กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 16, 2024, 12:30:52 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม 2551  (อ่าน 2597 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ธันวาคม 15, 2008, 12:45:47 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงระลอกใหม่จากประเทศจีนแผ่ปกคลุมเข้ามาถึงประเทศไทยตอนบนแล้วในวันนี้ ลักษณะดังกล่าวทำให้บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก มีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศา โดยจะมีอากาศหนาวเย็นลงและมีลมแรง สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้นในช่วงวันที่ 15-18 ธ.ค.51 นี้ ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปควรงดออกจากฝั่งในช่วงดังกล่าวไว้ด้วย
 

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศา และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 20 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. 
 

คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 14-17 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนระลอกใหม่จะแผ่เสริมเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-3 องศากับมีลมแรง

สำหรับในช่วงวันที่ 18-19 ธ.ค.บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 15-16 ธ.ค. ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไประวังอันตรายจากฝนหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ราบลุ่มบางพื้นที่ และชาวเรือในอ่าวไทยระวังอันตรายจากการเดินเรือในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค.ไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (38.01 KB, 684x423 - ดู 345 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2008, 01:00:19 AM »

มติชน


ปรับ "เมืองพัทยา" โฉมใหม่ รับมือปัญหาเศรษฐกิจ ท่องเที่ยวตกต่ำ


 
จากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมือง ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในช่วงนี้ดูซบเซาเงียบเหงาไปหมด ตัวเลขความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณการกันไว้ไตรมาสแรก 6% นั้น ต่อเมื่อความเป็นจริงปรากฏกลับกลายว่าได้แค่ 4% ซึ่งเป็นการแถลงจากกระทรวงการคลัง

ฉะนั้น ช่วงเวลานี้อะไรๆ ก็อยู่ในสภาพย่ำแย่ไปตามๆ กัน

ที่ผ่านมาต่างดีอกดีใจกันว่ารายได้ที่เคยเป็นรายได้หลักของประเทศ คือ รายได้จากการท่องเที่ยว ซึ่งตกปีละห้าแสนล้านบาท

มาบัดนี้ ไม่เป็นเช่นนั้นอีกแล้ว แม้แต่ผู้บริหารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเองก็นั่งกุมขมับ คิดหาหนทางพลิกฟื้นให้เหมือนเดิม

สำหรับ "เมืองพัทยา" ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกของไทย ต้องประสบกับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจเช่นเดียวกัน นักท่องเที่ยวที่เคยมีปีละ 6 ล้านคน สามารถทำเงินรายได้ถึง 5.6 หมื่นล้านบาทต่อปี เป็นอันดับ 3 ของประเทศ เวลานี้ต้องหงอยเหงาเซาซบตามไปด้วย

ดังนั้น เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้คืนมาดังเดิม แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่ออย่าง พัทยา จึงต้องสรรหากลยุทธ์มาปรับเปลี่ยนโฉมใหม่ โดยพ่อเมืองพัทยาคนปัจจุบัน "อิทธิพล คุณปลื้ม" เรียกประชุมหน่วยงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง แล้วเชิญสื่อเปิดแถลงกันอย่างจะจะ

วันแถลง "อิทธิพล" นำเสนอหลักการในการปรับเปลี่ยนโฉมเมืองพัทยา ว่าเป็นหลักการ "นำเมืองพัทยาสู่ความสมดุล" ซึ่งจะใช้เป็นหลักบริหารงานของตนและคณะในพัทยา นับแต่วันนี้เป็นต้นไป



อิทธิพล ขยายความว่า "หลักการนำพัทยาสู่ความสมดุล" ที่จะใช้ในการบริหารนั้นประกอบไปด้วย 5 หลัก 7 สร้าง 13 ยุทธศาสตร์

"5 หลัก" ได้แก่ การใช้หลักธรรมาภิบาล หลักการร่วมคิดร่วมทำ ส่วน "7 สร้าง" ที่เน้น คือ การสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ประชาชน

