ไม่ทราบว่าเขาเกิดปัญหาอะไรกัน.. แต่เผอิญอ่านพบข่าวสาร เผื่อบางท่านได้ยินปัญหามาก่อน เลยนำมาแบ่งปันให้อ่านค่ะ
เพราะรู้สึกว่าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหรือสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลที่บางแสนนั้น เป็นอะควาเรียมน้ำเค็มที่น่าจะดีที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่โตอลังการ แต่ดูจะมีคุณภาพดีที่สุดในแง่ของความสำเร็จในการดูแลเลี้ยงดูสัตว์ทะเลให้อยู่ดีมีสุข และจัดแสดงแบบมุ่งเน้นให้ความรู้แก่ผู้เข้าชมได้อย่างดีเยี่ยม ..
.. เป็นข่าวสารจากมติชน แต่ได้อ่านและคัดลอกมาจาก
http://www.coastalaqua.com/webboard/index.php?topic=881.0 ค่ะ
ข้อเท็จจริง การปรับปรุงสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มที่บางแสน
โดย มติชน วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10884
ดร.วรเทพ มุธุวรรณ ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา ได้ดำเนินการปรับปรุงสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม ของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่มีความสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สำหรับเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนที่เข้ามาศึกษาและเยี่ยมชม
วัตถุประสงค์สำคัญอีกประการหนึ่งคือ เพื่อการพัฒนาการวิจัยด้านพฤติกรรมและการเพาะขยายพันธุ์ปลาทะเลในกลุ่มปลากระดูกอ่อน ได้แก่ ปลาฉลาม ปลาโรนัน และปลากระเบนชนิดต่างๆ ในตู้เลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ ซึ่งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลเพิ่งได้รับการพิจารณาจากสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ ให้เป็นแหล่งเรียนรู้ต้นแบบ 1 ใน 31 แหล่งทั่วประเทศไทย เมื่อเดือนมิถุนายน 2550 โดยมีผลการดำเนินงานและแผนการพัฒนาองค์กรในด้านต่างๆ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย
แต่ในช่วงที่ผ่านมา ได้มีความพยายามที่จะเบี่ยงเบนประเด็นให้ประชาชนทั่วไปเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า การดำเนินการปรับปรุงสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มดังกล่าว เป็นการรื้อทำลายอาคารสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มทิ้ง มีการอ้างเอาประเด็นต่างๆ ที่มิใช่ข้อเท็จจริง เช่น การน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งๆ ที่การมอบศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเลนั้น รัฐบาลญี่ปุ่นได้ทำพิธีมอบให้กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2526 โดยมี ดร.นิพนธ์ ศศิธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ในขณะนั้นเป็นผู้รับมอบจากท่านเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ซึ่งต่อมามหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดอาคารศูนย์วิทยาศาสตร์ทางทะเล ในวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ.2527 เป็นเวลา 1 ปี 5 เดือน หลังจากมีการมอบอาคารให้กับมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒแล้ว
