กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 20, 2008, 12:32:25 AM



หัวข้อ: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 20, 2008, 12:32:25 AM

วาฬ         :          พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า

(http://www.thairath.co.th/2551/international/Jan/library/20/str1.jpg)

ช่วงต้นสัปดาห์มีรายงานว่า 2 นักเคลื่อนไหวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม บุกขึ้นเรือล่าวาฬของญี่ปุ่นเพื่อยื่นจดหมายประท้วงการล่าวาฬกลางมหาสมุทรแปซิฟิกใต้ จนเกิดความชุลมุนวุ่นวาย โดยต่างฝ่ายต่างกล่าวหากันและกันว่ากระทำการเยี่ยงผู้ก่อการร้าย จนกลายเป็นประเด็นใหญ่โตระดับสากล

ตามข่าวระบุ นักเคลื่อนไหวพิทักษ์สิ่งแวดล้อม 2 คน ได้แก่ นายเบนจามิน พอตต์ส ชาวออสเตรเลีย วัย 28 ปี และ นายไจล์ส เลน ชาวอังกฤษ วัย 35 ปี สมาชิกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม “ซี เชฟเพิร์ด”บุกขึ้นเรือล่าวาฬ “ยูชิน มารุ 2” ของญี่ปุ่น ในน่านน้ำแอนตาร์กติกา ก่อนถูกควบคุมตัวไว้เป็นตัวประกัน

ข้อพิพาทระหว่างกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิ่งแวดล้อมต่อต้านการล่าวาฬ กับกลุ่มล่าวาฬเพื่อการวิจัยของญี่ปุ่นเริ่มบานปลาย ภายหลังฝ่ายญี่ปุ่นตั้งเงื่อนไขให้เรือซี เชฟเพิร์ด อยู่ห่างจากเรือญี่ปุ่น 10 ไมล์ทะเล ด้านกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมกล่าวโต้ว่าเรือญี่ปุ่นกระทำการเยี่ยงผู้ก่อการร้าย ซึ่งลูกเรือแดนซามูไรได้ออกมาปัดข้อกล่าวหาดังกล่าว และส่งภาพยืนยันว่านักเคลื่อนไหวทั้ง 2 คน ได้รับการปฏิบัติอย่างดี

นายเควิน รัดด์ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ต้องออกมาคลี่คลายปัญหาด้วยตนเอง และวอนให้สองฝ่ายประนีประนอมกัน พร้อมเรียกร้องให้นายสตีเฟน สมิธ รมว.ต่างประเทศออสเตรเลียพูดคุยกับนายยาสุโอะ ฟูกูดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้ปล่อยตัวนักเคลื่อนไหวอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กระทั่งล่าสุดทั้ง 2 คนถูกส่งกลับขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัย

แต่ไม่วายที่นายรัดด์ ในฐานะผู้นำออสเตรเลีย ชาติที่ต่อต้านการล่าวาฬอย่างรุนแรงที่สุด จะกล่าวเหน็บการล่าวาฬของญี่ปุ่นว่า “นี่ไม่ใช่การล่าเพื่อการวิจัย แต่เป็นการล่าเชิงพาณิชย์”

(http://www.thairath.co.th/2551/international/Jan/library/20/str2.jpg)

ญี่ปุ่นอาศัยประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎหมายห้ามล่าวาฬ เพื่อการพาณิชย์ระหว่างประเทศ ซึ่งกำหนดใช้ตั้งแต่ปี 2529 โดยตั้ง “สถาบันวิจัยสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม” ให้ล่าวาฬได้โดยมีจุดประสงค์เพื่อการวิจัย แต่สุดท้ายญี่ปุ่นก็ไม่ได้ปิดบังว่าเนื้อวาฬที่ได้จากการล่า ถูกส่งให้กับร้านอาหารในญี่ปุ่น

ทั้งนี้ เกือบ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นล่าวาฬจากน่านน้ำแอนตาร์กติกาไปแล้วกว่า 7,000 ตัว ด้วยเหตุผลที่ว่า การล่าวาฬเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น

โดยปีนี้ญี่ปุ่นตั้งเป้าล่าวาฬให้ได้ 1,000 ตัว ท่ามกลางเสียงคัดค้านและเสียงประณามจากนานาประเทศ รวมถึงถูกประท้วงทางการทูตจาก 31 ประเทศ ทำให้ญี่ปุ่นยอมอ่อนข้อยกเลิกการล่า “วาฬหลังค่อม” จำนวน 50 ตัว ซึ่งเป็นชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์

