|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:10:32 AM » |
|
กิน'แมงดาทะเล' ผิดชนิดหวิดตาย
เมื่อเวลา 02.30 น. วันที่ 4 ก.พ. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร ว่า ทางโรงพยาบาลได้รับตัวผู้ป่วยกินแมงดาทะเลมีพิษเข้า ไปจนเกิดอาการตัวชาและอาเจียนหมดสติไว้รักษาจำนวน 5 ราย จึงรุดไปตรวจสอบที่โรงพยาบาล
พบผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากแมงดาทะเลทั้ง 5 ราย ทราบชื่อนางนงนุช ปงเมฆ อายุ 40 ปี และ ด.ญ.ดารารัตน์ จุลมูล อายุ 11 ขวบ ลูกสาว อยู่บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ 2 บ้านอีแล็ด ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร ทั้ง 2 อยู่ในอาการไม่รู้สึกตัว นอนรักษาในห้องไอซียู โดยแพทย์ พยายามเยียวยาช่วยชีวิตเต็มที่ ส่วนอีก 3 คน คือนายศุภชัย จุลมูล อายุ 42 ปี สามีของนางนงนุช กับ ด.ช. วีระชัย จุลมูล อายุ 12 ปี ลูกชายคนที่ 2 แพทย์ได้ล้างท้องช่วยชีวิต อาการอยู่ในขั้นปลอดภัย แต่ยังให้นอนพักฟื้นรอดูอาการที่ตึกหมอพร ส่วนผู้ป่วยอีกคนชื่อนายวีรยุทธ จุลมูล อายุ 17 ปี ลูกชายคนโตของนายศุภชัยและนางนงนุช แพทย์ล้างท้องช่วยเหลือจนอาการปลอดภัยเช่นกัน และได้นั่งเฝ้ารอดูอาการผู้เป็นแม่และน้องสาวที่หน้าห้องไอซียูด้วยสีหน้าวิตกกังวล
ทั้งนี้ นายวีรยุทธเปิดเผยว่า นายศุภชัยและนางนงนุช บิดามารดาประกอบอาชีพเป็นพ่อค้าแม่ค้ารับซื้อกุ้งทะเลจากชาวประมงนำไปขายที่ตลาดใน ต.ปากน้ำชุม-พร ก่อนเกิดเหตุมีเพื่อนบ้านคนหนึ่งมีอาชีพทำประมงพื้นบ้านออกไปจับปลาในทะเลได้แมงดาทะเลมา 7 ตัว และนำแมงดาทะเลมาแบ่งให้กับมารดาของตน 1 ตัว โดยไม่รู้ว่าเป็นแมงดาชนิดที่มีพิษ ตกเย็นมารดาจึงนำแมงดา ทะเลตัวดังกล่าว ซึ่งพบมีไข่เต็มท้องมาปรุงอาหาร โดย นำไข่แมงดามายำใส่มะม่วงดิบ หลังจากนั้นทั้งครอบครัวรวม 5 คน ก็ล้อมวงกินยำไข่แมงดากันอย่างเอร็ดอร่อย โดยเฉพาะนางนงนุช มารดา และ ด.ญ.ดารารัตน์ น้องสาวคนเล็ก ซึ่งชอบกินไข่แมงดาเป็นพิเศษได้กินเข้าไปมากกว่าคนอื่นๆ ส่วนตนไม่ค่อยชอบได้กินเข้าไปเพียงคำสองคำเท่านั้น
นายวีรยุทธเล่าต่อว่า หลังจากทุกคนกินยำไข่ แมงดาเข้าไปไม่นานก็เกิดอาการแน่นหน้าอก ปากมือเท้าชา อาเจียนไม่มีเรี่ยวแรง โดยแม่และน้องสาวมีอาการหนักกว่าทุกคน ระหว่างนั้นตนเห็นท่าไม่ดีจึงรีบไปขอ ความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านพาส่งโรงพยาบาลปากน้ำ-ชุมพร แพทย์ได้ให้การรักษาเบื้องต้นแล้วส่งต่อมายังโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ แพทย์ได้เยียวยารักษาโดยล้างท้องตนกับบิดาและน้องชายอาการปลอดภัยทั้ง 3 คน ส่วนมารดากับน้องสาวทั้ง 2 คน อาการหนักยังไม่รู้สึกตัวนอนรักษาในห้องไอซียู
