กระดานข่าว Save Our Sea.net

หมวดหมู่ทั่วไป => ห้องรับแขก => ข้อความที่เริ่มโดย: สายน้ำ ที่ พฤษภาคม 23, 2008, 12:50:48 AM



หัวข้อ: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ พฤษภาคม 23, 2008, 12:50:48 AM

เตรียมแผนปลดระวาง 200 แท่นเจาะน้ำมันในอ่าวไทย ทำปะการังเทียม


กรมทรัพยากรทางทะเลฯ เผยเตรียมเชิญหน่วยงานเกี่ยวกับทางทะเล หารือเพื่อเตรียมปลดระวางแท่นเจาะน้ำมันอ่าวไทย 200แท่นที่จะหมดสัมปทานในอีก 5 ปี หวังสร้างปะการังเทียม

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2551 นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เปิดเผยว่า ทาง ทช.ร่วมกับสถาบันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทะเล เช่น กรมประมง กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชย์นาวี กองทัพเรือ กรมอุทกกศาสตร์ กองเรือภาคที่ 1 และกองเรือภาคที่ 2 กรมยุทธการทหารเรือ รวมทั้ง กรมควบคุมมลพิษ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.) รวมทั้งกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ และนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล หารือเกี่ยวกับแนวทางการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตรเลียม 

เนื่องจากพบว่าอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมในอ่าวไทย จะเริ่มทยอยหมดอายุสัมปทานลงหากไม่ได้รับการต่ออายุสัมปทาน ดังนั้น จึงต้องมีการเตรียมความพร้อมเป็นอย่างดี เพราะต้องมีเทคนิคการรื้อถอน ที่ไม่ก่อผลกระทบสิ่งแวดล้อมทางทะเล ความปลอดภัย รวมทั้งได้รับการยอมรับจากทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง

นายสำราญ กล่าวว่า จากตัวเลขเมื่อปี 2550 พบว่ามีแท่นผลิตปิโตรเลียมในอ่าวไทยทั้งสิ้น 225 แท่น รวมทั้งท่อขนส่งปิโตรเลียมระหว่างแท่นต่างๆ ในพื้นที่ผลิตมีความยาวกว่า 1,000 กม. กำลังจะหมดอายุสัมปทาน ทั้งนี้ ตามพ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2550 มาตรา 80/1 ระบุว่าเจ้าของสัมปทานต้องรับผิดชอบในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ออกจากท้องทะเล

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีการคุยถึงการใช้ประโยชน์จากแท่นขุดเจาะเหล่านี้ โดยการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะและแท่นผลิตปิโตรเลียม ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่งในการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างเหล่านั้น เนื่องจากจะช่วยลดปริมาณวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว แต่มีความจำเป็นจะต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในภาพรวมทั้งหมด โดยเฉพาะผลกระทบต่อกระแสน้ำที่อาจจะสร้างปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งมากขึ้น 

นายวิชัย ธารณเจษฎา ที่ปรึกษาด้านสำรวจและผลิตปิโตรเลียม สถาบันปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า  ทางสถาบันฯมีการคาดการณ์ว่าอีก 5-10 จะมีเพิ่มแท่นขุดเจาะอีก 400 แห่ง เนื่องจากการใช้ต้องการใช้พลังงานมีสูงขึ้น ส่วนตัวเลขแท่นสำรวจเดิมที่จะปลดระวางนั้น อยู่ระหว่างการประเมินตัวเลขว่ามีกี่แห่ง  เนื่องจากบางแห่งก็ได้ต่ออายุสัมปานต่อไปอีก 10 ปีแล้ว 

ส่วนข้อเสนอการนำแท่นขุดเจาะไปสร้างปะการังเทียมนั้น อยู่ในขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดการรื้อถอนแท่นขุดเจาะฯตามข้อกำหนดในกฎกระทรวงของกฎหมายปิโตรเลียม เนื่องจากแท่นขุดเจาะและแท่นผลิตในอ่าวไทย มีหลายประเภทและมีการติดตั้งในทะเลที่มีความลึกตั้งแต่ไม่ต่ำกว่า  50-60 เมตร

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องคำนึงในการรื้อถอนมี 6 ส่วนทั้งเชิงเทคนิค ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ค่าใช้จ่าย กากของเสีย ด้านสุขภาพ เป็นต้น แต่ยอมรับว่าเป็นหนึ่งในทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ ซึ่งจากการศึกษาพบว่าในอ่าวเม็กซิโกนั้นมีแท่นขุดเจาะน้ำมันที่สร้างแหล่งปะการังเทียม 190 แท่น

ส่วน ดร.ปิ่นสักก์ สุรัสวดี ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ขณะนี้ทช.จัดทำแผนแม่บทการวางปะการังเทียมแห่งชาติขึ้น เพื่อเป็นคู่มือให้กับหน่วยงานต่างๆ รวมทั้งอบต. เนื่องจากขณะนี้มีการเสียงบประมาณปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาทในการสร้างแหล่งปะการังเทียม

ทั้งเพื่อแหล่งสำหรับบ้านปลา แหล่งท่องเที่ยว แต่ในอดีตมีการใช้ยางรถยนต์ไปสร้างแหล่งปะการังแล้วสร้างผลกระทบกลาย เป็น ขยะในท้องทะเล ดังนั้น ทช.จึงต้องกำหนดความเหมาะสมของวัสดุ ตลอดจนพื้นที่ที่เหมาะสม คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปใช้ได้ภายในอีก 2 เดือน




จาก                       :                 กรุงเทพธุรกิจ   วันที่ 22 พฤษภาคม 2551


หัวข้อ: Re: เตรียมแผนปลดระวาง200แท่นเจาะน้ำมันในอ่าวไทยทำประการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ พฤษภาคม 23, 2008, 01:28:24 AM
สงสัยว่า.. คงไม่มีน้ำมันให้เจาะแล้ว..  :( :( :'(


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ พฤษภาคม 24, 2008, 12:51:58 AM

"ภูเก็ต"จมฝูงบิน10 ลำ สร้างปะการังเทียม

(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/05/col01240551p1.jpg)
 
"อันดามัน"ฝั่งทะเลที่มีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ละปีหลายล้านคนโดยเฉพาะในจังหวัดภูเก็ต

การเดินทางของนักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่จะแสวงหาความสุขสงบจากแหล่งท่องเที่ยวตามธรรม ชาติ

หนึ่งในจำนวนนั้นคือ ดำน้ำดูปะการังและปลาสวยงาม

แต่ด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติที่เสียหายทั้งจากน้ำมือมนุษย์ และทางธรรมชาติ อาทิ สึนามิ ทำให้ปะการังจำนวนหนึ่งเสียหาย ทางจังหวัดภูเก็ตจึงมีความคิดริเริ่มสร้างปะการังเทียมขึ้น

นางสุวลัย ปิ่นประดับ ผอ.การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ เขต 4 กล่าวว่า แหล่งดำน้ำในทะเลอันดามัน เป็นแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เป็นจุดมุ่งหมายปลายทางของนักดำน้ำจากทั่วโลก ในปัจจุบันในแถบทะเลอันดามันมีแหล่งดำน้ำที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ เกาะตาชัย เกาะราชา แหล่งดำน้ำเรือจมคิงส์ครุยเซอร์ แหล่งดำน้ำชาร์กปอย กองหินมูสัง หินม่วง หินแดง เกาะหลีเป๊ะ เกาะตะรุเตา

นางสุวลัย กล่าวต่อว่า ในปี 2550 ที่ผ่านมามีนักดำน้ำเข้ามาท่องเที่ยวดำน้ำในแถบอันดามันประมาณปีละ 2 แสนคน จากประเทศเยอรมนี สแกนดิเนเวีย ฝรั่งเศส อิตาลี ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ทำให้เกิดรายได้ประมาณปีละ 3 พันล้านบาท
 
