กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 19, 2024, 08:21:09 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน 2551  (อ่าน 3023 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2008, 12:11:39 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ปกคลุมลงมาถึงทะเลจีนใต้ตอนบนแล้ว คาดว่าจะแผ่ปกคลุมด้านตะวันออกของประเทศไทยในช่วงวันที่ 25-29 พ.ย. 51 ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนบางแห่งในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศากับมีลมแรงในระยะต่อไป ส่วนมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นด้วย ส่งผลให้คลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมีคลื่นสูง 2- 3 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือในช่วงดังกล่าวไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่  อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา  ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทย ตอนบนอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงวันที่ 25-29 พ.ย. 51 นี้ ลักษณะดังกล่าวจะทำให้บริเวณประเทศไทยดังกล่าวมีอุณหภูมิจะลดลง 2-6 องศาเซลเซียส โดยจะมีอากาศหนาวเย็นลงกับมีลมแรง ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น โดยจะมีคลื่นสูง 2-4 เมตรในช่วงวันที่ 25-29 พ.ย. นี้

อนึ่ง ในช่วงวันที่ 24-28 พ.ย. จะมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงเคลื่อนตัวจากอ่าวไทยตอนล่างผ่านภาคใต้ตอนล่างและมาเลเซียลงสู่ทะเลอันดามัน ทำให้ภาคใต้ตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์มีฝนตกชุกหนาแน่น และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ได้อีกครั้งหนึ่ง


ข้อควรระวัง

ในระยะนี้ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยรักษาสุขภาพไว้ด้วยเนื่องจากอากาศมีการเปลี่ยนแปลงมาก และระมัดวังการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาด้วย ส่วนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไปควร ระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักถึงหนักมากที่จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากได้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณจังหวัดชุมพรลงไปควรงดออกจากฝั่ง



* Forecast2.jpg (39.96 KB, 693x430 - ดู 801 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2008, 12:29:57 AM »

เดลินิวส์


 ก้าวอีกขั้นศักยภาพ 'กองทัพเรือ' พร้อมรับมหันตภัยทางทะเล

   

วันที่ 20 พฤศจิกายนของทุกปี ถือเป็นวันคล้ายวันที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดโรงเรียนนายเรือที่ทรงได้พระราชทานพระราชวังเดิมให้เป็นที่ตั้งอย่างเป็นทางการ โดยปีนี้ได้เวียนมาบรรจบครบรอบ 102 ปีแล้ว
 
ย้อนกลับไปศึกษาความเจริญก้าวหน้าของกิจการกองทัพเรือจวบจนปัจจุบันได้มีการพัฒนาขีดกำลังความสามารถเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ โดยนับตั้งแต่ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือวังหน้า ในปี พ.ศ. 2394 ซึ่งถือเป็นช่วงที่กิจการทหารเรือ ได้เริ่มเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงจากเครื่องจักรไอน้ำมาเป็นเครื่องยนต์ดีเซล ซึ่งถือว่ามีความทันสมัยทัดเทียมกับนานาอารยประเทศ มาสู่หน้าสำคัญทางประวัติศาสตร์การรบทางเรือเพื่อป้องกันอธิปไตยของชาติที่ปากน้ำเจ้าพระยา ภายใต้การบัญชาการของนายพลเรือโท พระยาชลยุทธ  โยธินทร์ (อังเดร ดู เปลซีส เดอ ริชลิว) ผู้บัญชาการทหารเรือ ท่านที่ 9 จนล่วงมาสู่ช่วงที่มีความเจริญสูงสุดช่วงหนึ่งของกิจการทหารเรือ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ทรงดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ ในช่วงปี พ.ศ. 2465-2466 พระองค์ทรงมีบทบาทสำคัญในการนำกองทัพเรือไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน หลายประการ อาทิ ทรงแก้ไขปรับปรุงระเบียบการในโรงเรียนนายเรือให้ทันสมัย เทียบได้กับนายทหารเรือต่างประเทศ ทรงเสนอความเห็นต่อที่ประชุมในการจัดตั้งกำลังอากาศนาวี ได้ทูลเกล้าฯขอพระราชทานที่ดินบริเวณอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่ง ระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้พระราชทานที่ดินที่สัตหีบให้แก่กองทัพเรือ เพื่อจัดตั้งเป็นฐานทัพเรือ ทรงเป็นผู้บังคับการเรือนำเรือหลวงพระร่วง จากประเทศอังกฤษเข้ามายังกรุงเทพมหานคร นับเป็นครั้งแรกที่นายทหารเรือไทยเดินเรือได้ไกลข้ามทวีป ทรงเปลี่ยนสีเรือรบของทหารเรือจากสีขาวเป็นสีหมอกให้เหมือนกับเรือรบต่างประเทศ เพื่อให้เกิดความกลมกลืนกับลักษณะของสีน้ำทะเลและภูมิประเทศ ซึ่งกองทัพเรือได้นำสีดังกล่าวมาใช้เป็นสีเรือทุกลำของกองทัพเรือตราบจนปัจจุบัน


