กระดานข่าว Save Our Sea.net

เชิญพี่สายน้ำ พี่สายชล และเพื่อนชาว Save Our Sea ไปชม Exhibition ที่ Neilson Hays Library วันที่ 1 เมษายน เวลา 18:00 น

พิธีเปิดวันที่ 1 เมษายนเวลา 18:00 ถึง 20:00 น. ระหว่างงาน ได้รับเกียรติแสดงเดี่ยวไวโอลิน โดยอาจารย์แนบ โสตถิพันธ์ และการแสดงเปียโนโดยศิลปินที่มาร่วมงาน การแสดงมีจนถึงวันที่ 30 เมษายน วันอังคาร ถึงวันอาทิตย์ เวลา 9:30-17:00 เว้นวันจันทร์

ภาพสวยมากๆค่ะ....สองสายมีภาพแบบนี้ฝีมือน้องปลื้มที่นำไปมอบให้ถึงบ้าน  ชอบมากกกกกก.....อยากถ่ายได้อย่างนี้บ้างค่ะ

วันเปิดแสดงภาพพี่สองสายไม่ติดธุระเร่งด่วนอันใด จะไปร่วมงานด้วยค่ะ.....ขอบคุณที่มาเชิญชวนและเชิญชมนะคะ.... :)

เป็นเกิยรติอย่างยิ่งครับ หากพี่ทั้งสอง ให้เกิยรติไปชมครับ เป็นการเปิดแบบสนุกๆ เป็นกันเองครับ
และขออนุญาติแนะนำสถานที่จัดงานด้วยเลยครับ
==================================
เลือกจัดที่นี่เพราะความประทับใจแต่หนหลัง และบรรยากาศของสถานที่

ข้อมูลสถานที่ จัดแสดง และผู้ออกแบบห้องสมุดเนลสัน เฮย์ส

มาริโอ ตามานโญ เกิดที่ ตูริน เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๔๒๐ ภายหลังจบการศึกษาทาง สถาปัตยกรรม จากสถาบันประณีตศิลป์ อัลแบร์ติน่า แห่งตูริน เขาได้มีโอกาส เดินทางเข้ามารับราชการกับ กระทรวงโยธาธิการ ของสยาม ตามานโญ เดินทางเข้ามาถึงกรุงเทพฯ ในปี พ.ศ.๒๔๔๓ และทำสัญญา ระยะเวลายี่สิบห้าปี กับรัฐบาล ในขณะนั้น เนื่องด้วย พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชนิยมใน ศิลปะอิตาเลียน ผู้บังคับบัญชา และผู้ร่วมงานของตามานโญ ในกระทรวง โยธาธิการ จึงเป็นชาวอิตาเลียนเกือบทั้งหมด ฝีมือ และผลงานของเขา เป็นที่ยกย่อง
        ตามานโญ ยังได้รับ ความไว้วางพระทัย และพระเมตตา จากสมเด็จฯ เจ้าฟ้า กรมพระยา นริศรานุวัดติวงศ์ องค์เสนาบดี กระทรวงโยธาธิการ ตลอดระยะเวลา ยี่สิบห้าปี ในการรับราชการ ในราชสำนักสยาม ผลงาน การออกแบบของเขา มีมากมาย เริ่มจากชิ้นแรกคือ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ต่อจากนั้น ก็ได้แก่ พระที่นั่งอัมพรสถาน และพระที่นั่งอภิเษกดุสิต ในพระราชวังดุสิต, วังบางขุนพรหม         ตำหนักปารุสกวัน และตำหนักจิตรลดา สะพานผ่านฟ้าลีลาศ, พระที่นั่งราชฤทธิ์รุ่งโรจน์ และก่อนจะสิ้นรัชกาล พระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้า เจ้าอยู่หัว ตามานโญ ได้เริ่มงาน โครงการขนาดใหญ่ สองชิ้น คือ พระที่นั่งอนันตสมาคม และพระราชวังพญาไท
        สถานีรถไฟสวนจิตรลดา, สะพานขนาดเล็กในชุด "เจริญ" ที่สร้างขึ้น ในโอกาส วันเฉลิม พระชนมพรรษา ของรัชกาลที่ ๖ หลายแห่ง, ที่ทำการ กระทรวงพาณิชย์, บ้านนรสิงห์ ของเจ้าพระยา รามราฆพ (ปัจจุบันคือ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล)

        บ้านบรรทมสินธุ์ ของเจ้าพระยา อนิรุทธเทวา (ปัจจุบันคือ บ้านพิษณุโลก) และ ห้องสมุด เนลสัน เฮย์ส
(จากวารสารเมืองโบราณ)

ผมเดินผ่านที่ห้องสมุดนี้สมัยเป็นนักเรียน จนได้กลับไปเยือนอีกครั้ง และเลือกที่นี่ด้วยความประทับใจสมันเด็ก บวกกับบรรยากาศที่ร่มรื่นครับ อยากมีโอกาสต้อนรับทุกๆท่านครับ

ด้วยความยินดีเช่นกันค่ะน้อง nudie.... :-*

ชอบห้องสมุด  Neilson Hays มากๆ เช่นกัน ความคลาสสิคของอาคารนั้น เพียงได้เดินเข้าไปเห็น ก็ทำให้เกิดจินตนาการย้อนยุคไปไกลเลยค่ะ

Garden Gallery & Café

 “The REFLECTIONS”
An exhibition by Thirach Rungrangknokkul
1-30 April 2008

‘The ReflectionS’ is a unique photo exhibition by Thai photographer and jeweler designer Thirach Rungrangknokkul. The very colorful images shown in this exhibition were taken directly through and from stained glass of Wat Phra Kaew and Wat Xieng Thong in Bangkok and Luang Prabang. The combination of the vibrant colors, light effects and focus on details give the pictures an amazing semi-abstract feel.