(http://www.matichon.co.th/news-photo/khaosod/2008/05/col01240551p2.jpg)

จากการที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ทำให้ปะการังทางธรรมชาติเสื่อมโทรมลงอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างแหล่งปะการังเทียมขึ้นมา เพื่อรักษาแหล่งดำน้ำในทะเลอันดามัน

กระทั่งมีการนำเครื่องบินมาทำปะการังเทียม เป็นแนวคิดหนึ่งที่หลายหน่วยงานร่วมมือกันจัดสร้างขึ้นมาเป็นระยะ ในครั้งนี้ถือว่าเป็นที่น่าสนใจเพราะมีการจัดสร้างปะการังเทียมโดยใช้เครื่องบินทั้งฝูงมาทำปะการังเทียม ซึ่งเครื่องบินที่นำมาทำปะการังเทียมในครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงลำเดียว แต่นำมาทำเป็นฝูง จึงเชื่อว่าเป็นปะการังเทียมแห่งแรกในโลกที่สร้างจากฝูงเครื่องบินที่ผ่านสมรภูมิรบของกองทัพอากาศถึง 10 ลำ

นางสุวลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการฝูงบินปะการังที่สร้างขึ้นที่จังหวัดภูเก็ตนั้น เชื่อว่าจะเป็นจุดดึงดูดให้นักดำน้ำจากทั่วโลกเดินทางเข้ามาดำน้ำที่จังหวัดภูเก็ตมากขึ้นอย่างแน่นอน รวมทั้งจะสร้างรายได้จากการดำน้ำให้กับจังหวัดภูเก็ตเพิ่มขึ้นปีละไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท

โดยในระหว่างวันที่ 20-25 พ.ค.นี้ มีการประชุมสมาพันธ์ดำน้ำโลกที่ประเทศอียิปต์ ในส่วนของการท่องเที่ยวจะนำแหล่งดำน้ำฝูงบินปะการังไปเสนอขายกับกลุ่มนักดำน้ำในงานดังกล่าวด้วยเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต กล่าวถึงฝูงเครื่องบินปะการังว่า ในขณะนี้ขบวนฝูงบินปะการังทั้งหมด 10 ลำ เคลื่อนขบวนไปยังท่าเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม ตำบลวิชิต เพื่อทำการประกอบตัวปีกเครื่องบินและทำฐาน เพื่อนำไปวางในทะเลที่อ่าวบางเทา ตำบลเชิงทะเลแล้ว เพื่อสร้างเป็นแหล่งดำน้ำแห่งใหม่ของจังหวัดภูเก็ต โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือของหน่วยงานต่างๆ หลายหน่วยงานด้วยกัน อาทิ อบต.เชิงทะเล กองทัพอากาศ จังหวัดภูเก็ต ททท. ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ภูเก็ต สำนักงานอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากร กองเรือภาค 3 กองเรือยุทธการ สมาคมดำน้ำและมูลนิธิเพื่อทะเลไทย

ล่าสุดทางจังหวัดมีการประชุมเพื่อเตรียมจัดงานการจมฝูงบินปะการังครั้งประวัติศาสตร์โดยทาง นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นประธานการประชุมเตรียมการจัดสร้างปะการังเทียม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำจังหวัดภูเก็ต โดยมีนายพรหมโชติ ไตรเวช ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกอบต.เชิงทะเล และคณะทำงานฝ่ายต่างๆ เข้าร่วม

กำหนดเดิมมีการเตรียมการต้นเดือนพ.ค. แต่ด้วยปัญหาพายุฝนทำให้กำหนดเลื่อนไปเป็นกลางเดือนพ.ย.

นายพรหมโชติ ท่องเที่ยวฯ ภูเก็ต กล่าวถึงการจัดสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำจังหวัดภูเก็ตว่า สำหรับตัวเครื่องบินที่ใช้สำหรับการจมเพื่อสร้างปะการังเทียมนั้น ประกอบเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้ง 10 ลำ ณ ท่าเรือน้ำลึก

เมื่อใกล้วันงานจะนำลงแพ เพื่อนำอ้อมเกาะไปลงที่หาดบางเทา ใช้เวลาเดินทาง 18 ชั่วโมง จากนั้นจะค่อยๆ จมจนเหลือลำสุดท้ายจะนำไปร่วมในพิธีเปิด ณ หาดบางเทา

ส่วนกิจกรรม มีการจัดนิทรรศการฝูงบินปะการังเพื่อทะเล และจัดมินิคอน เสิร์ต มีดารานักร้องร่วมอย่างคับคั่ง ส่วนในวันเปิดภาคเช้าจะมีกิจกรรม รวมถึงการแสดงของชุมชนเชิงทะเลและวิดีโอสรุปการเดินทางของเครื่องบินทั้ง 10 ลำ

นับเป็นงานสำคัญที่ไม่ควรพลาด!!




จาก                       :                 ข่าวสด   วันที่ 24 พฤษภาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: WayfarinG ที่ พฤษภาคม 24, 2008, 02:37:06 AM
เราจะมีโอกาสไปดำดูมันมั๊ยอะคะ.. :P


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มิถุนายน 04, 2008, 12:20:20 AM

สร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม

   
นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดี   กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า   ประเทศไทยจำนวนสิ่งก่อสร้างในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลจะเริ่มทยอยหมดอายุสัมปทานในอีก 5 ปีข้างหน้า จำนวน 225 แท่น รวมทั้งท่อขนส่งปิโตรเลียมระหว่างแท่นต่าง ๆ ในพื้นที่ผลิตมีความยาวกว่า 1,000 กม. ซึ่งตามกฎหมาย พ.ร.บ. ปิโตรเลียม 2550 มาตรา 80/1 ระบุว่า เจ้าของสัมปทานต้องรับผิดชอบในการ     รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ออกจากท้องทะเล กรมฯ จึงร่วมกับสถาบันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัด     การทะเล หารือเกี่ยวกับแนวทางการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม โดยเฉพาะ     เทคนิคการรื้อถอนที่ไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวด     ล้อมทางทะเล ตลอดจนข้อควรระวังจากแนวคิด การสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตร     เลียมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติและการยอมรับจากผู้มีส่วน ได้ส่วนเสีย   
 
“เบื้องต้นทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันให้เร่งศึกษาพื้นที่บริเวณอ่าวไทยที่เหมาะสมในการ  จัดวางปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตร  เลียมควบคู่ไปกับการสำรวจข้อมูลและผลกระทบ   ด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับแนวปะการังธรรมชาติ ความเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ การกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาเรื่องสารปนเปื้อน และความปลอดภัยทางการเดินเรือฯ จากนั้นจะนำข้อมูลที่ ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และร่วม กันประเมินความเป็นไปได้ในการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตรเลียมบริเวณอ่าวไทย ก่อนจะนำไปขยายผลเป็นส่วนหนึ่งของแผน    แม่บทปะการังเทียมของประเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการด้านงานวิจัยและการใช้ประโยชน์จากปะการังเทียมมีประสิทธิภาพมากขึ้น” รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกล่าว.




