวัติชีวิตและผลงานของดาร์วิน ทฤษฎีวิวัฒนาการหลังยุคดาร์วิน มหันตภัยของมนุษยชาติและการสูญพันธุ์ รวมทั้งกิจกรรมค่ายวิทยาศาสตร์ เช่น ค่ายหุ่นยนต์ปลา ค่ายวิศวกรรมการบิน และค่ายประชุมสุดยอดนักวิวัฒนาการรุ่นเยาว์ เป็นต้น ผู้สนใจสามารถเข้าชมงานได้ที่บ้านวิทยาศาสตร์สิรินธร อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี ตั้งแต่วันที่ 12 มี.ค.52 เป็นต้นไป โดยจะมีนิทรรศการให้ชมได้ตลอดทั้งปี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 02-564-6700 ต่อ 1430, 1483-4 โทรสาร 02-564-6700 ต่อ 1482 หรือ www.nstda.or.th ************************************************************************************************************************* "กาลาปากอส" ห้องแล็บธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่ของ "ดาร์วิน" (http://pics.manager.co.th/Images/552000001692201.JPEG) หาก "ผลแอปเปิล" ที่ร่วงหล่นจากต้นเป็นแรงบันดาลใจให้ "นิวตัน" ศึกษาค้นคว้าจนค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง "หมู่เกาะกาลาปากอส" ก็คือแอปเปิลผลนั้นของ "ดาร์วิน" ที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาพยายามทำความเข้าใจกับความแตกต่างของสิ่งมีชีวิต จนเกิดเป็น "ทฤษฎีวิวัฒนาการ" เมื่อพูดถึง "ชาร์ลส์ ดาร์วิน" (Charles Darwin) ก็ต้องนึกถึง "กาลาปากอส" (Galapagos Islands) หมู่เกาะภูเขาไฟในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันออก แต่อยู่ทางทิศตะวันตกของชายฝั่งประเทศเอกวาดอร์ ห่างออกไปประมาณ 970 กิโลเมตร "กาลาปากอส" เป็นหมู่เกาะที่เปรียบเสมือนห้องปฏิบัติการในธรรมชาติของดาร์วิน และเป็นหมู่เกาะแห่งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ เพราะไม่เพียงเป็นแรงบันดาลใจให้ดาร์วินสร้างทฤษฎีแห่งวิวัฒนาการ แต่ยังปฏิวัติความเข้าใจของมวลมนุษย์เกี่ยวกับโลกและสิ่งมีชีวิตโดยสิ้นเชิง บทความจากสำนักข่าวเอเอฟพีระบุว่า หลังออกเดินทางจากอังกฤษในเดือน ธ.ค. 2374 เรือหลวงบีเกิล (HMS Beagle) ก็พาคณะและดาร์วินมาถึงหมู่เกาะกาลาปากอสในปี 2378 ขณะที่เขายังหนุ่มยังแน่นด้วยวัยเพียง 26 ปี และได้พบเจอกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายสปีชีส์ ที่มีอยู่เฉพาะบนหมู่เกาะแห่งนั้น ระหว่างที่พำนักอยู่ที่นั่น ดาร์วินทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาธรรมชาติที่แปลกใหม่โดยมีพืชและสัตว์นานาชนิดเป็นสิ่งดึงดูดใจ อาจเรียกได้ว่าเป็นก้าวแรกที่นำไปสู่ผลงานชิ้นโบว์แดงในอีกหลายปีต่อมา ที่ดาร์วินถ่ายทอดแนวคิดออกมาเป็นหนังสือเรื่อง "ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์" (On the Origin of Species) "หากนิวตัน (Isaac Newton) ได้แรงบันดาลใจจากผลแอปเปิลที่ร่วงหล่นลงมา และนำไปสู่การค้นพบกฎแรงโน้มถ่วง (principle of gravity) ก็อาจกล่าวได้เช่นเดียวกันว่า หมู่เกาะกาลาปากอสก็นำดาร์วินสู่การค้นพบทฤษฎีวิวัฒนาการ" คำกล่าวเปรียบเทียบการค้นพบครั้งสำคัญของ 2 นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่โดยคาร์ลอส วัลเล (Carlos Valle) ผู้เชี่ยวชาญด้านสรรพสัตว์แห่งกาลาปากอส และหัวหน้าแผนกชีววิทยา มหาวิทยาลัยซานฟรานซิสโกแห่งกีโต (Universidad San Francisco de Quito) ในเอกวาดอร์ ที่กาลาปากอสนี้ ทำให้ดาร์วินได้พบหลักฐานชิ้นเยี่ยมที่สุด สำหรับการพัฒนาทฤษฎี ที่มีธรรมชาติเป็นตัวคัดเลือกสิ่งมีชีวิต ผ่านกระบวนการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมโดยอาศัยเวลานับล้านปี หมู่เกาะกาลาปากอส ประกอบด้วยเกาะขนาดใหญ่ 13 เกาะ และเกาะแก่งน้อยใหญ่อีกจำนวนมาก ดาร์วินสังเกตเห็นว่า ธรรมชาติแวดล้อมของแต่ละเกาะนั้น