 
การพัฒนาของกองทัพเรือ เกิดขึ้นในทุกยุคทุกสมัยแล้วแต่ความจำเป็นตามสถานการณ์ ซึ่งตลอดระยะเวลา 102 ปี กับผู้บัญชาการทหารเรือ 46 ท่าน จนมาสู่ท่านที่ 47 คือ พลเรือเอก กำธร พุ่มหิรัญ กำลังทางเรือเพื่อการป้องกันประเทศได้รับการมอบหมายให้ขยายขีดความสามารถไป ถึงการต้องมีกำลังทางเรือไว้เพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลและช่วย เหลือประชา ชน ซึ่งจากภัยพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 ได้สร้างความสูญเสียแก่ประเทศและประชาชนภาคใต้ฝั่งทะเลอันดามันมากมายหลายคนถึงกับสิ้นเนื้อประดาตัวจนแทบจะหมดหวังกับชีวิต แต่แล้วเขาเหล่านั้นก็มีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ก็ด้วยน้ำใจที่หลั่งไหลมาจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งจากพี่น้องประชาชนทั่วประเทศและองค์กรจากทุกภาคส่วน ในส่วนของกองทัพเรือ ได้มีส่วนร่วมในการให้ความช่วยเหลือประชาชนตั้งแต่ช่วงแรก ๆ ของการเกิดเหตุการณ์ ด้วยเป็นหน่วยงานหลักในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยในทะเล โดยในครั้งนั้น กองทัพเรือได้ระดมทั้งเรือ อากาศยาน และกำลังพล เข้าปฏิบัติภารกิจในการช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัย ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่ได้รับบาดเจ็บและติดค้างอยู่ตามเกาะแก่งต่างๆ รวมไปถึงการเก็บกู้ศพผู้เสียชีวิตในทะเล ตลอดจนการจัดส่งเครื่องอุปโภค-บริโภค ให้แก่ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในพื้นที่ประสบภัยพิบัติ
 
จากบทเรียนเมื่อคราวเกิดภัยพิบัติสึนามิ ทำให้คนไทยซึ่งเคยมองข้ามภัยธรรมชาติที่ไกลตัว เริ่มหันมาให้ความสนใจสิ่งเหล่านี้เพิ่มมากขึ้น เพราะคลื่นยักษ์สึนามิ ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าปรากฏการณ์ต่างๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งมาก่อน เช่น หิมะตก สึนามิ พายุขนาดใหญ่ น้ำท่วมใหญ่ หรือแม้กระทั่ง Storm Surge สามารถเกิดขึ้นได้ โดยมีผลมาจากภาวะโลกร้อนที่ทำให้สภาพภูมิอากาศทั่วโลกแปรปรวนจนเกิดภัย ธรรมชาติขนาดใหญ่ขึ้นบ่อยครั้งตัวอย่าง เช่น พายุนาร์กีสที่ถล่มประเทศเพื่อนบ้านอย่างพม่า เมื่อไม่นานมานี้ จนสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงมีประชาชนเสียชีวิตนับหมื่นคน มูลค่าความเสียหายที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ก็เป็นผลพวงมาจากภาวะโลกร้อน ทำให้ทุกคนต้องหันมาให้ความสนใจกับภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น


