|
หัวข้อ: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 13, 2007, 12:39:59 AM เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ ศูนย์ข่าวภูเก็ต - นักวิชาการประมง เผย เต่าทะเล ไทยเข้าขั้นวิกฤต ยันหากไม่มีการอนุรักษ์จะสูญเสียเต่า ชี้การอนุรักษ์เต่าจะประสบผลสำเร็จได้ ทุกหน่วยงานที่ดูแลและอนุบาลเต่าทะเลต้องร่วมมือกันในเชิงบูรณาการ นายก้องเกียรติ กิตติวัฒนาวงศ์ นักวิชาการประมง 7 ว.สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลนจังหวัดภูเก็ต กล่าวถึงสถานการณ์เต่าทะเลที่กำลังจะใกล้สูญพันธุ์ว่า ที่ผ่านมามีเต่าทะเลขึ้นมาวางไข่บนชายหาดของจังหวัดภูเก็ตจำนวนมาก อาทิ เต่าตนุ เต่ากระ เต่าหญ้า เต่ามะเฟือง โดยเฉพาะเต่ามะเฟือง เป็นเต่าทะเลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดพบที่บริเวณชายหาดไม้ขาว อ.ถลาง จ..ภูเก็ต แต่ปัจจุบันนี้ในพื้นที่ฝั่งทะเลอันดามันมีเต่าทะเลขึ้นวางไข่น้อยมาก ที่บริเวณชายหาดต่างๆ นั้นจะพบเต่าขึ้นวางไข่ปีหนึ่งไม่กี่รังและแหล่งสุดท้ายในฝั่งทะเลอันดามันที่เต่าขึ้นวางไข่ คือ เกาะหูยงของ จ.พังงา สำหรับสาเหตุที่ทำให้เต่าทะเลลดลงจนเข้าขั้นวิกฤตและใกล้จะสูญพันธุ์นั้น เกิดจากมนุษย์และการพัฒนาของพื้นที่พื้นที่ โดยมีการลักลอบเก็บไข่เต่าทะเล ค่านิยมในการบริโภคไข่เต่าทะเล ทำให้ความต้องการไข่เต่าทะเลมีมากและการทำประมงอวนลาก อวนล้อม เบ็ดราว บริเวณแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล อุปกรณ์เหล่านี้ทำลายพันธุ์เต่าโดยเจตนาและไม่เจตนา ซึ่งอวนลอยทำให้เต่าบาดเจ็บ ตาย พิการ ขาขาด แขนขาด และยังมีเต่าที่ถูกใบพัดเรือฟัน แต่ละปีทางศูนย์จะได้รับเต่าพิการมาดูแล ประมาณ 50-60 ตัว นอกจากนั้นยังมีเครื่องมือประมงที่จับเต่าโดยตรง เนื้อเต่าถูกบริโภค กระดองเต่า ทำเครื่องประดับ การทำเต่าสตั๊ฟฟ์ การส่งออกเต่า อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีการราย งานเรื่องเต่าในที่ประชุมว่า มีเรือประมงไต้หวันลักลอบจับเต่าในฟิลิปปินส์กับเครื่องมือประมงอวนลอย พบเต่าบนเรือถูกสตัฟฟ์ไว้ประมาณ 500 ตัว ถือว่าน่าตกใจเป็นสิ่งที่ไม่เฉพาะหน้าบ้านเราที่เต่าลดลงแต่เกิดขึ้นในภูมิภาค นายก้องเกียรติ กล่าวถึงสาเหตุอื่นที่ทำให้เต่าทะเลใกล้สูญพันธุ์ว่า การบุกรุกทำลายแหล่งขยายพันธุ์ของเต่าทะเล โดยเฉพาะหาดทรายมีการบุกรุกสร้างที่อยู่อาศัยจำนวนมากและแหล่งอาหารของเต่าเสื่อมโทรมจากการทำประมงผิดวิธีและถ่ายเทของเสียลงทะเล รวมทั้งการสนับสนุนงบประมาณจากภาครัฐ ในการส่งเสริมงานค้นคว้าวิจัย ปัจจุบันมีหน่วยงานหลักที่เข้ามาดูแลเรื่องเต่าทะเล ประกอบด้วยกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กองทัพเรือ และเอ็นจีโอ ที่เห็นเป็นรูปธรรมชัดเจน