มีความผันแปรต่อกันเล็กน้อย ทว่ามีอิทธิพลต่อขนาดของจงอยปากในนกสปีชีส์เดียวกัน แต่อาศัยอยู่คนละเกาะ ซึ่งเป็นผลมาจากความแตกต่างของเมล็ดพืช ที่เป็นอาหารของนกชนิดนั้นบนเกาะนั้นๆ นอกจากนั้นในบริเวณพื้นที่เล็กๆ ใกล้เคียงกัน ดาร์วินยังพบว่า มีนกสปีชีส์เดียวกัน แต่มีลักษณะแตกต่างกันไปถึง 14 แบบ ซึ่งความแปรผันที่เกิดขึ้น เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมบริเวณที่นกพวกนั้นอาศัยอยู่ "ดาร์วินเดินทางแวะเวียนสถานที่หลายแห่งรอบโลก แต่สถานที่ที่เขาพบเห็นถึงความแปลกใหม่ไม่เหมือนใครคือกาลาปากอส ที่ซึ่งนกสปีชีส์เดียวกัน แต่มีลักษณะแตกต่างกันในรายละเอียดที่ขึ้นกับบริเวณที่อยู่อาศัย กาลาปากอสไม่ใช่แก่นของเรื่องในหนังสือ ออน ดิ ออริจิน ออฟ สปีชีส์ แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ดาร์วินเข้าใจกฏแห่งวิวัฒนาการ" คำอธิบายของแมทเธียส วอล์ฟ (Matthias Wolff) ผู้อำนวยการมูลนิธิ ชาร์ลส์ ดาร์วิน แห่งหมู่เกาะกาลาปากอส หรือซีดีเอฟ (Charles Darwin Foundation for the Galapagos Islands: CDF) สำหรับหมู่เกาะกาลาปากอสนั้น ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก จากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก (UNESCO) เมื่อปี 2521 ด้วยสภาพธรรมชาติที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัวอย่างน่าทึ่ง มีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูง และส่วนใหญ่ก็ล้วนเป็นสปีชีส์ที่มีเฉพาะบนหมู่เกาะกาลาปากอสเท่านั้น ทว่าปัจจุบันนี้ สิ่งแวดล้อมของกาลาปากอสกำลังเสื่อมโทรมลงเรื่อยๆ จนเกือบเข้าขั้นวิกฤติ โดยมีชนิดพันธุ์พืชเฉพาะถิ่นกว่า 20% และพันธุ์สัตว์เฉพาะถิ่นที่อยู่ในกลุ่มสัตว์มีกระดูกสัตว์กว่า 50% เข้าข่ายเป็นสิ่งมีชีวิตที่ถูกคุกคามอย่างน่าเป็นห่วงว่าอาจสูญพันธุ์ได้ในไม่ช้า ซึ่งมนุษย์เป็นสาเหตุอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งปัญหาสั่งสมมายาวนานแล้ว เช่น การล่ามากเกินพอดีทั้งบนบกและในทะเล และการบุกรุกที่อยู่อาศัยของสัตว์เพื่อใช้เป็นพื้นที่กสิกรรม ส่วนปัญหาใหม่ที่เพิ่งก่อตัวในช่วง 50 ปีหลังมานี้ เกิดจากการที่ประชากรในท้องถิ่นและเศรษฐกิจขยายตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งสวนทางกับการบริหารจัดการพื้นที่ให้เป็นระบบอย่างยั่งยืนโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว ที่มีผู้คนจากทั่วโลกมุ่งหน้าไปสัมผัสความสวยงามของธรรมชาติแปลกตาที่กาลาปากอส เป็นจำนวนมากเกินกว่าที่ธรรมชาติจะสามารถรองรับได้จริง เมื่อมนุษย์ใช้สอยธรรมชาติมากเกินไป ย่อมส่งผลกระทบต่อพืชและสัตว์ท้องถิ่นในบริเวณนั้น ประกอบกับปัญหามลพิษ และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่คอยซ้ำเติมให้ย่ำแย่ลงทุกวัน ปี 2549 ซีดีเอฟได้เริ่มดำเนินโครงการแผนกลยุทธ์ 10 ปี ในการแยกแยะอุปสรรคสำคัญ ที่ต้องเอาชนะให้ได้สำหรับกาลาปากอส หมู่เกาะที่ได้ชื่อว่าเป็นสัญญลักษณ์สำคัญ หรือ ไอคอน ทางประวัติศาสตร์การวิวัฒนาการและการอนุรักษ์ของโลก ทั้งนี้ก็เพื่อรักษาความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติให้คงไว้และจัดการด้านการท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือน มิ.ย. 2550 ยูเนสโกได้ประกาศ ขึ้นบัญชีหมู่เกาะกาลาปากอสให้เป็นมรดกโลกที่กำลังถูกคุกคาม เนื่องจากการรุกรานของมนุษย์ ทั้งจากการท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น การสัญจรไปมาระหว่างเกาะ และการอพยพย้ายถิ่นฐานของประชากร แม้ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ซีดีเอฟและอุทยานแห่งชาติกาลาปากอส (Galapagos National Park) ได้พยายามจัดการกับเรื่องดังกล่าวแล้วก็ตาม แต่ปัญหาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะบรรเทาลงได้ และยังคงเป็นเรื่องที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน หากยังหวังให้ธรรมชาติของกาลาปากอสอยู่รอดไปถึงศตวรรษหน้า. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:24:45 AM มติชน
