|
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มีนาคม 18, 2009, 12:59:28 AM กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามา ปกคลุมภาคกลางและภาคตะวันออกทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนอง เกิดขึ้นได้ ส่วนภาคใต้มีฝนลดลง และคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังอ่อนลง สำหรับคลื่นกระแสลมตะวันตกกำลังเคลื่อนผ่านภาคเหนือตอนบนส่งผลทำให้ภาคเหนือมีฝนกระจายในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศา กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศา อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศา ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 17-18 มีค. บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้อากาศร้อนขึ้น ส่วนภาคใต้มีฝนกระจาย และคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างยังคงมีกำลังค่อนข้างแรงโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 19-23 มี.ค. ลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้จะพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทยจะมีกำลังอ่อนลง ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 17-18 มี.ค. ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มีนาคม 18, 2009, 01:12:17 AM ผู้จัดการออนไลน์
ที่มาของชื่อทะเลอันดามัน : วินิจ รังผึ้ง (http://pics.manager.co.th/Images/552000003270701.JPEG) หลายคนคงชอบชื่ออันไพเราะของ อันดามัน ที่ให้ความรู้สึกของท้องทะเลแห่งสีสัน ให้ความรู้สึกอันมีตัวตนที่เป็นเอกลักษณ์ แม้นจะเรียกขานกันจนติดปากติดหู แต่จะมีใครสักกี่คนรู้ว่าชื่ออันดามันนั้นมีที่มาอย่างไร ซึ่งเมื่อสืบเสาะค้นหากันจริงๆ ก็มีข้อมูลที่พอจะเชื่อได้ว่า อันดามัน นั้นมีต้นรากมาจากคำว่า หัวละมาน ในภาษาอินเดียที่หมายถึงหนุมาน ตัวละครเอกในเรื่องรามเกียรติ์วรรณกรรมยิ่งใหญ่อันเป็นมหากาพย์ของผู้คนในแถบนี้นี่เอง แต่เอ... แล้วหนุมานจะมาเกี่ยวอะไรกับทะเลอันดามันล่ะ เมื่อลองมาจับต้นชนปลายกันก็พอจะเกี่ยวข้องกันอยู่มากทีเดียว โดยเฉพาะตอนพระรามจองถนน หรือบางคนก็เรียกตอนหนุมานจองถนน ซึ่งเป็นตอนพระรามจะกรีฑาทัพไปรบกับทศกัณฐ์ที่กรุงลงกา ซึ่งจะต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปนั้น ชามพูวราชได้กราบทูลว่าการที่พระรามจะใช้ฤทธิ์อำนาจยกพลข้ามไปกรุงลงกาเลยนั้นย่อมทำได้ แต่ก็จะไม่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรสมพระเกียรติ จึงเสนอให้พระรามสั่งไพรพลจองถนนข้ามมหาสมุทรไปยังกรุงลงกา นัยว่าจะเป็นถนนสายยุทธศาสตร์อย่างที่มักจะสร้างกันทำกันในพื้นที่ชายแดนหรือพื้นที่สู้รบที่ต้องช่วงชิงความได้เปรียบเสียเปรียบเหมือนที่นิยมทำกันในปัจจุบัน พระรามเห็นด้วยจึงสั่งให้สุครีพเป็นผู้นำพาไพร่พลไปสร้างถนน สุครีพให้นิลพัทควบคุมไพร่พลเมืองชมพู หนุมานควบคุมไพร่พลเมืองขีดขิน ทำการขนหินจากภูเขามาช่วยกันถมทะเล แต่นิลพัทกับหนุมานซึ่งมีฤทธานุภาพด้วยกันทั้งคู่สร้างถนนไปก็เกิดเขม่นกันไป และมีการประลองอิทธิฤทธิ์กันไปมา กระทั่งเกิดการต่อสู้กันดังกึกก้อง พระรามได้ยินคิดว่าถูกฝ่ายยักษ์โจมตีจึงให้พระลักษณ์ไปดู เมื่อทราบความจริงจึงทรงกริ้ว เปรียบทั้งสองเหมือนช้างบ้าตกมันเห็นจะทำงานร่วมกันไม่ได้ จึงตรัสสั่งให้นิลพัทไปรั้งเมืองขีดขินทำหน้าที่ส่งเสบียงให้กองทัพเดือนละครั้ง หากขาดการส่งจะทำการประหารเสีย