จาก                         :                               เดลินิวส์   วันที่ 4 มิถุนายน 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มิถุนายน 17, 2008, 01:10:41 AM

"ทช."เตรียมเนรมิต 225 แท่นขุดน้ำมัน กลางทะเลอ่าวไทย ทำ"ปะการังเทียม"   
 

 นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) เปิดเผยว่า จำนวนสิ่งก่อสร้างในการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในทะเลของประเทศไทย จะเริ่มทยอยหมดอายุสัมปทานในอีก 5 ปีข้างหน้า จำนวน 225 แท่น รวมทั้งท่อขนส่งปิโตรเลียมระหว่างแท่นต่างๆ ในพื้นที่ผลิตมีความยาวกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งตามกฎหมาย พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2550 มาตรา 80/1 ระบุว่า เจ้าของสัมปทานต้องรับผิดชอบในการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง วัสดุ อุปกรณ์ออกจากท้องทะเล ดังนั้น ทช.จึงร่วมกับสถาบันการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทะเล หารือเกี่ยวกับแนวทางการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะปิโตรเลียม โดยเฉพาะเทคนิคการรื้อถอนที่ไม่ก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล ตลอดจนข้อควรระวังจากแนวคิดการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตรเลียมจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติและการยอมรับจากผู้มีส่วนได้เสีย

 "เบื้องต้นทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันให้เร่งศึกษาพื้นที่บริเวณอ่าวไทย ที่เหมาะสมในการจัดวางปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตรเลียม ควบคู่ไปกับการสำรวจข้อมูลและผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งสิ่งที่เกิดขึ้นกับแนวปะการังธรรมชาติ ความเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำ การกัดเซาะชายฝั่ง ปัญหาเรื่องสารปนเปื้อน และความปลอดภัยทางการเดินเรือ จากนั้นจะนำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เปรียบเทียบข้อดี-ข้อเสีย และร่วมกันประเมินความเป็นไปได้ในการสร้างปะการังเทียมจากแท่นขุดเจาะผลิตปิโตรเลียมบริเวณอ่าวไทย ก่อนจะนำไปขยายผลเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทปะการังเทียมของประเทศ เพื่อให้การบริหารจัดการด้านงานวิจัยและการใช้ประโยชน์จากปะการังเทียมมีประสิทธิภาพมากขึ้น" รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าว




จาก                         :                               แนวหน้า   วันที่ 17 มิถุนายน 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ มิถุนายน 26, 2008, 01:34:21 AM

นักวิจัยไทย พัฒนาปะการังเทียมแก้ปัญหาชายฝั่งถูกกัดเซาะ


นักวิจัยไทย พัฒนาปะการังเทียมแก้ปัญหาชายฝั่งถูกกัดเซาะ หลังพบชายฝั่งทะเลสาบสงขลาเสียหายกว่า 200 ไร่ พร้อมนำร่องติดตั้งปะกะรังเทียมชายหาดสมิหลา จังหวัดสงขลา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยอม รัตนมณี วิศวกรชายฝั่งทะเล มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า จากผลสำรวจการเปลี่ยนแปลงของตะกอน ทั้งชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน พบว่า พื้นที่ดังกล่าวกำลังประสบปัญหาการกัดเซาะรวมเป็นความยาวกว่า 600 กิโลเมตร จากพื้นที่ชายฝั่งทะเลของไทยทั้งหมดกว่า 2,650 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัด ในบางพื้นที่ถูกกัดเซาะถึง 80 เมตรต่อปี โดยเฉพาะชายฝั่งทะเลสาบสงขลา ทั้งนี้ ทะเลสาบได้รับความเสียหายจากการถูกกัดเซาะอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่ชายฝั่งหายไปเกือบ 200 ไร่ ถือเป็นภัยพิบัติระดับชาติที่ต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน และนอกจากปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม การกัดเซาะชายฝัง ยังส่งผลกระทบต่อทัศนียภาพ ดังนั้น ทีมวิจัยจึงได้ร่วมกับกรมทรัพยากรธรณี ศึกษาการใช้ปะการังเทียมป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง โดยออกแบบเป็นรูปทรงโดมฐานเปิดให้สามารถลดพลังงานคลื่นได้ ซึ่งทำให้เกิดการตกตะกอนของดินทรายเพิ่มขึ้น

ผู้ช่วยศาสตราจารย์พยอม รัตนมณี กล่าวด้วยว่า การวางปะการังเทียมดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อชายหาดข้างเคียงและไม่ทำลายทัศนียภาพบริเวณชายหาด ทั้งนี้ จะนำร่องวางปะการังเทียมในชายหาดสมิหลา จังหวัดสงขลา ก่อนที่จะวางในพื้นที่อื่นต่อไป เพื่อป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง คาดว่าจะเริ่มในเดือนเมษายน พ.ศ.2552



จาก                     :                     สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์     วันที่ 26 มิถุนายน 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กรกฎาคม 23, 2008, 01:18:10 AM

“ปะการังเทียม” แนวทางใหม่ ป้องกันชายฝั่ง ฟื้นระบบนิเวศ

(http://pics.manager.co.th/Images/551000009311801.JPEG)
ผศ.พยอม รัตนมณี หน.ทีมงานวิจัยฯ ขณะทดลองการใช้ปะการังเทียมเพื่อลดความแรงของคลื่น

ปัญหาคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง กลายเป็นสถานการณ์ที่ยังไม่อาจหาบทสรุปในการป้องกันได้ และที่ต้องหาทางป้องกันโดยเร็ว ก็เพราะในไม่ช้านี้ชายหาดของไทยทั้งทางฝั่งของทะเลอ่าวไทย และอันดามันคงไม่เหลือพื้นที่ในการเป็นแหล่งท่องเที่ยว แหล่งทำอาชีพของชาวประมงชายฝั่ง ตลอดจนการกัดเซาะนี้อาจถึงขั้นกลืนกินที่อยู่อาศัยของประชาชนอีกด้วย
       
       เหตุนี้เองทำให้กรมทรัพยากรธรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่รับหน้าเสื่อในการดูแลเรื่องดังกล่าว ร่วมมือกับ คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ทำการศึกษาวิจัย “โครงการสำรวจและศึกษาการเปลี่ยนแปลงของตะกอนชายฝั่งทะเล” โดยได้ทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการประยุกต์ใช้ “ปะการังเทียม” ในการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

(http://pics.manager.co.th/Images/551000009311802.JPEG)
รางจำลองคลื่นเพื่อศึกษาวิจัย   
     
       
วิกฤตชายฝั่งไทย ถูกกลืนหายกว่าแสนไร่ / ปี

       ผศ.พยอม รัตนมณี อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ ในฐานะหัวหน้าโครงการศึกษาวิจัยบูรณาการชายฝั่งทะเล การใช้ปะการังเทียมป้องกันการกัดเซาะ (กรณีศึกษาหาดสมิหลา) ให้ข้อมูลว่า การกัดเซาะของชายฝั่งทะเลที่เกิดขึ้นในเมืองไทยเกิดได้จากสาเหตุต่างๆ เช่น
       
       1.กิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ที่ไปก่อสร้างอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ลงในทะเล หรือแม่น้ำลำคลอง 2.การที่สมดุลของธรรมชาติเปลี่ยนไป ทั้งคลื่นลม พายุ และฤดูกาล ที่เปลี่ยนแปลงไปจนยากจะคาดเดา 3.สมดุลของตะกอน ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมของมนุษย์ที่จะรบกวน และเปลี่ยนแปลงความสมดุลในการเคลื่อนย้ายของตะกอน และ 4.การทรุดตัวของแผ่นดิน ที่จะต่ำลงเรื่อยๆ จากการสูบน้ำใต้ดินไปใช้
       
