กระดานข่าว Save Our Sea.net

พบแก๊งล่าพะยูนส่งขายสิงคโปร์ตัวละ 5 หมื่น

(http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2009/03/22/images/news_img_26939_1.jpg)

ประมงพื้นบ้านเกาะลิบง ตรัง ยืนยันพบคนต่างถิ่นล่าพะยูนส่งขายสิงคโปร์ตามใบสั่งตัวละ5หมื่น กระดูก-เขี้ยวคู่อย่างละ3หมื่นบาท ปรุงยาโด๊ป ของขลัง

นายอิสมาแอน เบนสะอาด แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ เช่น การลักลอบระเบิดปลาบริเวณหินกอง หรือบริเวณบ้านปลาแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ของทะเลตรัง ซึ่งเป็นการร่วมมือกระทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกัน ระหว่างชาวประมงจากต่างถิ่น กับชาวประมงที่เคยทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้จุด จนส่งผลให้ปะการังและปลาตัวเล็กๆ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ก็ยังพบการลักลอบวางอวนปลากระเบน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายกับพะยูนและเต่าทะเล รวมทั้งการลักลอบวางเบ็ดราไว เพื่อล่าพะยูนไปขาย โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบนนั้น ทางจังหวัดตรัง ได้เคยออกประกาศเป็นเครื่องมือหวงห้ามในทำประมง อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลด้วย จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบการระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบ้านปลา แหล่งปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดของท้องทะเลตรัง รวมทั้งยังพบการลักลอบวางอวนชักขนาดใหญ่ ระยะทาง 1-2 กิโลเมตรด้วย

“หากพบพะยูนตายในขณะที่ตัวยังสดอยู่ ก็จะรีบแล่เอาเนื้อนำมาทำอาหาร ในส่วนของกระดูกก็นำไปฝังดินไว้ เพื่อรอวันขุดขึ้นมานำไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน พบซากเต่าทะเลตายไปแล้วจำนวนมาก ส่วนพะยูนก็ถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์” แกนนำประมงพื้นบ้านกล่าว

นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวประมงจากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ เพื่อล่าพะยูนกันอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการวางเบ็ดราไว บางส่วนก็ลักลอบวางอวนปลากระเบน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยจับกุมตัวได้ ซึ่งเคยทราบข้อมูลว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพะยูนติดเบ็ดราไวถึง 2 ตัว และได้ถูกนำไปขายที่จังหวัดยะลา หรือส่งไปยังประเทศสิงค์โปร์ ส่วนชาวบ้านบางรายที่พบพะยูนตาย ก็จะยังแล่เนื้อนำไปทำอาหารด้วย

สำหรับกระดูกพะยูนจะมีการนำไปฝังดินเอาไว้ รอวันขุดเพื่อขายในราคาตัวละ 20,000-30,000 บาท โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบน ขณะนี้ถือเป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลเป็นอย่างมาก ในส่วนของเต่าทะเลที่ก่อนหน้านี้เคยพบเห็นเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากถูกอวนปลากระเบน และเบ็ดราไวคราวละหลายๆ ตัว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็เคยพบซากมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เต่าทะเลค่อยๆ ร่อยหรอไปจนแทบจะสูญพันธุ์แล้ว เพราะมีชาวบ้านบางส่วนส่งนำไปขายให้กับร้านอาหารทั่วไป ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท

นายสมชาย พ่วงบุรี อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อบต.เกาะลิบง ก็กล่าวว่า เคยรับแจ้งพบการลักลอบวางเบ็ดราไว และวางอวนปลากระเบน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบ คนร้ายจะไหวตัวหนีไปเสียก่อน ขณะนี้จึงพยายามติดตามหาข่าวเพื่อหวังจะจับกุมให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมากนัก

นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า จุดที่มีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายจะอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งการที่เราสูญเสียพะยูนไป 1 ตัว เท่ากับเราสูญเสียทรัพยากรอย่างมหาศาล เพราะพะยูนใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว จึงต้องรณรงค์ป้องกันและดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน โดยในส่วนของอุทยานแห่งชาติ ได้ร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ในการลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้าน ส่วนข่าวล่าพะยูนเพื่อส่งไปขายยังประเทศสิงคโปร์นั้น กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะเป็นหรือไม่อย่างไร

นอกจากนั้น ยังได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า ขณะนี้พบว่าเรือขนถ่ายสินค้าจากท่าเทียบเรือกันตัง ได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือผ่านมาใกล้กับจุดที่เป็นแหล่งอาศัยของพะยูน เนื่องจากสามารถช่วยย่นระยะทางและระยะเวลาในการเดินเรือได้มาก แต่กลายว่าเป็นการไปรบกวนพะยูนจนทำให้ตกใจ และยังกระทบไปถึงหญ้าทะเล แหล่งหากินของพะยูนด้วย ซึ่งกำลังประสานกับสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาตรัง ให้เข้ามาดูแลและหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว



จาก                         :                      กรุงเทพธุรกิจ    วันที่ 23 มีนาคม 2552

เขาทำแบบนี้ เหมือนตัดช่องทำมาหากินของตัวเองเลยน๊ะเนี่ย(ยังไงๆก็ทะเลไทยเหมือนกัน)...หรือเขาจะไม่คิดเลย??????
 :'( :'( :'( ??? ??? ??? ขอให้จับได้โดยเร็วด้วยเถอะ
.....อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลเลยยยยยยยย

เศร้าใจจริงๆ..... :'(

โศกนาฏกรรมคร้งนี้.....เพื่อนเราเผาเรือนแท้ๆ......ทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่เมืองติดกัน และเพื่อนบ้านต่างชาติ ที่ไร้ทรัพยากรธรรมชาติแต่มีทรัพยากรธรรมชาติ (ของเพื่อนบ้าน)ไปขาย


ได้ยินมาว่า....ปลาและสัตว์น้ำไม่ว่าจะตัวใหญ่ตัวเล็กที่นำไปโชว์ในอควาเรี่ยมของเพื่อนบ้านชาวต่างชาตินั่นน่ะ  ไปจากทะเลไทยเกือบทั้งนั้น โดยมีคนไทยใจเป็นทาสเงินตรารับอาสาหาไปให้  แถมสาขาที่มาตั้งในไทยยังโกบโกยสัตว์ทะเลไปใส่ตู้แบบหาได้ไม่รู้จบ


