กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 09:48:01 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 13 สิงหาคม 2551  (อ่าน 2865 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: สิงหาคม 12, 2008, 11:15:47 PM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงยังคงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยเข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงบริเวณประเทศลาวตอนบน ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน และเพชรบูรณ์ ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากในระยะ 1-2 วันนี้ (13-14 ส.ค.)

อนึ่ง ระดับน้ำในแม่น้ำโขงและลุ่มแม่น้ำสาขาต่างๆ มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ประชาชนที่มีบ้านเรือนอาศัยในพื้นที่ราบลุ่มตามแนวลุ่มแม่น้ำสาขาต่างๆ รวมทั้งในพื้นที่เสี่ยงภัย อาทิ เช่นจังหวัดเชียงราย เลย หนองคาย นครพนม และมุกดาหารเตรียมการป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากสภาวะน้ำล้นตลิ่ง และระวังอันตรายจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

ฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 32 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. 


คาดหมาย

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเกือบตลอดช่วง ในวันที่ 12-13 ส.ค.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นต่อไปอีก โดยจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 14-17 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้และร่องความกดอากาศต่ำจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้ประเทศไทยมีปริมาณฝนลดลง


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 12-13 ส.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ อาทิเช่น จังหวัดตาก แม่ฮ่องสอน เชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง ลำพูน พิษณุโลก สุโขทัย อุตรดิตถ์และเพชรบูรณ์ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ สำหรับประชาชนที่อยู่ที่ลุ่มบริเวณแม่น้ำโขงและแม่น้ำสาขาให้ระมัดระวังน้ำท่วมฉับพลันในระยะนี้ไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (39.43 KB, 665x415 - ดู 351 ครั้ง.)

* Earthquake2.jpg (22.26 KB, 450x310 - ดู 333 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2008, 12:19:57 AM »

เดลินิวส์


สร้างแนวร่วมชุมชน.. ฟื้นฟูทะเลและป่าชายเลนทั่วประเทศ
 
 
 
 ประเทศไทย เป็นประเทศที่มีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลที่หลากหลายและสวยงามเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะแนวปะการังที่งดงามและค่อนข้างสมบูรณ์ ในแต่ละปีจึงมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไม่น้อยกว่า 10 ล้านคนที่เดินทางไปดำน้ำดูปะการัง และทรัพยากรทางทะเลที่หลากหลายตามหมู่เกาะต่าง ๆ อาทิ เกาะพีพี เกาะสุรินทร์ เกาะลันตา หมู่เกาะสิมิลัน รวมทั้งหมู่เกาะทางฝั่งตะวันออกของอ่าวไทย เช่น เกาะเสม็ด เกาะช้าง เป็นต้น ซึ่งเป็นที่มาของการสร้างงานและรายได้ของชุมชนในพื้นที่ ตลอดจนการเติบโตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทางทะเลอย่างรวดเร็ว
 
อย่างไรก็ตาม การขยายตัวของธุรกิจท่องเที่ยวโดยขาดความรับผิดชอบ และไม่มีการวางแผนบริหารจัดการที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม  ประกอบกับคนส่วนใหญ่ยังขาดความรู้ความเข้าใจเรื่องระบบนิเวศทางทะเลที่ถูกต้อง ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทยที่เคยอุดมสมบูรณ์อย่างแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล และป่าชายเลนจึงอยู่ในสภาวะที่เสื่อมโทรม นอกจากนี้ยังส่งผลให้ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตทางทะเลมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย   
 
ทั้งนี้ จากการสำรวจล่าสุดของกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) พบว่า ภาวะ โลกร้อน และกิจกรรมการท่องเที่ยวต่าง ๆ เป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความเสียหายให้กับแนวปะการังและแหล่งหญ้าทะเล โดยเฉพาะปัญหาที่น่าเป็นห่วงคือ การกัดเซาะชายฝั่งที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ซึ่งหลายพื้นที่มีอัตราการกัดเซาะรุนแรงเฉลี่ยปีละ 5 เมตร เป็นผลจากการบุกรุกพื้นที่ป่าชายเลนเพื่อนำไปทำนากุ้ง หรือที่พักตากอากาศ
 
นายสำราญ รักชาติ รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ความเสื่อมโทรมของแนวปะการัง แหล่งหญ้าทะเล รวมทั้งปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่เกิดขึ้น ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่กรมฯ ต้องดำเนินการแก้ไขและวางแผนป้องกัน ดังนั้นกรมฯ จึงได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำยุทธศาสตร์ปะการังแห่งชาติและยุทธศาสตร์การจัดการป้องกันและแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ขณะเดียวกันเพื่อให้การบริหารจัดการด้านการอนุรักษ์ การฟื้นฟูและการเฝ้าระวังการทำลายระบบนิเวศทางทะเลและชายฝั่งของไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น กรมฯ โดยสำนักอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จึงได้ทำโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนเพื่อการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลนขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อกระตุ้นให้องค์กรปกครองท้องถิ่นและชุมชนโดยเฉพาะเยาวชนรุ่นใหม่ ได้เรียนรู้การมีส่วนร่วมในการดูแล อนุรักษ์และปกป้องทรัพยากรทางทะเล ตลอดจนการจัดการป่าชายเลนอย่างถูกต้อง ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญของการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์และความหลากหลายทางทะเลและชายฝั่งอย่างยั่งยืน
 
รองอธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการดังกล่าวจะเน้นการประสานงานกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นซึ่งมีพื้นที่ติดชายฝั่งทั้ง 23 จังหวัด ซึ่งเบื้องต้นกรมฯ ได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 24.3 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ในการฝึกอบรมความรู้ด้านต่าง ๆ ตั้งแต่เรื่องประโยชน์และผลกระทบของระบบนิเวศทางทะเล รวมทั้งการบริหารจัดการป่าชายเลนที่ถูกต้องให้กับชุมชนและองค์กรปกครองท้องถิ่นซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมาย ขณะเดียวกันยังจะจัดกิจกรรมภาคปฏิบัติเพื่อเปิดโอกาสให้ชุมชนในพื้นที่ 23 จังหวัดชายฝั่งทะเลได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและกำหนดแนวทางป้องกัน เช่น การปลูกป่าชายเลน การเก็บขยะบริเวณชายหาด การเก็บขยะใต้ทะเล ตลอดจนการฟื้นฟูและเพิ่มปริมาณทรัพยากรสัตว์น้ำด้วยการปล่อยพันธุ์ปลาต่าง ๆ ซึ่งจากการประเมินผลชุมชนที่เข้าโครงการเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของชุมชนฯ พบว่าส่วนใหญ่มีความเข้าใจและเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรและระบบนิเวศทางทะเลมากขึ้น กรมฯ จึงเตรียมที่จะสนับสนุนชุมชนเหล่านั้นให้พัฒนาเป็นเครือข่ายในการเฝ้าระวังและดูแลทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่เข้มแข็งต่อไปในอนาคต
 
ปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง และการบุกรุกป่าชายเลนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศไทย เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันดูแลและปกป้อง โดยเฉพาะชุมชนในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบโดยตรง กรมฯ จึงจะเร่งจัดกิจกรรมให้ความรู้เชิงปฏิบัติการเกี่ยวกับการอนุรักษ์ ฟื้นฟูและการใช้ ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งกับชุมชนต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง เพราะเชื่อมั่นว่า ความร่วมมือของชุมชนแต่ละพื้นที่จะเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเลและป่าชายเลนของไทยอย่างยั่งยืน.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2008, 12:26:52 AM »

มติชน


เรือยอชต์ไฮโซ ไฮเทค                       :                     คอลัมน์ จูนคลื่น


 
ความจริงใครมีเรือยอชต์ไว้ในครอบครอง เป็นเจ้าของเขาก็ถือว่าเป็นเศรษฐีถึงระดับมหา (อภิ) เศรษฐีได้แล้ว แต่ความพิเศษของการต่อยอดเรือยอชต์ชื่อว่า Lazzara มูลค่า 8.5 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ สร้างสรรค์ขึ้นมาเอาใจคนรวยยิ่งขึ้นไปอีก เพราะ Lazzara วิ่งด้วยความเร็วบนผืนน้ำเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเรือยอชต์ ล่องชมธรรมชาติสายน้ำเค็มแล้ว คราวนี้ถูกออกแบบให้เป็นเสมือนเรือดำนำ ชมความงามใต้ทะเล มหาสมุทรได้อีก ความแพงของเรือดังกล่าวจึงอยู่ตรงนี้ นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีครบครัน ทำให้เหมือนอยู่กับบ้านเลยทีเดียว จากภาพ ยังมีนอกชานเปิดให้ยื่นออกไปจากตัวเรือ เพื่ออาบแสงแดดไล้ผิวให้ดำขำ ตามสไตล์ฝรั่งตาน้ำข้าว ส่วนห้องหับไม่ต้องสงสัย อยากได้จำนวนห้องรองรับแขก เวลามีงานเลี้ยงวีไอพี สั่งได้
 


เศรษฐีไทยคนไหนอยากมีไว้สักลำ ไปดูของจริงได้ เขาเอาไปโชว์ไว้ในงาน คานส์ อินเตอร์เนชั่นแนล โบท โชว์ (Cannes International Boat Show) ที่เมืองคานส์โน่น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2008, 12:35:13 AM »