       ผศ.พยอม อธิบายต่อว่า สำหรับสถานการณ์โดยภาพรวมทั่วพื้นที่ชายหาดของไทยที่ยาว 2,600 กิโลเมตรนั้น เรียกได้ว่าเข้าขั้นวิกฤตรวมแล้วทั้งสองฝั่งทั้งฝั่งอ่าวไทย และอันดามันกว่า 600 กิโลเมตร แต่ชายฝั่งอ่าวไทยจะได้รับผลกระทบที่รุนแรงและน่าเป็นห่วงกว่า เนื่องจากสภาพพื้นที่ที่เป็นหาดทรายถูกกัดเซาะง่าย โดยอยู่ในส่วนที่ประสบปัญหากว่า 500 กิโลเมตร และการกัดเซาะขั้นรุนแรงที่เกิดขึ้นนั้นต่อปีเฉลี่ยแล้วชายฝั่งถูกกัดเซาะไปกว่า 5 เมตร ทำให้แต่ละปีปริมาณที่พื้นดินหายไปกว่าแสนไร่
       
       “พื้นที่ที่ต้องได้รับการแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วนเนื่องจากพื้นที่เหล่านั้น เป็นพื้นที่ชุมชน สถานที่สำคัญ และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ในส่วนของปัญหาในการเข้าไปสำรวจพื้น สิ่งที่น่าห่วงคือโครงการแต่ละโครงการกลัวผลกระทบจะเกิดขึ้นกับชาวบ้าน แต่เราก็ต้องนำข้อมูล การศึกษาต่างๆ เพื่อไปอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจ ว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่ แต่สำหรับเรื่องนี้เขาก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เพราะการกัดเซาะของชายฝั่งทะเลนั้นเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อการทำอาชีพของเขาเช่นกัน ทั้งไม่มีชายฝั่งไว้เพื่อขึ้นปลา อีกทั้งคลื่นยังกัดเซาะชายฝั่งมาจนเกือบถึงที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นความเดือดร้อนที่เขารับรู้ได้” ผศ.พยอม อธิบาย

(http://pics.manager.co.th/Images/551000009311806.JPEG)
ปะการังเทียมขนาดต่างๆ ที่ใช้ในการศึกษาวิจัย   
   
       
“ปะการังเทียม” ป้องกันคลื่น อนุบาลสัตว์น้ำ

       สำหรับแนวคิดในการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งโดยวิธีการใช้ปะการังเทียมในการป้องกัน หัวหน้าทีมวิจัย อธิบายว่า การวางปะการังเทียมป้องกันชายฝั่งนั้น จะช่วยบรรเทาคลื่นลม ที่เข้าซัดชายฝั่งให้ลดความรุนแรงลงได้ นอกจากนี้ ตัวปะการังเองยังเป็นประโยชน์ต่อระบบนิเวศน์ที่จะเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ โดยไม่ส่งผลกระทบต่อชายฝั่ง และไม่ทำลายทัศนียภาพของชายหาด โดยการทำการวิจัยครั้งนี้ได้จัดทำแบบจำลองทางกายภาพ ที่ห้องปฏิบัติการวิศวกรรมชลศาสตร์ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.เพื่อศึกษาพฤติกรรมด้านชลศาสตร์ของแท่งปะการังเทียมก่อนมีการดำเนินการวางปะการังในพื้นที่จริง ซึ่งผลการทดลองออกมาเป็นที่น่าพอใจ เพราะสามารถกรองคลื่น และลดความรุนแรงของคลื่นในการซัดเข้าชายฝั่งได้กว่า 70% นี่จึงเป็นแนวทางในการลดการกัดเซาะชายฝั่งได้
       
       ดังนั้น โครงการวิจัยชิ้นนี้ จึงได้นำร่องที่บริเวณหาดสมิหลา จ.สงขลา ที่มีพื้นที่การกัดเซาะของชายฝั่งเข้าขั้นวิกฤต โดยหัวหน้าทีมวิจัยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หาดสมิหลานั้น มีความยาวกว่า 2 กิโลเมตร ถูกจัดเป็นพื้นที่ที่มีการกัดเซาะที่รุนแรง เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2545 ซึ่งได้มีการแก้ปัญหาในหลายวิธี เช่น การวางรอดักทราย ทำเขื่อนกันคลื่น เพื่อป้องกัน แต่ปรากฏว่า การกัดเซาะกลับเกิดขึ้นใหม่ในพื้นที่ใกล้เคียง จึงแก้ปัญหาต่อโดยใช้หินไปโยนไว้ตามชายหาด นำตะกร้าใส่หินมาวาง กระทั่งวางกระสอบทรายตามแนวชายหาด เพื่อกันคลื่นแต่ก็พบว่ายังไม่สามารถป้องกันได้ จึงนำร่องการแก้ปัญหาโดยการนำปะการังเทียมมาใช้
       
       “วัสดุที่ใช้ก่อสร้างนั้นเป็นคอนกรีตล้วน เรียกว่า มาลีนไทด์ ซึ่งเป็นคอนกรีตที่ไม่ถูกกัดเซาะจากน้ำเค็ม ข้อดีพบว่าหากมองจากมาตรการเก่าๆ ที่ใช้ป้องกันนั้นจะมีข้อจำกัดหลายด้าน เช่น 1.เมื่อก่อสร้างแล้วแทนที่จะป้องกันในพื้นที่นี้ได้ แต่คลื่นก็ไปกัดเซาะในบริเวณอื่นแทน 2.งบประมาณสูง 3.ทัศนียภาพชายหาด เมื่อก่อสร้างแล้วจะไม่น่าดู เพราะการนำหินไปทิ้งตามชายหาด ทิ้งในทะแล หรือการทำเป็นกำแพงขึ้นมาเหนือน้ำ เพื่อป้องกันจะส่งผลกระทบในเรื่องของทัศนียภาพอย่างมาก ทำให้ชายหาดไม่น่ามอง 4.ส่วนของนิเวศทางทะเล ซึ่งการทำโครงการเกี่ยวกับธรรมชาตินั้นต้องมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลเช่นกัน” หน.ทีมวิจัย ให้ภาพ

(http://pics.manager.co.th/Images/551000009311805.JPEG)
       
       
เร่งแก้ไขก่อนปัญหาลุกลาม

       ผศ.พยอม บอกถึงขั้นตอนการวางปะการังเทียมตามแนวชายฝั่งหาดสมิหลา ว่า เริ่มต้นจากการสำรวจวางผัง กำหนดจุดในการวาง แล้วนำแผ่นใยสังเคราะห์ไปปูพื้น จากนั้นนำหินมาวางเรียงในชั้นแรก เพื่อเป็นตัวรองรับปะการังเพื่อไม่ให้จมลงไปในทราย จึงนำปะการังไปจัดเรียงเป็นแนว เพื่อป้องกันความรุนแรงของคลื่น ที่ระดับน้ำลึก 4 เมตร โดยความสูงของชั้นหินรองพื้นหนาประมาณ 1.5 เมตร และตัวปะการังที่สูง 1.8 เมตร หนักกว่า 3 ตัน รวมแล้วจะมีความสูงของตัวปะการังอยู่ที่ 3.3 เมตร ซึ่งจะเหลือส่วนที่จมน้ำถึงผิวน้ำกว่า 60 เซนติเมตร ตรงนี้เองจะเป็นตัวชะลอความแรงของคลื่นได้ ซึ่งจะเริ่มลงมือวางปะการังเทียมในเดือนเมษายนปีหน้า
       
       นอกจากชายฝั่งหาดสมิหลาแล้ว ตลอดแนวชายฝั่งของ จ.นราธิวาส หาดนราทัศน์ ขึ้นมาจนถึงแนวชายหาด จ.ปัตตานี จนถึงแนวชายฝั่ง จ.สงขลา ที่หาดนาทับ หาดสะกอม และหาดสมิหลาพื้นที่โครงการนำร่อง ขึ้นไปจนถึงชายฝั่ง จ.นครศรีธรรมราช นี่เป็นเพียงบางส่วนของฟื้นที่เสี่ยงภัย ชายหาดที่ได้รับผลกระทบขั้นรุนแรงจากวิกฤตของการกัดเซาะชายฝั่ง
       