ด้านนายภิญโญ ไทยถาวร ประมงจังหวัดชุมพร เปิดเผยถึงกรณีชาวบ้านได้รับอันตรายจากการกินแมงดา ทะเลครั้งนี้ว่า แมงดาทะเลที่ครอบครัวนายศุภชัยกินเข้า ไปนั้นเป็นแมงดาชนิดมีพิษ เรียกว่าแมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟ ลักษณะตัวสีส้มหรือสีน้ำตาลเข้ม หางกลม ตัวเล็กกว่าแมงดาจาน ซึ่งเป็นแมงดาอีกชนิดที่ ไม่มีพิษ โดยแมงดาถ้วยมักอาศัยตามพื้นโคลนและในลำคลองป่าชายเลน แมงดาชนิดนี้จะมีพิษมากในช่วงเดือน ก.พ.-มิ.ย. ส่วนพิษของแมงดาถ้วยเมื่อกินเข้าไปจะเกิด อาการปาก ลิ้น มือ เท้าชา คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ อาเจียน อาจทำให้กล้ามเนื้อหัวใจเป็นอัมพาต หากกินเข้าไปมากก็จะเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะเด็กจะมีอาการหนักกว่าผู้ใหญ่ จึงขอฝากเตือนประชาชนทั่วไปในช่วงเดือน ก.พ.-มิ.ย.ของทุกปี จะมีแมงดาถ้วยและแมงดาทะเลชนิดอื่นชุกชุมในทะเลอ่าวไทย ขอให้ระมัดระวังในการนำมาบริโภค หากไม่มีความรู้ในการดูลักษณะของแมงดา ทะเลที่จะแยกแยะว่าชนิดใดมีพิษหรือไม่มีพิษ ก็ควรจะหลีกเลี่ยงในการนำมาบริโภค
ส่วนอาการล่าสุดของนางนงนุช และ ด.ญ.ดารา-รัตน์ สองแม่ลูกผู้ป่วยที่ได้รับพิษจากแมงดาถ้วย ยังนอนรักษาอยู่ในห้องไอซียู โดยยังไม่รู้สึกตัว อาการอยู่ในขั้นโคม่า อย่างไรก็ตาม แพทย์ได้พยายามเยียวยารักษาเพื่อ ช่วยชีวิตอย่างเต็มที่
จาก : ไทยรัฐ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 12:12:19 AM » |
|
ฮือฮารางจืด แก้พิษแมงดา กรณีนายศุภชัย จุลมูล อายุ 42 ปี และนางนงนุช ปงเมฆ อายุ 40 ปี 2 สามีภรรยาอยู่บ้านเลขที่ 1/2 บ้านอีแล็ด หมู่ 2 ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร อาชีพรับซื้ออาหารทะเล นำไข่แมงดาทะเลชนิดมีพิษหรือ แมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟ มายำกับมะม่วงดิบ ทำเป็นอาหารจานโปรดเลี้ยงสมาชิกในครอบครัว แต่ภายหลังรับประทานเข้าไปไม่นาน ปรากฏว่าทุกคนเกิดอาการแน่นหน้าอก ปากมือเท้าชา อาเจียน ไม่มีเรี่ยวแรง ญาติต้องหามส่ง รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร 5 ราย ในจำนวนนี้มีอาการโคม่า 2 ราย คือนางนงนุช กับ ด.ญ. ดารารัตน์ จุลมูล อายุ 11 ขวบ ลูกสาว แพทย์ต้องส่งตัวเข้าห้องไอซียู ส่วนนายศุภชัยและลูกอีก 2 คน คือนายวีรยุทธ จุลมูล อายุ 17 ปี และ ด.ช.วีระชัย จุลมูล อายุ 12 ปี อาการปลอดภัย
ความคืบหน้าเมื่อตอนสายวันที่ 5 ก.พ. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ อ.เมืองชุมพร พบ เจ้าหน้าที่กำลังเคลื่อนย้ายนางนงนุช และ ด.ญ.ดารารัตน์ ออกจากห้องไอซียูไปยังห้องพักฟื้นตึกหมอพร โดย นางนงนุชซึ่งนอนอยู่บนรถเข็นผู้ป่วย มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส หันมากล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า เหมือนตายแล้วเกิดใหม่ สร้างความอัศจรรย์ใจแก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนางวนิดา จุลมูล อายุ 63 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/1 หมู่ 2 ต.หาดทรายรี อ.เมืองชุมพร แม่นายศุภชัย สามีของนางนงนุชเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่า นางนงนุชกับ ด.ญ.ดารารัตน์ ลูกสะใภ้และหลานสาวอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว แพทย์ได้ถอดเครื่องหายใจออกแล้ว ทั้งลูกสะใภ้และหลานสาวรอดตายครั้งนี้เหมือนปาฏิหาริย์ ตอนแรกที่พาส่ง รพ.อาการโคม่า แพทย์เรียกญาติไปพบบอกว่าให้ทำใจ โอกาสรอดมีเพียง 20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
