กระดานข่าว Save Our Sea.net

วาฬปนปรอท


ประเด็นหนึ่งที่ญี่ปุ่นถูกต่อต้านในเวทีระดับโลก คือการล่าวาฬ และโลมา เพื่อบริโภค

ญี่ปุ่นจับวาฬได้ ด้วยช่องทางที่เรียกว่า "การศึกษาทางวิทยาศาสตร์"

เป็นการดิ้นรนที่ได้แรงสนับสนุนจากชาวบ้านที่ต้องการอนุรักษ์วัฒนธรรมเก่าแก่ที่สืบทอดการกินเนื้อวาฬมาตั้งแต่บรรพบุรุษ

ในที่ประชุมกรรมาธิการล่าวาฬระหว่างประเทศ (ไอดับเบิลยูซี) กลางปีนี้ ที่เมืองแองเคอเรจ รัฐอลาสกา ผ่านร่างมติด้วยคะแนนเสียง 40-2 เสียง ประณามโครงการล่าวาฬในมหาสมุทรแอนตาร์กติกของญี่ปุ่น

ประเทศที่ต่อต้านการล่าวาฬทางวิทยาศาสตร์เห็นว่า ญี่ปุ่นล่าวาฬมากเกินไป หลังจากญี่ปุ่นล่าวาฬในพื้นที่ดังกล่าวถึงปีละกว่า 1,000 ตัว

ในการประชุมเอเปกที่นครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย ที่ผ่านมา มีเสียงเชียร์ให้พูดถึงประเด็นนี้ด้วย

เพราะฤดูล่าวาฬที่จะมาถึงในเดือนพฤศจิกายน ญี่ปุ่นมีแผนที่จะล่าวาฬให้ได้ 1,035 ตัวรวมทั้งวาฬที่มีโหนกบนหลังด้วย 50 ตัว และยังไม่หยุดยั้งการล่าโลมาอีกด้วย โดยเฉพาะเมืองทาจิ ในเขตวากายามะ ซึ่งตั้งเป้าล่าโลมาให้ได้ 2,300-20,000 ตัว ในช่วง 6 เดือนข้างหน้านี้

ส่วนทางการท้องถิ่นยังส่งเสริมให้เด็กนักเรียนในชั้นอนุบาลและชั้นประถมในเมืองทาจิลองลิ้มชิมรสของโลมาและวาฬด้วย

แต่การเริ่มต้นหัดให้เด็กกินเนื้อสัตว์ทะเลอย่างวาฬ และโลมา เจอปัญหาเข้าอีกอย่าง หลังตรวจพบว่าในเนื้อโลมามีสารปรอทปนเปื้อนเกินมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ถึง 10-16 เท่า

ขณะที่เด็กโรงเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลและชั้นประถมในเมืองแห่งนี้ จะได้รับการเสิร์ฟเนื้อวาฬเดือนละ 2-3 ครั้ง

งานนี้ทำให้ผู้ปกครองกลัวว่าลูกหลานจะเป็นโรคมินามาตะ ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการมีสารปรอทในร่างกายมากเกินไป โดยสารปรอทจะทำอันตรายกับระบบประสาทและอวัยวะภายใน

ตลอด 50 ปีที่ผ่านมามีผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้กว่า 1,700 ราย

เจอปัญหานี้เข้า บรรดานักล่าและนักเปิบวาฬและโลมาอาจได้คิดขึ้นบ้าง


จาก     :     ข่าวสด  คอลัมน์ รุ้งตัดแวง  วันที่ 10 กันยายน 2550

ถ้ามันยังไม่เลิกอีกก็ให้มันตายทั้งเมืองไปเลยปะ พวกนี้นี่ .....

อืมมมม.....กินแล้วพิการอย่างนี้ ไม่คุ้มกันเลยนะคะ.... ;)