       “คณะทีมงานวิจัยได้ลงมือศึกษา ค้นคว้า หาข้อมูลทั้งจากต่างประเทศ และภายในประเทศเรื่องของการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เป็นเวลากว่า 8 เดือน แต่เวลาที่ทำมาโดยตลอดรวมแล้วถึง 2 ปี ใช้งบกว่า 5 ล้านบาทในการทำวิจัย และโครงการนำร่องที่หาดสมิหลาใช้งบสูงถึง 85 ล้านบาท ดังนั้น จึงคาดหวังให้โครงการนี้ช่วยแก้ไขปัญหา หรือแบ่งเบาภาวะการกัดเซาะชายหาดให้ได้มากที่สุด แต่โครงการปะการังเทียมนี้ก็ใช่ว่าจะใช้ได้กับทุกพื้นที่ที่ประสบปัญหา เนื่องจากสภาพคลื่นลม สภาพพื้นที่แตกต่างกัน ดังนั้น ต้องมีการทำการวิจัยต่อไปในพื้นที่ต่างๆ โดยเร็วที่สุดหาแนวทางป้องกัน” หน.ทีมวิจัย ทิ้งท้าย



จาก                 :                    ผู้จัดการออนไลน์   วันที่ 23 กรกฎาคม 2551 


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 01, 2008, 01:08:06 AM

อบจ.ชลบุรี ทุ่มกว่า 3 ล้านบาท สร้างปะการังเทียมที่เกาะสีชัง  
 
(http://pics.manager.co.th/Images/551000009691401.JPEG)

       ศูนย์ข่าวศรีราชา -อบจ.ชลบุรี สร้างปะการังเทียม มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำบริเวณเกาะสีชังและใกล้เคียง
       
       วันนี้ (30 ก.ค.) เวลา 11.00 น.นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี ได้เป็นประธานในพิธีปล่อยปะการังเทียมสู่ทะเลเกาะสีชัง เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำและฟื้นฟูระบบนิเวศน์ เพื่อให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติ เกิดแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์แก่ประชาชนในชุมชนและใกล้เคียง
       
       นายวิทยา เปิดเผยว่า “อบจ.ชลบุรี ได้ตระหนักถึงความเสื่อมโทรมของทรัพยากรชายฝั่งในจังหวัดชลบุรี ที่ส่งผลให้ระบบนิเวศทางทะเลเปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะบริเวณเกาะสีชัง ซึ่งเคยเป็นแหล่งทรัพยากรที่มีความอุดมสมบูรณ์ และมีสัตว์น้ำนานาชนิดมาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
       
       ในปัจจุบันปรากฏว่า สภาพแวดล้อมทางทะเลได้เปลี่ยนแปลงไป เช่น ปะการังถูกทำลาย น้ำทะเลสกปรก ส่งผลให้ระบบนิเวศไม่เอื้ออำนวยต่อการวางไข่ และการเลี้ยงตัวของสัตว์น้ำวัยอ่อน ทำให้สัตว์น้ำลดจำนวนลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลกระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่ของชาวประมงในพื้นที่
       
       อบจ.ชลบุรี จึงได้จัดทำปะการังเทียม แบบ คสล.ขนาดกว้าง 1 เมตร ยาว 1 เมตร สูง 1 เมตร ในครั้งนี้ จำนวน 1,014 ลูก ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 3,015,000 บาท ปล่อยลงสู่ทะเลบริเวณเกาะสีชัง เพื่อปรับปรุงแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์น้ำ ฟื้นฟูระบบนิเวศ เพื่อให้เกิดความสมดุลตามธรรมชาติ และเกิดแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ของประชาชน



จาก                       :                     ผู้จัดการออนไลน์      วันที่ 30 กรกฎาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ สิงหาคม 30, 2008, 12:27:26 AM

ตรังใช้เรือเก่าทำปะการังเทียม

ตรัง - นายอานนท์ มนัสวานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฝ่ายต่างๆ เข้าร่วมประชุมหารือตามโครงการใช้เรือชำรุดทำปะการังเทียมในท้องทะเลตรัง ซึ่งเป็นแนวคิดที่ พล.อ.อ.กานต์ สุระกุล อดีตส.ว.จังหวัดตรังยื่นเสนอมาทางศูนย์การท่องเที่ยว กีฬา และนันทนาการจังหวัดตรัง เพื่อเป็นการอนุรักษ์และเป็นอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ ในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 ซึ่งเคยมีประวัติในการใช้รบเมื่อสงครามมหาเอเชียบูรพา ตามเส้นทางทะเลระหว่างอำเภอกันตัง กับจังหวัดภูเก็ต ณ บริเวณด้านตะวันออกเฉียงใต้ และทางด้านใต้ของเกาะกระดาน จังหวัดตรัง

ทั้งนี้ ในเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดยุทธนาวีขึ้นระหว่างเรือดำน้ำพันธมิตร กับกองเรือญี่ปุ่นปรากฏว่าเรือรบและเรือลำเลียงของทหารญี่ปุ่น ถูกเรือดำน้ำพันธมิตรทำลายและจมลงบริเวณดังกล่าวจนกระทั่งปัจจุบันยังมีชาวญี่ปุ่นเดินทางมาโปรยดอกไม้เพื่อเป็นการรำลึก แก่ทหารเรือที่เสียชีวิตในบริเวณดังกล่าวเป็นประจำทุกปี รวมทั้งยังเป็นการสร้างทัศนียภาพที่สวยงามบริเวณชายฝั่ง โดยการนำเรือที่ชำรุดผุพังที่วางอยู่บริเวณชายฝั่งกลับมาใช้ประโยชน์ด้วยการสร้างปะการังเทียม เพื่อจะได้ส่งผลต่อการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดต่อไปในอนาคต

สำหรับโครงการใช้เรือชำรุดทำปะการังเทียมในท้องทะเลตรัง จะมีการใช้เรือจับปลาหรืออาจเป็นเรืออื่นๆ ที่ชาวประมงหรือเจ้าของเรือไม่สามารถใช้งานได้แล้ว นำไปวางไว้ใต้ท้องทะเลเพื่อทำปะการังเทียม



จาก                     :                     ข่าวสด    วันที่ 30 สิงหาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 11, 2008, 01:13:09 AM

สร้างปะการังเทียมหาดสมิหลา-กันคลื่นเซาะฝั่ง

สงขลา - ผศ.พยอม รัตนมณี อาจารย์ประจำภาควิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) เปิดเผยว่า คณะวิจัยได้สำรวจพื้นที่ประสบปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามัน พบว่าการแก้ปัญหานิยมใช้มาตรการแบบแข็ง บางครั้งมีผลกระทบทำให้เกิดการกัดเซาะพื้นที่ข้างเคียง นอกจากทำให้ทัศนียภาพของชายหาดเสียแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศทางทะเลด้วย คณะผู้วิจัยจึงมีแนวคิดที่จะหาแนวทางในการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยใช้ปะการังเทียมป้องกันการกัดเซาะชายฝั่ง