"13 ยุทธศาสตร์" เป็นด้านต่างๆ 13 ประการ เช่น ด้านความปลอดภัย ด้านการศึกษา หรือสาธารณสุข ทั้งหมดนี้จึงเป็นกลยุทธ์ที่นำมาใช้เพื่อการพัฒนาเมืองพัทยาในทุกๆ ทาง ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยการนำความสมดุลเข้ามาใช้

"ความสมดุล" ที่ว่านี้ อิทธิพลอธิบายให้ฟังว่า เป็นการสร้างความสมดุลให้เกิดกับเมืองพัทยาในทุกๆ มิติ พร้อมยกตัวอย่าง เช่น เรื่องการทำให้พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สะอาด สวยงาม ในขณะที่ในเมืองมีขยะอยู่มาก การแก้ปัญหาคือ เพิ่มคนเก็บขยะให้มากขึ้นและรณรงค์ให้คนทิ้งขยะให้น้อยลง จึงเป็นการดำเนินงาน 2 ทาง ที่ทำให้เกิดความสมดุลทั้ง 2 ด้าน

อิทธิพลกล่าวว่า ด้วยความที่พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายในด้านต่างๆ และมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูง จึงทำให้มีประชากรแฝงนิยมอาศัยอยู่ในเมืองพัทยาเป็นจำนวนมาก คิดเป็นจำนวนประมาณ 4-5 แสนคน รวมกับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศทั่วโลกที่เดินทางมาท่องเที่ยวต่อปี จึงมีจำนวนประชากรมากกว่า 6 ล้านคน

ประกอบกับประชาชนบางส่วนที่เข้ามาประกอบอาชีพอันเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ทำให้มีจำนวนประชากรเพิ่มมากขึ้น เมื่อประชากรมาก ส่งผลให้เกิดปัญหาตามมา คือ ปัญหาอาชญากรรม ปัญหาสังคม ปัญหาแหล่งเสื่อมโทรม ยาเสพติด ทำให้ยุทธศาสตร์ที่เน้นหนักเป็นพิเศษจึงเป็นเรื่องของ "ความปลอดภัย" ทั้งในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและนักท่องเที่ยว

"สิ่งที่ผมจะทำ คือทำให้เมืองพัทยาปลอดภัยทั้งในบ้านและนอกบ้าน 24 ชั่วโมง ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนที่ต้องทำ สิ่งนี้มาจากผลสำรวจความคิดเห็นและความต้องการของประชาชนในพื้นที่เองด้วย และมาจากการเกิดเหตุอาชญากรรม ฉกชิงวิ่งราวอยู่เป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้ผมแก้ปัญหาโดยการตั้ง หน่วยพิเศษ ทัพพระยา 2310 ขึ้นมาทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประชาชน"

หน่วยรักษาความปลอดภัย "ทัพพระยา 2310" เปิดรับสมัครประชาชนที่ต้องการเข้ามาทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชนโดยเฉพาะ เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว ประชาชนที่มาสมัครนั้นต้องมาอย่างสมัครใจ จากนั้นก็เข้ารับการอบรมให้ความรู้ในลักษณะการเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติภารกิจป้องกันและรักษาความปลอดภัยแก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว

โดยคอยดูแลพื้นที่ในแต่ละชุมชนที่ตัวเองอาศัยอยู่ ด้วยเหตุผลที่ว่า ชาวบ้านจะรู้จักพื้นที่ในชุมชนที่ตัวเองอยู่เป็นอย่างดี รวมทั้งรู้ว่าคนที่อาศัยอยู่ในชุมชนมีใครบ้าง ซึ่งถ้ามีคนแปลกปลอมเข้ามาก็จะสามารถรู้ได้ โดยหน่วยดังกล่าวจะมีชุดเครื่องแบบ วิทยุสื่อสาร อุปกรณ์ตรวจการ และมีศูนย์วิทยุของหน่วย จะทำให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปในจุดเกิดเหตุและระงับเหตุที่เกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที 