ถือเป็นกรรมเวรของทะเลไทยและคนไทยทั้งหลาย.... :'(  

ไอ้พวกใจร้ายต้องโดน .. (http://emo.huhiho.com/set/heyhey/7.gif)

เห็นรูปแล้วช๊อก
เป็นเรื่องเศร้ารับเช้านี้เลยนะคะ  :'( :'(

เศร้าใจครับ :'( :'( :'( :'( :'(

 :'( :'(
ถ้าอ๋อลงไปใต้ จะโดนจับไปขายป่าวเนี่ย พวกคนใจร้าย  :( :(

พะยูนเหล่านี้เหมือนสมบัติของชาติ มีคุณค่ามากมายกว่าที่จะตีค่าเป็นราคาเงิน ..
เสียแล้วเสียเลย หาคืนก็ไม่ได้ ..

หวังว่าเรา คงไม่ได้เปิดบ้านให้คนเข้ามาเผาเรือนของเรากันนะครับ  :'( :'( :'(





 :( :( :(

จนท.ประมงละเลยส่งผลพะยูนถูกล่าส่งสิงคโปร์แล้วกว่า 10 ตัว

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003483601.JPEG)

ตรัง – ชาวประมงต่างถิ่น ลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย แถบเกาะลิบง อ.กันตัน ล่าพะยูนส่งตลาดสิงคโปร์ รวมถึงเต่าทะเล และปะการังได้รับความเสียหาย ขณะนี้พะยูนถูกล่าไปแล้วกว่า 10 ตัว เจ้าหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ ละเลยในหน้าที่ ชาวประมงพื้นบ้านต้องดูแลกันเอง
       
       วันนี้ (22 มี.ค.) นายอิสมาแอน เบนสะอาด แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ เช่น การลักลอบระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบริเวณบ้านปลาแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ของทะเลตรัง ซึ่งเป็นการร่วมมือกระทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกัน ระหว่างชาวประมงจากต่างถิ่น กับชาวประมงที่เคยทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้จุด จนส่งผลให้ปะการังและปลาตัวเล็กๆ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก
       
       นอกจากนั้น ก็ยังพบการลักลอบวางอวนปลากระเบน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายกับพะยูนและเต่าทะเล รวมทั้งการลักลอบวางเบ็ดราไว เพื่อล่าพะยูนไปขาย โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบนนั้น ทางจังหวัดตรังได้เคยออกประกาศเป็นเครื่องมือหวงห้ามในทำประมง อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลด้วย จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบการระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบ้านปลา แหล่งปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดของท้องทะเลตรัง รวมทั้งยังพบการลักลอบวางอวนชักขนาดใหญ่ ระยะทาง 1-2 กิโลเมตรด้วย

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003483602.JPEG)
       
       สำหรับชาวประมงที่เข้ามาล่าพะยูนในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีสัตว์น้ำชนิดนี้อาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง แต่อีกส่วนหนึ่งจะเป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ที่เดินทางไกลมาจากจังหวัดสตูล ซึ่งชุดปฎิบัติการเฉพาะกิจเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ฉก.) จังหวัดตรัง ในส่วนที่เป็นตัวแทนชาวบ้านนั้น เคยพบชาวประมงแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ด้วยตนเอง โดยมีลักษณะการแต่งกายคล้ายๆ กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งคงทำไปเพื่อต้องการที่จะตบตาชาวบ้าน แต่พวกตนไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะไม่มีอำนาจ จึงได้แต่ขอร้องให้กลับออกไปจากพื้นที่เท่านั้น
       
       นายอิสมาแอน กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าห่วงสำหรับชาวบ้านในพื้นที่อีกอย่างหนึ่งก็คือ หากพบพะยูนตายในขณะที่ตัวยังสดอยู่ ก็จะรีบแล่เอาเนื้อนำมาทำอาหาร ในส่วนของกระดูกก็นำไปฝังดินไว้ เพื่อรอวันขุดขึ้นมานำไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน พบซากเต่าทะเลตายไปแล้วจำนวนมาก ส่วนพะยูนก็ถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003483603.JPEG)
       
       สาเหตุที่พะยูนถูกล่าอย่างหนักในช่วงระยะนี้ และพบการทำประมงแบบผิดกฎหมายในจังหวัดตรังอย่างครึกโครม เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบหย่อนยานในการทำงาน ขณะที่ชุด ฉก.ประมง ซึ่งรวมกำลังมาจากหลายหน่วยงาน เช่น ประมง ตำรวจ ศูนย์ป้องกันปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่า และเจ้าหน้าที่อุทยาน ขณะนี้ก็ไม่มีการออกปฎิบัติหน้าที่แล้ว คงเหลือเฉพาะกำลังของชาวประมงพื้นบ้านเท่านั้น แต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก เพราะไม่มีอำนาจ
       
       นอกจากนั้น ทางจังหวัดตรัง ก็ไม่มีนโยบายในการดูแลที่จริงจัง และเมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ทำให้ขาดความต่อเนื่องของชุดทำงานด้านการอนุรักษ์ จึงส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมามากมายในขณะนี้
       
       นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวประมงจากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ เพื่อล่าพะยูนกันอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการวางเบ็ดราไว บางส่วนก็ลักลอบวางอวนปลากระเบน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยจับกุมตัวได้ ซึ่งเคยทราบข้อมูลว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพะยูนติดเบ็ดราไวถึง 2 ตัว และได้ถูกนำไปขายที่จังหวัดยะลา หรือส่งไปยังประเทศสิงคโปร์ ส่วนชาวบ้านบางรายที่พบพะยูนตาย ก็จะยังแล่เนื้อนำไปทำอาหารด้วย

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003483604.JPEG)
       
