กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 01, 2024, 08:53:18 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เมนูแมงดาทะเล อร่อยนี้มีเดิมพัน  (อ่าน 6595 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:07:45 AM »


เมนูแมงดาทะเล อร่อยนี้มีเดิมพัน


 
พิษของแมงดาทะเล มิคาดว่าจะรุนแรงขนาดฆ่าคนได้

แต่เกิดขึ้นแล้วในครอบครัวของนายศุภชัย จุลมูล ชาวบ้านอีเล็ด ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมือง จังหวัดชุมพร

เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2551 นางนงนุช ภรรยาของนายศุภชัยได้แมงดาทะเลมาจากเพื่อนบ้านที่เป็นชาวประมง แล้วปรุงอาหารเป็นยำไข่แมงดาทะเล

แมงดาทะเลที่ได้มาเป็นชนิดมีพิษที่เรียกว่า เห-รา หรือ แมงดาไฟ หรือแมงดาถ้วย เมื่อสมาชิก ในครอบครัวอิ่มอร่อยกับอาหารแล้ว กลับมีอาการผิดปกติต่างๆกัน เป็นเหตุให้พ่อ แม่ และลูกๆอีก 3 คน ชาวบ้านต้องรีบนำส่งโรงพยาบาลชุมพรเขตอุดมศักดิ์

อาการของแต่ละคนคือ คลื่นไส้ อาเจียน และบางคนถึงกับหมดสติแน่นิ่งไป

คนที่อาการหนักมากคือ นางนงนุชผู้เป็นแม่ และ ด.ญ.ดารารัตน์ อายุ 11 ขวบ ลูกสาวคนสุดท้อง ทั้งสองอาการหนัก ขนาดต้องนำเข้าห้องไอซียู

พิษร้ายของแมงดาอยู่ที่ไหน ทำไมถึงรุนแรงขนาดนั้น

ผศ.ดร.ผ่องศรี ทิพสังโกศล ภาควิชาปรสิตวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่บอกว่า “โดยตัวของแมงดาเองไม่ใช่สัตว์ที่มีพิษ แต่อาหารที่แมงดากินเข้าทำให้มันมีพิษขึ้นมา”

และบอกว่า “แมงดาชนิดที่มีพิษคือ แมงดาถ้วย ส่วนแมงดาจานนั้นยังไม่ปรากฏว่ามีพิษ ทางที่ดีควรหลีกเลี่ยงไม่กินเสียจะดีกว่า”

และยังย้อนอดีตให้ฟังว่า “เมื่อก่อนเคยเป็นข่าวหนหนึ่งแล้ว เห็นมีแม่ค้าออกมาต่อต้าน ว่าแมงดามีพิษนั้นไม่เป็นความจริง กินแมงดาไม่เป็นอันตราย แล้วแม่ค้าก็กินไข่แมงดาให้ดู เห็นแล้วรู้สึกเสียวอยู่เหมือนกัน ถ้าไปกินเอาแมงดาตัวที่มีพิษเข้าจะเป็นอย่างไร” อาจารย์บอกด้วยความห่วงใย

สำหรับพิษของแมงดาถ้วย หรือแมงดาไฟ อาจารย์บอกว่าที่มันมีพิษได้น่าจะมาจาก 2 สาเหตุคือ

1. ตัวแมงดาถ้วยไม่มีพิษแต่เกิดจากแมงดาถ้วยไปกินตัวแพลงก์ตอนที่มีพิษ หรือกินหอยหรือ หนอนที่กินแพลงก์ตอนที่มีพิษเข้าไป ทำให้สารพิษไปสะสมอยู่ในเนื้อและไข่ของแมงดาถ้วย

2. ตัวแมงดาถ้วยมีพิษซึ่งเกิดจากแบคทีเรียในลำไส้สร้างพิษขึ้นมาได้เอง

ความร้อนไม่อาจฆ่าพิษได้

เมื่อนำไข่หรือเนื้อแมงดามาปรุงหรือผัดให้สุกโดยเชื่อว่าความร้อนสามารถ ฆ่าพิษได้นั้น ความจริงแล้วความร้อนไม่สามารถฆ่าพิษได้ เนื่องจากเป็นพิษชนิด ที่มีผลต่อระบบประสาทที่ความร้อนไม่สามารถทำลายเชื้อได้

