แมนต้าเรย์ที่เกาะบอน / วินิจ รังผึ้ง
โดย : วินิจ รังผึ้ง
"เกาะบอน" เป็นเกาะเล็กๆ ตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางทะเลในเขตจังหวัดพังงา เป็นจุดดำน้ำหนึ่งในเส้นทางดำน้ำอันดามันเหนือซึ่งเรือบริการดำน้ำมักจะจัดทริปเป็นเส้นทางโดยเริ่มจากหมู่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย หินริเชลิว และเกาะบอน ก่อนกลับเข้าฝั่ง
หากมองจากสภาพทั่วๆไปเกาะบอนอาจไม่มีอะไรน่าสนใจนัก เพราะเป็นเกาะที่มีขนาดเล็กๆ ไม่มีหาดทรายหรือพื้นที่ราบ ไม่สามารถจะขึ้นไปบนเกาะได้ จะมีจุดเด่นที่แปลกตาก็ตรงรูทะลุเป็นช่องกลางเกาะอันเนื่องมาจากการกัดเซาะของคลื่นลม จนชาวบ้านดั้งเดิมเรียกกันว่าเกาะทะลุ เกาะบอนจึงไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวทางทะเลทั่วๆไป แต่เกาะแห่งนี้ก็กำลังกลายเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำในวันนี้ เพราะเป็นจุดที่นักดำน้ำสามารถพบเห็นกระเบนราหูหรือเจ้าแมนต้าเรย์ (Manta ray) ได้บ่อยครั้งที่สุดของเมืองไทยก็ว่าได้
กระเบนราหูหรือเจ้าแมนต้า ถือเป็นปลากระเบนพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งเมื่อโตเต็มที่อาจจะมีขนาดความกว้างของลำตัวจากปลายปีกด้านหนึ่งถึงอีกด้านหนึ่งราว 6 เมตร มีน้ำหนักได้ถึง 1,350 กิโลกรัม เป็นปลากระเบนที่อาศัยอยู่ในทะเลเขตร้อน ลักษณะของเจ้าแมนต้าเรย์ จะมีลำตัวแบนแผ่กว้างรูปทรงคล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน หรือบางคนก็บอกว่ามันมีรูปร่างเหมือนเพชร มีหางเล็กๆคล้ายแส้ ลำตัวด้านบนสีดำหรือสีเทา บางตัวมีแถบสีขาวปะปน ด้านล่างของลำตัวสีขาว หรือมีด่างสีเทาหรือสีดำปะปน มีช่องเหงือกอยู่ด้านใต้ลำตัว มีปากอยู่ด้านหน้า ซึ่งผิดกับปลากระเบนชนิดอื่นๆที่มักจะมีปากอยู่ด้านล่างของลำตัว
เหตุที่มีปากอยู่ด้านหน้าก็เพราะ กระเบนราหูนั้นเป็นกระเบนที่กินแพลงก์ตอนเล็กๆ ที่ล่องลอยมากับกระแสน้ำเป็นอาหาร มันจึงเป็นปลากระเบนชนิดที่ชอบว่ายน้ำอยู่กลางห้วงน้ำทั้งวัน เพื่ออ้าปากรับน้ำเข้าไป แล้วกรองแพลงก์ตอนไว้เป็นอาหารก่อนจะปล่อยน้ำออกทิ้งทางช่องเหงือก ผิดกับปลากระเบนชนิดอื่นๆ ที่หากินอยู่บริเวณหน้าดิน ซึ่งกระเบนเหล่านั้นจะกินกุ้ง ปลา ปู และสัตว์อื่นๆที่อยู่ตามหน้าดินเป็นอาหาร กระเบนเหล่านั้นจึงมีช่องปากอยู่ด้านใต้ลำตัวที่ติดอยู่กับพื้นดิน และมักจะมีนิสัยชอบนอนหมอบราบอยู่กับพื้นทรายหรือหลบซ่อนอยู่ภายในถ้ำ ไม่ค่อยจะชอบว่ายน้ำเหมือนกับกระเบนราหู
กระเบนทุกชนิดเป็นปลากระดูกอ่อนที่ดำรงอยู่คู่กับท้องทะเลมากว่า 150 ล้านปี ทั่วโลกมีอยู่มากมายกว่า 450 ชนิด ส่วนใหญ่จะมีรูปร่างกลมๆ ลำตัวแบนราบ มีตั้งแต่ตัวเล็กเท่าฝ่ามือจนถึงตัวกว้างเป็นเมตร กระเบนส่วนใหญ่มักจะมีหางยาว มีเงี่ยงที่โคนหางเป็นอาวุธสำคัญไว้ป้องกันตัวโดยเมื่อมีปลาหรือสัตว์ใหญ่เข้าโจมตี กระเบนเหล่านี้ก็จะตะวัดหางทำให้เงี่ยงที่มีลักษณะคล้ายกับมีดปลายแหลมเสียบแทงศัตรูที่เข้ามาจู่โจม ให้บาดเจ็บอย่างแสนสาหัส เพราะเงี่ยงแหลมนี้นอกจากจะเป็นอาวุธคล้ายมีดแล้ว ยังมีต่อมพิษที่มีลักษณะเป็นสารประกอบโปรตีนฉีดเข้าไปที่บาดแผลก่อให้เกิดการเจ็บปวดแสนสาหัสซ้ำเข้าไปอีก