แผ่นดินไหว 6.1 ริกเตอร์ ทางเหนือของ"นิวซีแลนด์" สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (13 ก.พ.) ว่า สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯ รายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.1 ริกเตอร์ ที่เกาะเคอร์มาเดค ทางเหนือของประเทศนิวซีแลนด์ โดยแผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 01.54 น. เช้าตรู่ตามเวลาประเทศไทย ศูนย์กลางของแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 35 กิโลเมตร ใต้ท้องทะเลและห่างจากเกาะราอูลทางใต้ของประเทศ 232 กิโลเมตร ทั้งนี้ เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือผู้เสียชีวิต *************************************************************************************************************************** ธรณีพิโรธถล่มอิเหนา มีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 36 คน และอาคารบ้านเรือนถล่มพังเสียหายอีกหลายร้อยหลัง จากเหตุแผ่นดินไหวเขย่าหมู่เกาะอินโดนีเซียใกล้กับประเทศฟิลิปปินส์ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลาราว 01.34 น.ตามเวลาท้องถิ่นของวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งสำนักงานธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาวัดแรงสั่นสะเทือนได้ 7.2 ริกเตอร์ ทำให้ทางการอินโดนีเซียต้องประกาศเตือนภัยสึนามิก่อนจะยกเลิกไปในอีก 1 ชั่วโมงถัดมา อย่างไรก็ดี ยังคงเกิดอาฟเตอร์ช็อคขึ้นตามมาอีกหลายครั้ง โดยมีขนาดความรุนแรงสูงสุดถึง 6.3 ริกเตอร์ เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นบริเวณเกาะสุลาเวสี ห่างจากเมืองมานาโด ซึ่งเป็นเมืองทางตอนเหนือสุดของเกาะสุลาเวสี ไปราว 315 กิโลเมตร โดยมีจุดศูนย์กลางแรงสั่นสะเทือนลึกลงไปใต้ทะเล 30 กิโลเมตร แผ่นดินไหวครั้งนี้ส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงถึงเกาะตาลาอูดที่อยู่ใกล้กันด้วย เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดสุลาเวสีเปิดเผยว่า ข้อมูลที่ได้รับรายงานล่าสุดมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 36 คน ในจำนวนนี้มีอาการสาหัส 8 คน ขณะที่มีรายงานอาคารบ้านเรือนหลายร้อยหลังในหลายพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบถล่มพังลงมาจากเหตุแรงสั่นสะเทือน ในส่วนของประเทศฟิลิปปินส์นั้นยังไม่มีรายงานความเสียหายจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ (เอเอฟพี) หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:27:27 AM แนวหน้า
อุทยานประกาศ มาตรการสูงสุด ป้องกัน"ไฟป่า" นายไกเพชญ ปาณสมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันไฟป่า กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า จากการติดตามข้อมูลดาวเทียมทีราและอควา พบจุดความร้อนเพิ่มขึ้นในเขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวน และพื้นที่เกษตรกรรม รวม 116 จุดในเขตภาคเหนือ ซึ่งเป็นป่าเต็งรังที่มีการทิ้งใบสะสมเชื้อเพลิงในปริมาณที่สูงมาก จึงถือเป็นสถานการณ์ที่น่าห่วง นอกจากนี้จากเหตุการณ์ไฟป่าที่เกิดขึ้นในออสเตรเลีย ทำให้กรมฯต้องมีมาตรการในการป้องกันไฟป่าในระดับที่เฝ้าระวังสูงสุด โดยเฉพาะแนวความร้อนจะพาดผ่านทางอินโดนีเซีย และภาคใต้ขึ้นมาในช่วงเดือนมีนาคมและเมษายน โดยได้จัดหน่วยเสือไฟประจำการในเขตพื้นที่เสี่ยงลาดตระเวนป่าอย่างเต็มที่ รวมทั้งประสานกับ อบต.