อาจารย์ให้ความรู้ต่อว่า เมื่อคนกินแมงดาทะเลเข้าไปแล้ว จะมีอาการมากน้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับปริมาณที่กินเข้าไป

อาการจะเริ่มจากชาที่ริมฝีปาก มือและเท้า เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เดินเซ แขนขาไม่มีแรง พูดไม่ออก กลืนลำบาก หายใจไม่ออก กล้ามเนื้อเกี่ยวกับการหายใจเป็นอัมพาต เนื่องจากพิษของแมงดาทะเลเป็นพิษต่อระบบประสาทที่ควบคุมการหายใจ

ในเด็กเล็กจะมีอาการรุนแรงมากกว่าผู้ใหญ่

ด้วยเหตุนี้เอง ด.ญ.ดารารัตน์ จุลมูล ซึ่งเป็นลูกคนสุดท้องของนางนงนุชจึงอาการปางตาย ส่วนนางนงนุชที่เป็นหนัก อาจเนื่องมาจากกินไข่แมงดาเข้าไปมากกว่าคนอื่นๆ



การกำเริบของพิษ สถาบันอาหาร ให้ความรู้ว่า การเป็นพิษมักเกิดขึ้นภายหลังรับประทาน แมงดาทะเลประมาณ 10-45 นาที หรืออาจช้าไปจนถึง 3 ชั่วโมง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับชนิดและแหล่งที่อยู่ของแมงดาทะเล ฤดูกาล จำนวนที่รับประทาน หรือปริมาณของสารพิษที่ได้รับ

พร้อมยกตัวอย่างว่า เช่น รับประทานไข่แมงดา อาการพิษจะเกิดรุนแรงกว่า รับประทานเฉพาะเนื้อ อาการมักเริ่มจากมึนงง รู้สึกชาบริเวณลิ้น ปาก ปลายมือ ปลายเท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรง

และยังมี “อาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย บางรายอาจมีน้ำลายฟูมปาก เหงื่อออกมาก ตามองเห็นภาพไม่ชัดเจน ในรายที่มีอาการรุนแรงมาก จะมีผลทำให้กล้ามเนื้อหายใจอ่อนแรง และอาจตายภายใน 6-24 ชั่วโมง” สถาบันอาหารยืนยัน

ส่วนอาจารย์ผ่องศรีให้ความรู้เรื่องแมงดาทะเลต่อว่า เป็นสัตว์ที่มีรูปร่าง เหมือนชามกะละมังคว่ำ ทางด้านหัวโค้งกลม มีเปลือกหนาแข็ง ห่อหุ้มอยู่ทั่วทั้งตัว มีหางแข็งยาว ปลายแหลม ยื่นออกมาหาส่วนท้ายของลำตัว สำหรับใช้ต่างสมอปักลงกับพื้นท้องทะเล เมื่อต้องการนอนนิ่งอยู่กับที่

แมงดาทะเลจะอาศัยอยู่ที่พื้นทะเลน้ำตื้นๆ คลานหากินไปตามพื้นทราย อาหารของมันคือหอยเล็กๆ ปูเล็กๆ ศัตรูของมันคือเต่าทะเลและฉลาม

แมงดาทะเลตัวผู้กับตัวเมียมีรูปร่างคล้ายกัน แต่ตัวเมียมีขนาดใหญ่กว่ามาก ไข่เป็นเม็ดกลมสีเหลืองขนาดเท่าเม็ดสาคู และมีจำนวนหลายร้อยฟอง

สำหรับแมงดาที่พบในทะเลไทยมีอยู่ 2 ชนิดคือ แมงดาจาน หรือแมงดาทะเลหางเหลี่ยม มีขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ตามพื้นทะเล วางไข่ตามริมชายฝั่งที่เป็นดินทราย