Thirach explains the deeper meaning of his current work by “…stained glass represents Lord Buddha’s teaching that will bring the viewers a journey of the deeper meaning of ‘inner self’ through the Reflection…”

Thirach is an experienced photographer, who has been studying printing, color separation and photography since 1980. Additionally Thirach is a Thai jeweler with over 20 years of experience and underwater photography instructor. During his career, Thirach has been using different mediums in different shapes, forms, texture, and colors to communicate with his audiences. His mediums include precious metals, woods, precious color stones, colorful enamels, and his photos. During this exhibition all of Thirach’s photos are printed on canvas without photo-shop enhancement.

The opening reception will be held on April 1 from 6:00pm until 8:00pm serenaded by senior artist, Mr. Nab Sotthibandhu, violin solo and piano solo by other artists.

If you would like further information about the artist, or the opportunity to interview Thirach Rungrangknokkul please contact Susanne van Laarhoven or Vivian Ploem, Curators of the Garden Gallery & Café at the Neilson Hays Library, by email at susannevl@yahoo.com or vivploem@truemail.co.th or phone at 02 233 1731.

The Garden Gallery & Cafe opening hours are: Tuesday – Sunday 9:30 - 17:00. 

 :) :-*

ผ่านหลายรอบยังไม่เคยเข้าไปดู ไว้ต้องแว๊บเข้าไปชมหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะ :-*

ชอบค่ะ ชอบ ถ้าว่าง(หมายถึงอาจงดเรียนโยคะ)  จะตามไปชมนะค่ะ  ชอบชมงานศิลปะ  และคิดว่า งานแบบนี้ถ้าเป็น เพื่อนๆจัด ก็น่าที่จะไปให้กำลังใจกัน  เพราะจะเป็นงานเฉพาะกลุ่มจริงๆ

อีกอย่างเคยไปงานแต่งงานเพื่อนที่นี่ด้วย (เพื่อนแต่งกับหนุ่มอังกฤษค่ะ) ใช้ที่นี่ ตัวสถานที่ก็  ART มาก งานออกมาก็น่ารักมาก 

เอ...พี่สองสายขา ไงๆ ถ้าไปแถวนั้นแล้ว นัด พี่ๆน้องๆ ไปอุดหนุน ข้าว+กับ+ไอติม ร้านพี่  Sea man  ดีไหมค่ะ 

 ;D ;D ;D

อุ๊ยยยย.....ความคิดเป็นเลิศประเสริฐศรีจ้ะ เดี๋ยวไปเปิดกระทู้นัดกันเลยดีไหม

แต่พี่สองสายคงอยู่ดึกไม่ได้  เพราะวันรุ่งขึ้นต้องบึ่งรถตู้ซิ่งไปภูเก็ตเพื่อลงเรือทำงานที่สิมิลันจ้ะ  
 

"ห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส" ห้องสมุดเล็กๆ แต่ร่มรื่นริมถนนสุรวงศ์ ห้องสมุดแห่งนี้ ฟังจากชื่อดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นห้องสมุดของฝรั่ง และแน่นอนว่าเป็นหนังสือฝรั่งด้วยเช่นกัน

 
 
บรรยากาศร่มรื่นของห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส
 
 
       ความน่าสนใจของห้องสมุดแห่งนี้อยู่ตรงที่ประวัติความเป็นมาที่เก่าแก่ ตั้งแต่พ.ศ. 2411 ภรรยาของหมอบรัดเลย์และหมอสมิธ ได้ก่อตั้ง "The Bangkok Ladies Library Association" สำหรับแลกเปลี่ยนหนังสือกันอ่านในหมู่ชาวต่างชาติ นางเจนนี่ เนียลสัน เฮย์ส ภรรยาของหมอ ที เฮวาร์ด เฮย์ แพทย์ใหญ่ประจำการในกรมการแพทย์ทหารเรือไทย ก็ได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งและเป็นกรรมการดำเนินงานเกี่ยวกับห้องสมุดอยู่ถึง 25 ปี นางเจนนี่เป็นคนรักการอ่านและดูแลหนังสือต่างๆ เป็นอย่างดี ภายหลังการเสียชีวิตของเธอในพ.ศ.2464 หมอที เฮวาร์ด จึงได้สร้างห้องสมุดขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่ภรรยา ห้องสมุดนี้จึงถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักก็ได้ด้วยเช่นกัน
       
       สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างของห้องสมุดนี้ก็คือ ได้รับการออกแบบจากสถาปนิกชาวอิตาเลียนชื่อมาริโอ ตามานโยผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม เป็นอาคารชั้นเดียวแบบนีโอ คลาสิค หลังคาเป็นทรงโดม ที่หัวเสาทุกต้นสลักลวดลายสวยงาม ใต้ตัวตึกเป็นบ่อน้ำเพื่อให้ความเย็นภายในอาคาร แต่ปัจจุบันใช้วิธีติดแอร์สร้างความเย็นแทนแล้ว