 
ในส่วนของกองทัพเรือ นอกจากจะมีภารกิจในการจัดกำลังเพื่อป้องกันประเทศจากภัยคุกคามทางทะเล ตลอดจนการปราบปรามการก่อการร้ายในพื้นที่รับผิดชอบ และรักษาความสงบเรียบร้อยภายในประเทศแล้ว บทบาทสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ เป็นหน่วยงานที่มีศักยภาพสูงสุด ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้เป็นเพราะความพร้อมรบของกองทัพ ยังผลต่อความสามารถในการปฏิบัติงานในทะเลตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงความพร้อมของบุคลากร สมรรถนะ   ยุทโธปกรณ์ โดยเฉพาะเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งอาจกล่าวได้ว่ามีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเป็นสนามบินเคลื่อนที่ สำหรับรับส่งผู้ประสบภัยกลางทะเล รวมไปถึงเป็นโรงพยาบาลเคลื่อนที่สำหรับปฐมพยาบาล และใช้ในการผ่าตัดรักษาผู้ป่วยหนักได้เป็นอย่างดี และนอกจากเรือหลวงจักรีนฤเบศรแล้ว ในอนาคตอันใกล้ กองทัพเรือ ยังมีเรือขนาดใหญ่มาเสริมภารกิจดังกล่าว ในพื้นที่น้ำตื้นใกล้ชายฝั่งได้ อีกทั้งสามารถขนถ่ายประชาชนและเครื่องจักรกลหนักได้ในปริมาณที่มาก ซึ่งในปัจจุบันเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่มักเป็นเรือเก่าที่มีอายุการใช้งานมานาน ดังนั้น ในปีงบประมาณที่ผ่านมา กองทัพเรือ จึงได้จัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ลำใหม่ขึ้น โดยมีขีดความสามารถในการช่วยเหลือประชาชนและบรรเทาสาธารณภัยตามชายฝั่ง ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ซึ่งสามารถเคลื่อนย้ายประชาชนออกจากพื้นที่ประสบภัยได้เป็นจำนวนมาก
 
นอกจากการช่วยเหลือประชาชนจากอุบัติภัยหรือสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ ในพื้นที่รับผิดชอบโดยเฉพาะทางทะเลแล้ว กองทัพเรือยังมีภารกิจ หน้าที่ในการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติทางทะเล โดยมีพื้นที่รับผิดชอบ ตั้งแต่ทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่องทางทะเลรวมถึงเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ทั้งในด้านอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 3 แสนตารางไมล์ หรือกว่า 1 ล้านตารางกิโลเมตร เทียบได้กับพื้นที่ 2 เท่าของประเทศไทย ซึ่งผลประโยชน์ของชาติทางทะเลนับได้ว่ามีความสำคัญต่อประเทศไทยเป็นอย่าง ยิ่งเพราะไม่เพียงแต่ทรัพยากรธรรมชาติใต้ท้องทะเลอย่างสัตว์ทะเล ก๊าซธรรมชาติ และแร่ธาตุต่างๆ เพียงเท่านั้นแต่รวมไปถึงเส้นทางคมนาคมทางทะเลทั้งหมดที่เป็นเส้นทางเดินเรือ เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยนั้น ขึ้นอยู่กับการคมนาคมขนส่งสินค้าทางทะเลเป็นสำคัญ เพราะสินค้ากว่า 90% ของสินค้าส่งออก หรือนำเข้ารวมไปถึงการนำเข้าน้ำมันปิโตรเลียมสำหรับป้อน โรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ และที่เราใช้เป็นน้ำมันเชื้อเพลิงของยานพาหนะ  ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 9 แสนล้านบาท ต่างก็ล้วนแล้วแต่อาศัยเส้นทางคมนาคมทางทะเลทั้งสิ้น ดังนั้นหากเส้นทางคมนาคมทางทะเลถูกปิดกั้น หรือหยุดชะงักลงด้วยปัญหาใดๆ อาทิ จากความไม่ปลอดภัยในการสัญจรทางทะเล หรือภัยจากการก่อการร้ายหรือจากโจรสลัดแล้ว ผลกระทบที่จะตามมาก็คือการชะงักงันของระบบเศรษฐกิจภายในประเทศ ทั้งนี้ กองทัพเรือ ได้จัดกำลังทางเรือและอากาศยานออกลาดตระเวนตรวจการณ์ในเขตน่านน้ำที่รับผิด ชอบตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังได้จัดให้มีการลาดตระเวนร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านอาทิ เวียดนาม อินเดีย มาเลเซีย สิงคโปร์ อย่างสม่ำเสมอ และจากปัญหาโจรสลัดชุกชุมบริเวณช่องแคบมะละกา ซึ่งถือว่าเป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ ไม่เพียงเฉพาะประเทศไทย แต่ถือเป็นเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่สำคัญของโลก กองทัพเรือจึงได้รับมอบหมายจากรัฐบาล ให้จัดเรือลาดตระเวนในบริเวณดังกล่าวตามข้อตกลงลาดตระเวนร่วมบริเวณช่องแคบมะละกากับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนี  เซีย ในปี 2552


