กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 16, 2024, 12:13:29 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม 2551  (อ่าน 2734 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 07:34:59 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา

ลักษณะอากาศทั่วไป

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงพาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักเกิดขึ้นได้ใน ระยะนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย อาทิเช่นบริเวณจังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก เพชรบูรณ์ หนองคาย และสกลนคร ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนที่ตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากในระยะ 2-3 วันนี้ไว้ด้วย

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล     

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่
อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 33 องศา
ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



การคาดหมาย    

ร่องความกดอากาศต่ำกำลังค่อนข้างแรงจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียง เหนือตลอดสัปดาห์ ในช่วงวันที่ 3-4 ส.ค.มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ส่วนในช่วงวันที่ 5 -9 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกชุกหนาแน่นตลอดช่วงโดยมีฝนตกหนักบาง พื้นที่โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนมากในช่วงวันที่ 5 -9 ส.ค.


ข้อควรระวัง  

ในระยะนี้ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อาทิเช่นจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ สกลนคร อุดรธานี และกาฬสินธุ์ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่จะทำให้เกิด น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ ส่วนในช่วงวันที่ 5-9 ส.ค. ขอให้ชาวเรือในทะเลอันดามันและอ่าวไทยขอให้ระวังอันตรายในการเดินเรือ



* SEch2.jpg (25.91 KB, 336x336 - ดู 277 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2008, 09:02:44 AM โดย Sri_Nuan.Ray » บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 07:41:13 AM »

เดลินิวส์

'อควาเรียม'แห่งเชียงใหม่ใกล้สมบูรณ์ พร้อมเปิดเร็วๆนี้

นายอร่าม สุวรรณพงษ์ สถาปนิกโครงการ กล่าวว่า การก่อสร้างเชียงใหม่ ซู อควาเรียม ใกล้แล้วเสร็จและพร้อมจะเปิดให้ประชาชนได้ชมในเร็ว ๆ นี้ ล่าสุดโครงสร้างภายในแล้วเสร็จเกือบทั้งหมด โดยเชียงใหม่ ซู อควาเรียม จะใช้แนวคิดวิถีแห่งสายน้ำ เป็นเรื่องเล่าตั้งแต่ต้นน้ำที่ยอดดอยอินทนนท์ ผ่านป่าเขา มีการแสดงพันธุ์ปลาจากลุ่มน้ำอะเมซอน จนกระทั่งสู่ท้องทะเล และมีบางส่วนจัดแสดงที่นักท่องเที่ยวสามารถจับต้อง สัมผัสกับสัตว์ทะเลได้ เช่น ปลาดาว ปลิงทะเล หอยบางชนิด ภายในส่วนจัดแสดง 38,000 ตารางเมตร ในเนื้อที่ประมาณ 10 ไร่ ด้วยทำเลบนเชิงเขาที่มั่นคงรองรับการสั่นสะเทือน 8 ริกเตอร์ มีความปลอดภัยและแน่นหนา อีกทั้งสวยงามวิจิตร ขณะนี้ได้มีการจัดทำปะการังเทียม และได้นำเข้าเกลือจากทะเลแดงสำหรับมาผสมปรับสภาพให้น้ำเป็นน้ำทะเลพร้อมแล้ว พร้อมสัตว์น้ำและพันธุ์ปลานับหมื่นตัวที่อนุบาลเตรียมลงอควาเรียมเร็ว ๆ นี้ โดยเชียงใหม่ ซู อควาเรียมจะเป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรรมชาติที่นักท่องเที่ยวจะต้องชื่นชอบ อย่างแน่นอน

นอก จากนี้เชียงใหม่ ซู อควาเรียมยังได้จัดโซน Insect Aria ซึ่งจะจัดแสดงพันธุ์แมลงและสัตว์เลื้อยคลาน เพื่อความสมบูรณ์ของแนวคิดวิถีแห่งสายน้ำ ขณะที่ได้มีการจำลองซากเรือโบราณ และปะการังหลากสีสันที่เสมือนจริง
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 07:46:55 AM »