 
 
มีหนังสือภาษาอังกฤษดีๆ ให้อ่านในห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ส
 
 
       หนังสือต่างๆ ภายในห้องสมุดนี้มีหลายพันเล่ม ให้บริการสำหรับสมาชิกไม่จำกัดชาติ ภาษา อายุ และในช่วงเช้าวันเสาร์ก็ยังมีกิจกรรมเล่านิทานสำหรับเด็กอีกด้วย อีกทั้งภายในยังมี "โรทันดา แกลเลอรี่" แกลอรี่เล็กๆ ที่เอาไว้จัดแสดงผลงานศิลปะจากศิลปินหมุนเวียนกันไป
 



จาก http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9510000023701

เคยเดินผ่านห้องสมุดนี้หลายครั้งตอนสมัยเรียน แต่เป็นตอนปิด+มืดแล้วทุกที
เห็นแล้วชอบบรรยากาศ แต่ไม่เคยได้แวะเข้าไปเลย
ไว้จะแวะไปชมนะคับ

frappe เหมือนกันเลย ตอนเรียนมัธยม ก็ได้แต่นั่งรถเมล์ผ่านไปมา(จะไปท่าเรือ)  ผ่านทีก็อ่านชื่อห้องสมุดที ไม่มีโอกาสได้เข้าไป  จนกระทั่งทำงานแล้วไปงานแต่งงานเพื่อน  เข้าไปครั้งแรกก็หลงรักห้องสมุดนี้ทันทีเพราะร่มรื่น น่ารัก  เงียบสงบมาก

พี่สายชลคะ  งั้นเดี๋ยวไปตั้งกระทู้ ชมงานศิลปะ  แวะหม่ำของอร่อยดีกว่านะค่ะ

ของอร่อยย่านนี้มีหลายอย่างครับ เช่น ภัตตาคารสีลม มีขนมปังแกงมัสหมั่นแบบไหหลำ ขาหมูตรอกซุง กับ หลังตึกสเตทฯ หรือจะเป็นบะหมี่ข้างสีลมcomplex ราดหน้าแสนยอด รับรองความอร่อย
ซานอตตี้ไม่นับ เพราะอบรมพนักงานน้อยไปหน่อย หากอยากได้บรรยากาศก็ เมซซาลูน่า สเตททาวเวอร์ พิซซ่าสูตรอิตาเลี่ยนที่มาเรีย อาหารอินเดียที่ หัวถนนสีลม อาหารไทยที่ตลิงปลิง จาระไนไม่หมดครับ แล้วพบกันครับ  :)

http://www.neilsonhayslibrary.com/exhibits.shtml

อิๆ....น้อง nudie มาช่วยฟื้นความจำเกี่ยวกับร้านอาหารย่านสีลม - สุรวงศ์ ถิ่นทำงานเก่าของสายชล  พอนึกไปถึงรสชาติของอาหารในร้านต่างๆที่น้องเอ่ยมา เกิดอาการหิวมื้อเที่ยงขึ้นมาเลยค่ะ.... :)

ถูกต้องเลยค่ะพี่สายชล  อ่านแล้ว ใช่เลย นึกถึงขนมปังเนื้อนุ่มแสนอร่อยของภัตตาคารสีลม  เด็กๆ พระบิดาพาไปทาน ถ้าจำไม่ผิดจะมีกระดูกซี่โครงหมูอร่อยด้วยค่ะ

คิดถึง คิดถึง ขนมปังเนื้อนุ่ม  จังเลย

 :-*

มาเรียนให้ทราบเพิ่มเติมว่า นอกจากอาจารย์แนบ และอาจารย์ช่วง มูลพินิจ จะมาเป็นเกียรติแล้ว ยังมีอาจารย์เชาว์ ที่ท่านเป็นผู้ขยายส่วน พุทธมลฑล ให้เกียรติมาร่วมงานด้วย เนื่องจากข้อจำกัดด้านสุขภาพ  ท่านเหล่านี้ไม่ค่อยได้ออกงานในช่วงหลังๆ จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้มาพบท่านครับ ผมได้รู้จักงานของอาจารย์ช่วง มูลพินิจ ตั้งแต่ตอนเป็นนักเรียน อ่านฟ้าเมืองไทย ผมว่าลายเส้นของท่านงามเป็นที่สุดแล้ว  :-*

เวลาเล่าความหลังแล้วชักรู้สึกว่าจะออกแนว... ชอบของขม ชมสาวๆ เล่าความหลัง หนังตาเหี่ยว มากขึ้นแล้วสิครับ (.....แต่.....ยังพ้นหัวแม่เท้าอยู่นะคร้าบ)  ;D

มาขอบคุณพี่สองสายที่เป็นพี่ที่อบอุ่น ใจดี และกรุณากับผมมาตลอด และขอบคุณเพื่อนๆที่มาให้กำลังใจครับ
ดอกไม้สวยที่สุดเลยครับ

และขออนุญาตนำบรรยากาศงานบางส่วนมาฝาก  :)

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันอาทิตย์ไม่ทำอะไร ไปดูดีกว่า..