ซึ่งการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยกันทำงานแบบบูรณาการเพื่อให้ทุกหน่วยงานช่วยกันทำงานและเข้ามามีส่วนร่วมในการป้องกันแก้ไขปัญหาเต่าทะเลเพราะถ้าทุกคนช่วยกันเชื่อว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง โดยขณะนี้ในประเทศไทยมีการจัดทำแผนปฏิบัติการอนุรักษ์เต่าทะเลเพื่อให้สอดคล้องแนวทางเดียวกันในการปฏิบัติของ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน เช่น การเพาะขยายพันธุ์เต่าและการปล่อยเต่าควรปล่อยเต่าที่มีอายุประมาณ 1 ปีขึ้นไป การสร้างมาตรฐานการเลี้ยง มาตรฐานโรงเพาะฟักเต่าทะเล เป็นต้น ได้เสนอแผนฯดังกล่าว ผ่านคณะอนุกรรมการ ของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งเพื่อเสนอขึ้นไปตามลำดับและจะมีการลงนามบันทึกความตกลงMOU ระหว่างหน่วยงานที่ดูแลอนุบาลเต่าทะเล เต่าทะเลถือว่าอยู่ในสภาพวิกฤต หากไม่ดูแลอนุรักษ์แนวทางเดียวกันทั้งระดับประเทศและระดับภูมิภาคจะเป็นการสูญเสียเต่าสัตว์ทะเลหายาก ที่อาจไม่พบเห็นอีกเลยความร่วมมือในเชิงบูรณาการจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในการอนุรักษ์เต่า นายก้องเกียรติกล่าวถึงการอนุรักษ์เต่าทะเลในส่วนของสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน จ.ภูเก็ต ว่าปัจจุบันที่สถาบันฯ มีบ่อเต่าขนาด 1 ตัน 15 บ่อ ขนาด 2 ตัน 10 บ่อ ขนาด 10 ตัน 5 บ่อ ขนาด 50 ตัน 1 บ่อ มีเต่าดูแลประมาณ 500 ตัว ประกอบด้วยเต่าหัวฆ้อน เต่าตนุ เต่าหญ้า เต่ากระ และในแต่ละปีจะมีเต่าที่ปล่อยได้ประมาณ 400-500 ตัว เป็นเต่าขนาดใหญ่ โดยทุกตัวที่ปล่อยจะมีการติดไมโครชิป แม้กระทั่งเต่าป่วยที่รับเข้ามาก็จะติดไมโครชิป และเมื่อหายดีแล้วก็ทำการปล่อยลงทะเลเพื่อติดตามดูพฤติกรรม จาก : ผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 11 กันยายน 2550 หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ กันยายน 14, 2007, 12:15:50 PM เพิ่งไปหมู่เกาะกระ ที่นครศรีธรรมราชมาค่ะ ที่นั่นในอดีตมีเต่าชุกชุมมาก แต่สองสายไม่พบเต่าเลยสักตัว อย่างไรก็ตาม...มีทีมงานไปพบเต่ากระหนึ่งตัว และพบรังไข่เต่า 2 รัง อยู่ลึกเกือบเมตรหนึ่ง และพบร่องรอยการขุดรังไข่เต่าไปหลายรัง
ที่นั่นมีเรือประมงไปจอดหลบลมมากมาย ถ้าทางการไม่ไปจัดการดูและควบคุมให้เป็นเรื่องเป็นราว เต่าและแนวปะการังแข็งที่สมบูรณ์ก็คงไม่เหลือหลอนะคะ หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ กันยายน 14, 2007, 03:17:16 PM แถวหมู่เกาะสิมิลัน ก็พบ น้อยมาเช่นกันค่ะ ปกติ จะมีที่เกาะเจ็ด 1 ตัว และที่เกาะแปด 2 ตัว และพบลูกเต่าตัวเล็กที่ เกาะบอน อีก 1 ตัว เท่านั้นเองค่ะ
