|
หัวข้อ: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มกราคม 26, 2008, 10:54:36 PM เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี : ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ (http://www.thairath.co.th/2551/specialsunday08/Jan/library/27/special4.jpg) เมื่อพูดถึงเป๋าฮื้อเชื่อว่าแทบทุกคนจะต้องรู้จักและเคยลิ้มลอง แต่คงไม่บ่อยนัก เพราะอาหารจานนี้มันแพงพอๆกับหูฉลาม เป๋าฮื้อน้ำแดงในเมนูอาหารจีนต้องใช้เป๋าฮื้อที่สั่งจากนอก ไม่ว่าจะเป็นเป๋าฮื้อแห้งหรือเป๋าฮื้อกระป๋อง ราคาของเป๋าฮื้อกระป๋องนั้นเห็นแล้วหายอยาก เพราะกระป๋อง หนึ่งขายกันสามพันบาท ไล่เลี่ยกับหูฉลามหม้อละสามสี่พัน นานๆได้กินทีหนึ่งก็ถือว่าเป็นลาภปาก (http://www.thairath.co.th/2551/specialsunday08/Jan/library/27/special1.jpg) เป๋าฮื้อเป็นหอยฝาเดียว ตัวหอยติดอยู่กับฝามีขนาดต่างๆ สุดแต่สายพันธุ์ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งในโลก แต่ที่มีราคาแพงก็เพราะมันโตช้า ป้อนตลาดไม่ทัน ซ้ำยังจับส่งตลาดกันแทบไม่ เหลือลูกหอย ทำให้องค์กรเรื่องเป๋าฮื้อต้องเข้ามาจัดการ ก่อนที่จะสูญพันธุ์ เมืองไทยเรามีหอยเป๋าฮื้อกับเขาเหมือนกัน เป็นสายพันธุ์ ไทยที่ตัวเล็ก โตช้า กว่าจะโตส่งตลาดได้คนเลี้ยงก็จะหมดตัวเสียก่อน เพราะกว่าจะได้ผลผลิตเป็นเวลาถึงสองปี เมื่อเป็นเช่นนี้จึงมีหน่วยงานที่คิดค้นการเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อให้โตพอที่จะส่งตลาดได้ทุกเดือน ระบบการเลี้ยงแบบนี้ทาง สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่เกาะสีชังได้ทดลองเพาะเลี้ยง ลูกหอย ทำฟาร์มเลี้ยงหอยริมทะเลด้วยระบบน้ำหมุน เวียนกึ่งปิดจนสำเร็จ จากนั้นทางรัฐบาลได้ สนับสนุนโครงการเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อส่งตลาด โดยมีความร่วมมือจาก 4 ฝ่าย คือ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ส.ส.ว.) จังหวัดปัตตานี สหกรณ์ออมทรัพย์อิสลามปัตตานี จำกัด และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ฟาร์มเลี้ยงหอยที่ปัตตานีตั้งอยู่ที่อำเภอยะหริ่ง ริมทะเลอ่าวตะโละกาโปร์ ซึ่งมีน้ำทะเลสะอาด มีสาหร่ายผมนางที่เป็นอาหารหอย ชาวบ้านเป็นคนทำมาหากินสงบเรียบร้อย ทางสถาบันทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ดำเนินการก่อสร้างฟาร์มเลี้ยงหอยบนเนื้อที่ 8 ไร่ อบรมและถ่ายทอดวิชาการ ตลอดจนวิธีการเลี้ยงหอยครบวงจร ตั้งแต่การเลี้ยงลูกหอยในบ่อเล็กๆ เรียงรายติดกันด้วยระบบน้ำไหลเวียนผ่านตัวหอยที่เกาะติดอยู่กับภาชนะพลาสติกคว่ำอยู่ในบ่อ อาหารหอยก็ให้อยู่ในบ่อที่มีน้ำไหลเวียนพัดพาของเสียออกไปยังบ่อบำบัด ซึ่งระบบการเลี้ยงแบบนี้ไม่ทำให้เกิดผลเสียกับสิ่งแวดล้อม ฟาร์มหอยแห่งนี้เริ่มมีผลผลิตประมาณ 300 กิโลกรัมต่อเดือน หอยแต่ละตัวจะมีน้ำหนักเฉลี่ย 30 กรัม มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เริ่มส่งออกตลาดตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป (http://www.thairath.co.th/2551/specialsunday08/Jan/library/27/special2.jpg) อารัมภบทเรื่องหอยมายืดยาว ยังไม่ทันพาท่านลงไปเยี่ยมฟาร์มหอยเลย จึงขอชวนท่านตามผมไปปัตตานีด้วยกัน ก่อนไปมีคนเป็นห่วงว่าสถานการณ์ทาง 3 จังหวัดไม่สู้จะปลอดภัย เรื่องนี้ผมพอจะรู้ว่าที่ไหนไม่ปลอดภัย ไม่ควรจะไปที่นั่น ส่วนใหญ่จะเป็นที่อื่นไม่ใช่ปัตตานี ซึ่งผมกับปัตตานีนั้นคุ้นกันมาหลายสิบปี ไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เพิ่งจะ ห่างกันไปในช่วงหลังที่ผมมีงานมากขึ้น หาเวลาไปเยี่ยมครอบครัว คุณเจริญ สุวรรณมงคล ไม่ค่อยได้ ยิ่งคุณเจริญเพื่อนรักของผมมาเสียชีวิตไป เหลือแต่ คุณศรีสุมาลย์ ภรรยาและลูกๆ ที่ยังดำเนินกิจการของคุณพ่ออยู่อย่างเหนียวแน่น ผมก็ค่อยคลายใจจากความเป็นห่วง แต่ก็ไม่มีเวลาไปปัตตานีอยู่ดี มาคราวนี้ต้องไปทำรายการเรื่องหอยเป๋าฮื้อ จึงได้โอกาสลงไปปัตตานีด้วยความดีใจเป็นอย่างยิ่ง ผมนั่งเครื่องบินไปลงหาดใหญ่ ค้างคืนที่โรงแรม เจ.บี. โรงแรมเดียวในหาดใหญ่ที่ไม่มีผู้เสียชีวิตเมื่อน้ำท่วมหาดใหญ่ เหมาะสำหรับผู้มาพักที่เป็นสมาชิกสมาคมดีฝ่อเป็นอย่างยิ่ง บริการของโรงแรม เจ.บี. ยังดีเยี่ยมไม่เปลี่ยนแปลง ได้มีโอกาสกิน เต๋าเต้ยหม้อไฟร้านนิยมรสที่อร่อยจนฝันถึง มื้อค่ำนั้น ทางอีซูซุ หาดใหญ่ เป็น เจ้ามือ และจัดรถไปส่งปัตตานีด้วย ต้องขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ มาหาดใหญ่เที่ยวนี้ไม่มีเวลาไปเยี่ยม ร้านเชลล์ ชวนชิม ที่คุ้นเคยกันอย่าง ข้าวแกงหน้าตลาดสันติสุข ลูกชิ้นถนัดศรี แต่ยังได้กินลูกชิ้นเป็นอาหารเช้าก่อนออกเดินทางไปปัตตานี ถนนจากหาดใหญ่ไปปัตตานีเป็นถนนสี่เลน ตอนเข้าเขตปัตตานีมีจุดตรวจหลายแห่ง ซึ่งเป็น ธรรมดาในระบบปลอดภัย เราใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงก็มาถึงโรงแรม ซี.เอส. เอาของเข้าห้องพัก ผมได้พักอยู่ห้องเดิมชั้น 4 เหมือนได้มาพักบ้านที่เคยอยู่ อะไรอยู่ตรงไหนจำได้โดยไม่ต้องเสียเวลารำลึกชาติ เมื่อเก็บข้าวของเสร็จก็ออกเดินทางไปอำเภอยะหริ่ง พร้อมด้วย อาจารย์เผดิมศักดิ์ จารยะพันธ์ ผอ.สถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำที่เกาะสีชัง และทีมของอาจารย์ ทีมผมมีแค่ผมกับ คุณศิริ สุริโย ซึ่งเป็นตากล้องเท่านั้น ขาดไปสองคนที่ป่วยเจ็บและ ติดราชการ ก็ไม่เดือดร้อนประการใด เพราะมีทีมของอาจารย์เผดิมศักดิ์ ทีมของ ผอ.ส.ส.ว. คุณพลเชษฐ์ ลิขิตธนสมบัติ และเจ้าหน้าที่ของฟาร์มเลี้ยงหอยอีกตั้งหลายคนคอยช่วยเหลือ ฟาร์มหอยที่ตะโละกาโปร์ ตั้งอยู่บนบกริมทะเล มีหาดทราย ขาวสะอาดน่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว โรงเลี้ยงหอยเป็นอาคารเปิดโล่ง มีบ่อเลี้ยงหอยเรียงกันเป็นแถว แบ่งเป็นสองฟาก ฟากละ 60 บ่อ ด้านหนึ่งเป็นโรงสูบน้ำจากทะเลมาเข้าบ่อพัก ซึ่งหลัง จากการบำบัดจะส่งไปตามท่อไหลเข้าบ่อเลี้ยงหอยทุกบ่อ แล้วไหลออกนำของเสียออกจากบ่อ น้ำใหม่ก็จะไหลเข้ามาแทนที่วนเวียนอยู่อย่างนี้โดยตลอด อาจารย์เผดิมศักดิ์ ได้งมภาชนะเลี้ยงหอยขึ้นมาให้ผมจับดูหอยบนฝ่ามือ ให้ถ่ายภาพแล้วก็ปล่อยลงสู่บ่อโดยคว่ำภาชนะไม่ให้ถูกแสงสว่าง เพราะหอยชอบอยู่ในความมืด ตอนค่ำจะออกกินอาหารเหมือนแดร็กคิวลาที่กลัวแสงสว่างไม่มีผิดเลย ภาชนะที่ใช้เลี้ยงหอยเป็นกะละมังพลาสติกมีรูให้น้ำไหลเข้า หอยจะเกาะติดอยู่ข้างกะละมังด้านในตั้งแต่เป็นลูกหอยจนโตเต็มที่ ส่วนผนังบ่อนั้นใช้ผ้าใบกั้น เป็นผนัง ขังน้ำได้เหมือนบ่อซีเมนต์ ข้อดี ก็คือทำความสะอาดง่ายและราคาถูก หลังจากถ่ายทำรายการก็ไปกินข้าวกลางวันที่ หมู่บ้านตะโละกาโปร์ หน้าตาเหมือน หาดปากเม็ง ใน จังหวัดตรัง ไม่มีผิด มีทะเลด้านนอกหาดทรายขาวและหมู่ไม้ริมหาดจนถึงถนน เห็นแล้วน่าพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวจริงๆ ตอนค่ำมีการสาธิตการทำอาหารจาก หอยเป๋าฮื้อ จีบี้พ่อครัวอาหารญี่ปุ่นจากซอสตราภูเขาทอง มาทำซาเซมิให้ชิม โดยต้มหอยให้นิ่มเสียก่อน แทนที่จะกินสด เพราะเนื้อหอยสดจะเหนียวจนเคี้ยวไม่แหลก ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คุณภาณุ อุทัยรัตน์ และแขกรับเชิญ ต่างก็เอร็ดอร่อยไปตามๆกัน จากการยอมรับของผู้ที่ได้ลิ้มรสหอยเป๋าฮื้อ ทำให้ โรงแรม ซี.เอส. ปัตตานี เป็นแห่งแรกที่มีหอยเป๋าฮื้อบรรจุในเมนูของโรงแรม ถ้าไปปัตตานีตรงไปที่โรงแรม ซี.