นางวนิดาเปิดเผยอีกว่า ระหว่างที่ทุกคนนั่งเฝ้าอาการด้วยความสิ้นหวังอยู่นั้น มีพยาบาลรายหนึ่งที่เฝ้าไข้เล่าให้ฟังว่า ก่อนหน้านี้เคยมีผู้ป่วยรายหนึ่งรับประทานแมงดาพิษเข้าไป ญาติเอาต้นรางจืดซึ่งเป็นพืชสมุนไพรมาตำคั้นเอาน้ำให้ผู้ป่วยดื่มกิน ผลปรากฏว่าแก้พิษได้ และรอดตายในที่สุด เมื่อได้ยินเช่นนั้นทำให้เกิดความหวังขึ้นมา โทรศัพท์บอกญาติให้นำต้นรางจืดมาให้ทั้งต้นและราก จากนั้นนำไปตำจนละเอียดคั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำซาวข้าวให้พยาบาลฉีดเข้าไปทางหลอดอาหารให้กับนางนงนุชก่อน หลังเวลาผ่านไปประมาณ 5-6 ชม. ปรากฏว่านางนงนุชเริ่มรู้สึกตัว พูดได้ แพทย์เจ้าของไข้จึงอนุญาตให้นำรางจืดไปใช้รักษา ด.ญ.ดารารัตน์ อีกคน เวลาผ่านไปเพียงแค่ 2 ชม. ด.ญ.ดารารัตน์เริ่มรู้สึกตัว สร้างความประหลาดใจให้กับแพทย์เป็นอย่างมาก เมื่อแพทย์เห็นเช่นนั้นนำรางจืดให้ผู้ป่วยรับประทานทุก 3 ชม. ปริมาณครั้งละ 10 ซีซี กระทั่งในวันเดียวกันนี้ แพทย์วัดความดัน การเต้นของหัวใจของผู้ป่วยยืนยันว่าทั้งคู่ปลอดภัย แพทย์ เชื่อว่าเหตุที่รอดตายเพราะต้นรางจืดแน่นอน เพราะคนที่รับประทานแมงดาพิษเข้าไปจะไม่มียาใดๆรักษาได้
ด้าน พญ.สุพรรณี ประดิษฐ์สถาวงษ์ ผอ.รพ.ชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ กล่าวว่า ปกติคนที่รับประทานแมงดาถ้วย หรือเหรา หรือแมงดาไฟเข้าไปแล้วเกิดอาการเป็นพิษจะไม่มียาใดๆรักษาแก้พิษ แพทย์ทำได้แต่เพียงล้างท้อง หรือทำให้อาเจียน แล้วใช้เครื่องช่วยหายใจ การที่แพทย์ หรือพยาบาลยอมให้ญาตินำเอาสมุนไพรอย่างรางจืดมาให้ผู้ป่วยกินนั้น เพราะปัจจุบันนี้ เมื่อถึงจุดๆหนึ่งที่แพทย์เห็นว่าผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่า แพทย์มีสิทธิที่จะทำตามคำขอของญาติผู้ป่วยนั้นๆ ยิ่งต้นรางจืดเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้พิษได้ ทั้งต้นและรากของรางจืดจะเป็นยาขับปัสสาวะ ทำให้ช่วยขับพิษแมงดาทะเลออกมาทางปัสสาวะของผู้ป่วย จนอาการของแม่ลูกดีขึ้นตามลำดับ ขณะนี้ทราบมาว่าแพทย์อนุญาตให้นำทั้งคู่ ออกจากห้องไอซียูไปพักฟื้นตึกหมอพรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากอาการปลอดภัย คาดว่าพรุ่งนี้คงจะกลับบ้านได้ สำหรับต้นรางจืดกำลังตรวจสอบอยู่ว่ามีใครทำการวิจัยไว้หรือไม่ ถ้าไม่มีจะถือโอกาสศึกษาและนำมาใช้เป็นยาแก้พิษแมงดาทะเลมีพิษต่อไป
จาก : ไทยรัฐ วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2551
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
WayfarinG
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 01:33:04 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home. -- > James Michener