       สำหรับกระดูกพะยูนจะมีการนำไปฝังดินเอาไว้ รอวันขุดเพื่อขายในราคาตัวละ 20,000-30,000 บาท โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบน ขณะนี้ถือเป็นอันตรายต่อพะยูน และเต่าทะเลเป็นอย่างมาก ในส่วนของเต่าทะเลที่ก่อนหน้านี้เคยพบเห็นเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากถูกอวนปลากระเบน และเบ็ดราไวคราวละหลายๆ ตัว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็เคยพบซากมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เต่าทะเลค่อยๆ ร่อยหรอไปจนแทบจะสูญพันธุ์แล้ว เพราะมีชาวบ้านบางส่วนส่งนำไปขายให้กับร้านอาหารทั่วไป ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท
       
       นายสมชาย พ่วงบุรี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 บ้านเจ้าไหม ตำบลเกาะลิบง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อบต.เกาะลิบง ก็กล่าวว่า เคยรับแจ้งพบการลักลอบวางเบ็ดราไว และวางอวนปลากระเบน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบ คนร้ายจะไหวตัวหนีไปเสียก่อน ขณะนี้จึงพยายามติดตามหาข่าวเพื่อหวังจะจับกุมให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมากนัก ในส่วนของพะยูนที่ตายและกลายเป็นข่าวมี 2 ตัว แต่กรณีที่มีผู้ลักลอบจับไป หรือนำไปแล่เนื้อทำอาหาร และเอากระดูกไปขายนั้น ตนไม่สามารถระบุจำนวนได้ เพราะไม่มีใครยอมให้ข้อมูล แต่เชื่อว่าจะต้องมีอย่างแน่นอน



จาก                         :                      ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 23 มีนาคม 2552

เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบงบินสำรวจพะยูน

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003518104.JPEG)

ตรัง – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ขึ้นบินสำรวจฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตรัง ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่สำคัญ หลังพบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น และแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำประมงแบบผิดกฎหมาย จนทำให้พะยูนต้องตาย และพบพะยูนถูกล่าตามใบสั่งขายพะยูนในตลาดมืด       
       
       จากกรณีที่แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อ.กันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ออกมาระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมาได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล และแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าจำนวนหนึ่ง ลักลอบเข้ามาทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ
       
       จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบพะยูนถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003518102.JPEG)
       
       วันนี้ (23 มี.ค.) นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดนำเครื่องพารามอร์เตอร์ พร้อมสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ขึ้นบินสำรวจฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตรัง ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่สำคัญ และมีความสมบูรณ์มากที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ เนื่องจากในท้องทะเลตรังนั้นเต็มไปด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูนที่มีจำนวนมากถึง 11 ชนิด จากหญ้าทะเลที่พบในประเทศไทยทั้งหมด 12 ชนิด
       
       ทั้งนี้ จากการบินสำรวจในตอนเช้าตรู่ เจ้าหน้าที่พบเฉพาะฝูงปลาโลมาปากขวดฝูงใหญ่ ที่กำลังเล่นน้ำอยู่ โดยไม่พบพะยูนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากน้ำขึ้นได้สักระยะ เจ้าหน้าที่จึงได้นำผู้สื่อข่าวขึ้นไปบินสำรวจอีกครั้ง ก็พบพะยูนกำลังหากินอยู่ตามลำพังเพียง 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 200-300 กิโลกรัม
       
       ส่วนสาเหตุที่พบพะยูนจำนวนน้อย คงเป็นเพราาะเป็นช่วงที่น้ำขึ้นไม่เต็มที่ พะยูนจึงไม่ได้ขึ้นมาหากินเป็นจำนวนมากๆ เหมือนกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ที่ขึ้นไปบินสำรวจพบพะยูนฝูงใหญ่จำนวนกว่า 10 ตัว กำลังกินหญ้าทะเลอยู่บริเวณชายฝั่งของจังหวัดตรัง

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003518103.JPEG)
       
       นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กล่าวถึงแนวทางการป้องกันการเสียชีวิตของพะยูน โดยล่าสุดพบพะยูนตายลงอีก 2 ตัว ในบริเวณแหลมจุโหย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเขตห้ามล่าฯ ว่า พะยูนตัวนี้ติดอวนปลากระเบน ไม่ใช่อวนปลิง เพราะอวนปลิงจะมีตาถี่ จึงติดได้ยาก แต่อวนปลากระเบนจะมีตาขนาดใหญ่ เมื่อพะยูนว่ายน้ำเข้าไปใกล้จึงติดได้ง่าย
       
       พร้อมยืนยันว่าพะยูนตัวที่ตายลงล่าสุดนั้นไม่ได้อยู่ที่แหลมจุโหย ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยประจำ และมีหญ้าทะเลสมบูรณ์แต่อย่างใด เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ไปคอยลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และไม่เคยพบการวางอวนปลากระเบน ส่วนพะยูนอีกจำนวนหนึ่งที่ตายไปเพราะเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เช่น เบ็ดราไว ยืนยันได้ว่าอยู่นอกเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ
       
       ดังนั้นจึงเชื่อว่าพะยูนตัวดังกล่าวคงลอยมาจากที่อื่น ประกอบกับอวนปลากระเบนจะต้องวางในร่องน้ำลึก และเป็นปกติของพะยูน เมื่อน้ำลงก็จะว่ายน้ำไปหากินในร่องน้ำที่ลึกลงไป เช่น ร่องน้ำแถบเกาะเหลาเหลียง จึงไปเจออวนปลากระเบนและติดเข้าจนตายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าระวังอยู่เป็นประจำ
       
       และได้ขอความร่วมมือจากชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ใช้เครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายต่อพะยูน และสัตว์น้ำตัวเล็กๆ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน ส่วนข่าวการล่าพะยูน เพื่อส่งไปขายที่ประเทศสิงคโปร์นั้น คิดว่าคงไม่มี และคงเป็นความไม่ตั้งใจ หรือคงไม่ทราบว่า ในพื้นที่ตำบลเกาะลิบงมีพะยูนอาศัยอยู่       
       