ขอบคุณที่เอามาแนะนำจ้า..  :-*

อาจารย์แนบ และอาจารย์ช่วงก็กรุณามาให้กำลังใจเช่นกัน  ;)

อาจารย์แนบยังกรุณามาสีไวโอลิน และร้องเพลง ศิลปากร และอื่นๆอีกมากมายให้ฟัง

เป็นแกลลอรี่ที่บรรยากาศน่าสบายจัง  ;)

WayfarinG  ไปชมเถอะ แล้วจะรู้สึกทึ่งเจ้าของงานว่า ทำไมช่างเป็นคนที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้  ดูแล้ว เข้าใจเลยว่าคนที่เป็นศิลปิน

จริงๆนั้น  ช่างมีมุมมองและสายตาที่มองอะไรเป็นศิลปะที่มองอะไรไม่เหมือนคนทั่วไปจริงๆ 

ตอนไปเดินดูกับ  Vita ดูภาพแล้วหันมาถามกันเองพร้อมกันเลยว่า ถ่ายยังไงน่ะ  ทีแรกเข้าใจว่าเจ้าของงานถ่ายซ้อนจากกระจก

เงาแต่ภายหลังจึงทราบว่าถ่ายจากตัวกระจกที่ติดอยู่กับสถานที่เลย แจ๋วจริงๆ  โดยเฉพาะการนำมาพิมพ์บนผ้าใบสำหรับวาดสี

น้ำมัน  ให้ความรู้สึกว่าภาพนั้นๆ ช่างสวยงามจริงๆ อาจเป็นด้วย concept ของงานที่อยากให้งานแสดงภาพในครั้งนี้ออกมาเป็น

โทนสีนี้นะค่ะ   แล้วไหนจะบรรยากาศงานที่น่ารักมากเลย ตอนนั่งรอพี่สองสาย ได้ฟังหนุ่มน้อย(หนุ่มน้อยจริงๆ) เล่นเปียโนอีก   ;D

เรียกว่าบรรยากาศโรแมนติกมากๆเลย + กับสถานที่ด้วยนะ ยังคุยกับ  vita ว่า เพิ่งรู้ว่าที่นี่มีให้เช่าสถานที่แสดงงานแบบนี้ได้

 แต่ติดตรงที่จอดรถนี่หล่ะ    :( :(

ยังไงต้องให้ คุณ  nudie  มาแจ้งแถลงไขเองแล้วหล่ะค่ะ  แต่ที่อยากรู้คือใช้เวลานานแค่ไหนที่จะต้องเวียนเข้า

เวียนออกวัดพระแก้ว (สนามหลวง)  กับ วัดเชียงทอง (หลวงพระบาง)  แล้วทำไมถึงมองเห็นมุมเหล่านั้นได้ ทึ่งจริงๆค่ะ

ชื่นชมนะค่ะ   :-* :-* :-*     กับมุมมองที่ตัวเองไม่เคยเห็น ต่อไปนี้ถ้าไปทั้ง 2 วัดนี้ จะต้องลองไปสังเกตดูบ้างแล้วหล่ะค่ะ  ;D ;D

อยากชมๆ  ;D
เดี๋ยวแวะไปชมสุดสัปดาห์นี้ดีกว่า

ไปดูกันวันอาทิตย์มะเป้.. ผู้ใดว่างอยากไปชมงานไปด้วยกันเน้อ.. ^^

โอเชค้าบ  ;D

Happiness is every where….we pass by every day…we can experience it if we open our mind and care enough.

 The Reflections are every where too…if we pay attention. Just like we see our own reflections in a mirror every morning. (I hope you do!). This is not new.

 These ReflectionS are there…some where…they are not new too and to be honest, I did not invent them. I am a messenger who captured the moment and shared with you. So next time you pass by, you know they are there. They are humble and only reveal themselves to the person who has a little more time and some intention to appreciate them.

 These images are not filtered, not Foto-Chopped, not manipulated. There were captured, printed on canvas and shared with you.

 Tips of the day: even though silicone, plastic surgery and Foto-chopped are everywhere, it is not necessarily that every girl is from 'silicone valley' and every image in this world is Foto-chopped!    At least these images.
===============================================================================
ขอบคุณมุมมองที่สวยงามของคุณสายรุ้ง และต้องขอโทษด้วยที่ต้อนรับได้ไม่ดีอย่างที่ควรครับ ดีใจหากเพื่อนที่นี่จะสละเวลาไปชมครับ

แถมด้วยมุมสบายๆ ของ คุณ Ferraro เจ้าของ Signature Collection จากอเมริกา บินมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ Thank you so much...  ;D

โอ้ งานนี้ไม่รู้ว่ามีโอกาสเดินเฉียดไหล่คนดังระดับ อินเตอร์นะค่ะเนี่ย

ชอบข้อความนี้ ของคุณ nudie ค่ะ

Happiness is every where….we pass by every day…we can experience it if we open our mind and care enough.   The Reflections are every where too…if we pay attention.