ผศ.พยอม เปิดเผยว่า การศึกษาวิจัยได้ออกแบบปะการังให้มีรูปทรงและขนาดที่สามารถต้านทางแรงคลื่นได้ ผลที่คาดว่าจะได้รับคือบรรเทาปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งและฟื้นฟูหาดทราย อีกทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน โดยมีการออกแบบแล้วมีการจัดวางปะการังเทียมที่หาดสมิหลา ที่ระดับความลึก 3-4 เมตร ขนาดฐานกว้าง 2 เมตร สูง 1.8 เมตร หนักประมาณ 3-4 ตัน วางขนานกับชายฝั่ง ห่างจากฝั่งประมาณ 250-400 เมตร สามารถกรองพลังงานคลื่นได้ประมาณร้อยละ 60-70 ชะลออัตราการกัดเซาะได้ในระดับที่น่าพอใจ รวมมูลค่าประมาณ 80 ล้านบาท

นายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสงขลา กล่าวว่า การวางปะการังเทียมจะช่วยแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้ถาวร เมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการอื่นๆ นอกจากไม่ทำลายทัศนียภาพแล้วยังช่วยให้เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำและอนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อนด้วย



จาก                       :                      ข่าวสด   วันที่ 11 กันยายน 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ กันยายน 27, 2008, 02:58:37 AM

กรมทะเลวางมาตรฐานปะการังเทียม ใช้ระบบสารสนเทศชี้ตำแหน่งฟื้นฟ

กรมทะเล เตรียมจัดมาตรฐานการวางปะการังเทียม ใช้ระบบสารสนเทศปรับปรุงฐานข้อมูลปะการัง ชี้ตำแหน่ง ฟื้นฟูปะการังเสื่อมโทรม เพื่อการจัดการอนุรักษ์

นายวิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาการจัดวางปะการังเทียมส่วนใหญ่ของ ประเทศไทยจะเน้นการใช้ประโยชน์ด้านประมง คือ แหล่งอนุบาลและที่พักอาศัยของสัตว์น้ำ ทำให้ฐานข้อมูลปะการังเทียมที่มีอยู่จะระบุให้ทราบเพียงตำแหน่งของปะการังเทียมเท่านั้น แต่ไม่เคยมี การประเมินผลด้านทรัพยากร และผลกระทบด้านเศรษฐกิจรวมทั้งใช้ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติทดแทนระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม ดังนั้นเพื่อให้การบริหารจัดการด้านงานวิจัยและการใช้ประโยชน์จากปะการังเทียมมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทช.จึงเห็นควรที่จะ ระดมความคิดเห็นจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเพื่อร่วมกันจัดโครงการศึกษาข้อมูลการใช้ประโยชน์ และจัด ทำแผนแม่ บทปะการังเทียมของประเทศ โดยอาศัยเทคโนโลยีด้านสารสนเทศเข้ามาจัดทำฐานข้อมูล ทั้งระบบให้อยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ชุดเดียวกัน เพื่อให้ทุกหน่วยงานสามารถสืบค้น และ แลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานได้ง่ายขึ้น

“ดังนั้นเพื่อให้การจัดวางแนวปะการังเทียมไม่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรทางทะเลโดยเฉพาะแนวปะการังธรรมชาติ รวมทั้งเอื้อประโยชน์ต่อการทำประมงพื้นบ้าน และเป็นแหล่งเพาะ พันธุ์สัตว์น้ำอย่างยั่งยืนเพื่อจัดทำฐานข้อมูลปะการังเทียมทั่วประเทศ” รองอธิบดี ทช.กล่าว

นายวิชิต กล่าวอีกว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องเห็นควรให้เร่งดำเนินการจัดทำฐานแผนแม่บทปะการังเทียมของประเทศ ในเบื้องต้นกรมฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบในการจัดวางปะการัง เทียมของประเทศ จึงเตรียมส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อประเมินผลด้านทรัพยากร และผลกระทบด้านเศรษฐกิจของปะการังเทียมทั่วประเทศ ทำการรวบรวมข้อมูล ใช้ประโยชน์การจัดทำข้อเสนอแนะแนวทางการจัดการปะการังเทียมของประเทศ


จาก                :                 กรุงเทพธุรกิจ    วันพุธที่ 5 มีนาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: myjoefiend ที่ ตุลาคม 10, 2008, 10:31:29 AM
จ. กระบี่ ก็อยากได้เครื่องบินกับหัวรถไฟ 555+ จะได้ลงไปดำดูพอเวลาไปเที่ยว แต่มีงบให้หลวง แบบไหนก็ดีหมด เพราะว่า เพิ่มจำนวนประชากรปลา เราจะได้มีปลาไว้กินและเชยชม ชั่วลูกชั่วหลาน อิอิ  :-*


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 22, 2008, 01:23:20 AM

บินปะการังจมแน่ พ.ย.พ้นมรสุม


ได้ฤกษ์วางฝูงบินปะการังเพื่อการท่องเที่ยวดำน้ำที่อ่าวบางเทาเดือนหน้า หลังเจอโรคเลื่อนเนื่องจากมรสุมเข้า

    วันที่   21  ตุลาคมนี้  ที่ห้องประชุมสึนามิ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต นายวรพจน์ รัฐสีมา  รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เป็นประธานการประชุมโครงการจัดสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำ น้ำจังหวัดภูเก็ต  (ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล)  โดยมีการติดตามความคืบหน้าและการเตรียมพร้อมในการจมซากเครื่องบิน   ซึ่งกำหนดให้มีขึ้นในวันที่  29  พฤศจิกายนนี้ โดยมีส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น นายพรหมโชติ ไตรเวช ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต  นายมาแอน  สำราญ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชิงทะเล อ.ถลาง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่  4  จังหวัดภูเก็ต ตัวแทนจากสมาคมดำน้ำ TDA (ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อทะเล เป็นต้น

    นายวรพจน์กล่าวว่า ที่ผ่านมาทางจังหวัดภูเก็ตได้ร่วมกับ  อบต.เชิงทะเล   สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดภูเก็ต  ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่  4 จังหวัดภูเก็ต  การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต สมาคมดำน้ำ TDA (ประเทศไทย) และมูลนิธิเพื่อทะเล  จัดทำโครงการจัดสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่อง เที่ยวดำน้ำจังหวัดภูเก็ต   โดยนำซากเครื่องบินซึ่งปลดประจำการ  10 ลำ มาจมในทะเลบริเวณอ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล  เพื่อเป็นแหล่งปะการังเทียมและแหล่งดำน้ำใหม่  ใช้ชื่อโครงการว่าฝูงบินปะการัง เพื่อลดการใช้และฟื้นฟูแหล่งปะการังธรรมชาติ   ตลอดจนส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดภูเก็ตอีกทางหนึ่ง

    เดิมทางผู้จัดได้กำหนดที่จะนำซากเครื่องบินลงจมทะเลเมื่อประมาณต้นเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา  และได้มีขนย้ายเครื่องบินและชิ้นส่วนต่างๆ  จาก  จ.ลพบุรี  มายัง  จ.ภูเก็ต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว  ปัจจุบันซากเครื่องบินทั้ง 10 ลำ มีการประกอบแล้วเสร็จ และวางไว้ที่ด้านหลังบริเวณท่าเทียบเรือน้ำลึกภูเก็ต   ซึ่งในการขนย้ายและจัดทำฐานรองได้รับงบประมาณสนับสนุนจาก  อบต.เชิงทะเล  จำนวน 4 ล้านบาท แต่ในครั้งนั้นไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกิดมรสุมทำให้คลื่นลมในทะเลแรง   จึงได้มีการกำหนดวันจมซากเครื่องบินใหม่  กำหนดให้มีการจมซากเครื่องบินในวันที่ 29 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

    นายวรพจน์กล่าวว่า  ในการดำเนินการครั้งนั้นผู้รับผิดชอบคือ สมาคมดำน้ำ TDA (ประเทศไทย)   ได้มีการเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อใช้ในการขนย้าย การทำฐานรองรับเครื่องบิน สำรวจตำแหน่งวางซากเครื่องบิน  และอื่นๆ ที่จำเป็นไปแล้ว คิดเป็นเงิน 3.5 ล้านบาท โดยยังมีเงินเหลืออีกประมาณ   640,600  บาท และจะต้องของบเพิ่มเติมจาก อบต.เชิงทะเล เพื่อดำเนินการต่อไป.