มีการให้ข้อมูลที่ดูเหมือนว่า สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลมิได้รักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ต่อรัฐบาลญี่ปุ่นที่ว่า "จะทำให้เป็นสถานเลี้ยงสัตว์ทะเลเพื่อการวิจัย (Research Aquarium) และเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์ทะเลเพื่อการวิจัย (Research Museum)" ทั้งๆ ที่การพัฒนาด้านการวิจัยสัตว์ทะเลที่เลี้ยงในสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ตั้งแต่ผู้อำนวยการคนที่ 4 จนถึงผู้อำนวยการคนที่ 5 ในปัจจุบัน นับเป็นช่วงที่การวิจัยของสถาบันมีความก้าวหน้ามากที่สุด เห็นได้จากการมีผลงานวิจัยที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป
ไม่เพียงแต่ในวงการวิจัยเท่านั้น ยังมีการถูกถ่ายทอดเทคโนโลยีไปสู่ภาคเกษตรกรรม เช่น การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงหอยหวาน การพัฒนาเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงปลาการ์ตูน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาการวิจัยกุ้งทะเลสวยงาม ปะการัง และสัตว์ในกลุ่มดอกไม้ทะเล อีกหลายชนิด ซึ่งเทคโนโลยีดังกล่าวล้วนเป็นนวัตกรรมของประเทศ ซึ่งมีผลทำให้ผู้อำนวยการสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลคนปัจจุบัน ได้รับการยกย่องจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติให้เป็น "เมธีส่งเสริมนวัตกรรม" ประจำปี 2549 จากกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มีการกล่าวอ้างเอาเหตุที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภาว่า รับเรื่องการร้องเรียนไว้พิจารณา เป็นเพราะการบริหารงานของหัวหน้าหน่วยงานราชการเป็นไปด้วยความมิชอบ ผิดหลักธรรมาภิบาล โดยข้อมูลที่ให้ไปนั้นขาดซึ่งความถูกต้อง ไม่ครบถ้วน และมิใช่ข้อเท็จจริง เป็นเหตุให้หน่วยงานที่ได้รับหนังสือร้องเรียนเข้าใจผิดว่า มีการทุจริตและประพฤติมิชอบ อีกทั้งการดำเนินการร้องเรียนนั้นได้ถูกกระทำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งต่อหน่วยงานของมหาวิทยาลัย คือ กรรมการประจำสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล อธิการบดี และนายกสภามหาวิทยาลัยบูรพา และหน่วยงานภายนอกมหาวิทยาลัย คือสำนักงบประมาณ สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และนายกรัฐมนตรี
ทางมหาวิทยาลัยโดยท่านอธิการบดีก็มิได้นิ่งนอนใจ ได้เชิญผู้ร้องมาเพื่อปรึกษา หารือและรับฟังเหตุผลในการดำเนินการ แต่ผู้ร้องก็ได้ปฏิเสธ โดยไม่ต้องการที่จะรับฟังข้อเท็จจริงประการใด ดังนั้น มหาวิทยาลัยจึงได้ส่งหนังสือชี้แจงและเอกสารต่างๆ ไปยังผู้ร้องเพื่อรับทราบ แต่ผู้ร้องกลับให้ข้อมูลในคำร้องเรียนต่อหน่วยงานต่างๆ ว่า "ไม่มีคำตอบใดๆ ไม่มีการชี้แจงให้ทราบ และไม่ได้รับความสนใจเลยแม้แต่น้อย" ซึ่งขัดต่อข้อเท็จจริงที่มหาวิทยาลัยได้ดำเนินการไปอย่างสิ้นเชิง
ตลอดระยะเวลาเกือบ 5 เดือนที่ผ่านมา สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล และมหาวิทยาลัยบูรพา ได้ชี้แจงให้หน่วยงานต่างๆ ที่ได้รับเรื่องร้องเรียนรับทราบข้อเท็จจริงมาโดยตลอด ทั้งโดยเอกสาร หลักฐาน และการเข้ามาตรวจสอบ และเมื่อทุกหน่วยงานได้รับทราบข้อเท็จจริงที่ครบถ้วนแล้วก็เห็นชอบในการดำเนินงานของสถาบัน เช่นเดียวกับสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งเป็นหน่วยงานที่อยู่ระหว่างการเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกหน่วยงานหนึ่ง และกระบวนการยังไม่สิ้นสุด