       นายมีชัย กล่าวถึงปัญหาที่พบการใช้เครื่องมือแบบผิดกฎหมายว่า ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของคนในพื้นที่ แต่เป็นคนที่มาจากต่างถิ่น ที่ลักลอบเข้ามาจับปลาแล้วก็หนีกลับไป เช่น มาจากพื้นที่จังหวัดสตูล เป็นต้น สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นอกจากจะเพิ่มการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังต้องประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ตระหนักถึงความสูญเสียของทรัพยากรธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งไม่เข้าไปทำประมงในแหล่งอาศัย และหากินของพะยูนโดยเด็ดขาด ตลอดจนการร่วมกันเฝ้าระวังไม่ให้คนจากต่างถิ่น เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง

(http://pics.manager.co.th/Images/552000003518101.JPEG)
       
       นางสาวกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการ 8 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ชายฝั่ง และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ผู้ซึ่งศึกษาเรื่องพะยูนในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า เรื่องของการนำกระดูก หรือเขี้ยวพะยูน ส่งไปขายยังต่างประเทศ ตนเองเคยได้รับข้อมูลมาตั้งแต่เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว โดยการบอกเล่าของชาวประมงพื้นที่บ้าน ที่อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ว่ามีการนำส่งไปขายให้กับนายทุนที่ประเทศมาเลเซีย และอีกส่วนหนึ่งถูกนำไปทำเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล เพราะบางคนมองว่าเป็นเรื่องความสวยงาม หรือเป็นเรื่องเครื่องรางของขลัง แต่ปัจจุบันตนไม่ทราบว่าพฤติกรรมดังกล่าวยังมีอยู่อีกหรือไม่
       
       สำหรับกรณีที่แกนนำเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ออกมาให้ข่าวการล่าพะยูนเพื่อนำชิ้นส่วนส่งไปขายยังต่างประเทศนั้น เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลที่ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้มาในระดับหนึ่ง ส่วนจะมีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหนเพียงใด ขณะนี้ตนคงไม่สามารถตอบได้ และคงเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปตรวจสอบ
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้รับทราบข่าวการซื้อขายพะยูนก็ได้แจ้งไปยังนายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ให้รับทราบในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตั้งแต่ต้นปี 2552 เป็นต้นมา มีพะยูนต้องตายลงไปจำนวนมากจนผิดสังเกตุ และถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจ



จาก                         :                      ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 23 มีนาคม 2552

คนพวกนี้...จิตใจทำด้วยอะไร ทำไมโหดร้ายนัก   :'( :'( :'(

อ่านแล้วน้ำตาพาลจะไหล
มันอยู่ของมันดีๆ ก็ไปล่ามาบำรุงกำลัง

ทำไมเขาไม่รักสมบัติใต้ทะเลของเขาเลย
มันเป็นบ้านเขาแท้ๆ

 :'( :'( :'( :'( :'( :'(

เมื่อไร จะกำหราบ พวกหนักแผ่นดินเหล่านี้ให้สิ้นซะที
วอนต่อราชนาวีไทยให้จัดการด้วย ก็จะได้ซ้อมยิงจรวดไปในตัว
ใจดีกันเกิน ไม่เข้าเรื่อง
ทร. ออสเตรเลีย นี่ เขาเจอปุ๊บ จับ คน+ของกลาง แล้วก็จมเรือทันที คนถึงกลัวกัน มีแต่พวกสิ้นหนทางเท่านั้นที่กล้า

ใจร้ายมาก....
เศร้า :'( :'(

 :'( :'( :'(

ตั้งแต่ต้นปีพะยูนตายไป 25 ตัวแล้ว ไม่นับที่โดนจับไปอีก 10 ตัว ย้ำ ...

ตั้งแต่ต้นปีพะยูนตายไป 25 ตัวแล้ว ไม่นับที่โดนจับไปอีก 10 ตัว ย้ำ ...

ชาวบ้านเค้ายังรู้เลย ทำไมเจ้าหน้าที่ท่านไม่รู้ล่ะฮะ

 :( :( :(



 :'( :'( :'(

เลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

เลวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว

 :'(   :'(   :'(

ยันมีจริงขบวนการล่า"พะยูน"ส่งขายตปท. วิกฤตซ้ำ-ติดอวนพม่าล่าปลากระเบนตายแล้ว 25 ตัว


ตรัง-น.ส.กาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการ 8 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติชายฝั่ง และป่าชายเลน จ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากกรณีกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านต.เกาะลิบง ออกมาระบุว่าพบชาวประมงจากต่างถิ่น และชาวพม่า ลักลอบเข้ามาทำประมงแบบผิดกฎหมาย จนทำให้พะยูนต้องตายไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ยังพบพะยูนถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายในตลาดมืดทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์นั้น ตนเคยได้รับข้อมูลมาหลายปีแล้ว ว่ามีการส่งไปขายให้กับนายทุนที่มาเลเซีย และอีกส่วนหนึ่งถูกนำไปทำเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล และเป็นเรื่องเครื่องรางของขลัง แต่ปัจจุบันไม่ทราบว่ายังมีอยู่อีกหรือไม่

"การที่ชาวบ้านออกมาให้ข่าวการล่าพะยูนเพื่อนำชิ้นส่วนส่งไปขายยังต่างประเทศนั้น เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลที่ชาวบ้านรับรู้มาในระดับหนึ่ง เป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องตรวจสอบ ซึ่งก่อนหน้านี้หลังจากที่ได้รับทราบข่าวการซื้อขายพะยูน ก็ได้แจ้งไปยังเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบงให้รับทราบในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี 2552 เป็นต้นมา มีพะยูนตายมากจนผิดสังเกต ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันแก้ปัญหา" น.ส.กาญจนา กล่าว

นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง กล่าวว่า ล่าสุดพบพะยูนตายอีก 2 ตัว ที่แหลมจุโหย จากการติดอวนปลากระเบน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้เฝ้าระวังอยู่เป็นประจำ และได้ขอความร่วมมือจากชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ ไม่ให้ใช้เครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายต่อพะยูน ก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นอกจากจะเพิ่มการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังต้องประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ตระหนักถึงความสูญเสียของทรัพยากรธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งไม่เข้าไปทำประมงในแหล่งอาศัยและหากินของพะยูนโดยเด็ดขาด ตลอดจนการร่วมกันเฝ้าระวังไม่ให้คนจากต่างถิ่น เข้ามาลักลอบทำประมงในพื้นที่ต.เกาะลิบง