 
ด้วยภารกิจหน้าที่ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมา จากอดีตสู่ปัจจุบันและอนาคต ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับเหตุการณ์สำคัญ หรือมีอันตรายมากเพียงใด วันนี้กองทัพเรือมีความพร้อม และเต็มใจที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งนี้ก็เพื่อการปกปักพิทักษ์น่านน้ำไทยไว้มิให้ผู้ใดมารุกราน ตลอดจนการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้แก่พี่น้องประชาชน การรักษากฎหมายในทะเล และการคุ้มครองผลประโยชน์ของชาติในทะเล ซึ่งถือว่าเป็นสมบัติของพี่น้องประชาชนชาวไทยทุกคนเพื่อเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานของเราสืบต่อไป.


*****************************************************************************************************************************


 ตื่นตาพันธุ์สัตว์น้ำ-ปลาหาดูยาก
   

เชียงใหม่ซู อควาเรียมเปิดแล้ว อุโมงค์ใต้น้ำยาวที่สุดในโลก

สวนสัตว์เชียงใหม่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติต้องคุ้นหูและคุ้นชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะมีสัตว์จำนวนมากมายที่น่าชมและมีบรรยากาศที่ดี โดยเฉพาะเมื่อมีหมีแพนด้า ช่วงช่วง และ หลินฮุ่ย จากประเทศจีนมาอยู่ภายในสวนสัตว์ก็ยิ่งมีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก กระทั่งเกิดไอเดียที่จะเนรมิตสวนสัตว์เชียงใหม่ให้มีความน่าเที่ยวมากขึ้น และยกบรรดาสัตว์น้ำนานาชนิดจากแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็มมาไว้บนดอยเพื่อเป็น ศูนย์รวมแหล่งท่องเที่ยวให้ประชาชนชาวเชียงใหม่และนักท่องเที่ยวได้เข้าชม นั่นจึงเป็นที่มาของอควาเรียมที่มีทางเดินยาวที่สุดในโลกแห่งนี้
 
โครงการเชียงใหม่ ซู อควาเรียม หรือส่วนแสดงพันธุ์สัตว์น้ำยาวที่สุดในโลกแห่งนี้ เปิดอย่างเป็นทางการครั้งแรกเมื่อ วันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา โดยมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดแต่เกิดเหตุขัดข้องเพราะระบบกรองน้ำเกิดเสียขึ้นมาทำให้น้ำในอุโมงค์ขุ่นไม่ใสทางสวนสัตว์เชียงใหม่จึงปิดเพื่อปรับปรุง จนกระทั่งน้ำใสสามารถมองเห็นตัวปลาได้อย่างชัดเจน จึงเปิดให้เข้าชมอีกครั้ง เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2551 ที่ผ่านมา สำหรับความยาวที่น่าทึ่งคือมีความยาวมากที่สุดในโลกถึง 133 เมตร เป็นทางลอดที่ชมพันธุ์ปลาหายากทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยมีพันธุ์ปลาที่จะทำการปล่อยครั้งนี้ 8,000 ตัว จาก 250 สายพันธุ์ และมีการแบ่งตัวอาคารออกเป็น 2 ชั้น ซึ่งชั้นล่างจะเป็นอควาเรียม ส่วนด้านบนก็จะเป็นการจัดแสดงตู้ปลาทั้งหมด 36 ตู้ ซึ่งเป็นพันธุ์ปลาที่หายากทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นปลาพิเศษหายากในลุ่มน้ำอะเมซอน และปลาแม่น้ำโขง ซึ่งอาคารแห่งนี้จึงถือเป็นตัวแทนของการท่องเที่ยวที่รวมทุกอย่างทั้งในท้องทะเล และในแหล่งน้ำจืดไว้ด้วยกัน ซึ่งการจัดสถานที่ทั้งหมดนั้นเป็นการจำลองธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แบบ โดยมีการเรียงลำดับจากต้นน้ำบนยอดดอยลงไปสู่ทะเล และการจำลองการบอกเล่าเรื่องราวของวิถีแห่งสายน้ำให้มีสภาพเหมือนป่าบนยอดดอยอินทนนท์ ซึ่งเป็นแหล่งต้นน้ำ ธารน้ำธรรมชาติ รวมกันเกิดเป็นน้ำตก ไหลรวมกันเกิดเป็นแหล่งน้ำลำธารตามหุบเขาลงสู่แม่น้ำสายต่างๆ ออกสู่ปากอ่าวเกิดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ ป่าชายเลน แล้วไหลลงสู่ทะเล เป็นการจำลองสภาพของบรรยากาศแม่น้ำโขง และใต้ท้องทะเล ให้ได้ชมผ่านอุโมงค์ที่สร้างไว้ โดยมีทางเดินไปยังส่วนต่างๆของสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ซึ่งแต่ละส่วนจัดแสดงตามลักษณะของพื้นที่และสภาพภูมิศาสตร์ โดยคำนึงถึงความสามารถในการดำรงชีวิตของสัตว์ชนิดต่างๆอย่างเหมาะสมที่สุด