ประชาชาติธุรกิจ

ทุนแขกเท2หมื่นล.เนรมิตเกาะโหลน "สมุย-ภูเก็ต"บูมกองทุนซื้อขายคึกคัก

ทุน ข้ามชาติเจาะ 3 เมืองท่องเที่ยว "ภูเก็ต-สมุย-กระบี่" ตั้งกองทุนพร็อพเพอร์ตี้กวาดเรียบ ล่าสุดกลุ่ม "ทัจ เอ็กโซติกา รีสอร์ตฯ" จากแดนภารตซุ่มซื้อเกาะโหลน จ.ภูเก็ต บูมสร้างเมกะโปรเจ็กต์รีสอร์ตและวิลล่าส่วนตัวหรูสุดๆ คาดมีมูลค่าถึง 2 หมื่นล้าน รอดักอัครมหาเศรษฐีโลก ดาราฮอลลีวูด ซูเปอร์ไฮเอนด์ เฮโลยึดหัวหาดภูเก็ตเมืองท่องเที่ยวระดับโลก โดยยินดีจ่ายไม่อั้นเพื่อซื้อที่พักบนเกาะส่วนตัวเก็บไว้พักผ่อน


แหล่ง ข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และเกาะสมุย พบว่าทั้ง 3 แห่งเป็นทำเลทองที่ต่างชาติเข้ามาลงทุนจำนวนมาก จากการสอบถามลูกค้าในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ต่างชาติเข้ามาซื้อโดยการจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์เป็นส่วนใหญ่ และนำหน่วยลงทุนไปซื้อขายในสิงคโปร์ เมื่อกองทุนหมดอายุก็ตั้งกองทุนใหม่มา ซื้อใหม่ ทั้งนี้กองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวต่างชาติ ครอบครองไปเกือบหมดแล้ว

ล่า สุดรายงานข่าวจากกลุ่มอสังหา ริมทรัพย์โรงแรมและรีสอร์ต เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนบริเวณจังหวัดท่องเที่ยวภูเก็ตกำลังพัฒนาไปสู่เทรนด์ใหม่ มีโครงการก่อสร้างที่พักแนวหรูหราบริการบนเกาะขนาดเล็ก 4 แห่ง ล่าสุดกลุ่มทุนโรงแรมรายใหญ่ TAJ จากอินเดีย ได้ซื้อที่ดินบริเวณเกาะโหลน ซึ่งอยู่ทางด้านใต้ สุดของภูเก็ต เตรียมทยอยก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ตั้งเป้าหมายภายใน 5-7 ปีนี้ จะพัฒนารีสอร์ตหรูหราครบวงจรพร้อมโครงสร้างพื้นฐานสมบูรณ์แบบ เมื่อแล้วเสร็จจะมีมูลค่ารวมถึง 20,000 ล้านบาท

การลงทุนเฟสแรกทัจ เตรียมใช้เงินไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ออกแบบและก่อสร้างเมกะโปรเจ็กต์ ทัจ เอ็กโซติกา รีสอร์ต แอนด์ สปา เกาะโหลน (TAJ EXOTICA RESORT AND SPA) ขนาด 100 ห้อง และวิลล่า 19 หลัง สร้างลักษณะพิเศษทั้งขนาดห้องพักและวิลล่าใหญ่โตโอ่โถง เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ระดับโลก พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานระบบน้ำ ไฟ ถนน อย่างดีเยี่ยม สร้างมารีน่ายอชต์ และเอ็นเตอร์เทนเมนต์หรู เพื่อรองรับลูกค้าที่มีความต้องการจะเข้ามาพักผ่อนบนเกาะส่วนตัวโดยไม่มี สิ่งรบกวนจากภายนอกเข้าถึงมาได้