จาก                         :                      ข่าวสด    วันที่ 25 มีนาคม 2552

นอกเนือจากการล่าพะยูนแล้ว  เดี๋ยวนี้ เค้ามีอวนปลากระเบน ด้วยหรือค่ะ งงงงงงงงงงง

เดี๋ยวอีกหน่อยก็จะไม่มีปลากระเบนตัวเล็กตัวน้อย หรือ กระเบนราหูให้เราดูอีกแล้ว :-[  :-[  :-[

ที่สิงคโปร์มีขายสะเต๊ะปลากระเบนที่ตลาดโต้รุ่งค่ะ เหมือนฟู๊ดคอร์ทค่ะ เคยเห็นเมื่อหลายปีก่อน เศร้ามากเลยค่ะ เนื้อก็ไม่ค่อยจะมี ไม่มีอย่างอื่นกินกันแล้วเหรองัย

คนพวกนี้ ชอบคิดว่าทรัพยากรธรรมชาติ เป็นสิ่งที่ได้มาโดยไม่ต้องลงทุน แต่ไม่ทราบหรือไม่สนใจผลกระทบที่มีต่อสมดุลย์ของธรรมชาติ ระบบนิเวศน์และสิ่งแวดล้อม ที่จะย้อนมาหาในที่สุด ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ มันต้องแลกมา...แต่แลกมาด้วยอะไร ลำพังคนท้องถิ่นที่ไม่มีใครสนับสนุน คงทำเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ...

แม่หมูน้ำต้องเข้ามาแก้ข่าวบ้างแล้วคะ
     อย่างที่เคยบอกว่า อย่าไปเชื่อข่าวทุกข่าว หรือทั้งหมดของข่าว  ...... จริงๆ เรื่องการล่าพะยูนที่เกาะตะลิบง แม่หมูน้ำไม่สามารถเข้าไปเจาะข้อมูลเชิงลึกได้ จึงไม่กล้าที่จะออกมาทำเสียงดังแต่อย่างไร ... แต่ก็ได้ติดต่อกับทางนักหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นในจ.ตรัง ให้ช่วยทำข่าวให้ และได้โทรติดต่อหัวหน้ามีชัย ที่เขตห้ามล่าในเรื่องดังกล่าว....... จริงๆ เรื่องก็จะมีแค่นี้นะคะที่มาจากแม่หมูน้ำ ... เรื่องข้อมูลที่กระบี่นั้นเป็นเรื่องจริงที่ทีมงานของภูเก็ต เฝ้าติดตามเรื่องร่วม 10 ปี จนในที่สุดได้มีโอกาสพูดคุยซักถามผู้ครอบครัวที่เคยส่งกระดูกและเขี้ยวพะยูนไปขายที่มาเลเซีย......
..

       

ที่จริงวันนี้ตั้งใจจะมา post เรื่องเอกสารงานวิจัย และรายงานต่าง ๆ ทั้งไทยและเทศทั้งหมด ของกลุ่มสัตว์ทะเลหายาก ได้ ลง web เรียบร้อยแล้วคะ
 http://www.pmbc.go.th/webpmbc/MarEndager/Dowload.htmlท่านที่สนใจ click เข้าไป download ได้นะคะ เป็น pdf file คะ มีเรื่องเต่าทะเล โลมและวาฬ พะยูน หอยมือเสือ และเรื่องอื่นๆ คะ

      (ช่วงนี้ระบบ internet ของสถาบันฯ ถูกฟ้าผ่าคะ    เลยเปิดใช้งานเฉพาะวันเวลาราชการไปก่อนคะ ต้องขอโทษในความไม่สะดวกคะ)

      [    ลืมเล่าไปว่าแม่หมูน้ำเพิ่งพักร้อนเมื่อกลางมีนาคมนี้ เพื่อไปดูการเลี้ยงพะยูนในตู้เลี้ยงที่ Underwater World Singapore และ Sea World Indonesia ไปกับทีมงานทั้งหมด 5 คนคะ .....ว่างๆ จะส่งเรื่องมาเล่าให้ฟังอีกนะคะ ....คงต้องรบกวนพี่สายน้ำ หรือพี่สองสาย ช่วย edit ให้อีกทีนะคะ  ]

ชาวบ้านยังรู้ว่ามีคนเข้ามาในเขตเค้า ทำประมงผิดกฎหมาย แต่ทำไมเจ้าหน้าที่รัฐถึงไปไม่เคยทันพวกลักลอบล่าสัตว์ซ้ากที
น่าจะจับแล้วลงโทษหนักๆให้เป็นเยี่ยงอย่างจั๋งๆซักรายนะคะ

แต่กฎหมายบ้านเราค่อนข้างล้าหลัง ประกาศมานานแล้ว บทลงโทษพวกค่าปรับต่างๆมาถึงตอนนี้ก็ไม่ถือเป็นเงินมากมายเมื่อเทียบกับรายได้ที่พวกลักลอบจะได้จากการทำผิดกฎหมาย แล้วอย่างนี้ใครมันจะไปเกรงกลัวกฎหมายกันล่ะคะเนี่ย

ขนาดพยูนสัตว์รักสงบ พวกคนใจร้ายยังล่าไปทำเครื่องประดับ ทำยาโด๊ปได้อีก  :'( :'( ไม่คิดบ้างเหรอว่า ถ้าขนาดตัวมันยังเอาตัวไม่รอด มันจะมาช่วยโด๊ป ช่วยป้องกันคุ้มครองอะไรคนใส่ได้ล่ะเนี่ย เฮ้ออ :( :(

เรื่องนั่งเทียนเขียนข่าวหรือให้ข่าวนี่ ดูจะเป็นเรื่องที่ทำกันแพร่หลาย จนดูเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว.... :( 


จริงไม่จริงขอให้เป็นข่าวจากผู้ที่น่าเชื่อถือได้ไว้ก่อน  ใครจะเดือดร้อนตามมาอย่างไรก็ไม่สนใจ.... ;)