และสั่งให้หนุมานทำการจองถนนไปกรุงลงกาให้แล้วเสร็จภายในเจ็ดวัน ไม่เช่นนั้นก็จะมีโทษถึงประหารชีวิตเช่นกัน หนุมานจึงตั้งหน้าตั้งตาควบคุมไพร่พลขนหินมาจองถนนกันอย่างสุดฤทธิ์ แต่ไม่ว่าจะสร้างเท่าไหร่ถนนที่ทำไว้ก็ยุบพังทลายหายไปในท้องทะเลเสียทุกทีทั้งที่ไม่ได้มีการทุจริตคอรัปชั่นกรวดหินดินทรายกันสักนิด หนุมานจึงขันอาสาพระรามดำดิ่งลงไปดูใต้ท้องทะเล เห็นไหมครับกองทัพพระรามก็มีหน่วยมนุษย์กบหรือหน่วยจู่โจมทำลายใต้น้ำมาตั้งแต่สมัยนั้นแล้ว หนุมานดำลงไปก็พบนางสุพรรณมัจฉา บุตรีของทศกัณฐ์ที่มีแม่เป็นปลากำลังนำพลพรรคปลานานาชนิดช่วยกันขนหินที่ฝ่ายลิงถมลงมาไปทิ้งเสีย หนุมานโกรธจึงจับนางสุพรรณมัจฉาไว้ และขู่จะทำร้ายเสีย นางสุพรรณมัจฉาจึงเกิดความกลัวร้องขอชีวิตและยอมสารภาพความจริงว่าทศกัณฑ์เป็นผู้สั่งให้มาปฏิบัติการ เมื่อสอบสวนไปสอบสวนมาที่สุดหนุมานก็ได้นางสุพรรณมัจฉาเป็นเมีย ทั้งยังได้รับความช่วยเหลือจากนางสั่งให้ปลาทั้งหลายช่วยกันขนหินมาคืนตามเดิม หนุมานจึงทำการจองถนนเสร็จในเจ็ดวันตามที่พระรามสั่ง และยังมีลูกด้วยกันกับนางสุพรรณมัจฉาเกิดเป็นมัจฉานุอีกด้วย (http://pics.manager.co.th/Images/552000003270702.JPEG) เรื่องราวของหนุมานจองถนนเริ่มจะเกี่ยวข้องกับทะเลอันดามันอยู่นิดๆ แต่ก็ยังไม่เห็นว่าน่าจะมีอะไรที่เกี่ยวข้องกันสักเท่าไหร่ กระทั่งเมื่อครั้งไปพิจารณาดูแผนที่ของท้องทะเลอันดามัน อันเป็นทะเลที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของอ่าวเบงกอลและเป็นส่วนหนึ่งของมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเริ่มจากตอนบนบริเวณปากแม่น้ำอิระวดีของพม่าเรื่อยลงมาตามแนวชายฝั่งตะวันตกด้ามขวานทองของไทยลงไปยังช่องแคบมะละกาไปสิ้นสุดบริเวณเกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ส่วนด้านตะวันตกซึ่งเป็นขอบอีกด้านหนึ่งของทะเลอันดามันนั้นไม่ใช่แนวชายฝั่งของผืนแผ่นดินแต่กลับเป็นแนวยาวของหมู่เกาะกลางมหาสมุทรอินเดียที่ชื่อว่าหมู่เกาะอันดามันที่ทอดเป็นแนวยาวจากเหนือลงใต้ ลงไปเชื่อมต่อกับแนวของหมู่เกาะนิโคบาร์ ทั้งสองหมู่เกาะอยู่ภายใต้การปกครองของอินเดีย หากมองจากแผนที่ซึ่งแสดงเป็นภาพสามมิติแล้วจะเห็นว่าแนวของหมู่เกาะอันดามันและหมู่เกาะนิโคบาร์นั้นเป็นแนวภูเขาที่ทอดเชื่อมต่อจากแนวสันเขาของผืนแผ่นดินในเขตพม่าลงมากลางมหาสมุทรอินเดียราวกับเป็นแนวถนนที่ธรรมชาติหรืออาจจะเป็นหนุมานและพลพรรคมาสร้างสรรค์ไว้อย่างน่าอัศจรรย์ หมู่เกาะอันดามันหรือหมู่เกาะของหนุมานจึงน่าจะเป็นที่มาของชื่อทะเลอันดามันที่น่าจะมีความเกี่ยวพันกันและน่าจะมีน้ำหนักอยู่มาก เอาไว้โอกาสหน้า หากเป็นไปได้ผมจะเดินทางไปค้นหาที่มาของชื่อทะเลอันดามันกันให้ถึงถิ่นหมู่เกาะอันดามันกันสักครั้ง ทะเลอันดามันนั้นเกิดจากการยุบตัวของเปลือกโลกซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงยุบตัวอยู่เรื่อยๆ ทำให้แนวชายฝั่งโดยเฉพาะฝั่งตะวันตกของไทยนับตั้งแต่จังหวัดระนองลงมาจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง สตูล มีลักษณะเป็นแนวชายฝั่งที่ตัดชันลงไปในทะเล โดยมีพื้นที่ชายหาดและอ่าวอยู่เป็นช่วงๆ ท้องทะเลค่อนข้างลึก น้ำทะเลค่อนข้างใสและมีสีสันสวยงาม ทะเลอันดามันมีความยาวจากเหนือจดใต้ราว 1,200 กิโลเมตร กว้าง 650กิโลเมตรมีพื้นที่กว้างราว 797,700 ตารางกิโลเมตร ลึกเฉลี่ยราว 870 เมตรและมีจุดที่ลึกสุดบริเวณร่องน้ำระหว่างหมู่เกาะอันดามันกับหมู่เกาะนิโคบาร์ซึ่งลึกราว 3,777 เมตรหรือลึกเกือบ 