 
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี เคยกล่าวถึงโครงการนี้ว่า ศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้จะเป็นแหล่งความรู้ด้านสัตว์น้ำที่เอื้อประโยชน์แก่นักเรียน นิสิต นักศึกษา รวมถึงประชาชนทั่วไป ได้เปิดโลกแห่งการเรียนรู้ใหม่ๆ โดยไม่ต้องเดินทางไปไกลถึงต่างประเทศ ส่วนทางด้านเศรษฐกิจในภาพรวม ก็จะทำให้การท่องเที่ยวเติบโตขึ้น และยังจะเป็นการเพิ่มสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ให้แก่จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งนั่นก็หมายถึงจะเกิดการจ้างงานให้แก่คนในพื้นที่เพิ่มขึ้น เศรษฐกิจการท่องเที่ยวก็จะดีขึ้น และเนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงเริ่มต้นฤดูการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงใหม่ จึงเป็นโอกาสที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศอีกทางหนึ่ง ตนจึงขอฝากสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำสวนสัตว์เชียงใหม่แห่งนี้ให้เป็นสมบัติของประชาชนชาวเชียงใหม่ได้ช่วยกันดูแลให้การสนับสนุน และทำหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยรอยยิ้มและไมตรีจิต ในฐานะเจ้าบ้านที่ดี
 
ด้าน นายกมล ปฏิกรสัมฤทธิ์ ผู้จัดการทั่วไปของโครงการ เปิดเผยถึงความพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวว่า จากวันที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย. 51 มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ นักเรียน นักศึกษาเข้าชมวันละ 2,000-3,000 คน ซึ่งตอนนี้มียอดจองเข้ามาในช่วงวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ เกือบหนึ่งหมื่นคน ซึ่งทางซู อควาเรียม ได้เตรียมพื้นที่ไว้พร้อมรองรับ แต่ถ้ามีจำนวนปริมาณมาก ๆ ก็จะต้องมีการจัดคิวให้เข้าชมในส่วนอุโมงค์สัตว์น้ำ โดยจำกัดการเข้าชมเป็นระยะเวลาเพื่อความสะดวกสบายในการชมความสวยงามของ พันธุ์ปลา และศึกษาชีวิตใต้ท้องน้ำและท้องทะเล ตอนนี้เราได้เพิ่มพันธุ์ปลาหลากหลายชนิดลงเพิ่มในส่วนอุโมงค์ใต้น้ำที่ยาวที่สุดในโลกแล้ว ฉะนั้นจะมีพันธุ์หลากหลายชนิดแหวกว่ายให้ชมกันหนาแน่นจากปกติ ส่วนการบริการนั้นเราพร้อมอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวไว้แล้ว


 
นายภาคิน มอญแสง นักท่องเที่ยวที่เข้าชม ซู อควาเรียม เผยว่า รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับศูนย์แสดงพันธุ์สัตว์น้ำที่ใหญ่ขนาดนี้ โดยส่วนตัวเป็นคนเชียงใหม่ไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวชมพันธุ์ปลาที่อื่น นับเป็นสิ่งที่ดีที่มีการจัดแสดงพันธุ์ปลาให้ชาวเชียงใหม่และชาวภาคเหนือได้ชม เพราะไม่มีที่ไหนจัด หาชมยากมาก ส่วนนายสมภพ นาวิก กล่าวว่า ชอบอุโมงค์ใต้น้ำที่มีขนาดยาวที่สุดในโลก เพราะเหมือนกับเดินอยู่ใต้พื้นน้ำจริงๆที่มีปลาน้อยใหญ่แหวกว่ายไปมาให้ได้ชมโดยปลาทั้งหมดมีลักษณะเชื่องไม่ตื่นกลัวคนที่เข้าชมเลย เหมือนกับจำลองโลกใต้น้ำมาให้ได้ชมจริงนักท่องเที่ยวที่เคยเข้าชมกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
 
สำหรับบัตรราคาเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 180 บาท ส่วนชาวต่างชาติ 450 บาท การเดินชมจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที ผู้สูงอายุอายุตั้งแต่ 60 ปี เข้าฟรี เปิดบริการทุกวัน และตั้งแต่ช่วงนี้ถึง 30 พฤศจิกายน ทางสวนสัตว์จัด  โปรโมชั่นพิเศษ ซื้อตั๋ว 1 ใบแถม 1 ใบ ซึ่งอาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำแห่งนี้ถือเป็นสิ่งแปลกใหม่และน่าสนใจที่ ประชาชน เยาวชน ตลอดจนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปดูชมและศึกษาหาความรู้ใครมีโอกาสขึ้นมาเยือนถิ่นเวียงพิงค์สักครั้งหนึ่ง.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2008, 12:37:35 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


แผ่นดินไหวอินโดฯ 6.8 ริกเตอร์ ไร้สึนามิแต่คาดมีคลื่นสูง อุตุฯ ยันไม่กระทบไทย

เกิดแผ่นดินไหวขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเบงกูลูราว 164 กิโลเมตร ขนาดความแรงได้ 6.8 ริกเตอร์ และมีอาฟเตอร์ช็อกในอีก 10 นาทีต่อมาที่ 5.7 ริกเตอร์ ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิกแถลงไม่มีสึนามิ แต่อาจมีคลื่นสูง
       
วันนี้ (23 พ.ย.) ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐฯรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ที่เกาะสุมาตราของอินโดนีเซีย ห่างไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของจังหวัดเบงกูลูราว 164 กิโลเมตร อยู่ใต้พื้นดินลึก 26 กิโลเมตร และมีอาฟเตอร์ช็อกในอีก 10 นาทีต่อมาที่ 5.7 ริกเตอร์
       
ในขณะที่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแปซิฟิก แถลงว่า ไม่มีแนวโน้มเกิดคลื่นยักษ์สึนามิ แต่อาจมีคลื่นสูง และยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือทรัพย์สินเสียหายแผ่นดินไหวรุนแรงยังสั่น สะเทือนอินโดนีเซีย ล่าสุดเกิดแผ่นดินไหว 6.7 ริกเตอร์ ตามมาด้วยอาฟเตอร์ช็อก 6.3 ริกเตอร์ ที่เกาะสุมาตรา
       
ด้านสำนักงานอุตินิยมวิทยา และธรณีฟิสิกส์ หรือ BMG ของอินโดนีเซียรายงานว่า ได้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 6.7 ริกเตอร์ ที่นอกชายฝั่งด้านตะวันตกของเกาะสุมาตราเมื่อเวลา 23.01 นาฬิกาของคืนวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งตรงกับเวลาในไทย สร้างแรงสั่นสะเทือนในจังหวัด
       
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้นับเป็นแผ่นดินไหวล่าสุดที่สั่นสะเทือนอินโดนีเซียอย่างต่อเนื่องมาหลายวันแล้ว รวมทั้งเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ซึ่งได้เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.7 ริกเตอร์ ใต้ทะเลนอกชายฝั่งเกาะสุลาเวสีเหนือ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คน บาดเจ็บกว่า 150 คน และสร้างความเสียหายให้บ้านเรือนหลายร้อยหลัง
       
ด้าน นายบุรินทร์ เวชบรรเทิง นักอุตุนิยมวิทยา 8 ว.ระบุว่า นับแต่การเกิดแผ่นดินไหวจนกระทั่งเกิดอาฟเตอร์ช็อคครั้งสุดท้าย ที่วัดได้ราวๆ ประมาณ 05.05 น.วันนี้นั้น ปรากฏว่าเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทยแต่อย่างใด


***************************************************************************************************************************


เขื่อนสามโตรกหวิดโดนแผ่นดินไหว


เขื่อนสามโตรก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ความสูง 185 เมตร ยาว 3,034 เมตร