เมื่อหันมามองฝ่ายต่อต้านการล่าวาฬ นำโดยกลุ่มพิทักษ์สิ่งแวดล้อมชื่อดัง “กรีนพีซ” ก็รณรงค์อย่างหนัก นำภาพการล่าวาฬอันโหดร้ายและทารุณออกเผยแพร่ให้ชาวญี่ปุ่น ซึ่งนิยมบริโภคเนื้อวาฬและไม่เคยรับรู้ว่าวาฬถูกฆ่าอย่างโหดร้ายเพียงใด เนื่องจากสถานีโทรทัศน์ในญี่ปุ่นไม่เคยแพร่ภาพ

ด้านกลุ่ม “ซี เชฟเพิร์ด” ก่อตั้งเมื่อปี 2524 ในรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐฯ โดย พอล วัตสัน นักสิ่งแวดล้อมชาวแคนาดา วัย 57 ปี ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “กรีนพีซ” มีสมาชิกทั่วโลกกว่า 40,000 คน เป็นสมาชิกพร้อมปฏิบัติการถึง 12,000 คน ได้รับเงินทุนสนับสนุนปีละเกือบ 2 ล้านดอลลาร์ (ราว 68 ล้านบาท) จากนักแสดงฮอลลีวูดหลายคน อาทิ มาร์ติน ชีน, เพียร์ซ บรอสแนน และฌอน เพ็นน์ รวมถึงวงร็อกชื่อดังจากแคลิฟอร์เนีย “เรดฮอต ชิลลี่ เปปเปอร์”

(http://www.thairath.co.th/2551/international/Jan/library/20/str3.jpg)

กลุ่มซี เชฟเพิร์ดถูกกล่าวหาว่านิยมใช้ความรุนแรงในการเคลื่อนไหว แต่ทางกลุ่มโต้ว่าที่ผ่านมาไม่เคยทำใครบาดเจ็บ

สำหรับกรณีนี้ นายวัตสันกล่าวหากรีนพีซว่าไม่ดำเนินมาตรการอะไรมากไปกว่าถ่ายทำสารคดีล่าวาฬ และตำหนิกลุ่มล่าวาฬว่า “คนเหล่านี้ไม่ต่างอะไรจากพวกล่าช้างในแอฟริกา หรือพวกล่าเสือในอินเดีย”

การบุกขึ้นเรือล่าวาฬ “ยูชิน มารุ 2” โดยฝีมือสมาชิกกลุ่มซี เชฟเพิร์ด นายวัตสันกล่าวต่อไปว่า “ข่าวดีคือพวกเราทำให้ พวกนั้นไม่ได้ฆ่าวาฬ เกือบทั้งอาทิตย์และกิจกรรมล่าวาฬต่างๆก็ยุติลงชั่วขณะ แค่นี้ก็ถือเป็นความสำเร็จของพวกเราในระดับหนึ่งแล้ว” โดยวัตสันให้คำมั่นด้วยว่าจะเดินหน้าคุกคามนักล่าวาฬ ต่อไป

ความพยายามของกลุ่มคนที่ต้องการปกป้องวาฬจากกลุ่มคนที่ต้องการฆ่า จะดำเนินต่อไปอย่างไรคงต้องติดตามกันต่อไป แม้ญี่ปุ่นจะยังไม่มีวี่แววยุติการล่าวาฬ แต่อย่างน้อยการเคลื่อนไหวของนักพิทักษ์สิ่งแวดล้อมก็ได้ส่งเสียงให้ชาวโลกรับรู้ และตระหนักว่า “มนุษย์จะยอมให้มีการเข่นฆ่าวาฬกันต่อไปเช่นนั้นหรือ”...



จาก              :              ไทยรัฐ    วันที่ 20 มกราคม 2551


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 22, 2008, 12:16:02 AM

วัฒนธรรมกินเนื้อวาฬยังไม่เลิก

 นักสิ่งแวดล้อมทั่วโลกกำลังวิตกถึงจำนวนวาฬที่ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ และอาจจะเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ได้ หากยังมีการล่าวาฬเพื่อนำมาเป็นอาหารเหมือนอย่างทุกวันนี้

การกินเนื้อวาฬยังเป็นที่นิยมในหลายประเทศ อย่างประเทศญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการล่าวาฬ รวมไปถึงเคยมีการนำเนื้อวาฬเสิร์ฟเป็นอาหารกลางวันให้กับเด็กนักเรียน เพื่อให้เด็ก ๆ เหล่านี้ซึมซับกับวัฒนธรรมการล่าวาฬ และถึงแม้จะมีนักสิ่งแวดล้อมออกมาเคลื่อนไหวให้ยุติวัฒนธรรมการล่าวาฬ รวมไปถึงการให้เลิกกินเนื้อวาฬ แต่ก็ยังมีการลักลอบล่าวาฬกันอย่างต่อเนื่อง