อีกชนิดเรียกว่าแมงดาถ้วย แมงดาทะเลหางกลม เห-รา หรือแมงดาไฟ มีขนาดเล็กกว่า แมงดาจาน มีสีส้มหรือน้ำตาลเข้ม อาศัยอยู่ตามพื้นทะเลที่เป็นดินโคลน และตามคลองในป่าชายเลน


เนื่องจากแมงดาถ้วยเหมือนแมงดาจาน คนที่ไม่คุ้นเคยย่อมแยกแยะลำบาก เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่ออันตราย อาจารย์แนะว่า วิธีป้องกันที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงที่จะไม่กินแมงดาทะเล

สำหรับคนที่ชอบกินแมงดาทะเล แล้วถ้าพบว่าหลังจากการกินแล้วรู้สึกมีอาการชาที่ปาก หายใจไม่ออก ทำการล้างท้อง ล้วงคอทำให้อาเจียน แล้วรีบนำตัวส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด

อาจารย์สรุปว่า ในปัจจุบันยังไม่มียาแก้พิษจากแมงดาทะเล

และเตือนอีกว่า “นอกจากแมงดาถ้วยแล้ว ยังมีปลาปักเป้าอีกชนิดหนึ่งที่น่าเป็นห่วง เพราะมีคนนำเอามาทำเป็นเนื้อไก่ ถ้าเป็นตัวที่มีพิษ คนกินเข้าไปแรกๆ จะรู้สึกชาที่ริมฝีปาก ต้องระวังให้ดี อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”



แมงดาทะเลระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมิถุนายนอยู่ในช่วงเวลาออกไข่ ทำให้คนชอบกินไข่แมงดาซื้อหามาปรุงอาหารได้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษ

สัตว์ทะเลที่มีพิษนอกจากแมงดาทะเล สถาบันอาหารชี้ว่า ยังมีหอยแมลงภู่

สารพิษที่พบในหอยชนิดนี้มาจากสาหร่ายทะเลบางชนิด จะสังเกตได้ง่ายเนื่องจากจะเป็นสีแดง ลอยเป็นแพในทะเล เมื่อหอยแมลงภู่กินเข้าไป จะทำให้เกิดพิษในตัวหอย สารพิษดังกล่าวชื่อ saxitoxins ซึ่งเป็นสาร alkaloid

เมื่อกินเข้าไปอาการจะปรากฏภายใน 1 ชั่วโมง คืออาการเหน็บชาริมฝีปาก ปลายนิ้ว เวียนศีรษะ ง่วง ซึม เป็นผื่น คอแห้ง
เป็นต้น

ถ้ากินเข้าไป 80 ไมโครกรัมของสาร toxin บริสุทธิ์ต่อน้ำหนัก 100 กรัม อาจทำให้ตายได้ และสารนี้จะอยู่ในทุกส่วนของตัวหอย

และยังมีปลาปักเป้าดำ และปักเป้าหนามทุเรียน ที่เป็นอันตรายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

การเลือกอาหารแต่ละมื้อ ถ้าเลือกโดยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์นั่นเป็นเรื่องต้องให้อภัย และให้ความรู้ แต่ถ้าเลือกเพราะหวังอร่อยแบบพิสดาร คงต้องตอบคำถามก่อนว่า...

อร่อยทั้งที ทำไมต้องมีชีวิตเป็นเดิมพัน.
 
 


จาก                        :                       ไทยรัฐ  สกู๊ปหน้า 1   วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:10:53 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:10:32 AM »


กิน'แมงดาทะเล' ผิดชนิดหวิดตาย


 
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร ว่า ทางโรงพยาบาลได้รับตัวผู้ป่วยกินแมงดาทะเลมีพิษเข้า ไปจนเกิดอาการตัวชาและอาเจียนหมดสติไว้รักษาจำนวน 5 ราย จึงรุดไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล

พบผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากแมงดาทะเลทั้ง 5 ราย ทราบชื่อนางนงนุช ปงเมฆ อายุ 40 ปี และ ด.ญ.ดารารัตน์ จุลมูล อายุ 11 ขวบ ลูกสาว อยู่บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ 2 บ้านอีแล็ด ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร ทั้ง 2 อยู่ในอาการไม่รู้สึกตัว นอนรักษาในห้องไอซียู โดยแพทย์ พยายามเยียวยาช่วยชีวิตเต็มที่ ส่วนอีก 3 คน คือนายศุภชัย จุลมูล อายุ 42 ปี สามีของนางนงนุช กับ ด.ช. วีระชัย จุลมูล อายุ 12 ปี ลูกชายคนที่ 2 แพทย์ได้ล้างท้องช่วยชีวิต อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ยังให้นอนพักฟื้นรอดูอาการที่ตึกหมอพร ส่วนผู้ป่วยอีกคนชื่อนายวีรยุทธ จุลมูล อายุ 17 ปี ลูกชายคนโตของนายศุภชัยและนางนงนุช แพทย์ล้างท้องช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยเช่นกัน และได้นั่งเฝ้ารอดูอาการผู้เป็นแม่และน้องสาวที่หน้าห้องไอซียูด้วยสีหน้าวิตกกังวล

ทั้งนี้ นายวีรยุทธเปิดเผยว่า นายศุภชัยและนางนงนุช บิดามารดาประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้ารับซื้อกุ้งทะเลจากชาวประมงนำไปขายที่ตลาดใน ต.ปากน้ำชุม-พร ก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งมีอาชีพทำประมงพื้นบ้านออกไปจับปลาในทะเลได้แมงดาทะเลมา 7 ตัว และนำแมงดาทะเลมาแบ่งให้กับมารดาของตน 1 ตัว โดยไม่รู้ว่าเป็นแมงดาชนิดที่มีพิษ ตกเย็นมารดาจึงนำแมงดา ทะเลตัวดังกล่าว ซึ่งพบมีไข่เต็มท้องมาปรุงอาหาร โดย นำไข่แมงดามายำใส่มะม่วงดิบ หลังจากนั้นทั้งครอบครัวรวม 5 คน ก็ล้อมวงกินยำไข่แมงดากันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะนางนงนุช มารดา และ ด.ญ.ดารารัตน์ น้องสาวคนเล็ก ซึ่งชอบกินไข่แมงดาเป็นพิเศษได้กินเข้าไปมากกว่าคนอื่นๆ ส่วนตนไม่ค่อยชอบได้กินเข้าไปเพียงคำสองคำเท่านั้น

นายวีรยุทธเล่าต่อว่า หลังจากทุกคนกินยำไข่ แมงดาเข้าไปไม่นานก็เกิดอาการแน่นหน้าอก ปากมือเท้าชา อาเจียนไม่มีเรี่ยวแรง โดยแม่และน้องสาวมีอาการหนักกว่าทุกคน ระหว่างนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปขอ ความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านพาส่งโรงพยาบาลปากน้ำ-ชุมพร แพทย์ได้ให้การรักษาเบื้องต้นแล้วส่งต่อมายังโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แพทย์ได้เยียวยารักษาโดยล้างท้องตนกับบิดาและน้องชายอาการปลอดภัยทั้ง 3 คน ส่วนมารดากับน้องสาวทั้ง 2 คน อาการหนักยังไม่รู้สึกตัวนอนรักษาในห้องไอซียู

ด้านนายภิญโญ ไทยถาวร ประมงจังหวัดชุมพร เปิดเผยถึงกรณีชาวบ้านได้รับอันตรายจากการกินแมงดา ทะเลครั้งนี้ว่า แมงดาทะเลที่ครอบครัวนายศุภชัยกินเข้า ไปนั้นเป็นแมงดาชนิดมีพิษ เรียกว่าแมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟ ลักษณะตัวสีส้มหรือสีน้ำตาลเข้ม หางกลม ตัวเล็กกว่าแมงดาจาน ซึ่งเป็นแมงดาอีกชนิดที่ ไม่มีพิษ โดยแมงดาถ้วยมักอาศัยตามพื้นโคลนและในลำคลองป่าชายเลน แมงดาชนิดนี้จะมีพิษมากในช่วงเดือน ก.พ.-มิ.ย. ส่วนพิษของแมงดาถ้วยเมื่อกินเข้าไปจะเกิด อาการปาก ลิ้น มือ เท้าชา คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ อาเจียน อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาต หากกินเข้าไปมากก็จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กจะมีอาการหนักกว่าผู้ใหญ่ จึงขอฝากเตือนประชาชนทั่วไปในช่วงเดือน ก.พ.-มิ.ย.ของทุกปี จะมีแมงดาถ้วยและแมงดาทะเลชนิดอื่นชุกชุมในทะเลอ่าวไทย ขอให้ระมัดระวังในการนำมาบริโภค หากไม่มีความรู้ในการดูลักษณะของแมงดา ทะเลที่จะแยกแยะว่าชนิดใดมีพิษหรือไม่มีพิษ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงในการนำมาบริโภค

ส่วนอาการล่าสุดของนางนงนุช และ ด.ญ.ดารา-รัตน์ สองแม่ลูกผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากแมงดาถ้วย ยังนอนรักษาอยู่ในห้องไอซียู โดยยังไม่รู้สึกตัว อาการอยู่ในขั้นโคม่า อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้พยายามเยียวยารักษาเพื่อ ช่วยชีวิตอย่างเต็มที่
 
 


จาก                        :                       ไทยรัฐ  วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:12:19 AM »


ฮือฮารางจืด แก้พิษแมงดา
 
กรณีนายศุภชัย จุลมูล อายุ 42 ปี และนางนงนุช ปงเมฆ อายุ 40 ปี 2 สามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 1/2 บ้านอีแล็ด หมู่ 2 ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร อาชีพรับซื้ออาหารทะเล นำไข่แมงดาทะเลชนิดมีพิษหรือ “แมงดาถ้วย” หรือเหรา หรือแมงดาไฟ มายำกับมะม่วงดิบ ทำเป็นอาหารจานโปรดเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว แต่ภายหลังรับประทานเข้าไปไม่นาน ปรากฏว่าทุกคนเกิดอาการแน่นหน้าอก ปากมือเท้าชา อาเจียน ไม่มีเรี่ยวแรง ญาติต้องหามส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร 5 ราย ในจำนวนนี้มีอาการโคม่า 2 ราย คือนางนงนุช กับ ด.ญ. ดารารัตน์ จุลมูล อายุ 11 ขวบ ลูกสาว แพทย์ต้องส่งตัวเข้าห้องไอซียู ส่วนนายศุภชัยและลูกอีก 2 คน คือนายวีรยุทธ จุลมูล อายุ 17 ปี และ ด.ช.วีระชัย จุลมูล อายุ 12 ปี อาการปลอดภัย

ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร พบ เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายนางนงนุช  และ  ด.ญ.ดารารัตน์ ออกจากห้องไอซียูไปยังห้องพักฟื้นตึกหมอพร โดย นางนงนุชซึ่งนอนอยู่บนรถเข็นผู้ป่วย มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า “เหมือนตายแล้วเกิดใหม่” สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางวนิดา จุลมูล อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 2 ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร แม่นายศุภชัย สามีของนางนงนุชเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่า นางนงนุชกับ ด.ญ.ดารารัตน์ ลูกสะใภ้และหลานสาวอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์ได้ถอดเครื่องหายใจออกแล้ว ทั้งลูกสะใภ้และหลานสาวรอดตายครั้งนี้เหมือนปาฏิหาริย์ ตอนแรกที่พาส่ง รพ.อาการโคม่า แพทย์เรียกญาติไปพบบอกว่าให้ทำใจ โอกาสรอดมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