ประเทศไทย เต่า หนีไปไหนหมดจ๊ะ..... กลับบ้านเราเร็วๆๆ นะ :'( :'( :-* หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 19, 2007, 12:17:29 AM ทางออกวิกฤติ เต่าทะเล เร่งฟื้นฟูแหล่งวางไข่ การลดจำนวนลงอย่างต่อเนื่องจนเข้าสู่สภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ของเต่าทะเลในน่านน้ำไทย เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากปัญหาการขยายตัวของชุมชนเมืองและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเกินขอบเขตโดยไม่คำนึงถึงความสมดุลของระบบนิเวศทางธรรมชาติ เพราะตามปกติการที่เต่าทะเลจะขึ้นมาวางไข่ต้องใช้ความเงียบสงบเป็นพิเศษ ดังนั้นเมื่อชายหาดที่มีสภาพแวดล้อมเหมาะสมและเคยเงียบสงบถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก ในแต่ละปีจำนวนของเต่าทะเลที่กลับคืนมาวางไข่ในชายหาดของไทยจึงลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังพบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานอกจากเต่าทะเลจะถูกคุกคามเรื่องของสถานที่สำหรับวางไข่แล้ว ในหลายพื้นที่ยังต้องเผชิญกับภัยจากมนุษย์ทั้งปัญหาการลักลอบขโมยเก็บไข่เต่าทะเลเพื่อนำไปบริโภคและจำหน่าย ตลอดจนปัญหาการทำประมงที่ไม่เจตนา อาทิ อวนลาก อวนรุน อวนลอยและเบ็ดราว ซึ่งสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนี้ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การกลับขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเลลดจำนวนลงและนับวันปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงมากขึ้น นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า ปัจจุบัน เต่าทะเลในน่านน้ำไทยซึ่งมีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่าตนุ เต่าหญ้า เต่ากระ และ เต่าหัวฆ้อน จัดเป็นสัตว์ทะเลที่หายาก และมีสภาวะเสี่ยงใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าห่วงอย่างมากและจำเป็นต้องเร่งรณรงค์ปลูกจิตสำนึกที่ถูกต้องให้ชุมชนในพื้นที่เห็นความสำคัญของการปกป้องและฟื้นฟูแหล่งวางไข่เต่าทะเลให้กลับคืนสู่ชายหาดของประเทศไทย เพราะผลการศึกษาวงจรชีวิตของเต่าทะเลยืนยันว่า เต่าทะเลจะกลับคืนสู่แหล่งกำเนิดแรกของมันในการวางไข่ในครั้งต่อ ๆ ไป ยกเว้นกรณีที่สถานที่แห่งนั้นเกิดความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิประเทศ อย่างรุนแรง หรือสูญเสียความเงียบสงบที่เหมาะต่อการวางไข่ไป เต่าทะเลก็จะไม่กลับคืนมาวางไข่ในสถานที่แหล่งนั้นอีก เต่าทะเลแต่ละตัวไม่ได้ขึ้นมาวางไข่ติดต่อกันทุกปี แต่อาจจะเว้นไป 1-3 ปีต่อครั้ง โดยลูกเต่าแรกเกิดจะมีความทรงจำต่อแหล่งกำเนิดเป็นอย่างดี จากนั้นเมื่อโตจนถึงวัยที่เหมาะสมก็จะกลับมาวางไข่ที่แหล่งกำเนิดของมัน แต่ขณะนี้สถานการณ์ของเต่าทะเลไทยน่าเป็นห่วงมาก โดยเฉพาะ เต่ามะเฟือง ขณะนี้มีแหล่งวางไข่ที่เหมาะสมเหลือเพียง 2 แห่งเท่านั้นที่ อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงาและอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต ส่วนเต่าหัวฆ้อนมีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์สูงเช่นกัน ซึ่งขณะนี้มีแหล่งวางไข่ในต่างประเทศบางแห่งเท่านั้น นางนิศากรกล่าว ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น กรมฯ จึงได้ประสานกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมประมง กองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำร่าง แนวทางการจัดการแหล่งวางไข่เต่าทะเล ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันและมีทิศทางเดียวกัน โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อพัฒนา ฟื้นฟูและปกป้องแหล่งวางไข่เต่าทะเลที่ยังมี ศักยภาพทั้ง 10 แห่งในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ หาดทะเลนอก-หาดประพาส จังหวัดระนอง, เกาะกระ-เกาะพระทอง เกาะคอเขา, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน (เกาะ 1, 2 และ 3) อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จังหวัดพังงา อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จังหวัดภูเก็ต, อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา เกาะโกยเล็ก อำเภอเมือง จังหวัดสตูล, เกาะ คราม เกาะอีร้า เกาะจาน และเกาะใกล้เคียงในอ่าวสัตหีบหรือศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือจังหวัดชลบุรี และเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช ล่าสุดร่างฯ ดังกล่าวอยู่ระหว่างเสนอให้คณะอนุกรรมการทรัพยากรทะเลและชายฝั่ง ภายใต้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมพิจารณา คาดว่า หากร่างฯ ดังกล่าวผ่านการพิจารณาเห็นชอบและมีการประกาศใช้อย่างเป็นทางการ และที่สำคัญได้รับความร่วมมือจากชุมชนในการมีส่วนร่วมกับการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งวางไข่ของเต่าทะเลอย่างจริงจัง คาดว่าในอนาคต จะทำให้จำนวนเต่าทะเลในน่านน้ำไทยเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ กรมฯ จะเร่งหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นเร่งทำความเข้าใจและปลูกจิตสำนึกให้กับชุมชนเห็นความสำคัญของการปกป้อง และฟื้นฟูแหล่งวางไข่เต่าทะเล ควบคู่ไปกับการรณรงค์การท่องเที่ยวอย่างสร้างสรรค์และไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อคงรักษาสภาพแวดล้อมที่สวยงามและมีความสมดุลระหว่างสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ กับมนุษย์ให้สามารถอยู่คู่กันสืบไป. จาก : เดลินิวส์ วันที่ 18 กันยายน 2550 หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 27, 2007, 12:58:31 AM ลูกทะเล (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you03270950p1.jpg) (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you03270950p2.jpg) ขายังป้อแป้ กระดองยังอ่อนเปียก ฟูมฟักรักเลี้ยงมา นับแต่วันคุณแม่ไข่หย่อนตุ้บ หย่อนตุ้บ เธอและพี่น้องฝากไว้ในหลุมทรายชายฝั่ง ทรายชื้น ทรายอุ่น รักษาไว้ แล้ววันดีคืนดี เปลือกไข่เปราะแตกด้วยปากเธอเจาะ ต้วมเตี้ยมสู่โลกกว้าง แล้วเราก็ได้พบกัน ทุกวันนี้ เผ่าพันธุ์เต่าทะเลถูกคุกคามหนักนักหนา ลดจำนวนลงอย่างรวดเร็วจนถึงจุดวิกฤตแล้ว เหตุจากพื้นที่ชายหาดที่มาดามเต่าต้องขึ้นมาวางไข่ ถูกรบกวนหรือเปลี่ยนสภาพไป การประมงในท้องทะเลก็ควบคุมได้ยาก รวมไปถึงการลักลอบเก็บไข่เต่า จับเต่าทะเลมาเอาเนื้อเป็นอาหาร เอากระดองทำเครื่องประดับ เต่าทะเลจึงน้อยลง น้อยลง ที่สุดอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อินโดนีเซีย เจ้าของเกาะกว่า 17,000 เกาะ บ้านแสนสุขของเต่าทะเล 6 สายพันธุ์ เต่าโอลีฟ เต่าเขียว เต่าฮอว์กส์บิล เต่าล็อกเกอร์เฮด เต่าลีเธอร์แบ็ก และเต่าแฟล็ตแบ็ก ชายหาดตริสิก ใกล้เมืองยอร์กยาการ์ตา เจ้าตัวเล็กมะรุมมะตุ้มบ่ออนุบาล แข็งขันภารกิจอุ้มน้องเต่าโอลีฟคืนท้องทะเล จาก : ข่าวสด คอลัมน์ ไหลตามโลก วันที่ 27 กันยายน 2550 หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 30, 2007, 12:52:36 AM ลูกเต่าในมือน้อย กลับบ้าน...คืนทะเล (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you02300950p1.jpg) ในวันฟ้าใส ชงโคและมะลิ แม่เต่ากระและแม่เต่าตนุ วัย 15 ปี ได้หวนคืนสู่อ้อมกอดของทะเลอีกครั้งหลังจากบ้านมาแสนนาน เช่นเดียวกับลูกเต่าตัวอื่นๆ ที่ออกอาการดีใจหลังจากเท้าแบนๆ เหมือนใบพายแตะผืนทรายขาว บางตัววิ่งหน้าตั้งลงทะเล บางตัวค่อยๆ ต้วมเตี้ยมคลานเตาะแตะ บางครั้งก็หยุดเดินวนสำรวจไปมา แต่พอตัวสัมผัสน้ำก็ว่ายอย่างสุดชีวิตกลายเป็นเต่าติดเทอร์โบ สิบวันแรกของการเดินทางมุ่งหน้าสู่ทะเลลึกเต่าจะว่ายโดยไม่หยุดพัก "ขอให้มันเดินทางปลอดภัย และโตวัยๆ" "ขออย่าให้กินถุงพลาสติกเข้าไปและไปอยู่กับฝูง" "ขออย่าให้โดนชาวประมงจับ หรือติดแห" ความหวังมากมายของเด็กๆ ที่มาร่วม "ปล่อยเต่าทะเล คืนสู่ธรรมชาติ" จำนวน 1,000 ตัว ซึ่งกองทัพเรือ โดยศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล ร่วมกับสยาม โอเชี่ยน เวิร์ล จัดขึ้นเนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ที่หาดเตยงาม หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี ปัจจุบันเต่าทะเลที่เหลืออยู่ในโลกมี 2 วงศ์ 5 สกุล 7 ชนิดคือ เต่าตนุหลังแบน และเต่าหญ้าแอตแลนติก ที่พบในประเทศไทยคือเต่ามะเฟืองซึ่งว่ายน้ำไกลนับพันกิโลเมตร พบมากที่หาดท้ายเหมือง จ.พังงา และหาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต ถัดมาเป็นเต่าตนุหรือเต่าแสงอาทิตย์ ที่มีขนาดใหญ่รองจากเต่ามะเฟือง เมื่อยังเล็กชอบกินทั้งพืชและสัตว์ พอโตขึ้นจะกินหญ้าทะเลและสาหร่ายทะเล ซึ่งเป็นชนิดเดียวที่กินพืชเป็นอาหาร ต่อมาเป็นเต่ากระ ชอบกินอาหารตามแนวปะการัง ซึ่งต่างจากเต่าหญ้าหรือเต่าสังกะสีที่ชอบหากินบริเวณชายฝั่ง ทั้งยังมีขนาดเล็กที่สุดก็ว่าได้ และสุดท้ายเต่าหัวฆ้อง (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you02300950p2.jpg) น.