ที่สำคัญการที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภารับเรื่องไว้นั้น เป็นเพียงขั้นตอนแรก ยังไม่มีการวินิจฉัยว่าฝ่ายใดถูกหรือผิดแต่ประการใด และหากการบริหารงานของหัวหน้าส่วนราชการเป็นไปด้วยความมิชอบ ผิดหลักธรรมาภิบาล ตามที่ผู้ร้องเรียนกล่าวหา หน่วยงานที่ได้รับเรื่องร้องเรียนและได้รับทราบข้อเท็จจริงจากมหาวิทยาลัยบูรพาแล้ว เช่น สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี คงจะไม่เห็นชอบต่อการดำเนินการของมหาวิทยาลัยบูรพาอย่างแน่นอน
การกล่าวหาของผู้ร้องเรียนนั้น มิได้กล่าวถึงข้อดีหรือผลดีของการพัฒนาปรับปรุงสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มในครั้งนี้เลยแม้แต่น้อยว่า เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปจะได้รับประโยชน์ หรือได้รับผลจากการพัฒนาหน่วยงานในครั้งนี้อย่างไร เพราะมัวแต่ยึดติดกับประเด็นที่จะเก็บรักษาไว้เท่านั้น โดยไม่คำนึงและเปรียบเทียบถึงผลดีผลเสีย ถึงกับเคยกล่าวว่า "ถึงใส่น้ำไม่ได้ก็ต้องอนุรักษ์เอาไว้"
ผมขอเรียนว่า มหาวิทยาลัยบูรพาตระหนักในการที่จะดูแลสมบัติของชาติ และเห็นความสำคัญของสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มบางแสนแห่งนี้ จึงได้จัดสรรงบประมาณสมทบในการดำเนินการปรับปรุงตู้แสดงพันธุ์สัตว์ทะเลขนาดใหญ่ (Big tank) ในครั้งนี้ด้วย มิได้เป็นการทำลายอาคารสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล หรือสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็มแต่ประการใด
ด้วยการพิจารณาถึงความจำเป็นในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยของผู้เข้าชม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม การดูแลรักษาตู้ที่ชำรุดที่ต้องซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง ตามที่สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดชลบุรี ได้ให้ความเห็นไว้ว่า "หากซ่อมแซมจะกระทำได้ไม่ทั่วถึง และต้องทำการซ่อมแซมอย่างต่อเนื่อง" ซึ่งทางมหาวิทยาลัยบูรพาได้พิจารณาแล้วว่า ควรใช้งบประมาณให้มีประสิทธิภาพ มิใช่นำงบประมาณมาใช้ซ่อมแซมตลอดไป แทนที่จะแก้ไขปัญหาอย่างถาวร รวมทั้งพัฒนาปรับปรุงให้ดีขึ้นไปพร้อมกัน
นอกจากนี้ ยังเป็นการสูญเสียโอกาสของเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนในการเข้าชมในระหว่างการปิดซ่อมแซม ซึ่งแต่ละครั้งใช้เวลานานหลายเดือน การบริหารจัดการระหว่างการปิดเพื่อซ่อมแซมล้วนเป็นประเด็นที่ถูกนำมาประกอบในการพิจารณาปรับปรุงทั้งสิ้น โดยเฉพาะสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่อยู่ในตู้ที่มีน้ำหนักแต่ละตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งจะต้องถูกเคลื่อนย้ายออกไป ทำให้มีความเสี่ยงค่อนข้างสูงในการที่จะสูญเสียสัตว์น้ำที่มีค่า และหายากเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมูลค่าที่มิอาจประเมินได้ในแง่ของการอนุรักษ์ ซึ่งสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง
การดำเนินการปรับปรุงในครั้งนี้ ได้มีการออกแบบและวางแผนการดำเนินงานอย่างดี ถึงกับมีการกำหนดไว้ในงวดงานของการปรับปรุงครั้งนี้ให้มีช่วงระยะเวลาการปิดสั้นที่สุด และมีการเตรียมการย้ายปลาในตู้เดิมเข้าไปในตู้ใหม่โดยไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดการสูญเสียเกิดขึ้น
การปรับปรุงตู้จัดแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ในครั้งนี้ จะมีการสร้างตู้จัดแสดงสัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่มีขนาดความจุน้ำเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม 5 เท่า จากขนาดความจุน้ำเดิมเพียง 200 ลูกบาศก์เมตร เพิ่มเป็น 1,000 ลูกบาศก์เมตร ขึ้นมาติดกับตู้แสดงเดิมโดยห่างจากตู้เดิมเพียงประมาณ 5 เมตร มีการนำเอาอุปกรณ์บางส่วนจากตู้แสดงเดิมมาใช้ประกอบกับตู้จัดแสดงที่สร้างขึ้นใหม่ และให้เกิดประโยชน์ในการเป็นแหล่งให้ความรู้ และการวิจัยที่มีประสิทธิภาพสูงมากขึ้นกว่าตู้เดิม
ตู้ดังกล่าวจะมีลักษณะพิเศษที่ออกแบบมาให้สามารถที่จะเสริมสร้างการเรียนรู้ และสื่อสารกับผู้เข้าชมโดยเฉพาะเยาวชนและผู้เข้าชมทั่วไป โดยมีทางลอดและมีแผ่นอะคริลิคใสขนาดใหญ่ ที่มีความกว้างถึง 10 เมตร และสูง 3.2 เมตร สำหรับการชมสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในตู้ ด้านหน้ามีอัฒจันทร์สำหรับนั่งชม มีการติดตั้งระบบการสื่อสารพิเศษสำหรับนักดำน้ำ ให้สามารถสนทนากับผู้เข้าชมได้ ซึ่งขณะที่นักดำน้ำให้อาหารสัตว์น้ำจะมีการอธิบายถึงความสำคัญและการดำรงชีวิตอยู่ของสัตว์น้ำ มีการให้ความรู้ต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับสัตว์น้ำแต่ละชนิด (Animal education) เช่น วิธีการดูแล การเลี้ยงดู ฯลฯ ซึ่งเป็นการให้ความรู้โดยตรง มีการโต้ตอบ (Two way communication) กับผู้เข้าชมได้ทันท่วงที ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่งในการปลูกฝังให้เยาวชนและผู้เข้าชมได้เห็นคุณค่าของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ อันจะก่อเกิดความชื่นชมและนำไปสู่การมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล
อีกทั้งยังมีป้ายนิทรรศการให้ความรู้เพิ่มเติมที่เรียงรายอยู่บริเวณโดยรอบทางเดินของตู้ ซึ่งในตู้เดิมนั้นไม่สามารถทำได้ มีเพียงการเดินผ่านดู พร้อมกับป้ายแสดงชื่อปลาและข้อมูลเพียงเล็กน้อย และการป้อนอาหารปลาเท่านั้น เนื่องจากพื้นที่ทางเดินโดยรอบตู้คับแคบ
นอกจากนี้ ตู้ที่ปรับปรุงขึ้นจะเพิ่มประสิทธิภาพในการศึกษา วิจัย ด้านพฤติกรรม และการเพาะเลี้ยงของปลากระดูกอ่อน เช่น ปลาฉลาม ปลาโรนัน ปลากระเบน และปลากระดูกอ่อนชนิดอื่นๆ ที่สถาบันมีความพยายามที่จะเพาะขยายพันธุ์ในตู้เลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ ขนาดความจุของน้ำที่เพิ่มขึ้นนั้นนอกจากจะช่วยให้สัตว์น้ำที่เลี้ยงอยู่มีพื้นที่อยู่อาศัยมากขึ้น มีสภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่แออัดแล้ว ยังช่วยให้ปลาชนิดต่างๆ เหล่านี้ สามารถที่จะผสมพันธุ์ วางไข่ หรือตกลูกได้ ในตู้ที่ปรับปรุงใหม่นี้ ซึ่งจะเป็นการสร้างชื่อเสียงจากผลงานวิจัยและวิชาการให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีกในวงการสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเค็มของโลกว่า สถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม บางแสน ของประเทศไทย ประสบผลสำเร็จในการเพาะเลี้ยงและอนุรักษ์สัตว์ทะเลที่มีคุณค่าเหล่านี้เพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