|
|
|
ลุงแซม
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 10
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 03:50:40 AM » |
|
เตรียมตัวไว้เลยเจ้าแมงดาถ้วยเอ๋ย ขนาดไม่มียาแก้พิษ คนยังเสี่ยงจับเจ้ามากิน หากมียาแก้พิษได้ละก็....ฮึ่ม
แต่คนที่โดนพิษปลาปักเป้า หมอน่าจะลองไปใช้รักษาดูด้วยนะ เผื่อได้ผล เพราะเนื้อปลาตัวนี้ มีคนที่ไม่ตั้งใจกิน(แต่โดนหลอก)โดนพิษมากนักต่อนักแล้ว
สงสัยต้องไปหารางจืดมาปลูกหลังบ้านบ้างแล้ว
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
Sea Man
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 04:15:07 AM » |
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 05:46:41 AM » |
|
ตั้งแต่ได้ทราบเรื่องพิษจากไข่แมงดาทะเลนี่ผมก็เลิกกินมาค่อนข้างนานแล้วครับ นี่มาเจอเรื่องหอยแมลงภู่ก็มีพิษเข้าให้อีก สงสัยเหลือแค่ปูกับกุ้งที่ยังกินได้ละครับทีนี้
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Mr.can
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 57
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 08:14:18 AM » |
|
ตามที่มีข่าวเรื่องกินแมงดาถ้วยแล้วได้รับพิษ อันนี้ไม่สงสัย แต่เมื่อมีการอ้างคำสัมภาษณ์และเลยไปถึงว่า กินหอยแมลงภู่แล้วจะเกิดพิษอัมภาตด้วยนั้น ผมว่าจะกระทบต่อวงการเลี้ยงหอยเป็นอย่างมาก ผู้เสนอข่าวควรไตร่ตรองให้มากกว่านี้ ไม่ใช่เอาให้หนัก ให้น่ากลัวเข้าไว้ เพราะตั้งแต่ใหนแต่ไรยังไม่เคยได้ยินว่ามีใครได้รับพิษจากหอยแมลงภู่จนเป็นอัมพาต อย่างมากก็แค่ท้องเสียซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่หนักหนาสาหัสเท่าไรเลยเมื่อเทียบกับพิษจากแมงดาถ้วยหรือปลาปักเป้า ดีนะที่คนเลี้ยงหอยไม่ใช่นักการเมือง ไม่อย่างนั้น โดนฟ้องเรียกค่าเสียหายแน่ ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
หอยกะทิ
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 155
บุ๋งๆ จงกลายเป็นวงๆๆๆ
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 03:01:50 PM » |
|
จะมีใครรู้บ้างว่า นอกจากแมงดาถ้วยจะมีพิษแล้ว บางช่วงบางฤดูแมงดาจานเองก็มีพิษสะสมในร่างกายและไข่เช่นกันครับ เป็นการเสี่ยงทั้ง 2 ชนิดนั่นแหละ แต่ถ้วยคงเสี่ยงมากกว่าจานมากๆ
เป็นข้อมูลที่เคยได้อ่างจากงานวิจัย ที่มีศึกษาในบริเวณอ่าวพังงาครับ ผมจำไม่ได้ว่าชื่ออะไรใครทำ แต่พอจะมี file อยู่เดี๋ยวหาเจอจะเอามาให้ดูกันครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
หอยกะทิ
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
ออฟไลน์
กระทู้: 155
บุ๋งๆ จงกลายเป็นวงๆๆๆ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 15, 2008, 01:47:57 PM » |
|
ต้องขอโทษด้วยครับ ผมค้นทั่วบ้านแล้วหาเอกสารไม่เจอ ฮือๆ ผมเองก็เสียดาย จะพยายามหาต่อไปครับ ถ้ามีแล้วจะบอกกกกกก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|