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว และด้วยความเป็นทะเลเขตร้อนจึงเป็นทะเลที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตสูง และเป็นทะเลที่มีความสวยงามยิ่ง เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลที่กลายเป็นจุดหมายปลายของคนจากทั่วทุกมุมโลกซึ่งมีภูเก็ตเป็นศูนย์กลางการเดินทางท่องเที่ยวทะเลอันดามันของไทย โดยแบ่งเป็นอันดามันเหนือซึ่งมีพังงา ระนอง และอันดามันใต้ที่นับจากกระบี่ ลงไปตรัง จนสิ้นสุดที่สตูล หน้าร้อนปีนี้ดูจะเป็นปีที่อากาศร้อนอย่างแสนสาหัส หากมีเวลาว่างก็อย่าลืมลงไปดับร้อนด้วยการท่องเที่ยวพักผ่อนริมฝั่งอันดามัน ทะเลแห่งสีสัน ทะเลของหนุมานกันดูบ้าง. หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: แมลงปอ ที่ มีนาคม 18, 2009, 01:27:42 AM อ๋อ ยังงี้นี่เอง ..พวกเราได้ท่องเที่ยวทะเลของหนุมานแย้วซิเนอะ แถมเป็นกองทัพเอสโอเอสพิทักษ์ทะเลด้วย ;) ;) ;)
ว่าแต่... น่าเอามาทำเป็นการ์ตูนเนอะ .... ;D ;D ;D หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: Birdie ที่ไม่ใช่กาแฟ ที่ มีนาคม 18, 2009, 03:14:05 AM ต่อไปเรามาตั้งชื่อทริปกันว่า หัวละมานเหนือ หัวละมานใต้กันดีฝ่า :o
หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: วาฬเผือก^^ ที่ มีนาคม 18, 2009, 04:04:33 AM แปลว่า ทุกวันนี้เราลงไปดำน้ำในดินแดนของหนุมานอ่ะสิคะ(จริงๆต้องบอกว่า ของทศกัณฑ์ รึป่าว?)
แล้ว มัจฉานุ .. ลูกของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา ออกมาเป็นตัวอะไรอ่ะคะ ปลาทอง + ลิง จะเท่ากับอะไรหนอ ? นึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ ไปดีกว่า 8) 8) 8) 8) .. เตร๊ง เตรง เตร่ง เตร๊งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มีนาคม 18, 2009, 05:04:24 AM (http://www.banramthai.com/image/machanu.jpg) มัจฉานุ เป็นบุตรของหนุมานกับนางสุพรรณมัจฉา จึงมีร่างกายเป็นลิงเผือกเช่นเดียวกับหนุมาน แต่มีหางเป็นปลา เมื่อนางสุพรรณมัจฉาคลอดมัจฉานุออกมาแล้ว ก็กลัวทศกัณฐ์จะรู้ จึงนำมัจฉานุไปทิ้งที่ชายหาด ไมยราพณ์ซึ่งเป็นญาติกับทศกัณฐ์มาพบเข้า มีความสงสาร จึงได้นำไปเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม ต่อมาไมยราพณ์ลักพาตัวพระรามมาไว้ที่เมืองบาดาล หนุมานติดตามมาด้วย ได้พบกับมัจฉานุจึงต่อสู้กัน แต่ไม่สามารถเอาชนะกันได้ จนกระทั่งได้รู้ว่าเป็นพ่อลูกกัน ภาพและเรื่องจาก http://www.banramthai.com/html/machanu.html ขอขอบคุณไว้ ณ.ที่นี้ค่ะ หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: วาฬเผือก^^ ที่ มีนาคม 18, 2009, 05:25:36 AM ขอบคุณพี่สายชลสำหรับข้อมูลค่ะ :-*
หนูเองก็กำลังค้นหาข้อมูลอ่านอยู่เหมือนกัน แบบว่า ตอนเรียนไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้เลย เปิดอ่านกี่ที่ๆก็หลับตลอด ยังงงๆอยู่เลยค่ะว่า สอบผ่านมาได้ยังไง :( :( หัวข้อ: Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 18 มีนาคม 2552 เริ่มหัวข้อโดย: ตุ๊กแกผา ที่ มีนาคม 20, 2009, 04:31:26 AM ลิงอย่างเรา ก็ขอเก็บข้อมูลไว้บ้าง....บอกใครต่อใครว่า ทะเลนี้มีที่มาจากลิง ไม่น่าถึงมีลิงอยู่ริมทะเลเยอะจัง แถมมาด้วยปีนต้นมะพร้าวโชว์ จนเป็นที่รู้จักอีกต่างหาก
อันดามันขาดลิงได้ไง....เนอะ ว่าแต่ว่าถ้าจะเปลี่ยนชื่อทริปจริงๆคงต้องชี้แจงกันอีก20ตลบแหล่ะ ........ทริปหัวละมานเหนือ :-X :-X :-X ทริปหัวละมานใต้ :-X :-X :-X ......แค่คิดก็ฮาแล้ว :) :) :) |