เป็นข้อความที่ทำให้ได้ความคิดอะไรมากมายจริงๆ  ขอบคุณนะค๊า  สำหรับข้อความด้านล่างนี้ ที่ทำให้ทุกคนได้ชมงานศิลปะ ที่งดงามและไม่เคยสังเกตด้วยตาตัวเอง แฮะ แฮะ อายจัง

 I am a messenger who captured the moment  and shared with you   :D :D :D :D

เปิดคอร์สพาชาว  Sos ไปถ่ายรูปบ้างซิค่ะ   :D :D :D ;D ;D ;D

แงแง วันนี้ห้องสมุดปิด ไปเก้อเลย ฮ่ะๆๆ
ไว้ไปใหม่ๆ  8)

ไม่เก้อหล่ะมั้ง ไปเดินเล่นที่อื่นแทน .... อิอิอิ   ;D ;D ;D

เมื่อวานเจอพี่จี๊ด (จีรนันท์ พิตรปรีชา)  ในงานสัปดาห์หนังสือ  ชวนไปเที่ยวชม พิพิธภัณฑ์สยาม (ชื่อใหม่)

Museum of Siam  หรือ  ศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ(ชื่อเก่า)  อยู่ตรงท่าเตียน   ที่ตึกกระทรวงพาณิชย์เดิม

(ตรงข้ามโรงเรียนวัดราชบพิธ)   

เป้ กับ พิงค์ และ ท่านอื่นๆ ใครสนใจไป รวมตัวกันไปไหม หาของ อร่อยหม่ำแถวนั้นด้วย หม่ำ หม่ำ แฮะ แฮะ

พิพิธภัณฑ์สยาม มีอะไรให้ชมมากมายจริงๆ เห็น พี่จี๊ด ปลุกปล้ำมานาน ในฐานะ ทีมงาน  ไปมะ ไปมะ   :D :D ;D


น้องหลีสบายดีหรือเปล่าจ๊ะ  อากาศทางโน้นเป็นไงบ้างตอนนี้

เรียนคุณ frappe ต้องขอโทษด้วย ทราบแต่ว่าปิดวันจันทร์ ไม่ทันได้นึกว่าปิดวันจักรีด้วยครับ สงกรานต์ก็หยุดวันที่ ๑๒ ถึง ๑๖ ครับ คงมีโอกาสไปเยี่ยมชมใหม่นะครับ

ขอบคุณคุณสายรุ้งสำหรับคำแนะนำดีดีครับ เมื่อมีโอกาส ผมชอบที่จะไปใช้เวลาตามวัดต่างๆ หรือสถานที่ที่เป็นรากเหง้าอันบ่งบอกความงามของวัฒนธรรม มีความรู้ไม่มาก แต่ก็ชอบเรียนรู้ครับ และก็อยากร่วมเดินทางกับเพื่อนที่นี่ เพื่อเรียนรู้ และแบ่วงปันประสพการณ์กันครับ ออกตัวไว้ก่อนว่ารูปที่ผมถ่ายก็เสียมากกว่าดีครับ   :-[

คงมีโอกาสได้ร่วมเดินทางถ่ายภาพร่วมกันครับ  :D

สนใจ Museam of Siam ครับ ขอลงชื่อไว้ก่อนเลยครับ  :)

สนใจเป็นอย่างยิ่ง เดี๋ยวตามไปหาดูในเวปนะจ๊ะ.. :-*

สนใจด้วยคับ Museum of Siam   ;D

เรียนพี่ nudie
ไม่เป็นไรค้าบ Frappe ก็เอ๋อด้วย ลืมนึกไปว่าเป็นวันหยุดราชการ  :(
เดี๋ยวไว้หาโอกาสไปชมใหม่คับ

เก็บมาฝากจาก กรุงเทพธุรกิจ ใช่ที่เดียวกันไหมครับ
===================

ทอดน่องท่องเมือง


มิวเซียมสยาม...'พิพิธภัณฑ์' พาเพลิน

: เรื่อง วิภาวี เธียรลีลา


"เราคือใคร มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วเราเป็นคนไทยหรือเปล่า" หลากคำถามประดังเข้ามาในความคิด

"ถ้าอยากรู้ ตามสายรุ้งนั่นไปซิ" เสียงหนึ่งเอ่ยขึ้น

รุ้งกินน้ำ แถบแสงเจ็ดสีที่ปรากฏบนท้องฟ้าหลังฝนตก เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ถูกนำมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเดินทาง รุ้งเส้นนี้เป็นเสมือนไทม์แมชชีนซึ่งจะนำผู้เข้าชม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ร่วมล้วงลึกแดนสุวรรณภูมิ ย้อนรอยสยามประเทศ และค้นหารากเหง้าแห่งความเป็นไทย

ริมฝั่งถนนสนามชัย ตรงข้ามโรงเรียนราชบพิตร แขวงพระบรมมหาราชวัง กรุงเทพฯ เคยเป็นที่ตั้งของตึกกระทรวงพาณิชย์ (เดิม) ที่มีอายุหลายสิบปี แต่ปัจจุบันได้รับการซ่อมแซมจนฟื้นคืนชีวิต กลายเป็นตึกสามชั้นสีเหลืองตั้งเด่นตระหง่าน พร้อมบทบาทหน้าที่ใหม่ภายใต้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ" เมื่อมองดูจากภายนอก สถานที่แห่งนี้คงไม่ต่างอะไรจากตึกเก่าที่ได้รับการบูรณะจนมีสภาพใหม่เอี่ยม หากแต่ภายในกลับบรรจุด้วยความสนุกสนานน่าตื่นเต้น รวมถึงความทันสมัย และขุมทรัพย์ทางปัญญาอย่างมหาศาล