แนวหน้า


"บางสะพาน"ปลูกป่า ปล่อยปูม้าคืนทะเล เทิดไท้พระนางเจ้าฯ    

 ประจวบคีรีขันธ์:ที่บริเวณวนอุทยานแม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายปานชัย บวรรัตนปราณ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานเปิดงาน ชาวบางสะพานเทิดไท้องค์ราชินี "ร่วมปลูกป่าชายเลน ต้นลำพู ลำแพน และปล่อยปูม้า" โดยมีผู้นำชุมชน กลุ่มประมง ชาวบ้านในอำเภอบางสะพาน พร้อมด้วย ข้าราชการ ผู้บริหารและพนักงานเครือสหวิริยา กว่า 2,000 คนร่วมกิจกรรมเทิดพระเกียรติฯ ในครั้งนี้

 โดยได้มีการนำพันธุ์ไม้ต้นลำพู ลำแพน ปลูกในพื้นที่เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ วนอุทยานแม่รำพึงจำนวน 1,000 ต้น เพื่อเป็นแหล่งศึกษาระบบนิเวศป่าชายเลนของเด็กและเยาวชน เป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจของคนในชุมชน นักท่องเที่ยว ตลอดจนผู้สนใจทั่วไป

 สำหรับไฮไลท์ของงานครั้งนี้ กลุ่มประมงได้ร่วมเทิดพระเกียรติฯ ด้วยการนำขบวนเรือประมงกว่า 10 ลำ นำพันธุ์ปลามามอบให้กับทุกคนในงานผ่านผู้ว่าฯ เพื่อร่วมปล่อยสู่ท้องทะเลร่วมกับกิจกรรมปล่อยปูม้า 19 ล้านตัว นอกจากนี้ภายในงานได้จัดแสดงผลงานนิทรรศการเทิดพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสวันแม่แห่งชาติของหน่วยงานต่างๆ อีกด้วย


*************************************************************************************************


เกาะกูดเสี่ยงน้ำท่วมโคลนถล่ม ปภ.ตราดออกเตือนนักเที่ยว ต้องเพิ่มระวังแนะเชื่อฟังจนท.    

 ตราด:นายกอบชัย บุญอรณะ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย(ปภ.) จ.ตราด เปิดเผยว่า ในระยะนี้มีพายุดีเปรสชั่น คัมมุรี ได้พัดผ่านมายังเวียดนามและได้อ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชั่น พัดเข้ามาในพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันออก โดยเฉพาะ จ.ตราด จะได้รับผลกระทบทำให้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ และจะทำให้เกิดน้ำท่วม ดินโคลนถล่มได้ในพื้นที่เสียง ซึ่งใน อ.เกาะช้าง อ.เกาะกูด จะมีความเสี่ยงในเรื่องคลื่นลมแรง,มีคลื่นสูง และอาจจะเป็นอันตรายกับนักท่องเที่ยวที่ลงเล่นน้ำ ซึ่งทาง ปภ.ตราด ได้แจ้งไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและ อำเภอให้เตรียมอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน(อพ.ปร.) ไว้เพื่อช่วยเหลือประชาชนและนักท่องเที่ยวหากเกิดปัญหาขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่มักจะไม่เชื่อฟัง

 โดยเป็นห่วงที่เกาะช้างและเกาะกูดที่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศได้ลงเล่นน้ำ ซึ่งมักจะไม่สนใจคำเตือน และธง เตือนที่เจ้าหน้าที่ได้ติดธงแดงไว้ โดยขอให้เจ้าของรีสอร์ทและร้านอาหารได้ตักเตือนและแจ้งให้ทราบ ส่วนโคลนถล่ม จ.ตราด มี 4-5 จุด ทั้งใน อ.บ่อไร่ และเกาะช้าง ได้ขอให้มิสเตอร์เตือนภัยได้แจ้งเตือนไว้ และชายฝั่งก็จะมีไลน์การ์ดคอยเฝ้าดูแลอยู่

 สำหรับชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ เรือเล็กควรงดออก จากฝั่งในระยะนี้ และถ้าหากไม่มีความจำเป็นไม่ควรนำเด็กเล็กติดเรือออกไปด้วย พร้อมทั้งกำชับให้องค์กรปกครอง ส่วนท้องถิ่น จัดเจ้าหน้าที่อยู่ปฏิบัติงานติดตามสถานการณ์เฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเตรียมรับสถานการณ์ รวมทั้งใช้ประโยชน์จาก อป.พร. ทีมกู้ชีพกู้ภัยประจำตำบล(OTOS) และมิสเตอร์ เตือนภัย โดยเฉพาะที่ อ.เกาะช้าง และ อ.เกาะกูด ให้ออกตรวจตรา และกำชับสถานประกอบการให้ความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวในการลงเล่นน้ำโดยประชาสัมพันธ์และตักเตือนนักท่องเที่ยวมิให้ลงเล่นน้ำ ในช่วงที่มีฝนหรือคลื่นลมแรงด้วย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Sugary
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 628