เอส. จะได้กินหอยเป๋าฮื้อสมอารมณ์หมาย ส่วนในกรุงเทพฯ ทาง ภัตตาคารเชียงการีลา ถนนธนิยะ ได้มี เมนูหอยเป๋าฮื้อหลายอย่าง นึ่งมะนาว นึ่งกระเทียม หม้อไฟหอยเป๋าฮื้อ และ ซาเซมิ ผมได้ลองชิมแล้วอร่อยทุกอย่างและสนน ราคาย่อมเยากว่าหอยเป๋าฮื้อกระป๋องเป็นไหนๆ (http://www.thairath.co.th/2551/specialsunday08/Jan/library/27/special3.jpg) ก่อนที่จะจากปัตตานี ท่านผู้ว่าฯ คุณภาณุ ชวนให้ผมไปเดิน ชมตลาดโต้รุ่ง ที่มีของขายทั้งอาหารทั่วไป และส่วนอาหารอิสลามล้วน ผมไปติดใจขนมรังไข่ซึ่งเป็นวอฟเฟิลไข่ที่อร่อยมาก ถ้ามีโอกาสไปปัตตานีควรไปเดินตลาดโต้รุ่งสักครั้ง รับรองปลอดภัยทุกประการ ผมไปปัตตานีครั้งนี้ได้ทำรายการ ได้เห็นสภาพของบ้าน เมืองที่เรียบร้อย จึงอยากเชิญชวนให้ท่านไปไหว้หลวงพ่อทวด ไปสักการะเจ้าแม่ลิ้มกอเหนี่ยว เหมือนสมัยก่อนอีกครั้งหนึ่งครับ. จาก : ไทยรัฐ วันที่ 27 มกราคม 2551 หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ มกราคม 27, 2008, 01:47:59 AM อ้าว.. นึกว่าพี่สองสาย ไปปัตตานี.. ;)
หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มกราคม 27, 2008, 02:53:11 AM คิกๆ..... :-X
ไปไหมคะ น้องพิงค์....ไปปัตตานีด้วยกันสักรอบ..... 8) หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ มกราคม 27, 2008, 01:36:14 PM นั่นอะสิครับ อ่านข้างบน นึกว่า พี่สองสายเขียนซะอีก
ลงท้ายกลับไม่ใช่ ก็เลยนึกว่า จะได้เห็นภาพพี่สองสาย จุ้มจุ่มหอย กันอยู่ในร้าน.....แหะๆ หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ มกราคม 27, 2008, 01:37:08 PM ถ้าเรารบกวนทะเลน้อยลง ก็คงดีนะครับ......
หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: Sea Man ที่ มกราคม 27, 2008, 02:36:47 PM :-X :-X :-X
หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ มกราคม 27, 2008, 02:39:14 PM คิกๆ..... :-X ไปไหมคะ น้องพิงค์....ไปปัตตานีด้วยกันสักรอบ..... 8) เอิ๊กกก..อยากไปเหมือนกันคะ.. แต่ว่า เราจะรอดกลับมามั๊ยอะจ๊ะ.. :( หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: สายชล ที่ มกราคม 28, 2008, 04:30:32 AM หุๆ.... ;)
ไม่ถึงที่ตาย.....ไม่วายชีวาวาตย์.....ใครพิฆาตเข่นฆ่าไม่อาสัญ....ถ้าจะถึงที่ตายก็ต้องวายชีวาวัน....ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย คุณชายถนัดศรี ท่านว่าปลอดภัยออกนะคะ ว่าแต่จะเชื่อท่านไหมล่ะคะ.... ;) หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ มกราคม 28, 2008, 07:43:53 AM ไม้จิ้มฟันแทงเหงือกยังเสือกตาย --> เอิ๊กกก..
หัวข้อ: Re: เยี่ยมฟาร์มเลี้ยงหอยเป๋าฮื้อที่ปัตตานี เริ่มหัวข้อโดย: Vita ที่ มกราคม 28, 2008, 10:36:36 AM ต้องแทงให้โดนจุดมรณะ....
|