ครั้นแล้วสายรุ้งก็นำทางเข้าสู่บานประตูห้องเบิกโรง ซึ่งเป็นห้องแรกในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ และเรื่องราวแห่งความรู้ก็เริ่มต้นขึ้น

ณ ห้องเบิกโรง ตัวละครทั้งเจ็ดต่างทยอยขึ้นปรากฏบนหน้าจอภาพยนตร์สายรุ้งบานใหญ่

"ความรู้ต่างๆ ในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ จะถูกถ่ายทอดผ่านตัวละครทั้งเจ็ดตัวที่อยู่ตามห้องนิทรรศการแต่ละห้อง" ผศ.พัชรี ชินธรรมมิตร รองผู้อำนวยการสถาบันการเรียนรู้และสร้างสรรค์(สรส.) เอ่ยขึ้น

หลังจากทำความรู้จักกับตัวละครทั้งเจ็ดตัวแล้ว สายรุ้งก็ทอดยาวไปยังประตูห้องที่อยู่ติดกัน เมื่อก้าวเข้ามาในห้องไทยแท้ ภาพการไหว้ การรำไทย มวยไทย และสิ่งของหลายอย่างจะปรากฏอยู่เบื้องหน้าผู้ชม พร้อมชวนให้ตั้งคำถามว่า วิถีชีวิตและสิ่งต่างๆ ที่เห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้น สิ่งไหนแน่คือความเป็นไทยแท้อันควรภาคภูมิใจ

เมื่อกล่าวถึงจุดเด่นของพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ รองผู้อำนวยการสถาบันอธิบายว่า นิทรรศการทั้ง 17 ห้องในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ อนุญาตให้ผู้เข้าชมสามารถสัมผัสและหยิบจับของทุกชิ้นในพิพิธภัณฑ์ได้ โดยเน้นให้ผู้ชมตั้งคำถาม และตอบสนองต่อกิจกรรมต่างๆ ที่เตรียมไว้ ทั้งการถ่ายทอดเรื่องราวผ่านตัวละครทั้งเจ็ดตัว เกมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการปฏิสัมพันธ์ระหว่างนิทรรศการกับผู้ชม ผ่านเทคนิคการนำเสนอที่ก่อให้เกิดความรู้ และการสร้างทักษะการเรียนรู้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม หลังจากเยี่ยมชมสองห้องแรกแล้ว คำถามมากมายอาจคับคั่งอยู่ในหัว สายรุ้งจึงนำทางผ่านขึ้นไปยังชั้นสาม ซึ่งผู้เข้าชมจะสามารถไขความลับของเรื่องราวทั้งหมดได้จากห้องนิทรรศการอีก 15 ห้อง โดยย้อนไปตั้งแต่เปิดตำนานสุวรรณภูมิ เมื่อครั้งที่กรุงเทพฯ ยังจมอยู่ใต้มหาสมุทร สุวรรณภูมิ หรือดินแดนแห่งทองนี้เป็นอย่างไร พุทธิปัญญาทิ้งหลักธรรมอะไรไว้ให้เราบ้าง สืบหาเรื่องราวของวีรบุรุษผู้กำเนิดสยามประเทศ ฝึกปรือยุทธศาสตร์ทางการรบของชาวสยามกับสยามยุทธ์ แนวคิดการสร้างชาติสร้างแผนที่ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษอย่างไร กรุงเทพฯภายใต้ฉากอยุธยา มีความคล้ายคลึงกันมากแค่ไหน ชีวิตนอกกรุงเทพฯ ก่อนการแปลงโฉมสยามประเทศ ก่อให้เกิดอะไร กำเนิดของประเทศไทยเริ่มต้นจากตรงไหน สีสันตะวันตกนำพาความมีชีวิตชีวาเข้ามาได้อย่างไร เมืองไทยวันนี้เป็นแบบไหน แล้วหากมองไปข้างหน้า พรุ่งนี้คนไทยจะเป็นอย่างไร เส้นทางสายรุ้งจะนำพาผู้ชมเข้าไปร่วมหาคำตอบของคำถามทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ผศ.พัชรี เสริมว่า พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ไม่ได้นำเสนอข้อมูล เพื่อตัดสินหรือตอบคำถามต่างๆ โดยตรง แต่จะหยิบยกข้อมูลและเรื่องราวที่เป็นข้อเท็จจริงมานำเสนอ แล้วเปิดโอกาสให้ผู้ชมเป็นผู้ตัดสินและหาคำตอบด้วยตนเอง นอกจากนี้ เนื้อหาต่างๆ ที่หยิบยกขึ้นมา ยังสามารถทำให้คนไทยเข้าใจความเป็นไทย และรู้จักประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นอีกด้วย

วันนี้ที่ห้างสรรพสินค้าและแหล่งชอปปิงต่างๆ เป็นสถานที่ดึงดูดใจของผู้คนในเมืองหลวง แต่ใครจะรู้อนาคตของการเปิดหน้าทศวรรษใหม่ ความเพลิดเพลินในพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ อาจทำให้ที่แห่งนี้กลายเป็นสถานที่ยอดนิยมของชาวกรุงก็เป็นได้

*******************************

: พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ หรือมิวเซียมสยาม เปิดให้บริการทุกวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-18.00 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร.0-2622-2599, www.ndmi.co.th