ล่าสุดช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตำรวจเกาหลีใต้ได้ทลายโรงงานชำแหละวาฬที่ลักลอบทำกันอย่างผิดกฎหมาย และยึดเนื้อวาฬได้กว่า 50 ตัน ซึ่งถือเป็นการจับกุมแก๊งลักลอบชำแหละและขายวาฬครั้งใหญ่ที่สุดของประเทศ

ถึงแม้การล่าวาฬในเกาหลีใต้จะมีกฎหมายควบคุมโดยมีบทลงโทษค่อนข้างรุนแรง คือจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับเป็นเงินราว 7 แสนบาท แต่กฎหมายก็อนุโลมให้ชำแหละและขายเนื้อวาฬได้ หากวาฬนั้นได้มาโดยการติดอวนชาวประมงมาโดยบังเอิญ ไม่ได้เกิดจากการล่า อีกทั้งราคาเนื้อวาฬในท้องตลาดมีราคาสูงมากจึงเป็นสิ่งล่อใจให้มีการล่าเพื่อนำเนื้อมาจำหน่าย

อย่างไรก็ตาม การลักลอบล่าวาฬในเกาหลีใต้ก็ยังมีอยู่ต่อเนื่องเช่นกัน โดยพบว่าตามสถิติจะมีชาวประมงแจ้งต่อทางการว่ามีวาฬติดมากับอวนปีละประมาณ 200 ตัว

ในขณะที่นักสิ่งแวดล้อมคาดว่า แต่ละปีจะมีวาฬถูกล่าเพื่อการบริโภคมากถึง 400 ตัว



จาก              :              เดลินิวส์    วันที่ 22 มกราคม 2551


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หอย ที่ มกราคม 22, 2008, 12:51:38 PM
 :( ทั้งเกาหลี ทั้งญี่ปุ่นเลยนะ.. ยอดฮิตขวัญใจวัยรุ่นไทย
แย่จัง.. :(


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มีนาคม 17, 2008, 12:43:56 AM

ยุ่นโต้ข่าวจ่ายเงินใต้โต๊ะแลกล่าวาฬ

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/03/tec02170351p1.jpg)
 
นายฮิเดกิ โมโรนูกิ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกรมประมงญี่ปุ่น ปฏิเสธข้อกล่าวหาของนายดีเร็ก ซีคัว นายกรัฐมนตรีโซโลมอนส์ที่ว่า ตัวแทนของโซโล มอนส์ได้รับเงินจากญี่ปุ่นให้เข้าร่วมการประชุมอิน เตอร์เนชั่นแนล เวลลิ่ง คอมมิชชั่น หรือ IWC ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เพื่ออนุญาตให้ญี่ปุ่นจับปลาวาฬ ทั้งนี้ ญี่ปุ่นถูกกล่าวหามานานแล้วว่า ซื้อเสียงจากประเทศเล็กๆ

ญี่ปุ่นพยายามโน้มน้าวให้ IWC ยกเลิกข้อตกลงร่วมกันเมื่อปี 1986 เรื่องการจับวาฬเพื่อพาณิชย์ ซึ่งคะแนนเสียงของ IWC แบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย สำหรับข้อตกลงร่วมนั้นส่วนใหญ่สนับสนุนโดยชาติตะวันตก ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเห็นว่า การล่าวาฬเป็นวัฒนธรรมของชาติและยังคงสังหารวาฬปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัว โดยอาศัยช่องว่างที่ว่า สามารถจับวาฬเพื่อทำการวิจัย จากนั้นจึงนำเนื้อไปแล่ขายได้



จาก                     :                     ข่าวสด   วันที่ 17 มีนาคม 2551


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ เมษายน 16, 2008, 12:16:12 AM

เรือล่าวาฬญี่ปุ่นเดินทางกลับถึงประเทศ
 
(http://www.bangkokbiznews.com/2008/04/15/images/248612_nnnShow.jpg)
ภาพขณะที่เรือนิชชิน มารุ ทำการล่าวาฬในทะเลแถบขั้วโลกใต้
 
โตเกียว - เรือล่าวาฬของญี่ปุ่นเดินทางกลับถึงบ้านเกิดแล้ว ขณะทางการเตรียมสอบกรณีกลุ่มนักเคลื่อนไหวตามก่อกวนการล่าวาฬ