จาก                :                 ไทยโพสต์    วันพุธที่ 22 ตุลาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: Sri_Nuan.Ray ที่ ตุลาคม 22, 2008, 02:23:50 AM
อ้าว  ตกลงจะจมที่บางเทาหรือค่ะ ไม่จมที่เกาะราชา แล้วเหรอ งงงงงงงค่ะ  :-[  :-[


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ ตุลาคม 30, 2008, 01:24:58 AM

"เชิงทะเล" อัดงบอีก 1.3 ล้าน ขนซากเครื่องบินทำ "ปะการัง"

ภูเก็ต - อบต.เชิงทะเลทุ่มอีก 1.3 ล้านบาท ขนซากเครื่องบินทำปะการังเทียมและแหล่งดำน้ำ หลังเจอโรคเลื่อนเมื่อต้นปีที่ผ่านมา

นาย วรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าฯ ภูเก็ต เป็นประธานประชุมโครงการสร้างปะการังเทียมเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวดำน้ำ จ.ภูเก็ต และเพื่อเตรียมพร้อมจมซากเครื่องบินซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้ โดยมีนายพรหมโชติ ไตรเวช ท่องเที่ยวและกีฬาภูเก็ต นายมาแอน สำราญ รองนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เชิงทะเล อ.ถลาง ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ภูเก็ต ตัวแทนจากสมาคมดำน้ำทีดีเอ (ประเทศไทย) มูลนิธิเพื่อทะเล เป็นต้น

 " เดิมกำหนดนำซากเครื่องบินลงจมทะเลเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และได้ขนย้ายเครื่องบิน ชิ้นส่วนต่างๆ จาก จ.ลพบุรีมายัง จ.ภูเก็ตแล้ว โดยได้รับงบสนับสนุนจาก อบต.เชิงทะเล 4 ล้านบาท แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเกิดมรสุม จึงกำหนดวันจมซากใหม่เป็นวันที่ 29 พฤศจิกายนนี้"

 นาย วรพจน์กล่าวด้วยว่า ครั้งนั้นผู้รับผิดชอบคือ สมาคมดำน้ำทีดีเอ (ประเทศไทย) ได้เบิกจ่ายงบเพื่อใช้ขนย้าย ทำฐานรองรับเครื่องบิน สำรวจตำแหน่งวางซากเครื่องบิน และอื่นๆ ที่จำเป็น คิดเป็นเงิน 3.5 ล้านบาท โดยมีเงินเหลืออีก 640,600 บาท ซึ่งได้ส่งคืน อบต.แล้ว อย่างไรก็ตามจากประชุมผู้เกี่ยวข้อง ได้ชี้แจงว่าการนำซากเครื่องบินจมทะเลตามกำหนดการใหม่นั้นต้องใช้งบอีก 1.3 ล้านบาทเศษ และต้องขอการสนับสนุนจาก อบต.เชิงทะเลด้วย

 นายมาแอน สำราญ รองนายก อบต.เชิงทะเล กล่าวว่า อบต.พร้อมสนับสนุนการจัดทำโครงการให้แล้วเสร็จ แต่ขอให้ผู้รับผิดชอบจัดทำรายละเอียดที่ชัดเจน ทั้งในส่วนของการขนย้ายและพิธีการในวันงาน เพื่อขออนุมัติงบจากสภาอีกครั้ง คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากเป็นโครงการต่อเนื่อง



จาก                :                 คม ชัด ลึก    วันที่ 30 ตุลาคม 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ พฤศจิกายน 16, 2008, 01:36:53 AM

 ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล แหล่งดำน้ำชมนกเหล็กมากสุดในโลก

(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2008/environment/11/16/182617_87960.jpg)   

ประเทศ ไทยมีแหล่งดำน้ำมีชื่อเสียงทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันอันดามันติดอันดับแหล่งดำ น้ำสวยงามของโลก การสร้างแหล่งดำน้ำเทียมเป็นอีกจุดช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยว และช่วยแบ่งเบาจำนวนนักท่องเที่ยวและนักดำน้ำที่ไปดำน้ำในจุดดำน้ำธรรมชาติ ให้น้อยลงไปได้ และยังเป็นการเสริมสร้างระบบนิเวศวิทยาทางทะเล โครงการ “ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล” โดย บริษัทเมืองไทยประกันชีวิต กองทัพอากาศ จังหวัดภูเก็ต องค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล มูลนิธิเพื่อทะเล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สมาคมดำน้ำประเทศไทย (TDA) นำเครื่องบินที่ปลดประจำการจำนวน 10 ลำลงสู่ใต้ทะเล เพื่อใช้เป็นทำแนวปะการังเทียม โดยคาดว่า 4-5 ปีจะมีสัตว์น้ำวัยอ่อนเข้ามาอาศัยฝูงบิน
 
เครื่องบินทั้ง 10 ลำประกอบด้วย เครื่องบินแบบดาโกต้า รุ่น ซี 47 จำนวน 4 ลำ และเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ ลำเลียงรุ่นเอส 58 ที จำนวน 6 ลำ เครื่องบินทั้ง 10 ได้ผ่านการทำภารกิจมาเป็นจำนวนมากซึ่งเครื่องบินเหล่านี้ได้รับความช่วย เหลือจากทางประเทศสหรัฐอมริกา เคยรับใช้ชาติมาแล้วในสงครามมหาเอเชียบูรพา  และเครื่องบินดาโกต้า ยังเป็นเครื่องบินแบบเดียวที่กองทัพอากาศเคยใช้เป็นเครื่องบินพระที่นั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเป็นลำแรก อีกทั้งเครื่องบินเฮลิปคอปเตอร์รุ่นเอส 58 ทีเคยได้รับใช้เป็นเครื่องบินราชพาหนะเช่นกัน

(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2008/environment/11/16/182617_87962.jpg)
 
นอกจากนี้เครื่องแบบดาโกต้า ยังได้มีการดัดแปลงมาเพื่อรับใช้ชาติในภารกิจโครงการฝนหลวงจวบจนกระทั่ง ปัจจุบัน โครงการ “ ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล”นี้จึงถือเป็นการนำเครื่องบินที่เคยเป็นวีรบุรุษ ของวงการบินไทยกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง
 
นาวาอากาศเอก พงษ์ศักดิ์ เสมาชัย  กล่าวว่า เครื่องบินที่ปลดประจำการแล้วเหมาะสมอย่างยิ่งในการนำมาแนวปะการังเทียม เพราะเครื่องบินทำจากอะลูมิเนียมทนต่อการกัดกร่อนของน้ำทะเลได้ดี ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และนักดำน้ำให้ความสนใจ เพราะเป็นครั้งแรกในโลกที่มีฝูงบินจำนวนมากจมลงสู่ทะเล ที่ผ่านมามีหลายประเทศที่นำเครื่องบินลงสู่ทะเลเพื่อเป็นแหล่งดำน้ำแต่ไม่มี จำนวนมากเท่ากับที่ประเทศไทย   ซึ่งก่อนจะนำเครื่องลงสู่ใต้น้ำจะมีขัดเหลี่ยมคม ป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดกับนักดำน้ำ รวมทั้งกระจกหรือวัสดุต่างที่เป็นมลพิษกับทะเลจะถูกถอดออกเช่นกัน
 