ที่เดียวกันค่ะ  ใครจะไปนัดกันไปชมไหมค่ะ ..ไปเรียนรู้ สยามร่วมกัน :D :D :D ;D ;D ;D :D :D

น่าสนใจมากๆ.. ไว้เรานัดไปดูกันดีกว่าเนอะ..  :-*

 ;D ;D ;D

โอเค นะค่ะ นะค่ะ  ;D ;D ;D  เดี๋ยวจะลองชวนผู้ปลุกปล้ำกับงานนี้มานาน (พี่จี๊ด จีรนันท์ พิตรปรีชา)

ไปเป็นวิทยากรน่ะ  ถ้าพี่จี๊ดว่างไปได้ แต่ตอนนี้ไม่อยู่ไป ญี่ปุ่นหล่ะ

ดีจังครับ ขอบคุณคุณสายรุ้งล่วงหน้า และขอจองบัตรล่วงหน้าด้วยครับ อยากช่วยประชาสัมพันธ์ให้เยาวชนไปกันมากๆด้วย  ;D ;D ;D
ช่วยกันส่งเสริมเรื่องดีงามให้สังคมน่าอยู่ ครับ   :-*

ได้ยินว่าน้องจี๊ดยินดีเป็นวิทยากรให้เราแล้วนะคะ.... ;D

ไปค่ะ....ไปเที่ยวชมของดีมีคุณค่าแก่การเรียนรู้ของคนไทยกันเถอะ.... :)

น้อง Nudie ขา....นางแบบที่ใส่บาตรอยู่ ดูจะใส่เสื้อโปร่งใสจังค่ะ  พระท่านคงรับของใส่บาตร โดยไม่กล้ามองสูงขึ้นมานานๆแน่เลยนะคะ... ;)

มายืนยันค่ะว่า ทาบทามพี่จี๊ด(จีรนันท์ พิตรปรีชา) เป็นวิทยากรพาชมได้แล้ว พี่จี๊ดยินดีค่ะ แต่ขอเป็นช่วงบ่ายๆ  พร้อมแนะนำว่า 

ชมพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วจะพาไปทานกาแฟเจ้าเก่าแสนอร่อบย่านนั้นด้วย  แล้วว่า เย็นอาจจะต่อด้วย ไปทานข้าวกันย่านสะพานพุธ

แต่โปรแกรมนี้อาจต้องรอ ท่านพี่ใหญ่ของเรา พี่สองสายกลับจาก ไปดำน้ำ  :o :o     ประเทศนอกกันก่อนนะค่ะ  คงจะประมาณ

ปลายๆเดือนพฤษภาคมโน้นเลย  8) 8) 8)

ขอบคุณสำหรับข้อสังเกตเรื่องเสื้อครับพี่สายชล เป็นสิ่งที่ผมไม่ได้สังเกตขณะถ่ายเพราะเวลาที่จวนตัวมาก เนื่องจากไม่ได้พักที่อัมพวา แต่เดินทางจากกรุงเทพแต่เช้ามืด เมื่อไปถึงก็เห็นแต่หลวงตาองค์นี้เพียงองค์เดียวที่พายเรือและเบี่ยงหัวเรือมารับบิณฑบาตรฝั่งเดียวกับที่ผมยืนอยู่ ไม่มีโอกาสตั้งหน้ากล้อง วัดแสง และเลือกมุมกล้องให้เหมาะสม ส่วนเสื้อผ้า เนื่องจากไม่ได้จัดฉาก หรือเตรียมการมาเองแบบหนังสือท่องเที่ยว ก็เป็นแบบตามมี ตามเกิด :D

ผมตั้งใจจะถ่ายทอดถึงความสงบเวลาเช้า ที่คนตั้งใจตักบาตร โดยที่ไม่ใช้ข้าวของแบบ ด่วนๆ เช่น ข้าวแกงก็ด่วนแบบชาวเมือง บางส่วน ที่ดูเหมือนตักบาตรแบบขาดวิญญาณ ซื้อตามร้านข้าวแกงแล้วตักกันเดี๋ยวนั้น สบายใจ ได้บุญ แบบด่วนๆ ตามสมัยนิยม และความตั้งใจ อีกประการหนึ่ง ที่เลือกบันทึกภาพ การบิณฑบาตรทางน้ำอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ใช่การจัดฉากถ่ายปฏิทิน ก็นับวันจะเหลือน้อยลง 

ผมทึกทักเอาเองว่า ตัวเองไม่ได้สังเกตเสื้อที่ดูเหมือนไม่รัดกุม แน่นหนา แต่ก็ไม่รู้สึกตื่นเต้น เร้าใจ ทั้งที่จัดเป็นคนห่างวัด ห่างวา หรือจะเป็นเพราะวัยของตัวเองที่เริ่มหนังตาเหี่ยว ดังนั้น หลวงตา ที่มีภูมิคุ้มกันหนาแน่นด้วยความสงบแห่งรสพระธรรมดังเกราะแก้ว  ผ่านพ้นปากเหยี่ยวปากกา มาจนหลายสิบพรรษา จิตท่านยิ่งต้องสงบกว่าหนูดีหลายร้อยเท่า หากจะมีความไม่นิ่งอยู่บ้าง ก็คงเป็นจิตแห่งความเมตตาที่ยังเคลื่อนไหวอยู่  :-*  และหากจะมีอย่างเดียวที่ขัดตาหนูดีก็คงเป็นมุมนั่งที่ผู้ตักบาตรอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าพระ แต่ก็ต้องยอมรับด้วยข้อจำกัดของธรรมชาติว่ามันก็เป็นเช่นนั้นเอง  มิฉะนั้นผู้ตักก็คงต้องไปลอยคอในน้ำ เพื่อไม่ให้สูงกว่าพระหรือเสมอพระ และต้องขอบพระคุณอีกครั้งสำหรับข้อคิดที่ปรารถนาดี ของพี่สายชลครับ  :-* :-*