ต.ขจรยศ ปุ่นศิริ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เล่าว่า เต่าทั่วโลกจะพบที่เขตร้อนและเขตอบอุ่นของโลกที่อุณหภูมิน้ำทะเล 19 องศาเซลเซียสขึ้นไป จากเส้นศูนย์สูตรขึ้นไปทางเหนือหรือลงไปทางใต้ 15 องศา แต่มีบางชนิดอย่างเต่ามะเฟืองหากินในเขตหนาวเย็นได้ เต่าทะเลอายุเฉลี่ย 80 ปี สูงสุด 130 ปี โดยธรรมชาติของเต่าจะมีความทรงจำถึงแหล่งกำเนิด แม้จะนำมาเลี้ยงที่นี่แต่เขายังจำที่เกิดได้ไม่มีวันลืม เวลาเดินทางหากินไกลๆ ก็จะกลับแหล่งกำเนิดเพื่อวางไข่หรือผสมพันธุ์ เกาะคราม เกาะอีร้าและเกาะจานซึ่งเป็นเขตหวงห้ามจะเป็นเกาะที่เต่าทะเลมาวางไข่ จากการติดสัญญาณดาวเทียมไว้ที่ตัวแม่เต่าที่มาวางไข่เพื่อติดตามการเคลื่อนย้าย พบว่าแม่เต่าออกไปหากินที่ทะเลซูลู ประเทศฟิลิปปินส์ ห่างจากประเทศไทย 2,500 กิโลเมตร ใช้เวลาว่ายน้ำ 36 วัน ส่วนทางฝั่งอันดามัน กองเรือภาคที่ 3 จะเป็นผู้ดูแลที่เกาะสิมิลัน พบว่าแม่เต่าออกหากินที่อันดามันทางใต้ของอินเดียไปประมาณ 600 กิโลเมตร (http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2007/09/you02300950p3.jpg) เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์อายุ 10-15 ปีเต่าจะเริ่มวางไข่ ในระหว่างที่แม่เต่าว่ายน้ำขึ้นมาวางไข่มีโอกาสติดอวนชาวประมง แม้วางไข่ได้สำเร็จ ไข่เต่าก็ถูกนำไปขายหรือเอาไปกิน เมื่อไข่ฟักออกเป็นตัวลูกเต่าเวลาที่มุ่งหน้าลงทะเลก็อาจกลายเป็นอาหารของนกชนิดต่างๆ รวมถึงปลาทะเล เต่าทุกชนิดเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ในหลายประเทศรวมทั้งประเทศไทยจึงมีกฎหมายรณรงค์อนุรักษ์เต่าทะเล โดยกำหนดให้เป็นสัตว์คุ้มครอง ทะเลใดที่มีเต่าทะเลอาศัยอยู่ย่อมเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าทะเลบริเวณนั้นยังสมบูรณ์ เช่นเดียวกับผืนป่าที่มีนกเงือก วันนี้เราคืนชีวิตให้ลูกเต่าทะเลแต่เราคืนบ้านให้เขาหรือยัง น้องเบบี๋ ด.ญ.ญาณิศา ณ ถลาง อายุ 10 ขวบ โรงเรียน KINCAID INTRENATIONAL SCHOOL OF BANGKOK เผยความรู้สึกถึงลูกเต่าน้อยที่ปล่อยไปก่อนจะเล่นน้ำต่อกับน้องๆ ว่า อยากให้เขามีครอบครัว มีลูกเยอะๆ อย่าทำร้ายเขาเลย เต่าก็มีชีวิตเหมือนคน ถ้ามีคนมาทำร้ายเรา เราก็เจ็บเหมือนกัน สองพี่น้อง เอิร์ธและอาร์ม ด.ช.ก้องภพและด.ช.ก้องภูมิ ชัยเนตร อายุ 10 ขวบและ 8 ขวบ โรงเรียนธัมมสิริ เดินตามไปส่งลูกเต่าน้อยที่ระดับน้ำสูงท่วมเข่า พี่เอิร์ธเล่าว่าไม่เคยปล่อยเต่าเลย สนุกครับ ผมอยากให้เขาไปอยู่กับฝูงและขอให้อย่ากินถุงพลาสติก น้องอาร์มกล่าวเสริมว่า อยากให้เต่าไปอยู่ตามธรรมชาติ และอย่าให้คนมาจับได้ น้องเก็ท ด.ญ.