สำหรับทัจ กรุ๊ป (Taj Group) เป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และบริหารลงทุนธุรกิจโรงแรม ก่อตั้งโดยผู้ก่อตั้ง บริษัท ทาทา กรุ๊ป "Jamsetjit N Tata" ตามที่ อีโคโนมิก ไทม์ส รายงานเมื่อ 7 สิงหาคม 2549 อ้างคำยืนยันจากแหล่งข่าวว่าทัจ กรุ๊ป มีแผนลงทุนในโครงการภูเก็ตเป็นโครงการนำร่องในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้แบรนด์ "Taj Exotica" โดยใช้ Taj Asia เป็นกลไกการลงทุนในอาเซียน รวมถึง Taj Asia ได้ซื้อที่ดินบนเกาะโหลนผ่านการลงทุนของบริษัทลูกในไทยมูลค่าประมาณ 33 ล้านบาท เบื้องต้นในช่วงนั้นกลุ่มทัจปฏิเสธแสดงความเห็นต่อกระแสข่าว

ขณะ ที่บริษัทสำรวจและที่ปรึกษาอสังหา ริมทรัพย์ระดับอินเตอร์รายใหญ่บางแห่ง ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่า ทัจ กรุ๊ป กำลังสำรวจความเป็นไปได้ที่จะลงทุนโครงการ 2 ในกรุงเทพฯ เพื่อรองรับตลาดท่องเที่ยว ต่างชาติเข้ามาเมืองไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะไทยกำลังเป็นสถานที่ปลายทาง MICE ประชุมสัมมนา จัดนิทรรศการแสดงนานา ชาติ ที่ได้รับความนิยมสูงของเอเชีย นอกจากทัจ กรุ๊ป จะนำร่องก่อสร้างโครงการในภูเก็ตแล้ว ยังมีแผนจะเข้าไปลงทุนโครงการลักษณะเดียวกันในสิงคโปร์ ฮ่องกง และสาธารณรัฐประชาชนจีน

นางสิรินี สาลิกาบุตร หัวหน้าฝ่ายสำรวจและที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ คอลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในอนาคตผู้ลงทุนเกาะโหลนพุ่งเป้าพัฒนาเป็นเกาะส่วนตัว เพื่อตอบรับความต้องการลูกค้า ซึ่งขณะนี้กลุ่มผู้มีชื่อเสียงระดับโลก นักแสดงฮอลลีวูด อัครมหาเศรษฐีระดับซูเปอร์ไฮเอนด์ บุคคลเหล่านี้รักความเป็นส่วนตัวและยินดีที่จะซื้อรีสอร์ตบนเกาะส่วนตัวที่ ใดสักแห่งที่ไม่มีใครสามารถเข้าไปรบกวนพวกเขาได้

ความต้องการของ ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวเป็นแรงผลักดันให้นักพัฒนาอสังหา ริมทรัพย์หลายค่ายทุ่มเงินจำนวนมากเพื่อกว้านซื้อที่ดินบนเกาะเล็กๆ ส่วนตัวสะสมไว้ เมื่อสถานการณ์ทางการตลาดเหมาะสมก็ลงทุนก่อสร้าง เตรียมรองรับตลาดและกำลังซื้อมูลค่ามหาศาล

สถานการณ์การลงทุนโดยรวม ขณะนี้ในภูเก็ตยังมีกลุ่มทุนพัฒนาโรงแรมรีสอร์ตจากนานาชาติรายใหญ่อย่างดูไบ จูเมราห์ กรุ๊ป ซื้อที่ดินบริเวณเกาะแรด อยู่ทางด้านเหนือสุดของภูเก็ต ใช้เงินกว่า 6,000 ล้านบาท ออกแบบเกาะส่วนตัวสร้างเมกะโปรเจ็กต์ จูเมราห์ ไพรเวต ไอส์แลนด์ ภูเก็ต และมีนักลงทุนจากอังกฤษใช้เงินกว่า 2,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินบนเกาะมะพร้าว ก่อสร้าง เดอะ วิลเลจ วิลล่า

คอลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเมินสถานการณ์หลังจากกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เข้ามาซื้อเกาะขนาดเล็กส่วนตัวตลอด แนวชายฝั่งอันดามันไว้รองรับตลาดซูเปอร์ ไฮเอนด์นั้น ในอนาคตจะเกิดเทรนด์การ ท่องเที่ยวหรูหราเชื่อมโยงระหว่างภูเก็ตไปถึงเกาะลังกาวี มาเลเซีย ซึ่งกำลังก่อสร้างมารีน่า 2 แห่ง รองรับเรือยอชต์มหาเศรษฐีได้ถึง 800 ลำ

นอก จากนี้กลุ่มเดสติเนชั่นซึ่งมีความชำนาญด้านการพัฒนาสายการบินเดส ติเนชั่น แอร์ ชัตเติล ลงทุนซื้อเครื่องบินแบบสะเทินน้ำสะเทินบกซีแพลน (seaplan) เซสน่า 206 และเซสน่า 208 เปิดบริการ นักธุรกิจและนักท่องเที่ยวมหาเศรษฐีที่นิยมเดินทางระหว่างภูเก็ตไปยังเกาะ ต่างๆ ในฝั่งทะเลอันดามัน

นายนิธิศ เกศางาม ซีอีโอ เดสติเนชั่น แอร์ ชัตเติล กล่าวว่า เริ่มเปิดบริการสายการบินที่สามารถจอดบนพื้นน้ำใกล้ชายหาด เป็นสนามบินนำเครื่องลงจอดเหมือนสนามบินทั่วไป บริการบินระหว่างสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปยังเกาะต่างๆ ได้แก่ เกาะพีพี เกาะยาวน้อย เกาะลันตา กระบี่ ตรัง สิมิลัน เกาะราชา เขาหลัก บินวันละ 12 เที่ยว เครื่องบินจะออกทุก 2 ชั่วโมง ใช้เวลา 13-30 นาที/เส้นทาง

" เปิดบริการมาตั้งแต่เมื่อกุมภาพันธ์ 2550 นักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการสูงต่อเนื่องมาตลอด แนวโน้มธุรกิจจะยิ่งเติบโตเร็วหลังจากกลุ่มทุนโรงแรมรีสอร์ตขนาดใหญ่เข้า ซื้อเกาะส่วนตัวพัฒนาเป็นที่อยู่สำหรับขายให้กลุ่มผู้มีชื่อเสียงของโลกซึ่ง ต้องการความเป็นส่วนตัวสูงที่จะหันมาใช้บริการซีแพลน" นายนิธิศกล่าว

สำหรับ บริษัท เดสติเนชั่น แอร์ จำกัด ก็เป็นอีกหนึ่งกิจการร่วมทุนของต่างชาติในภูเก็ต โดยมีนายแกรี่ ริชาร์ด เมอร์เรย์ เป็นเจ้าของ จดทะเบียนเมื่อ 11 ตุลาคม 2548 ด้วยทุน 37 ล้านบาท ดำเนินการให้บริการการบินและสนามบินทุกชนิด

แหล่งข่าวจากธนาคาร พาณิชย์เปิดเผยว่า จากการลงพื้นที่พบปะลูกค้าในจังหวัดภูเก็ต จังหวัดกระบี่ และเกาะสมุย พบว่าทั้ง 3 แห่งเป็นทำเลทองที่ต่างชาติเข้ามาลงทุน จากการสอบถามลูกค้าในพื้นที่ อาทิ ภูเก็ต ให้ข้อมูลว่าต่างชาติเข้ามาซื้อโดยการจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ เป็นส่วนใหญ่และนำหน่วยลงทุนไปซื้อขายในสิงคโปร์ เมื่อกองทุนหมดอายุก็ตั้งกองทุนใหม่มาซื้อใหม่ ทั้งนี้กองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล ปัจจุบันอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่ดังกล่าวต่างชาติครอบครองไปเกือบหมดแล้ว


โหลดคู่มือเที่ยว...ฟรี กับคาเธ่ย์ แปซิฟิค 

    หากคุณจะเดินทางท่องเที่ยวไปยังประเทศต่างๆ สิ่งที่ควรทำก่อนไปคือ การค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับประเทศที่จะเดินทางไป นักท่องเที่ยวตัวจริงไม่ควรพลาดบริการดีๆ ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ด้วยบริการ CA E-Magazine