มาเชิญพี่ๆ เพื่อนไปร่วมงานครบรอบ ๑๔๐ ปี ของห้องสมุด Neilson Hays อนุสรณ์แห่งความรักของคุณหมอ Hays ในวันที่ ๒ เมษายน นี้ และตลอดเดือน เมษายนครับ ขอต่อจากกระทู้เดิมเพื่อจะได้ทราบประวัติห้องสมุดครับ

นอกจากจะร่วมกับ Artists อีก ๒๖ คน แสดงงานในโอกาสนี้แล้ว ผมได้รับมอบหมายให้ออกแบบ Bookmark แบบ limited edition เพียง ๑๔๐ ชิ้น และ Cufflink ที่มีสัญลักษณ์ห้องสมุดด้วย เนื่องในโอกาสนี้ด้วย หากมีโอกาส ไม่ควรพลาดครับ

 :D

แวะมาอ่านค่ะ  วันก่อนได้อ่านหนังสือพิมพ์ ผู้จัดการ หน้า ปริทรรศน์ ที่ คุณ nudie  ลงสัมภาษณ์ด้วยค่ะ

เยี่ยม ค่ะ  อ่านไป อมยิ้มไป ชื่นชมค่ะ   

ว่าแต่  คราวนี้นำภาพอะไรไปแสดงค่ะ (เดือน เมษายน)    เห็นว่าช่วงเดือนนี้มีผลงานที่เคยทำปีที่แล้วไปจัดแสดงอยู่ใช่ไหมค่ะ

ต้องบอกว่า เมื่อปลายปีที่แล้วได้มีโอกาสไปวัดพระแก้วมา  เลยลองไปหามุมถ่าย จากกระจก (แบบครูพักลักจำค่ะ)

ก็ออกมาสวยดีค่ะ ฮิ ฮิ  ในความรู้สึกของคนถ่ายนะค่ะ  คือ ถ่ายไปก็นึกถึง คนต้นแบบไป (ถึงบอกว่า ครูพักลักจำไงค่ะ)

ตอนถ่ายใช้  G 9  ถ่าย ก็ลองมาหลายภาพอยู่แต่ โฟกัสได้ดี ไม่กี่ภาพ คือ ลองถ่ายดูค่ะ  ใช้เวลาเหมือนกันนะค่ะ  พอดีไปหลายคน

เลยลองถ่ายได้ไม่กี่มุมค่ะ   :D  :D   :D

ขอบคุณคุณสายรุ้งมากครับ
ผมทำงานชิ้นใหม่สำหรับงานนี้ครับ เป็นงานโลหะ อย่าลืมไปเยี่ยมเยียนกันนะครับ
ดีใจจังที่คุณสายรุ้งทดลองถ่ายภาพจากกระจกสี หากพอมีเวลามาแบ่งปันให้ชมกันบ้างสิครับ หากชอบเยี่ยมชมวัด ไม่ทราบว่าได้ไปชมสิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์หรือยัง มีบางจุดที่ไม่เคยเปิดให้ชมมาก่อน ผมไม่ได้นำกล้องไปด้วย เลยไม่ภาพมาแบ่งให้ชมครับ กลางคืนที่จอดรถสะดวกดี แต่มีเพื่อนไปด้วยก็จะดี เพื่อความปลอดภัย
ได้ทดลอง G9 กับ G10 ชอบมากเลยครับ เหมาะกับงานหลายหลาก และพกสะดวกด้วย จะต้องหาไว้ใช้บ้างแล้วครับ ช่วงก่อนเห็น G9 ขาดตลาด ไม่ทราบว่ามีของหรือยัง ต่อไปคงรวมกันเป็น แก๊ง หนอนแน่เลย  :D

ว้าว  เจ๋งจริงๆค่ะ   8)

โอวววว .. มีโอกาสคงได้ไปชมนิทรรศการด้วย(สอง)คน

แต่เพิ่งทราบว่ามีสิ่งมหัศจรรย์วัดโพธิ์ด้วยเหรอครับ พี่ nudie ว่างๆมาเล่าให้ฟังบ้างนะครับว่าคืออะไร
และเห็นด้วยกับพี่ที่ว่า อยากให้พี่สายรุ้งนำภาพมาโชว์บ้าง อยากเห็นภาพสะท้อนกระจก 6 สีครับ  :-*

The Center Yellow Symbol is 'Shou' = Longevity
The Cloud called Yun = Luck; repeating cloud pattern = Luck that is never ending
Peach flower = Longevity
Phoenixs mean to ' Bring a peaceful world'
The small symbol inside the Center Symbol are made of silver are  "Xi" mean Double Happiness
Stone blue topaz is the reflection of the blue sky.
Water = continuity

ไปชมนะครับ

ขอบคุณที่มาบอกกล่าวค่ะน้องหนูดี..... :-*