การทำงานของหน่วยทัพพระยา 2310 จึงคล้ายๆ กับสายตรวจของตำรวจ แต่จะสามารถสอดส่องได้อย่างทั่วถึงมากกว่า

"การที่มีหน่วยทัพพระยาฯเข้ามา จึงน่าจะช่วยแบ่งเบาหน้าที่ตรงนี้ได้ เพราะความปลอดภัยของประชาชนและนักท่องเที่ยว เป็นปัจจัยก่อให้เกิดความพึงพอใจและความประทับใจจากการให้บริการ ถือเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องร่วมกันรณรงค์และปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม" พ่อเมืองพัทยากล่าว

นอกเหนือจากหน่วยทัพพระยา 2310 ที่ตั้งขึ้นมาแล้ว ยังมีแผนสนับสนุนการทำงานของตำรวจ เช่น ค่าน้ำมันรถของสายตรวจ หรือค่าเบี้ยเลี้ยงของอาสาสมัคร ในเบื้องต้นนี้ตั้งงบประมาณไว้โรงพักละ 2 ล้านบาท

จากประเด็นเรื่องความปลอดภัย สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน คือ เรื่องภูมิทัศน์ที่สวยงามของพัทยา เพราะถือเป็นส่วนช่วยดึงดูดให้คนนึกถึงและอยากเดินทางมาท่องเที่ยว จึงเป็นอีกหนึ่งนโยบายที่ต้องเร่งดำเนินการ

ดังนั้น ต่อจากนี้ไปเมืองพัทยาจะมีการปรับสภาพภูมิทัศน์ให้สวยงามน่ามอง และฟื้นฟูทะเลพัทยาให้มีความใสสะอาดมากกว่าแต่ก่อน ตามนโยบาย "ธรรมชาติ หาดสวย น้ำใส คืนทะเลให้พัทยา"

อิทธิพลบอกว่า การดำเนินงานในเรื่องนี้ สามารถทำได้หลายวิธี ทั้งการปลูกฝังจิตสำนึกให้ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ การให้มีเรือเก็บขยะที่ใช้แรงงานคนช่วยกันเก็บ และในอนาคตจะมีการป้องกันโดยการทำทุ่นดักขยะซึ่งลอยตามน้ำมาจากที่อื่น วิธีนี้จะช่วยลดปริมาณขยะได้ หรือการประสานไปยังต้นเหตุการทำลายทะเล เช่น คราบน้ำมันที่รั่วไหลมาจากเรือ และการใช้รถล้างทรายเพื่อเก็บขยะและทำความสะอาดทราย อีกทั้งการพัฒนาระบบนิเวศอย่างถาวร

"ขณะนี้กำลังมีโครงการศึกษาปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง โดยในระยะยาววางแผนจะติดตั้งโครงสร้างในทะเลเพื่อเพิ่มพื้นที่ชายหาดและลดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ตลอดจนการดูดทรายจากทะเลลึกมาพ่นเพื่อเพิ่มเติมพื้นที่หาดให้กว้างขึ้น รวมทั้งพวกร่ม เตียงที่ตั้งอยู่ชายหาด จะจัดระเบียบให้เป็นหมวดหมู่มากขึ้น คือ มีร่มเตียง 50% และพื้นที่ชายหาดโล่งว่าง 50% เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้มีพื้นที่ใช้ในชายหาดได้มากขึ้น เรื่องนี้จะมอบหมายให้เอกชนที่ได้รับสัมปทานเป็นผู้จัดหาร่มที่เป็นแบบเดียวกันและโทนสีเดียวกันเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยดูสวยงาม"