   บริการ CA E-Magazine ให้บริการด้านข้อมูลประเทศและเมืองที่น่าท่องเที่ยว 320 กว่าเมืองทั่วทุกมุมโลก ด้วยการนำเสนอในรูปแบบนิตยสารเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Magazine

   ผู้สนใจสามารถเข้ามาทำการดาวน์โหลดข้อมูลได้ฟรี เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก แล้วเลือกทำตาม

ขั้นตอนดังนี้

 1. เข้าไปที่ส่วนของ Free Travel Guides จะปรากฎหน้าจอ Free Arrival guide

 2. เลือกประเทศ

 3. เลือกภาษา

 4. กดปุ่ม Download Now รอจนกระทั่งทำการดาวน์โหลดข้อมูลเสร็จ 

 เนื้อหา จะประกอบไปด้วยข้อมูลที่น่าสนใจในประเทศนั้นๆ ได้แก่ เมืองต่างๆ สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและไม่ควรพลาด สถานที่ที่มีคนเยี่ยมชมมากที่สุด เหตุการณ์สำคัญ สุดยอดเทคนิค อาหารการกิน แหล่งบันเทิงแหล่งจับจ่าย ที่พัก ที่สำคัญที่สุด คือ แผนที่

   ด้วยเนื้อหาที่หลากหลายประโยชน์ทำให้บริการ CA E-Magazine นี้ได้รับความนิยมจากผู้ที่สนใจทั่วไปจนมียอดการดาวน์โหลดสูงถึง 8,000,000 กว่าครั้ง

   ด้วยความมุ่งมั่นที่จะให้บริการที่ดีตลอด 62 ปี สายการบินประจำชาติฮ่องกง อย่างสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิก ได้รับการจัดอันดับว่า เป็น 1 ใน 4 สายการบินที่บริการลูกค้าได้ดีในระดับ 5 ดาว จากการสำรวจของ สกายแทร็กซ์

   หาข้อมูลเพิ่มเติมหรือใช้บริการอื่นๆ ได้ที่ www.cathaypacific.com
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2008, 07:58:52 AM โดย Sri_Nuan.Ray » บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 08:06:05 AM »

ข่าวสด

มหา"ลัยสีเขียว วิจัยพลังงานทดแทน


ชุลีพร บุตรโคตร



เป็น ที่รู้กันดีในยุคปัจจุบันปัญหาน้ำมันกำลังกลายเป็นวิกฤตโลก ที่นานาประเทศกำลังเผชิญร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในช่วงที่ผ่านมา จึงมีความพยายามที่จะค้นหาพลังงานในรูปแบบใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หวังว่าการคิดค้นเหล่านี้จะสามารถช่วยทุเลาความเดือดร้อน จากปัญหาการขาดแคลนพลังงานในอนาคตได้



ประเทศไทยเองก็ศึกษาค้นคว้าเรื่อง "พลังงานทดแทน" มาอย่างต่อเนื่อง ถึงกับเคยเกิดกระแสใช้ "ไบโอดีเซล" ที่ผลิตจากพืชพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันดีเซลจากมะพร้าว หรือ สบู่ดำ กันคึกคัก แต่ก็โด่งดังอยู่ได้พักเดียว แล้วก็เงียบหายไป

ในรัฐบาลปัจจุบันมีความพยายามผลักดันเรื่องพลังงานทดแทนให้เป็นเรื่องเป็น ราวอีกครั้ง โดยนายวุฒิพงศ์ ฉายแสง รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ประกาศว่าจะสนับสนุนให้ศึกษาวิจัยค้นคว้าหาพลังงานทดแทน จากวัสดุชีวภาพ โดยเฉพาะในกลุ่มไม้โตเร็ว อย่าง ยูคาลิปตัส หรือกระถินเทพา ที่ระบุว่าสามารถนำมาใช้ทำเป็นพลังงาน และผลิตเป็นน้ำมันได้อย่างคุ้มค่า