มิใช่เป็นเพียงแค่การนำสัตว์ทะเลมากักขังไว้เพื่อจัดแสดงเท่านั้น แต่มีความเข้าใจและห่วงใยในสวัสดิภาพ รวมทั้งความเป็นอยู่ของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้อย่างแท้จริง
ส่วนพื้นที่ที่ตู้เดิมตั้งอยู่นั้น จะถูกปรับปรุงโดยนำแผ่นอะคริลิคของตู้เดิมมาจัดวางอยู่ในตำแหน่งใกล้เคียงกับตำแหน่งเดิม มีการจัดนิทรรศการถาวรถึงประวัติความเป็นมาของสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม รวมถึงหุ่นจำลอง (Model) ตู้เดิม ส่วนที่เหลือจัดให้เป็นส่วนของการจัดนิทรรศการเพื่อการเรียนรู้ และสถานีการเรียนรู้ (Learning station) ซึ่งจะมีพื้นที่ให้เด็ก ครู และวิทยากรของสถาบัน ได้จัดกิจกรรมการเรียนรู้ (Education program) ร่วมกัน ซึ่งในขณะนี้สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลกำลังเร่งพัฒนาหลักสูตรและเนื้อหาของกิจกรรมการเรียนรู้ดังกล่าว เพื่อให้ทันพร้อมรับกับการปรับปรุงที่จะเสร็จสิ้นในราวเดือนตุลาคม 2551 นี้
ภารกิจของสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเลนั้น มิใช่มีเพียงแค่การวิจัยเท่านั้น แต่รวมถึงการให้การศึกษา (Research and education) โดยเฉพาะสถาบันจัดเป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิต ที่มีภารกิจในการให้การศึกษาตามอัธยาศัย ตามพระราชบัญญัติการศึกษา พ.ศ.2542 มาตรา 15 ที่กำหนดว่า การศึกษามี 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย และในมาตราที่ 25 ยังกำหนดให้รัฐต้องส่งเสริมการดำเนินงานและการจัดตั้งแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตทุกรูปแบบอย่างพอเพียงและมีประสิทธิภาพ
ภารกิจด้านการศึกษานี้นับว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง ที่สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำหรือสวนสัตว์ทั่วโลก ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญยิ่งในการดำเนินงาน ดังนั้น การที่กล่าวว่าการนำงบประมาณมาใช้ "เพื่อจัดทำเป็นพื้นที่แสดงนิทรรศการ ซึ่งไม่มีความสำคัญและไม่เกี่ยวกับงานวิจัยเลย" จึงอาจกล่าวได้ว่าผู้กล่าวขาดวิสัยทัศน์และความเข้าใจในภารกิจขององค์กรเป็นอย่างยิ่ง แต่กลับพยายามที่จะเข้ามาก้าวก่ายการดำเนินงานขององค์กรที่มีระบบในการบริหารจัดการ ที่มีคณะกรรมการในระดับต่างๆ พิจารณาตามขั้นตอนอย่างถี่ถ้วน โดยอ้างเพียงความบริสุทธ์ใจแล้วละทิ้งเหตุผลต่างๆ ที่ทางสถาบันได้พยายามชี้แจงข้อเท็จจริงให้เข้าใจ
สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา เชื่อมั่นว่า หากประชาชนทั่วไปได้รับทราบข้อเท็จจริงในการปรับปรุงตู้จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ในครั้งนี้ จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า สิ่งที่กล่าวหานั้นห่างไกลจากข้อเท็จจริง และการพิจารณาการใช้งบประมาณในครั้งนี้ มีการพิจารณาเพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างแท้จริง กับการศึกษา วิจัย และการพัฒนาองค์กรให้เป็นแหล่งเรียนรู้ตลอดชีวิตที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย เพื่อประโยชน์แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชน และนักวิจัยอย่างแท้จริง
มิใช่เป็นเพียงเพื่อให้เกิดความพึงพอใจให้เกิดกับบุคคลใดบุคคลหนึ่งเท่านั้น