นางวนิดาเปิดเผยอีกว่า ระหว่างที่ทุกคนนั่งเฝ้าอาการด้วยความสิ้นหวังอยู่นั้น มีพยาบาลรายหนึ่งที่เฝ้าไข้เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ป่วยรายหนึ่งรับประทานแมงดาพิษเข้าไป ญาติเอาต้นรางจืดซึ่งเป็นพืชสมุนไพรมาตำคั้นเอาน้ำให้ผู้ป่วยดื่มกิน ผลปรากฏว่าแก้พิษได้ และรอดตายในที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้เกิดความหวังขึ้นมา โทรศัพท์บอกญาติให้นำต้นรางจืดมาให้ทั้งต้นและราก จากนั้นนำไปตำจนละเอียดคั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำซาวข้าวให้พยาบาลฉีดเข้าไปทางหลอดอาหารให้กับนางนงนุชก่อน หลังเวลาผ่านไปประมาณ 5-6 ชม. ปรากฏว่านางนงนุชเริ่มรู้สึกตัว พูดได้ แพทย์เจ้าของไข้จึงอนุญาตให้นำรางจืดไปใช้รักษา ด.ญ.ดารารัตน์ อีกคน เวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 ชม. ด.ญ.ดารารัตน์เริ่มรู้สึกตัว สร้างความประหลาดใจให้กับแพทย์เป็นอย่างมาก เมื่อแพทย์เห็นเช่นนั้นนำรางจืดให้ผู้ป่วยรับประทานทุก 3 ชม. ปริมาณครั้งละ 10 ซีซี กระทั่งในวันเดียวกันนี้ แพทย์วัดความดัน การเต้นของหัวใจของผู้ป่วยยืนยันว่าทั้งคู่ปลอดภัย แพทย์ เชื่อว่าเหตุที่รอดตายเพราะต้นรางจืดแน่นอน เพราะคนที่รับประทานแมงดาพิษเข้าไปจะไม่มียาใดๆรักษาได้

ด้าน พญ.สุพรรณี ประดิษฐ์สถาวงษ์ ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ปกติคนที่รับประทานแมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟเข้าไปแล้วเกิดอาการเป็นพิษจะไม่มียาใดๆรักษาแก้พิษ แพทย์ทำได้แต่เพียงล้างท้อง หรือทำให้อาเจียน แล้วใช้เครื่องช่วยหายใจ การที่แพทย์ หรือพยาบาลยอมให้ญาตินำเอาสมุนไพรอย่างรางจืดมาให้ผู้ป่วยกินนั้น เพราะปัจจุบันนี้ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่แพทย์เห็นว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่า แพทย์มีสิทธิที่จะทำตามคำขอของญาติผู้ป่วยนั้นๆ ยิ่งต้นรางจืดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้พิษได้ ทั้งต้นและรากของรางจืดจะเป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ช่วยขับพิษแมงดาทะเลออกมาทางปัสสาวะของผู้ป่วย จนอาการของแม่ลูกดีขึ้นตามลำดับ ขณะนี้ทราบมาว่าแพทย์อนุญาตให้นำทั้งคู่ ออกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นตึกหมอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากอาการปลอดภัย คาดว่าพรุ่งนี้คงจะกลับบ้านได้ สำหรับต้นรางจืดกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีใครทำการวิจัยไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีจะถือโอกาสศึกษาและนำมาใช้เป็นยาแก้พิษแมงดาทะเลมีพิษต่อไป

 
 

จาก                        :                       ไทยรัฐ  วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 01:33:04 AM »

 
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
ลุงแซม
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 10


« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 03:50:40 AM »

เตรียมตัวไว้เลยเจ้าแมงดาถ้วยเอ๋ย
ขนาดไม่มียาแก้พิษ คนยังเสี่ยงจับเจ้ามากิน
หากมียาแก้พิษได้ละก็....ฮึ่ม

แต่คนที่โดนพิษปลาปักเป้า หมอน่าจะลองไปใช้รักษาดูด้วยนะ เผื่อได้ผล
เพราะเนื้อปลาตัวนี้ มีคนที่ไม่ตั้งใจกิน(แต่โดนหลอก)โดนพิษมากนักต่อนักแล้ว

สงสัยต้องไปหารางจืดมาปลูกหลังบ้านบ้างแล้ว
บันทึกการเข้า
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 04:15:07 AM »

  ....
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
Plateen
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 522



« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 05:46:41 AM »