อีกสิ่งหนึ่งที่จำเป็นสำหรับเมืองพัทยา คือ บริการอินเตอร์เน็ต (Wi-Fi) ซึ่งกำลังดำเนินการติดตั้งอยู่ คิดว่าราวต้นปีหน้าจะเสร็จใช้การได้ หรือแม้กระทั่งรถไฟฟ้าที่จะสร้างให้ไปถึงเมืองพัทยา

"หลายคนอาจคิดว่าไม่น่าเป็นไปได้ แต่ขอบอกว่าทำให้มีได้จริงๆ เพราะตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาว่าควรใช้ระบบใดจึงจะเหมาะสม"

พ่อเมืองพัทยาสาธยายมาอย่างยาวนาน แล้วตบท้ายว่า การจะเปลี่ยนเมืองพัทยาให้ได้ผลสำเร็จนั้น สิ่งที่จะต้องแก้ก็คือ ภาพลักษณ์ของพัทยา ที่คนภายนอกเมื่อนึกถึงพัทยาแล้วก็จะเห็นแต่ภาพทะเล และแสงสียามค่ำคืนจากผับ บาร์ ที่มีอยู่เรียงราย คนส่วนใหญ่ที่มาจึงมีแต่วัยหนุ่มสาว แต่สำหรับพัทยาในรูปแบบใหม่ที่กำลังเกิดขึ้น จะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่คนสามารถมาเที่ยวได้ทุกเพศ ทุกวัย จึงต้องมีการวางแผนเพื่อพัฒนาให้มีแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มากขึ้น เช่น พัทยาเมืองเก่า (Walking street old town) ที่จะมีพิพิธภัณฑ์สะสมของเก่าและภาพเมืองพัทยาในอดีต ตลอดจนการขายสินค้าพื้นเมืองของชาวบ้าน หรือการโปรโมตแหล่งท่องเที่ยวที่คนยังไม่รู้จักมากนัก อย่าง "เกาะล้าน" ซึ่งมีน้ำทะเลใสเหมาะแก่การทำกิจกรรมดำน้ำ

"บอกได้เลยว่าเรากำลังจะปรับโฉมใหม่ให้พัทยาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงระดับโลก ที่มุ่งเน้นการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ของคนทั้งโลก" พ่อเมืองพัทยากล่าวทิ้งท้าย

ทั้งหมดที่กล่าวมา อิทธิพลบอกว่าเป็นแนวทางใหม่ที่เลือกแล้วสำหรับพัทยา ที่จะใช้ต่อสู่กับวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น

พัทยาโฉมใหม่จะเจ๋งขนาดไหน สมกับราคาที่ว่าไว้หรือไม่ หรือจะเป็นแค่ภาพฝันในแผ่นกระดาษ คงเป็นสิ่งที่ต้องเฝ้ารอดูกันต่อไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2008, 01:04:04 AM »

คม ชัด ลึก


หวั่นอันตราย! สั่งหยุดบริการเรือนำเที่ยว
 
เทศบาลนครสงขลาสั่งหยุดบริการเรือนำเที่ยวทะเลสาบสงขลา-อ่าวไทยชั่วคราว หลบมรสุม หวั่นนักท่องเที่ยวได้รับอันตราย

นายอุทิศ ชูช่วย นายกเทศมนตรีนครสงขลา กล่าวว่า เทศบาลได้ประสานกลุ่มเรือประมงพื้นบ้านเพื่อการท่องเที่ยวเทศบาลนครสงขลา ที่ประกอบอาชีพเสริมด้านการบริการนำเที่ยวตามโครงการ "เรือประมงพื้นบ้านเพื่อการท่องเที่ยว" โดยมีเส้นทางท่องเที่ยวหลักที่นำนักท่องเที่ยวนั่งเรือออกชมทัศนียภาพบริเวณโดยรอบของทะเลสาบสงขลาและเกาะหนูเกาะแมวในทะเลอ่าวไทย หยุดให้บริการนักท่องเที่ยวชั่วคราวในช่วงนี้เป็นต้นไป เนื่องจากเป็นช่วงฤดูมรสุมคลื่นลมมีกำลังแรง เกรงจะไม่ปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว

 ทั้งนี้ เทศบาลมีกำหนดเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวอีกครั้งประมาณต้นปีหน้า ซึ่งแบ่งเป็น 2 เส้นทาง คือเส้นทางทะเลสาบสงขลาตอนในที่มีโปรแกรมนั่งเรือหางยาวชมทิวทัศน์และเรียนรู้วิถีชีวิตประมงพื้นที่ เช่น ชมสวนเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาฯ สวนประวัติศาสตร์พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ป่าโกงกางคลองพะวง เปิดบริการต้นเดือนมกราคม ขณะที่เส้นทางล่องเรือชมทะเลอ่าวไทย เกาะหนู-เกาะแมว ท่าเรือน้ำลึก ทะเลสาบสงขลา เกาะหมก เกาะสี่-เกาะห้า เขต จ.พัทลุง จะเปิดให้บริการเดือนมีนาคม

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2008, 01:07:48 AM »

แนวหน้า


‘บางจะเกร็ง’ฮือประท้วง โวยขนถ่านหินสร้างมลพิษ ร้องจว.สั่งปิด บ.ตัวต้นเหตุ  
 
 สมุทรสงคราม:จากกรณีที่ชาวตำบลบางจะเกร็ง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม กว่า 200 คน ร่วมตัวประท้วงกันที่บริเวณศาลาเอนกประสงค์ วัดศรัทธาธรรม ต.บางจะเกร็ง เพื่อต้องการให้ทางราชการรับทราบถึงเรื่องความเดือดร้อนของชาวบางจะเกร็งในเรื่องของการขนถ่ายถ่านหินข้ามจังหวัด ซึ่งสร้างมลภาวะและความเดือดร้อนให้กับชุมชนเป็นอย่างมาก โดยขู่ว่าหากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ให้การช่วยเหลือชาวบ้านทั้งหมดในตำบลบางจะเกร็งก็จะตัวกันปิดถนนทางไปดอนหอยหลอดเพื่อกดดันต่อไป

 นายศราวุธ กล้วยจำนงค์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)บางจะเกร็ง หนึ่งในแกนนำของชาวบ้าน กล่าวว่า เนื่องมาจากมีบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งได้ทำการขนถ่ายถ่านหินจากเรือ ที่บรรทุกมาจากภาคใต้เพื่อจะบรรทุกรถสิบล้อไปส่งยังโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งการกระทำดังกล่าวสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านในตำบลบางจะเกร็งเป็นอย่างมาก เนื่องจาก ฝุ่นของถ่านหินฟุ้งกระจายไปทั่วชุมชน ทำให้ชาวบ้านต้องล้มป่วยกันหลายสิบรายแล้ว เคยร้องเรียนไปยังทางอำเภอและจังหวัดแล้วและมีการเจรจาต่อรองกันว่าจะขนถ่ายถ่านหินในตอนกลางคืนและคุมเต็นท์ผ้าใบ ไม่ให้ฝุ่นกระจาย ส่วนที่กองถ่านหินที่รอการขนถ่ายจะใช้น้ำฉีดไม่ให้ฟุ้งกระจาย แต่ที่ผ่านมาทาง บริษัทดังกล่าวยังไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่สัญญาไว้ จึงต้องการให้บริษัทฯ หยุดขนถ่ายถ่านหินอย่างเด็ดขาด

 ทั้งนี้เดิมทีชาวบ้านก็หวาดผวาอยู่แล้ว เนื่องจากในตำบลมีทั้งคลังแก๊ส คลังน้ำมัน และ โรงถ่านหิน และเกือบจะได้มีโรงไฟฟ้าอีกแห่งหากชาวแม่กลองไม่รวมตัวกันคัดค้านเสียก่อน ทุกวันนี้ชาวบ้านอยู่กันอย่างไม่ปกติสุขนัก