ขอบคุณน้องแม่หมูน้ำมากค่ะที่มาแถลงแก้ข่าว และเแจ้งเรื่องน่ารู้ในเว็บของศูนย์ฯ ภูเก็ต  ให้เราได้ทราบ..... :-* :-* :-*


ยินดีที่จะ edit เรื่องพะยูนในอควาเรี่ยมของเมืองต่างด้าวทั้งสองให้ค่ะ  พร้อมเมื่อไรส่งไปให้พี่สองสายได้เลยนะคะ.... :-*
 

เมื่อสองสามปีก่อน....สองสายเคยไปเห็นพะยูนที่ Underwater World Singapore   เห็นแล้วก็เศร้าใจ  เพราะพะยูนถูกขังในตู้แคบๆ มีหญ้าทะเลใส่ถาดเล็กๆเรียงไว้ให้กิน  พะยูนว่ายน้ำที่ขุ่นมัวขึ้นๆลงเพื่อกินหญ้าและหายใจสลับกัน  ตามเนื้อตัวพะยูนเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยขีดข่วน.....

เห็นแล้วน้ำตาไหลด้วยความสงสาร  แล้วพอคิดไปว่านั่นเป็นพะยูนจากบ้านเราถูกจับมาแน่ๆ  ความโกรธก็ตามมา  แต่เมื่อเราทำอะไรไม่ได้....ก็เลยได้แต่กลับมาเศร้าเหมือนเดิม..... :'(

ขอบคุณมากคะ พี่สายชลที่จะช่วย edit เรื่องให้อีก ...... ไม่ทราบว่าพี่มีรูปพะยูนที่สิงคโปร์หรือเปล่าคะ.... คือตึกค่อนข้างแปลกใจที่เค้าเลี้ยงมานานถึง 11 ปี แต่ขนาดกับเล็กมาก (ไม่มีลักษณะแกรน นะคะ คือไม่ผอม) ความยาวตัวแค่ 1.6 เมตรกว่าๆ น้ำหนักแค่ 160 กก. เห็นจะได้คะ... คือหากไม่บอกว่าอายุ 11 ปี ตึกคงเดาว่าสักแค่ 5- ปีเป็นอย่างมาก...... หากมีรูปเปรียบเทียบอาจพอบอกได้ว่าเป้นตัวเดียวกันหรือไม่ ...เพราะเจ้าตัวนี้มีลักษณะ หางที่เว้าเข้าไปลึกมาก.... ไม่เคยเห็นมาก่อนในลักษณะแบบนี้คะ

ด้วยความยินดีค่ะน้องแม่หมูน้ำ..... :-* :-* :-*


เจ้าพะยูนที่พี่ได้เคยเห็นที่ Sentosa, Singapore นั้น  ก็ตัวเล็กเหมือนยังโตไม่เต็มวัย  ตู้ที่ใส่เขาไว้นั้น ก็มีขนาดราว  2.5x2.5x3.5 เมตร เท่านั้น ใหญ่กว่าตัวเขาไม่เท่าไร เห็นแล้วก็อึดอัดแทน  มันเหมือนกรงขังชัดๆ.... :'(

ตอนนี้พี่สองสายอยู่พัทยาค่ะ.....เดี๋ยวกลับถึงกรุงเทพฯ จะไปหาภาพพะยูนตัวนั้นมาลงให้ชมนะคะ

ส่งรูปพะยูนที่สิงคโปร์มาให้ดูคะ  ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 15 มีค นี้คะ

ปกติพะยูนอายุ 11 ปี โตเป็นสาวเต็มที่แล้ว ควรมีความยาวลำตัวสัก 2.2 เมตรขึ้นไป และหนักราว 220-250 กก คะ
แต่เจ้าตัวนี้เล็กจริงๆ แม้เค้าจะบอกว่ามันหยุดการโตไปช่วงหนึ่งก็ตาม

พะยูน  พะยูน อยากเห็นพะยูนตัวเป็นๆๆ เวลาดำน้ำจังเลยค่ะ 

คงจะน่ารักน่าดูเลย.....  :-*  :-*  :-*

 :'( :'( เศร้าใจหากเป็นเรื่องจริงค่ะ  แต่อย่างแม่หมูน้ำบอก ข่าวทุกข่าว แม้มาจากผู้สื่อข่าว ก็ต้อง กรอง

 และหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมค่ะ


ปูเสื่อรออ่านเรื่องของแม่หมูน้ำไปดูงานอยู่นะค่ะ


ว่าแต่ ทำไมคนไทย ใจร้ายแบบนั้น จริงๆ หรือ

โอ้.....น้องพะยูนตัวที่น้องแม่หมูน้ำนำมาลงให้ชมนี้ดูสวยงาม...ไร้รอยแผล และแข็งแรงกว่าตัวที่พี่เคยเห็นมาก  แต่ขนาดตัวน่าจะพอๆกันค่ะ


เดี๋ยวพรุ่งนี้ถึงบ้านแล้ว คุณสายน้ำจะค้นภาพมาใหัชมนะคะ.... 8)

ตัวที่นู๋ไปเจอก็ขาวผ่อง เนื้อนวลไร้รอยขีดข่วนเหมือนกันคะ...แต่ดูเศร้าสร้อย เชื่องช้า
และตู้ที่เขาอยู่เหมือนพี่น้อยบอกอะคะ มันแคบมาก แล้วก็มีกะบะเล็กๆ ใส่หญ้าอยู่ด้านล่าง ประมาณต้องดิ่งหัวลงมากินหญ้าโชว์เลยคะ
ยังนึกในใจว่า...ทำไมมันเอาสัตว์สงวนเรามาทรมานแบบนี้นะ  :'( :'( :'( 

อยากเห็นพะยูนอยู่กับธรรมชาติจังเลย  :P

ได้ภาพมาแล้วค่ะน้องแม่หมูน้ำ......ไปๆมาๆ  ถ่ายภาพมาจาก Sentoza, Singapore  ตั้งแต่วันที่  8 เมษายน 2547 หรือเมื่อเกือบห้าปีก่อนแล้วล่ะค่ะ  จำได้ว่าเขาเพิ่งเปิดหลังการปิดปรับปรุงใหญ่ได้ไม่นาน .....  