กว่า 1,300 แห่ง ที่มีการโอนภารกิจนี้ไปแล้วให้ช่วยกันด้วย "จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2551-วันที่ 2 กุมภาพันธ์2552ที่ผ่านมา มีไฟป่าเกิดขึ้น 173 ครั้ง รวมพื้นที่เสียหาย 3,876 ไร่ ในจำนวนนี้พื้นที่ภาคกลางเกิดมากสุด 96 ครั้ง พื้นที่ 2,241 ไร่ สาเหตุจากการเผาพื้นที่เกษตรกรรมและลามเข้าพื้นที่ป่า รองลงมาภาคอีสาน 34 ครั้ง 1,021 ไร่" นายไกเพชญ" กล่าว หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:30:08 AM กรุงเทพธุรกิจ
มูลนิธิสืบฯ นำเที่ยวหมู่เกาะชุมพร (http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/02/13/images/news_img_15919_1.jpg) มูลนิธิสืบนาคะเสถียร พาสมาชิกคลายร้อนรับลมทะเล กับกิจกรรม ..เลียบเลาะ หมู่เกาะใกล้ฝั่ง ดำน้ำดูปะการังที่ทะเลชุมพร หน้าร้อนปีนี้ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร พาสมาชิกไปคลายร้อนรับลมทะเล ดำน้ำดูปะการัง และเรียนรู้เกี่ยวกับระบบนิเวศป่าชายเลน ที่ซึ่งเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำนานาพันธุ์ กิจกรรม เลียบเลาะ หมู่เกาะใกล้ฝั่ง ดำน้ำดูปะการังที่ทะเลชุมพร ระหว่างวันที่ 5- 8 มีนาคม 2552 ณ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและวิจัยอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร จ.ชุมพร หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กุมภาพันธ์ 13, 2009, 03:31:49 AM เนชั่นทันข่าว
ภูเก็ตซ้อมแผนรับมือคราบน้ำมันในทะเล กองอำนวยการจังหวัดภูเก็ต โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต ได้จัดให้มีการอบรมชี้แจงการปฏิบัติ และขั้นต้อนการปฏิบัติจริงในการฝึกซ้อมแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันจริง โดยมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานภาครัฐต่างๆที่เกี่ยวข้องเข้ารับการฝึกอบรม นายโชตินรินทร์ เกิดสม ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงการซ้อมแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำ เนื่องจากน้ำมันของจังหวัดภูเก็ต ว่า เนื่องจากการขนส่งน้ำมันส่วนใหญ่จะมีการขนส่งทางเรือ เนื่องจากสามารถทำการขนส่งได้ในปริมาณมากในแต่ละครั้ง แต่การขนส่งทางเรือแม้ว่าจะมีมาตรการในการขนส่งที่เข้มงวด แต่การเกิดอุบัติเหตุจากการขนส่งน้ำมันทางน้ำ ด้วยเรือย่อมเกิดขึ้นได้ และอาจจะส่งผลให้น้ำมันรั่วไหลลงสู่ทะเลและเกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อสภาพแวดล้อมทางทะเลได้ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติที่สวยงาม แหล่งท่องเที่ยว ตลอดจนแหล่งเพาะพันธุ์และอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ " หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น และมีผลกระทบในวงกว้าง ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว การจะฟื้นฟูบูรณะทรัพยากรธรรมชาติให้กลับเข้าสู่สภาพดีดั้งเดิมนั้นทำได้ยากและจะต้องมีงบประมาณค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูง จึงจำเป็นที่จะต้องเตรียมความพร้อมในส่วนของบุคลากรที่เกี่ยวข้องให้มีความพร้อมและสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จัดให้มีการซ้อมแผนป้องกันและขจัดมลพิษทางน้ำเนื่องจากน้ำมันดังกล่าวขึ้น ทั้งในส่วนของภาคทฤษฎีและภาคปฎิบัติ " นายโชตินรินทร์ กล่าวและว่า การจัดซ้อมแผนขจัดคราบน้ำมันดังกล่าว คาดว่าจะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยวเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการดูแลแก้ปัญหาการขจัดคราบน้ำมันของเจ้าหน้าที่หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องมากขึ้น |