กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ มิถุนายน 07, 2008, 01:43:37 AM



หัวข้อ: เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี"ฝูงสุดท้าย
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มิถุนายน 07, 2008, 01:43:37 AM

เร่งวางทุ่น-เขตอนุรักษ์ "โลมาอิรวดี" ฝูงสุดท้าย

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/06/col01070651p1.jpg)

ความหลากหลายในระบบนิเวศของทะเลสาบสงขลา ในพื้นที่ 636,800 ไร่ แหล่งทรัพยากรธรรมชาติสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสัตว์นานาชนิด รวมทั้งโลมา ที่อยู่ในภาวะวิกฤตอาจจะสูญพันธุ์ไปจากประเทศไทยภายใน 5 ปี

เพราะโลมาตกลูกเพียงครั้งละตัว การผสมพันธุ์ในฝูงเดียวกันทำให้ทายาทไม่สมบูรณ์เต็มที่ เพราะโลมาไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างทะเลสาบกับอ่าวไทยได้ รวมทั้งการติดอวนของชาวประมง

กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ และคณะการจัดการสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ร่วมกับชุมชนเร่งแสวงหาแนวทางอนุรักษ์ปลาโลมา ณ วัดป่าลิไลย์ ต.ลำปำ อ.เมือง จ.พัทลุง กระตุ้นจิตสำนึกและส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการดูแลลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา โดยถ่ายทอดเสียงผ่านสถานีวิทยุแห่งประเทศไทยจังหวัดสงขลา

"โลมาอิรวดี" หรือที่ชาวบ้านเรียก "เจ้าหัวหมอน" มีอยู่อย่างชุกชุมในอดีต ณ ทะเลสาบตอนในหรือทะเลสาบลำปำ ในเขตจังหวัดพัทลุง มักว่ายอยู่ข้างเรือประมงยามเช้า

นายสันติ นิลวัฒน์ นักวิชาการจากศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง อธิบายว่า โลมาเป็นสัตว์เลือดอุ่นวิวัฒนาการมาจากสัตว์บก ใช้ปอดหายใจ มีตา หู จมูก และลิ้นเหมือนคน จะเห็นชัดเจนที่สุดในที่โล่ง และน้ำตื้น โลมาไม่มีตาอยู่ด้านหน้าจึงไม่สามารถกะระยะทางได้ดี มีตาขนาดเล็กใกล้กับริมฝีปาก อายุเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 30 ปี
 
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/06/col01070651p2.jpg)

แรกเกิดจะยาวประมาณ 1 เมตร และโตเต็มวัย 2-2.75 เมตร หนัก 115-130 กิโลกรัม จมูกของโลมาจะปิด ดังนั้นมันจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลย แต่ลิ้นสามารถรับรสได้ดี การรับเสียงด้วยคลื่นสะท้อนแบบเรดาร์ของโลมา ใช้ล่าเหยื่อ ทั้งยังส่งเสียงสื่อสารกับโลมาตัวอื่น หลังจากผสมพันธุ์ ราว 9 เดือน แม่โลมาจะให้ของขวัญแก่ท้องทะเลสาบ ลูกโลมาจะคลอเคลียกินนมแม่เป็นเวลา 1 ปีครึ่ง

โลมาอิรวดี เป็นโลมาหัวบาตร ชนิดหนึ่ง ต่างตรงที่ โลมาอิรวดีตัวใหญ่กว่า และมีครีบหลังรูปสามเหลี่ยมโค้งมน สีของลำตัวจะเป็นสีน้ำเงินเทาตลอดตัว แต่โลมาหัวบาตรชนิดอื่นไม่มีครีบหลัง และมีขนาดใหญ่กว่า จำนวนโลมาลดลง เพราะการผสมพันธุ์ในฝูงเดียวกัน ทำให้ทายาทไม่สมบูรณ์เต็มที่ เนื่องจากไม่สามารถเดินทางเข้าออกระหว่างทะเลสาบกับอ่าวไทยได้อย่างแต่ก่อน เพราะว่าบริเวณนี้เต็มไปด้วยเครื่องมือประมงจำนวนมาก

เมื่อมีการตายเกิดขึ้นโลมาก็จะไม่เดินทางไปยังบริเวณที่มีอันตรายอีก ส่วนทางด้านเหนือของทะเลสาบซึ่งมีคลองปากระวะเชื่อมต่อกับทะเล ก็มีเขื่อนปากระวะขวางทางเดินของน้ำเค็มไม่ให้เข้าสู่ทะเลสาบ มันจึงเหมือนถูกกักขัง อีกทั้งน้ำเสียจากนากุ้ง สารเคมีจากโรงงาน ตลอดจนขยะจากชุมชนจะถูกปล่อยลงสู่ทะเลสาบ เจ้าบ้านอย่างโลมาที่ชอบน้ำสะอาด อากาศที่บริสุทธิ์จึงไม่สามารถทานทนได้ รายงานปี พ.ศ.2533 พบซากโลมาอิรวดีรวม 45 ตัว


โลมาจะออกมาให้พบเห็นบ่อยๆ คือ บริเวณตรงร่องกลางทะเลสาบที่มีความลึกประมาณ 2.4-4 เมตร ที่บ้านลำปำ ตรงบริเวณที่เรียกว่า ลับห้าŽ ซึ่งหมายถึง บริเวณที่เกาะใหญ่บดบังเกาะสี่เกาะห้ามิดพอดี

วิธีการที่จะอนุรักษ์ปลาโลมาฝูงสุดท้าย คือร่วมกันกำหนดมาตรการ
1. ให้มีการวางแนวทุ่นบริเวณลับห้า พื้นที่ 100 ตารางกิโลเมตร ซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยและแหล่งหากินของโลมาเพื่อไม่ให้ชาวประมงวางอวนในบริเวณดังกล่าว
2. ให้มีการทำแพชั่วคราวบริเวณที่มีการวางทุ่น เพื่อให้ชาวประมงได้เฝ้าระวัง หากโลมาติดอวน สามารถช่วยเหลือชีวิตได้
3. จัดกลุ่มอาสาสมัคร เพื่อเป็นหูเป็นตาแทนเจ้าหน้าที่ และแจ้งเหตุได้ทันท่วงที รวมทั้งจัดทำโครงการค่ายเยาวชนรักทะเลไทยสำหรับนักเรียนนักศึกษาระดับมัธยมและอาชีวศึกษา ให้ร่วมกันดูแลโลมา


ตามกฎหมายไทย โลมาอิรวดี รับการจัดให้เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองลำดับที่ 138 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชประสงค์ให้ช่วยกันอนุรักษ์โลมาอิรวดีสัตว์หายาก พร้อมทั้งทรงรับไว้เป็นสัตว์ในพระบรมราชินูปถัมภ์

และมีการออกประกาศจังหวัดพัทลุงห้ามมิให้ผู้ใดล่า ห้ามมิให้ผู้ใดมีไว้ในครอบครอง หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกินสี่หมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

จากจำนวนสัตว์น้ำที่ลดลง ทำให้โลมาเข้าใกล้อวนเพื่อกินกุ้ง และปลาที่ติดอยู่กับอวน ทำให้ต้องติดพันธนาการไปด้วย ยิ่งดิ้นรนก็ถึงจุดจบของชีวิตเร็วขึ้น เพราะโลมาจะต้องขึ้นมาหายใจเหนือผิวน้ำทุกๆ 70-150 วินาที

หากไม่ทำอะไร วันข้างหน้าจะไม่มี "โลมาอิรวดี" อีกแน่




จาก                           :                         ข่าวสด    วันที่ 7 มิถุนายน 2551