ณภัทร ดีมั่นคงวณิช อายุ 10 ขวบ โรงเรียนรุ่งอรุณ ที่กำลังโบกมือบ๊ายบายลูกเต่าน้อย บอกว่า ลูกเต่าตัวเล็กน่ารักดี ขอให้มันเดินทางปลอดภัย และโตไวๆ อยากให้เขากลับมาวางไข่ที่นี่อีกครั้ง ต้องร่วมกันอนุรักษ์ไว้ เพราะมันอาจสูญพันธุ์ และอยากให้รักษาทะเลเอาไว้จะได้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำต่อไป ด้านน้องสไปรท์ ด.ช.ปุณยวีร์ เคี่ยมทองคำ อายุ 13 ปี โรงเรียนระยองวิทยาคม เล่าว่า เป็นครั้งที่สองที่มาปล่อยเต่า สนุกครับ เต่าเป็นสัตว์น่ารัก และสร้างสีสันให้ธรรมชาติ ทำให้วัฏจักรและระบบนิเวศสมบูรณ์ "ผมอยากให้เต่าว่ายไปไกลๆ อย่าโดนชาวประมงจับหรือติดแห "อยากให้เขาอยู่กับเราไปนานๆ ให้อายุยืน คนรุ่นต่อไปจะได้เห็นว่ามันเป็นเต่าพันปีครับ" ร่วมสัมผัสความน่ารักและเรียนรู้วงจรชีวิตเต่าทะเลได้ที่ ศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เวลา 08.00-16.30 น. โทร.0-38431-477 จาก : ข่าวสด คอลัมน์ สดจากเยาวชน วันที่ 30 กันยายน 2550 หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: frappe ที่ กันยายน 30, 2007, 04:52:37 AM :-* :-* :-*
หัวข้อ: Re: เผยเต่าทะเลใกล้วิกฤตชี้ทุกหน่วยร่วมอนุรักษ์แบบบูรณาการ เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 18, 2007, 12:30:08 AM หวั่นเต่าทะเลสูญพันธุ์ ผลจากรุกล้ำแหล่งวางไข่ นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเต่าทะเลซึ่งมีอยู่ 5 ชนิด ได้แก่ เต่ามะเฟือง เต่าตะนุ เต่าหญ้า เต่ากระ และเต่าหัวค้อน ในช่วง 10 ปีหลัง จำนวนลดลงอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากการทำประมงใช้เรืออวนลาก อวนรุน อวนลอยและเบ็ดราวในบริเวณชายฝั่งช่วงฤดูวางไข่ และยังพบว่ามีการลักลอบขโมยเก็บไข่เต่าทะเล และคุกคามแหล่งวางไข่ด้วยการขยายพื้นที่ท่องเที่ยวทางทะเล รวมทั้งการพัฒนาชายหาด การสร้างกำแพง มีแสงไฟ ปัญหาน้ำเสียและขยะมูลฝอย ทำให้การขึ้นวางไข่ของเต่าลดลงมาก ทช.จึงได้ประสานงานกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กองทัพเรือ กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันจัดทำร่าง แนวทางจัดการแหล่งวางไข่เต่าทะเล ให้เป็นทิศทางเดียวกัน โดยมุ่งพัฒนาฟื้นฟูและปกป้องแหล่งวางไข่เต่าทะเลที่ยังมีศักยภาพเหลืออยู่ 10 แห่งในพื้นที่ 6 จังหวัด ได้แก่ หาดทะเลนอก หาดประพาส จ.ระนอง เกาะระ-เกาะพระทอง เกาะคอเขา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน (เกาะ 1, 2 และ 3) อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จ.พังงา อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต อุทยานแห่งชาติ หมู่เกาะตะรุเตา เกาะโกยเล็ก อ.เมือง จ.สตูล เกาะคราม เกาะอีร้า เกาะจาน และเกาะใกล้เคียงในอ่าวสัตหีบ จ.ชลบุรี และเกาะกระ จ.นครศรีธรรมราช. จาก : ไทยรัฐ วันที่ 18 ตุลาคม 2550 |