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 13, 2008, 10:00:28 AM »

ไทยปรับเวลาใหม่ ให้ตรงกันทั่วปท. บังคับใช้เริ่ม23สค.  


http://www.thairath.co.th/offline.php?section=hotnews&content=99584

จากความเหลื่อมล้ำทางเวลาของไทย จนทำให้ไม่ เป็นมาตรฐาน สถาบันมาตรวิทยา กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี จึงดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของไทยใหม่ทั่วประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. พล.อ.ต.ดร.เพียร โตท่าโรง ผอ. สถาบันมาตรวิทยาแห่งชาติ เปิดเผยว่า ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ จะดำเนินการปรับเปลี่ยนเวลาของประเทศ ไทยใหม่ทั่วประเทศ เพื่อให้ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล เพราะที่ผ่านมามาตรฐานเวลาของไทยไม่เคยตรงกันซึ่งจะเป็นไปตามประกาศกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) เรื่องหลักเกณฑ์การเก็บรักษาข้อมูลจราจร ทางคอมพิวเตอร์ของผู้ให้บริการ พ.ศ.2550 ถูกต้องแม่นยำตามหลักสากล ซึ่งจะมีพระราชบัญญัติ ว่าด้วยการกระทำความผิด โดยมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ส.ค.นี้   


โดยกำหนดให้ผู้ประกอบ 4 ประเภท ดังนี้
 1. ผู้ ประกอบกิจการโทรคมนาคมและกิจการกระจายภาพและเสียง อาทิ ผู้ให้บริการโทรศัพท์ขั้นพื้นฐาน โทรศัพท์ เคลื่อนที่ ผู้ให้บริการเอทีเอ็ม เป็นต้น
 2. ผู้ให้บริการการเข้าถึงระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ อาทิ ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต เจ้าของหอพัก โรงแรม หน่วยราชการ บริษัทต่างๆ เป็นต้น
 3. ผู้ให้บริการเช่าระบบคอมพิวเตอร์ และ
 4. ผู้ให้บริการร้านอินเตอร์เน็ตต่างๆ ผู้ให้บริการทั้งหมด ต้องปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฏิบัติตามตามกฎหมายของกระทรวงไอซีที จะต้องมีโทษปรับประมาณ 1-5 แสนบาท


พล.อ.ต.ดร.เพียรกล่าวอีกว่า สำหรับประชาชนทั่วไป หากต้องการตั้งเวลาให้เป็นมาตรฐาน  ขณะนี้สถาบันมาตรวิทยาฯ ได้ประสานกับกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ เพื่อตั้งเวลามาตรฐานสำหรับประเทศไทยแล้ว และกำลังประสานกับกรมประชาสัมพันธ์ เพื่อเทียบเวลาผ่านทางสถานีวิทยุเอฟเอ็ม เพื่อให้ประชาชนเทียบเวลาทางวิทยุเอฟเอ็มได้ แต่ต้องมีตัวสัญญาณรับที่เรียกว่า ไทม์ เซิร์ฟเวอร์ ติดที่นาฬิกาที่ต้องการจะเชื่อมกับสัญญาณเอฟเอ็มด้วย ในส่วนนี้ทางสถาบันมาตรวิทยาฯ จะประสานกับบริษัทที่ผลิตนาฬิกา เพื่อผลิตนาฬิกาพิเศษที่ตรงเวลา และมีความแม่นยำมากที่สุด 

“การปรับเปลี่ยนเวลาใหม่ครั้งนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะทุกคนต้องการความแม่นยำ โดยเฉพาะหน่วยงานที่ทำงานเกี่ยวข้องกับข้อมูล เรื่องของความมั่นคง เรื่องของสุขภาพ การทดลองทางวิทยาศาสตร์ พวกสัญญาณดาวเทียม และที่สำคัญงานทางด้านนิติวิทยาศาสตร์ ที่จะช่วยแกะรอยของอาชญากรรม และสามารถใช้เป็นหลักฐานมัดตัวผู้กระทำผิดได้ โดยมีเวลาเป็นเครื่องยืนยันการกระทำ เห็นได้ชัดจากกรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช เกี่ยวกับการทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง หลักฐานสำคัญก็มาจากเรื่องของเวลา” ผู้อำนวยการ มว. กล่าวและว่า ที่ผ่านมาเวลาของประเทศไทยไม่มีมาตรฐานแน่นอน และไม่ตรงกัน เห็นได้ชัดเจนที่สุดช่วง 08.00 น. และ 18.00 น. ที่เป็นช่วงเคารพธงชาติ แต่ละจังหวัดเวลาเคารพธงชาติจะไม่เท่ากันเลย แม้กระทั่งฟรีทีวีในบ้านเมืองก็ยังมีเวลาไม่ตรงกัน

 
 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.024 วินาที กับ 20 คำสั่ง