       สำนักข่าวซินหัวรายงาน เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาด 4.1 ริกเตอร์ ใกล้บริเวณเขื่อนใหญ่ที่สุดในโลก สามโตรก หรือซันเสีย (Three Gorges)
       
       แผ่นดินไหว สั่นสะเทือนในวันเสาร์(22 พ.ย.) โดยศูนย์กลางอยู่ห่างจากที่ตั้งเขื่อนสามโตรก 30 กิโลเมตร ซินหัวรายงานโดยอ้างบริษัทก่อสร้างโครงการสามโตรก ว่าแรงสั่นสะเทือนไม่ได้สร้างความเสียหายแก่เขื่อนยักษ์ และเขื่อนก็ถูกสร้างอย่างแข็งแกร่งทนทานต่อแรงสะเทือนจากแผ่นดินไหวสูงมาก
       
       ทั้งนี้ จีนเพิ่งเผชิญแผ่นดินไหวครั้งมหากาฬขนาด 8 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 12 พ.ค.โดยศูนย์กลางอยู่ที่เวิ่งชวน มณฑลซื่อชวน (เสฉวน) ซึ่งมีพื้นที่ติดต่อกับเขตที่ตั้งเขื่อนสามโตรก
       
       สำหรับเขื่อนสามโตรก มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก อยู่ในเมืองอี๋ชัง มณฑลหูเป่ย ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวเสฉวน ราว 1,000 กิโลเมตร ตัวเขื่อนมีความยาวร่วม 3 กิโลเมตร จีนต้องปล่อยน้ำท่วมเมืองต่างๆที่อยู่ริมฝั่งแยงซีเกียงถึง 116 เมือง เพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำใหญ่ มีความยาวถึง 640 กิโลเมตร สามโตรกเริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1994 โดยเฟสสุดท้ายจะแล้วเสร็จในปีหน้า 2009.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: พฤศจิกายน 24, 2008, 12:44:58 AM »

ข่าวสด


กุ้งเสียงดังเท่าเสียงปืน นักเล่นเรือรำคาญจนต้องหนี



อังกฤษเพิ่งพบกุ้งที่ชอบทำเสียงดังที่ทะเล บริเวณปากแม่น้ำเฮลฟอร์ด ในคอร์นวอลล์

ตามปกติแล้ว "กุ้งพิสทอล" พบกันมากในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน การที่พบในที่แปลกถิ่น จึงแสดงว่า ทะเลแถวนี้อุ่นขึ้น โดยในช่วง 100 ปีที่ผ่านมา มีผู้พบ "กุ้งพิสทอล" ที่อังกฤษเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

แม้มันจะตัวเล็กกระจิ๋ว ไม่ถึง 1 นิ้ว แต่ก็ส่งเสียงดังได้ถึง "218 เดซิเบล" ดังกว่าเสียงปืน จนพวกปลากับปูตัวเล็กๆตกใจไปตามๆกัน


เห็นเพื่อนสัตว์ทะเลขวัญอ่อนกันอย่างนี้ จึงเป็นทีของ "กุ้งพิสทอล" ที่จะกินเพื่อนเป็นอาหาร



นายเบน มาร์แชล นักวิทยาศาสตร์จากบลูรีฟอควาเรียม เมืองนิวคี ซึ่งรับกุ้ง 2 ตัวนี้มาจากชาวประมง กล่าวว่า "เราต้องแยกกุ้ง 2 ตัวนี้ออกจากกัน ไม่อย่างนั้นมันจะชอบหาเรื่องกันเอง กุ้งพิสทอลยังเป็นหนึ่งในสัตว์ที่เสียงดังที่สุดในโลก ระดับเสียงของมันดังพอๆกับวาฬสเปิร์ม แต่กุ้งพิสทอลตัวเล็กไม่ถึง 1 นิ้ว ขณะที่วาฬตัวใหญ่ถึง 40 ตัน"

นาย ดักกลาส เฮิร์ดสัน เจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลแห่งอังกฤษ กล่าวว่า "การส่งเสียงของกุ้งพิสทอลแต่ละครั้ง ดังไม่ถึง 1 วินาที แต่ก็นานพอที่จะข่มขวัญศัตรูหรือเหยื่อ บางครั้งผู้ที่ท่องเที่ยวด้วยเรือยอชต์ ยังต้องหาที่จอดเรือแห่งใหม่ในทะเล เพราะนอนไม่หลับจากเสียงของกุ้งพิสทอล

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.56 วินาที กับ 21 คำสั่ง