ดูไปดูมา....น่าจะเป็นตัวเดียวกันนะคะน้องแม่หมูน้ำ เพราะหางมีลักษณะเหมือนกัน  ผิวก็สีเดียวกัน แต่แผลมากกว่า (ตรงหางเหมือนติดเชื้อรา)   

ดูเหมือนเขาเพิ่งจะถูกจับมาใส่ตู้ได้ใหม่ๆนะคะ เพราะมีอาการไม่ปกติ  งุนงงและว่ายขึ้่นว่ายลงตลอดเวลา....


น่าสงสารค่ะ.... :'(

ที่ Sentosa นอกจากพยูนจะน่าสงสารแล้ว น้องน้อยเพ็นกวินก็สภาพแย่มาก ๆ เช่นเดียวกันค่ะ ตัวผอมเพรียว ขนชี้ไปมาไม่ได้เป็นทางเดียวกัน เหมือนเอาเจลไปใส่ไว้ ทำให้เป็น  spiky hair อ่ะค่ะ

เป็นที่น่าเศร้าใจว่าสถานที่นั้นน่ะเล็กเหลือประมาณ ถ้าไปดูฉลามในตู้ที่รวม ๆ กันอยู่ ฉลามแต่ละตัวนอนอ้วนแบบไม่ขยับเท่าไหร่เลยค่ะ

แต่อย่างว่านะคะ ถูกจับมาใส่ตู้ยังดีกว่าถูกจับไปทำเป็น อาหาร delicacies ทั้งหลาย ถ้าเป็นฉลามบางทีอาจถูกจับขึ้นมาแค่ตัดครีบ แล้วก็โยนทิ้งกลับทะเลไป ไม่ตายทันทีก็ถูกสัตว์อื่นทำเป็นอาหาร กว่าจะขาดใจตายก็ต้องทรมาณอยู่นาน   :'(   :'(   :'(

ขอบคุณมากคะพี่สายชลสำหรับรูปพะยูนที่ Sentosa น่าจะเป็นตัวเดียวกันคะ โดยจุดเด่นที่ลักษณะของเว้าหาง   แม่หมูน้ำแนบรูปพะยูนที่เห็นลักษณะของแพนหางที่เว้าไม่ลึกมากคะ

   ที่นั่น เค้าจะเลี้ยงพะยูนร่วมกับปลา และปลาฉลาม พอถึงเวลาให้อาหารปลาฉลาม เค้าจะต้องต้อนพะยูนเข้าไปบ่อด้านใน เพราะไม่งั้นอาจเกิดเหตุการณ์วุ่นวายกันภายในตู้เลี้ยง ... แหละตอนกลางคืน เค้าก็จะให้พะยูนอยู่ข้างในเหมือนกันคะ .... อาหารอีกส่วนหนึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ป้อนให้ด้านใน.... เพราะเค้าไม่อยากให้มีเศษหญ้าทะเลลอยปะปนในน้ำในตู้ด้านนอกคะ

 :( น่าสงสารจริง จะกินจะอยู่ดูไม่มีอิสระเอาซะเลย .. :'( :'(

มีข่าวน่าเศร้าและไม่น่าให้อภัยมาแจ้งคะ

        ก้อเรื่องข่าวล่าพะยูนอีกนั่นแหละคะ..... ที่แรกแม่หมูน้ำไม่ได้ปักใจเชื่อทั้งร้อยเปอร์เซน .... แต่เมื่อวานก็ได้รับการร้องเรียนมาอีกนะคะ

       แหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ รายงานว่าแก๊งล่าพะยูนเป็นชาวประมงทางบ้านตะเสะ ตอนใต้ของจ.ตรัง ต่อกับจ. สตูล  มาดักจับพะยูนบริเวณที่มีพะยูนมากที่สุดคือเกาะตะลิบง หรือเกาะลิบง โดยการวางอวนลอยปลากระเบน และเบ็ดราไว (เบ็ดราวปลากระเบน) บริเวณทื่พะยูนเข้ามาหากิน และรอบ ๆ เกาะ ในตอนนำขึ้น พอนก้ลงก็จะกลับมากู้อวนหรือเบ็ด แล้วหากติดพะยูน ก็จะมีเรือเร็วอีกละ (เรือติดเครื่องยนต์ของรถปิ๊คอัพ - ขับได้เร็ว) มารับซากแล้วนำไปส่งที่ด่านสะเดา ขายต่อในมาเลเซีย.... ราคานั้นบอกว่าตัวละ 5 หมื่น บางตัวที่ตายเน่า ก็ฝังไว้ เพื่อเก็บกระดูกขายได้อีก กก.ละ 4-5 พันบาท เนื้อสดขายกันกิโลกรัมละ 100-200 บาท

 >: >:((แม่หมูน้ำ เหมือนอุณหภูมิสมองขึ้นสูงสุด.... ที่รู้เรื่องเมื่อวานนี้นะคะ..... ก็ได้ประสานดีที่สุด คือให้ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลที่ 6 ที่ดูแลพื้นที่ จ.ตรังและสตูล เข้าไปตรวจสอบ รายงาน ผอ. เพื่อเสนอเรื่องไปที่อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง..... ให้ผู้ที่แจ้งข่าวทำหนังสือถึงทางเขตห้ามล่าหมู่เกาะลิบง หรืออุทยานฯ หรือผู้ว่าฯ เพื่อเป็นหลักฐานในการติดตามเรื่องต่อไป.....

   แม่หมูน้ำคิดว่า ..หากจะจับหรือปราบปรามกันจริงๆ ต้องทำได้สำเร็จ หากผู้ที่มีหน้าที่ได้ทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มความสามารถ...... น่าเป็นห่วงมากนะคะ...สำหรับพะยูนฝูงใหญ่ฝูงสุดท้ายของไทย......