โดยกระเบนบนพื้นทรายเหล่านี้มีตั้งแต่ขนาดใหญ่เป็นเมตรอย่างกระเบนดำ กระเบนลายหินอ่อน ลงไปจนถึงกระเบนจุดฟ้าขนาดฟุตกว่าๆ ลงไปจนถึงกระเบนขนาดเล็กที่ใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อยที่ชาวบ้านเรียกว่า ปลาจ้งม้ง ซึ่งชอบอาศัยหมกทรายอยู่ตามชายฝั่งที่น้ำตื้น ซึ่งนักท่องเที่ยวอาจจะเดินลุยน้ำไปเหยียบแล้วโดนเงี่ยงของมันแทงเข้าที่เท้าได้ แต่ก็น่ายินดีที่ว่าเจ้ากระเบนราหูน้ำเค็มนั้นแม้นจะเป็นกระเบนยักษ์ใหญ่ แต่ก็เป็นกระเบนประเภทที่ไม่มีเงี่ยงบริเวณโคนหาง จึงไม่เป็นอันตรายต่อนักดำน้ำ ผิดกับกระเบนราหูน้ำจืดที่เป็นกระเบนขนาดใหญ่แต่ก็ยังมีเงี่ยงที่โคนหางไว้เป็นอาวุธป้องกันตัวเหมือนกระเบนทั่วๆไป
ที่มาของชื่อกระเบนราหูนั้น ก็คงจะด้วยขนาดที่ใหญ่โตของมัน และสีดำทะมึนบนแผ่นหลัง กับพฤติกรรมที่ชอบว่ายน้ำหากินอยู่กลางน้ำหรือขึ้นมาใกล้ผิวน้ำ ซึ่งเมื่อชาวเรือตั้งแต่สมัยโบราณมองลงไปเห็นร่างเงาดำทะมึนเคลื่อนผ่านไปมาก็จะเห็นเป็นภาพที่น่าหวาดหวั่นครั่นคร้ามอยู่ไม่น้อย มองดูคล้ายๆกับร่างเงาของราหูที่เคลื่อนเข้าบดบังดวงจันทร์ มันจึงถูกขนานนามว่ากระเบนราหู
สำหรับนักดำน้ำแล้วกระเบนราหู หรือเจ้าแมนต้าเรย์นั้น นับเป็นยักษ์ใหญ่ใจดีที่เป็นสุดยอดปรารถนาจะได้พบเจออันดับต้นๆ เพราะมีลีลาการว่ายน้ำที่งดงามด้วยการกระพือปีกขึ้นลงช้าๆราวกับการโบยบินของพญาอินทรี และด้วยขนาดลำตัวที่ใหญ่โต มันจึงไม่ค่อยจะตื่นกลัวนักดำน้ำ บางตัวอาจจะว่ายเวียนวนไปมารอบๆกลุ่มนักดำน้ำและว่ายเล่นอยู่นานนับเป็นชั่วโมงเลยทีเดียว บางตัวยังว่ายตีลังกากลับตัวเหมือนลีลาของนักยิมนาสติก เป็นที่ประทับใจของผู้ได้พบได้เห็น ด้วยขนาดที่ใหญ่โตกระเบนราหูจึงไม่ค่อยจะมีศัตรูตามธรรมชาติมากนัก โดยศัตรูของกระเบนราหูก็คือวาฬเพชฌฆาต วาฬเพชฌฆาตเทียม ฉลามเสือ และบรรดาเรืออวนทั้งหลาย
ในแหล่งดำน้ำทางฝั่งทะเลอันดามันบริเวณที่มีรายงานการพบเห็นกระเบนราหูก็คือบริเวณ หินหัวกะโหลก คริสมาสต์พอยต์ หมู่เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย เกาะบอน หินแดง หินม่วง แต่ที่พบเจอได้บ่อยครั้งที่สุดในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาก็คือบริเวณหัวแหลมเกาะบอน ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำใส เป็นจุดที่มีกระแสน้ำไหลพาเอาอาหารล่องลอยมาปะทะกับแหลมหิน จึงเป็นทำเลของแพลก์ตอนที่จะล่องลอยมาหมุนวนอยู่บริเวณนี้ นั่นจึงเป็นจุดนัดพบของบรรดายักษ์ใหญ่ใจดีแห่งท้องทะเลเหล่านี้
แต่เดิมบริเวณเกาะบอนนั้นเป็นจุดดำน้ำที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ดูให้ชมกันนัก เพราะสภาพใต้ทะเลมีแต่ปะการังโครงสร้างแข็งที่ไม่ค่อยมีสีสันเป็นหลัก และมักเป็นปะการังที่มีสภาพแตกหักเพราะในอดีตเกาะบอนเป็นแหล่งระเบิดปลาของมือระเบิดทั้งหลาย เพราะเป็นเกาะที่อยู่ห่างไกลฝั่ง ไกลหูไกลตาผู้คน แต่เมื่อกลายเป็นแหล่งดำน้ำและมีเรือบริการดำน้ำเข้าไปดำแทบทุกวัน ก็ทำให้การระเบิดปลาหมดไป และปะการังก็เริ่มจะฟื้นตัว โดยมีปะการังเขากวางผืนใหญ่ที่ขึ้นอยู่กันอย่างหนาแน่นทางด้านเหนือของเกาะ และเมื่อมีเจ้าแมนต้าเรย์เข้ามาเป็นพระเอกประจำ แหล่งดำน้ำที่แสนจะธรรมดาๆ ที่นี่จึงคึกคัก บางวันมีรายงานการพบเจ้ากระเบนราหูมากถึง 3-4 ตัวในไดฟ์เดียวกัน นั่นจึงทำให้หลายคนถึงกับขนานนามให้เกาะบอนแห่งนี้เป็น Manta point เลยทีเดียว.