 นายศราวุธ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ชาวบ้านได้ไปชุมนุมประท้วงกันที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรสงคราม เพื่อขอพบนายประภาศ บุญยินดี ผวจ.สมุทรสงคราม แต่เนื่องจากผู้ว่าฯ ติดราชการ และรองผู้ว่าราชการจังหวัดทั้ง 2 คนติดราชการ จึงมีเพียงนายยุงยุทธ ป้อมเอี่ยม จ่าจังหวัดสมุทรสงคราม ออกมารับเรื่องร้องเรียนดังกล่าว พร้อมกับเชิญตัวแทนกลุ่มชาวบ้านไปเจรจา ซึ่งทางกลุ่มชาวบ้านได้เรียกร้องให้จังหวัดตั้งกรรมการทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ภายใน 7 วัน หากไม่ได้รับคำตอบหรือการจัดการปัญหาที่ดีชาวบ้านก็จะรวมตัวปิดถนนทางไปดอนหอยหลอดต่อไป 


************************************************************************************************


เปิด “หิ่งห้อยถนนคนเดิน” หนุนท่องเที่ยวเมืองจันทน์   
 
 จันทบุรี:นายพูลศักดิ์ ประณุทนรพาล ผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี กล่าวว่า ระหว่างวันที่ 16 ม.ค.- 31 มี.ค. 2552 จ.จันทบุรีไ ด้กำหนดจัดงาน “หิ่งห้อยถนนคนเดิน” Firefly Walking Street ครั้งที่ 3 ขึ้นที่ศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุ อ.ขลุง จ.จันทบุรี เพื่อ อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติป่าชายเลนแหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำทะเล เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ลดการตัดไม้ทำลายป่า สร้างรายได้แก่ราษฎรในพื้นที่และกระจายรายได้สู่ชุมชน

 ทั้งนี้ศูนย์เรียนรู้และท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลนลุ่มน้ำเวฬุเป็นพื้นที่ป่าชายเลนที่มีความสมบูรณ์ทางทรัพยากรธรรมชาติติดอันดับต้นๆ ของโลก มีความหลากหลายทางชีวภาพ เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหิ่งห้อย นกเหยี่ยวคอแดง คอขาว ปู ปลา กุ้ง หอย แหล่งอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำทะเล รวมทั้งวิถีชีวิตของชาวประมงพื้นบ้านที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เป็นจุดขายด้านการท่องเที่ยว

 โดยการจัดงานได้แบ่งรูปแบบออกเป็น การสัมมนาด้านการบริหารจัดการทรัพยากรป่าชายเลนอย่างยั่งยืนโดยชุมชน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าชายเลน การออกร้านค้าวิสาหกิจชุมชน การออกร้านจำหน่ายสินค้าโอท็อป การแสดงของนักเรียน นักศึกษาในพื้นที่ การแสดงศิลปินพื้นบ้านละครชาตรี เท่งตุ๊ก เป็นต้น

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 15, 2008, 01:14:56 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เกิดเหตุแผ่นดินไหวขนาดปานกลางนอกชายฝั่งญี่ปุ่น

สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่าเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.3 ริคเตอร์นอกชายฝั่งเกาะฮอนชูของญี่ปุ่นวันนี้ แต่ไม่มีรายงานความเสียหาย และคลื่นยักษ์สึนามิ
 
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.29 น. ตามเวลาประเทศไทย ศูนย์กลางแผ่นดินไหวอยู่ลึกลงไป 31 กิโลเมตร ห่างไปทางตะวันออกของเกาะฮอนชู และไกลจากเมืองโมริโอกะ 296 กิโลเมตร ทั้งนี้ เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 20 จากแผ่นดินไหวรุนแรงทั่วโลกทั้งหมด

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.031 วินาที กับ 21 คำสั่ง