    สมาชิก SOS มีใครมีความเห็นอย่างไรบ้าง..... หรือมีใครที่มีเส้นสายใหญ่ๆ... จะได้ช่วยผลักดันเรื่องนี้..... ขนาดเป็นข่าวครึกโครม..(มัน) ยังจับ ยังล่ากันอีก... การมาขึงอวนแบบนั้น มันผิดกฎหมายประมงด้วย เพราะเค้าไม่ให้ทำแล้ว.... และขึงในดงพะยูน มันจะเหลือเหรอคะ..... จากเดือนธันวาคมปีที่แล้วเป็นต้นมา .. มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่พะยูนจะถูกล่า 20 ตัวหรือมากกว่านั้น....

เลว....ร้าย....ใจดำ.....เห็นแก่เงิน....กันจริงๆเลย.... :-[


แสดงว่าข่าวที่ออกมาตอนแรกนั่นถูกต้องแล้วน่ะสิคะ แล้วคนมีหน้าที่ดูแลป้องกันเขาทำอะไรอยู่หรือคะ ถึงปล่อยให้มีการล่าพะยูนกันได้อย่างโจ๋งครึ่ม ข่าวออกมาแล้วก็ยังไปกลัวเกรง  เส้นคงใหญ่มากๆจริงๆแหล่ะค่ะ...


เรื่องนี้ร้องเรียนไปทางรายการโทรทัศน์ดังๆเลยดีไหมคะน้องแม่หมูน้ำ.... 8)  

ทราบว่าทางชาวประมงเค้าให้ข่าวกับนักข่าวช่อง 3 ไปแล้วนะคะ... ไม่แน่ใจว่าจะได้ออกอากาศรึป่าว.....

 เมื่อวานนี้แม่หมูน้ำได้ไปชี้แจงความสำคัญและความเป็นมาของบันทึกความเข้าใจเกี่ยวกับการอนุรักษ์พะยูนและแหล่งที่อยู่อาศัยของพะยูน (MoU พะยูน) ที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคะ.... ก็ได้นำเรียน่าน รมต. เกี่ยวกับการล่าพะยูน..ท่านได้สั่งการว่าให้ช่วยไปดูแนวทางแก้กฎหมาย ว่าฆ่าพะยูนมีโษเท่ากับฆ่าคน...

  แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เกี่ยวกับการแก้กฎหมาย......ที่จริงกฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้ถูกใช้อย่างจริงจังมากกว่าคะ

เห็นด้วย 100 % เลยค่ะน้องแม่หมูน้ำ  บ้านเรามีกฎหมายไว้ให้ละเลย....น้อยเหลือเกินที่ผู้ถือหรือผู้ใช้กฎหมายโดยตรง จะนำกฎหมายไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล.... 


มันเจ็บไปถึงกระดองใจ....ที่เห็นการกระทำผิด แต่ทำอะไรเองไม่ได้ แล้วจะไปขอความช่วยเหลือจากผู้รับผิดชอบโดยตรง เขาก็ไม่สนใจ....ไม่ใส่ใจ....


คิดแล้วอยากเป็น Super Woman...Wonder Wooman.....หรือ Bat Woman จะได้ไปปราบพวกทำผิดคิดร้ายต่อโลกเหลือเกิน...ให้ตายเถอะ.....โรบิน :-[  

ประมงพื้นที่บ้านเกาะลิบงอ้างยังคงมีการล่าพะยูนเกิดขึ้น
 

นาย ร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ. ตรัง ซึ่งประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน และบริการนำนักท่องเที่ยวชมพะยูนในพื้นที่เกาะลิบง กล่าวว่า วันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนได้รับทราบจากชาวประมงพื้นบ้านบ้านพระม่วง ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง ว่า พบเห็นชาวประมงพื้นบ้าน จากอ.หาดสำราญ จ.ตรังซึ่งได้เดินทางมาวางอวนตาเขียว หรืออวนลอย และสามารถจับพะยูนตัวใหญ่ น้ำหนักกว่า 100 กิโลกรัม ไปได้อีก 1 ตัว

โดยเมื่อจับขึ้นเรือได้ ก็นำเรือออกไปจากพื้นที่ทันที ซึ่งเชื่อว่าจะนำไปจำหน่ายอย่างแน่นอน จะเห็นว่า แม้ว่าจะมีการรณรงค์ให้เล็งเห็นความสำคัญต่อการอนุรักษ์สัตว์น้ำที่มีคุณค่า แต่ก็ยังคงมีการหาประโยชน์เกิดขึ้น " ผมได้ให้บริการนำนักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมพะยูนแทบจะทุกวัน ซึ่งจุดชมพะยูนอย่างใกล้ชิดที่สุดจะอยู่บริเวณเขาโต๊ะเต๊ะ พื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านปาตูบูเตะ ตำบลเกาะลิบง โดยจะสามารถชมได้ในช่วงที่อากาศแจ่มใส ในเวลาประมาณ 08.00-09.00 น. แต่ละครั้งจะสามารถเห็นพะยูนที่มาเล่นน้ำ และหากินหญ้าทะเลในระยะใกล้ๆ ได้ประมาณ 2-3 ตัว ทั้งนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เมื่อพบเห็นพะยูนจะตื่นเต้นและประทับใจมาก จึงเป็นจุดขายที่สำคัญในขณะนี้ แต่หากทุกฝ่ายไม่เร่งหามาตรการในการป้องกันการลักลอบจับพะยูน ก็คงจะทำให้เกิดการสูญพันธุ์ไปในอีกไม่นานอย่างแน่นอน " ชาวประมงพื้นบ้าน ระบุ

นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง จังหวัดตรัง กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้น พบชาวประมงพื้นบ้านต่างถิ่นนำเรือเข้ามา 1 ลำ และมีลักษณะของการพยายามที่จะกระทำผิดกฎหมายประมง แต่ยังมิได้ทำการใดๆ จึงยังไม่สามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ เจ้าหน้าที่จึงได้ไล่เรือลำดังกล่าวออกไปนอกเขตน่านน้ำตรัง



จาก                  :             เนชั่นข่าว   วันที่ 2 เมษายน 2552

เมื่อไหร่ข่าวพวกนี้จะหมดไปจากบ้านเมืองเราซะที...นะคะ  :'( :'( :'(

ไม่รักษาแล้วยังจะมาทำลายอีกเหรอ >:(
ใช้ไม่ได้เลย   พวกเห็นแก่เงิน