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เรือนิชชิน มารุ พร้อมด้วยลูกเรือ 143 คน กลับเข้าเทียบท่าในกรุงโตเกียวแล้ว ท่ามกลางการอารักขาอย่างแน่นหนา ทั้งจากกองเรือลาดตระเวน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และยามฝั่ง ที่คอยรักษาความปลอดภัย ขณะคนงานท่าเรือขึ้นไปขนถ่ายอุปกรณ์การล่าวาฬ รวมทั้งเนื้อวาฬแช่แข็ง เพื่อนำออกจำหน่ายต่อไป โดยไม่มีการชุมนุมประท้วงบริเวณท่าเรือ แต่มีเพียงนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบางส่วนที่เข้าสังเกตการณ์

ภารกิจการล่าวาฬตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ของเรือนิชชิน มารุ และเรือล่าวาฬอีก 5 ลำนั้น ได้วาฬทั้งสิ้น 551 ตัว หรือเกือบครึ่งหนึ่งของเป้าที่ตั้งไว้ เนื่องจากถูกกลุ่มนักเคลื่อนไหวติดตามก่อกวนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทางการญี่ปุ่นเตรียมเข้าสอบสวนกรณีดังกล่าว เพื่อดำเนินคดีทางกฎหมายต่อไป

นายชิเงกิ ทากายะ ผู้ช่วยผู้อำนวยการสำนักประมงญี่ปุ่น ระบุว่า การกระทำของกลุ่มนักเคลื่อนไหวเป็นการสิ่งที่ให้อภัยไม่ได้ ดังนั้น ญี่ปุ่นจะดำเนินมาตรการป้องกันโดยอาศัยกระบวนการทางกฎหมาย รวมทั้งขอความร่วมมือระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ดี นายทากายะ ยอมรับว่าการล่าวาฬในปีนี้ประสบความสำเร็จ เพราะการวิจัยบรรลุผลด้วยดี และญี่ปุ่นต้องการจะล่าวาฬต่อไปบนพื้นฐานของข้อตกลงระหว่างประเทศ และเหตุผลทางวิทยาศาสตร์

ด้านกลุ่มอนุรักษ์กรีนพีซ ที่เคยส่งเรือออกติดตามเรือล่าวาฬของญี่ปุ่นเป็นเวลาร่วม 2 สัปดาห์ ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ญี่ปุ่นยุติการล่าวาฬ โดยเตือนว่า ญี่ปุ่นจะสูญเสียความไว้วางใจจากนานาชาติ โดยการโกหกว่า การล่าวาฬมีจุดประสงค์เพื่อการศึกษาทางวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ความจริงเป็นเรื่องของการค้า
 
 


จาก                    :                     กรุงเทพธุรกิจ   วันที่ 15 เมษายน 2551


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: แม่หอย ที่ เมษายน 16, 2008, 01:15:14 AM
 >:( จะวิจัยไปทำอะไร .. คนพวกนี้มันอำมหิตจริงๆ  >:(


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ เมษายน 16, 2008, 02:12:28 AM

การอ้างเอาเรื่องการวิจัยมาบังหน้าเพื่อล่าวาฬนั้น นับเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจและน่าประนามจริงๆค่ะ....

หยุดกิน......ก็หยุดล่า...... ;)


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: หอยกะทิ ที่ เมษายน 17, 2008, 03:48:07 PM
กับเรื่องนี้ ไม่เคยฟังญี่ปุ่นพูดเข้าหูเลยซักครั้งเดียว >:( อ้างซะน่า... >:(


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ เมษายน 18, 2008, 12:42:26 AM
(http://www.bloggang.com/data/klakung/picture/1190013465.jpg) มันเอาไปวิจัยในปากมันอะดิ..  :(


หัวข้อ: Re: วาฬ : พิพาทต่างขั้วคนรัก-คนล่า
เริ่มหัวข้อโดย: สายรุ้ง ที่ เมษายน 18, 2008, 04:48:51 AM


ญี่ปุ่นเห็นว่า การล่าวาฬเป็นวัฒนธรรมของชาติและยังคงสังหารวาฬปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ตัว โดยอาศัยช่องว่างที่ว่า สามารถจับวาฬเพื่อทำการวิจัย จากนั้นจึงนำเนื้อไปแล่ขายได้


คำว่าวัฒนธรรม ของ ญี่ปุ่นแปลว่าอะไร  แต่ถ้าของไทย ตามพจนานุกรม แปลว่า  สิ่งที่ทำความเจริญงอกงามให้แก่หมู่คณะ

แล้วอะไรจะทำให้คนญี่ปุ่นเปลี่ยนความคิดแบบนี้ได้กันหล่ะคะเนี่ย  เศร้าใจจริงๆ :'( :'( :'( :'(