“เครื่องบินที่จะนำลงไปทำแนวปะการังจะลงไปเฉพาะโครงเท่านั้น บางลำไม่สมบูรณ์ ใบพัดหายไป หรือปีกไม่มี แต่ถือว่ายังมีประโยชน์ ปกติเครื่องบินที่ปลดประจำการ กองทัพอากาศจะนำเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของกองทัพอยู่แล้ว”

(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2008/environment/11/16/182617_87963.jpg)
 
ปัจจุบันเครื่องบินทั้ง 10 ลำ ถูกจัดเก็บไว้ที่บริเวณท่าเรือน้ำลึก อ่าวมะขาม จังหวัดภูเก็ต และจะเริ่มเตรียมความพร้อมเพื่อขนย้ายในระหว่างวันที่ 21-22 พ.ย.2551 เริ่มลำเลียงเครื่องบินไปทำการวางลงสู่ใต้ท้องทะเลที่เป็นจุดหมาย ระหว่างวันที่ 23-28 พฤศจิกายน 2551 และวันที่ 29 พฤศจิกายน 2551จะมีพิธีวางเครืองบินลำสุดท้ายลงสู่ที่หมาย และเปิดจุดดำน้ำท่องเที่ยวแห่งใหม่
 
พงษ์ศักดิ์ พัวพรพงษ์ นายกสมาคมดำน้ำ ที ดี เอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล จะนำไปจมในบริเวณหาดบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ซึ่งบริเวณดังกล่าวใช้เวลาเดินทางจากฝั่งราว 15 นาที ความลึกของระดับน้ำทะเล อยู่ที่ 22 เมตร และยังเอื้อประโยชน์กับชุมชนในเรื่องของการส่งเสริมรายได้จากการท่องเที่ยว เพราะคาดว่าในอนาคตจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาดำน้ำมากขึ้นเพราะเป็นแห่งแรกของ โลกที่มีแนวปะการังเป็นฝูงบิน  ซึ่งบริเวณไม่ไกลกันมีจุดดำน้ำสวยงาม บริเวณเกาะแววซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเท่าที่ควร อีกทั้งช่วยดึงนักท่องเที่ยวจากแหล่งดำน้ำธรรมชาติ เช่นพีพี เกาะราชาน้อย และเป็นจุดแวะพักของนักดำน้ำที่กลับมาจากสิมิลัน

(http://ads.dailynews.co.th/news/images/2008/environment/11/16/182617_87961.jpg)
 
 สำหรับวิธีการนำเครื่องบินลงทะเลนั้น นายกสมาคมบอกว่าจะนำเครื่องบินลำเลียงสู่แพขนาดใหญ่ โดยใช้ปั่นจั่นยกลงสู่ทะเล ซึ่งถือว่าเป็นการยากกว่าโบกี้รถไฟ หรือเรือที่เคยทำอยู่ แม้จะมีน้ำหนักเบากว่าโบกี้รถไฟก็ตาม เพราะเครื่องบินมีปีกจึงมีแรงต้าน ต้องคำณวนแรงดันของน้ำและสภาพภูมิอากาศด้วย ถ้าวันดังกล่าวมีคลื่นลมแรกอาจต้องเลื่อนออกไป ใช้หลักเดียวกับการดำน้ำถ้าสภาพอากาศไม่ดี ก็ยกเลิกการดำน้ำ ส่วนน้ำหนักของเครื่องบินแต่ละลำมีน้ำหนักราว 15 ตัน โดยมีการตอกหมุดตรึงจุดที่เครื่องบินลงไปอีกลำละ 5 จุด ลักษณะการวางเป็นวงกลม โดยมีเครื่องบินดาโกต้าอยู่ตรงกลาง
 


จาก                   :                  เดลินิวส์   วันที่ 16 พฤศจิกายน 2551


หัวข้อ: Re: รวมเรื่องราวเกี่ยวกับ ..... ปะการังเทียม
เริ่มหัวข้อโดย: สายน้ำ ที่ พฤศจิกายน 25, 2008, 12:42:14 AM

ฝูงบินปะการังเพื่อทะเลลำแรกลงสู่ก้นทะเลแล้ว

(http://pics.manager.co.th/Images/551000014974803.JPEG)   (http://pics.manager.co.th/Images/551000014974804.JPEG)

ศูนย์ข่าวภูเก็ต -เครื่องบินลำแรก “ฝูงบินปะการังเพื่อทะเล”จมลงสู่ทะเลเป็นที่เรียบร้อย หลังต้องเลื่อนเวลาจากช่วงเช้ามาเป็นช่วงบ่าย เนื่องจากสภาวะอากาศ และเตรียมความพร้อมของเจ้าหน้าที่
       
สำหรับความคืบหน้าการจมเครื่องบินของโครงการฝูงบินปะการังที่บริเวณอ่าวบางเทา ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการจมเครื่องบินดาโกต้า D 2 ลงสู่ก้นทะเลเรียบร้อยแล้ว ภายหลังที่เจ้าหน้าที่จมเครื่องบิน ต้องเลื่อนการจมเครื่องบินจากช่วงเช้ามาเป็นช่วงบ่าย
       
ก่อนจะจมเครื่องบิน เจ้าหน้าที่ได้จัดให้มีพิธีเปิดทางโดยการจุดประทัด และโปรยดอกไม้ลงทะเลด้วยซึ่งถือเป็นความเชื่อของชาวเรือ โดย นายสุทิน ศรีรัฐ ผู้จัดการโครงการฝูงบินปะการังเพื่อทะเล กล่าวว่า สำหรับการจมเครื่องบินลำแรกในวันนี้ (24 พ.ย.) เดิมกำหนดจะจมเครื่องบินลำแรกในช่วงเช้า แต่ต้องเลื่อนมาดำเนินการจมในช่วงบ่ายแทนเนื่องจากสภาพอากาศไม่เหมาะสม น้ำทะเลขุ่น ไม่นิ่ง และช่วงเช้ามีฝนตก ประกอบกับจะต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเทคนิคการจัดวางและเรื่องของเจ้าหน้าที่ ขณะนี้การจมเครื่องบินได้ดำเนินการแล้ว แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่เทคนิคที่ทำงานใต้ทะเลยังต้องทำงานต่อเพื่อจัดการยึดเครื่องบินกับแท่งซีเมนต์ที่จะต้องใช้ถ่วงตัวเครื่องบินเพิ่ม

(http://pics.manager.co.th/Images/551000014974805.JPEG)   (http://pics.manager.co.th/Images/551000014974806.JPEG)   (http://pics.manager.co.th/Images/551000014974807.JPEG)
       
สำหรับตัวเครื่องบินที่ทำการจมนั้นจะจมอยู่ใต้ทะเลลึกประมาณ 20 เมตร ขนาดพื้นที่ประมาณ 50 คูณ 50 เมตร โดยเครื่องบินลำแรกที่ทำการจมคือเครื่องบินดาโกต้า D 2 ส่วนเครื่องบินลำอื่นๆจพทยอยจมจนครบ 9 ลำ ประกอบด้วย ดาโกต้า ,D 3 และ D4 หลังจากนั้นจะตามด้วยเฮลิปคอปเตอร์ลำเลียงอีก 6 ลำ การจมเครื่องบินทั้ง 9 ลำจะดำเนินการให้เสร็จภายในวันที่ 28 พ.ย. 2551 ส่วนดาโกต้า D1 ซึ่งเป็นเครื่องบินจ่าฝูงนั้นจะทำการจมในวันที่มีการจัดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ 29 พ.ย 2551
       
อย่างไรก็ตาม ในการจมเครื่องบินลำแรกวันนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาชมการจมเครื่องบินจำนวนมาก



จาก                   :                  ผู้จัดการออนไลน์   วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551