ตั้งแต่ได้ทราบเรื่องพิษจากไข่แมงดาทะเลนี่ผมก็เลิกกินมาค่อนข้างนานแล้วครับ
นี่มาเจอเรื่องหอยแมลงภู่ก็มีพิษเข้าให้อีก สงสัยเหลือแค่ปูกับกุ้งที่ยังกินได้ละครับทีนี้
บันทึกการเข้า

For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
Mr.can
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 57


« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 08:14:18 AM »

ตามที่มีข่าวเรื่องกินแมงดาถ้วยแล้วได้รับพิษ อันนี้ไม่สงสัย แต่เมื่อมีการอ้างคำสัมภาษณ์และเลยไปถึงว่า กินหอยแมลงภู่แล้วจะเกิดพิษอัมภาตด้วยนั้น ผมว่าจะกระทบต่อวงการเลี้ยงหอยเป็นอย่างมาก  ผู้เสนอข่าวควรไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เอาให้หนัก ให้น่ากลัวเข้าไว้ เพราะตั้งแต่ใหนแต่ไรยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รับพิษจากหอยแมลงภู่จนเป็นอัมพาต  อย่างมากก็แค่ท้องเสียซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสเท่าไรเลยเมื่อเทียบกับพิษจากแมงดาถ้วยหรือปลาปักเป้า
ดีนะที่คนเลี้ยงหอยไม่ใช่นักการเมือง ไม่อย่างนั้น โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายแน่ ๆ
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #8 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 09:15:34 AM »

อร่อยปาก...ลำบากท้อง แถมเดิมพันกันด้วยชีวิตนี่ ไม่ค่อยจะคุ้มเท่าไรเลยนะคะ....

เรื่องหอยแมลงภู่มีพิษนี่ สองสายเคยเจอมาแล้ว วิ่งเข้าห้องน้ำทั้งคืน อ่อนระโหยโรยแรงเลยล่ะ แต่อาการ(ด้าน)ชานี่ไม่มีนะคะ  จากนั้นมา จะรับประทานหอยที ต้องขอดมกลิ่นก่อน มีกลิ่นตุๆนิดเดียว เลิกกันไม่แตะต้องอีก....     
บันทึกการเข้า

Saaychol
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #9 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 09:28:30 AM »

พี่ขา ....ทุกหอยล่ะคะ...หากมีกลิ่น ตุๆๆๆ ก็อย่าไปเสียดายเลยค่ะ
เดี๋ยวจะได้ไม่คุ้มเสีย ซะนี่.........
   
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #10 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 09:42:27 AM »

เพิ่งโดนหอยแครงเน่ามากันแหม่บๆนะน้อง SNR......วิ่งจู๊ดๆกันทั้งคืนนิ.....
บันทึกการเข้า

Saaychol
หอยกะทิ
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155


บุ๋งๆ จงกลายเป็นวงๆๆๆ


« ตอบ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 03:01:50 PM »

จะมีใครรู้บ้างว่า นอกจากแมงดาถ้วยจะมีพิษแล้ว บางช่วงบางฤดูแมงดาจานเองก็มีพิษสะสมในร่างกายและไข่เช่นกันครับ เป็นการเสี่ยงทั้ง 2 ชนิดนั่นแหละ แต่ถ้วยคงเสี่ยงมากกว่าจานมากๆ

เป็นข้อมูลที่เคยได้อ่างจากงานวิจัย ที่มีศึกษาในบริเวณอ่าวพังงาครับ ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรใครทำ แต่พอจะมี file อยู่เดี๋ยวหาเจอจะเอามาให้ดูกันครับ
บันทึกการเข้า
หอยกะทิ
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 155


บุ๋งๆ จงกลายเป็นวงๆๆๆ


« ตอบ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2008, 01:47:57 PM »

ต้องขอโทษด้วยครับ ผมค้นทั่วบ้านแล้วหาเอกสารไม่เจอ ฮือๆ ผมเองก็เสียดาย จะพยายามหาต่อไปครับ ถ้ามีแล้วจะบอกกกกกก
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.026 วินาที กับ 21 คำสั่ง