ล่าสุดยกคณะเดินทางไปเยี่ยมชมเทคโนโลยีพลังงานทดแทน ของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "มหาวิทยาลัยสีเขียว" เพราะศึกษาวิจัยด้านพลังงานทดแทนมาอย่างยาวนานและจริงจัง

นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ พร้อมเต็มที่ ที่จะเดินเครื่องเรื่องการผลิตพลังงานทดแทนขึ้นมาใช้อย่างจริงจัง โดยมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ศึกษาวิจัยเรื่องนี้มาเป็นเวลานาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเศษหญ้าแห้ง เศษไม้ หรือเศษขยะต่างๆ มาศึกษาวิจัย เพื่อดูว่าวัสดุชีวภาพเหล่านี้ อะไรจะให้ผลผลิตเป็นน้ำมันดีเซลได้จำนวนมาก คุณภาพดี และคุ้มทุนมากกว่ากัน




โดยศึกษากันในคณะวิศวกรรมศาสตร์ และก่อสร้างห้องทดลอง ออกจากตัววิทยาเขต หรือแคมปัส เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนรอบข้าง ที่เกิดจากกระบวนการเผาไหม้เศษไม้ หรือการย่อยสลายเศษขยะ ที่อาจจะสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับชาวเมืองริเวอร์ไซด์ได้

ศ.โจเซฟ เอ็ม นอร์เบก ผอ.สถาบันการวิจัยด้านสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ กล่าวว่า ที่ผ่านมานักวิจัยของสถาบัน ค้นคว้าหาความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ชนิดต่างๆ ที่เติบโตในประเทศไทย และพบว่ามีอยู่หลายชนิดที่สามารถนำมาผลิตเป็นพลังงานทดแทนได้ เช่น หญ้าชนิดต่างๆ ผักตบชวา หรือแม้กระทั่งชานอ้อย ก็สามารถนำมาผลิตน้ำมันดีเซลได้เช่นกัน หากหน่วยงานของไทยสนใจก็ยินดีที่จะให้การสนับสนุนด้านวิชาการเต็มที่

นอกจากงานวิจัยด้านพลังงานทดแทนแล้ว ภายในอาคารแล็บทดลองของสถาบัน ที่ตั้งอยู่บนพื้นที่กึ่งทะเลทรายของเมืองริเวอร์ไซด์ ยังบรรจุรถยนต์ต้นแบบหลายคัน เพื่อให้นักศึกษาทำวิจัย ด้านการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ชั้นสูง ทั้งรถยนต์ที่ไม่อาศัยคนขับ หรือรถบรรทุกเก็บเสียงรบกวน และยังวิจัยเรื่องการศึกษามลภาวะทางอากาศ การพัฒนาสิ่งแวดล้อมต่างๆ ด้วย



นอกจากนี้ ที่กลุ่มศึกษาวิจัยและพัฒนาด้านพลังงานชีวมวลอย่างครบวงจร มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา สถาบันชื่อดังด้านการศึกษาวิจัย ที่เน้นระบบการสร้างพลังงานทดแทนจากไม้ เป็นแหล่งรวบรวมนักวิชาการที่มีความสนใจด้านการหาพลังงานจากไม้จำนวนมากที่ สุดแห่งหนึ่งในโลก ยังเป็นอีกแห่งหนึ่งที่ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีการศึกษาวิจัยที่ใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นรูปธรรมให้เลือกสรรมาก มาย

โดยเฉพาะที่รัฐบริติช โคลัมเบีย มีทรัพยากรสำคัญคือ ต้นไม้ พืชไม้ชนิดต่างๆ ที่ยังอุดมสมบูรณ์ ในทุกพื้นที่นอกเขตเมืองมีต้นไม้ใหญ่ ขึ้นเขียวครึ้มหนาตา แม้ในเมืองแวนคูเวอร์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยเอง มีสวนสาธารณะสแตนเลย์ พาร์ก ที่ได้ชื่อว่าเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้ประชาชนสูดอากาศบริสุทธิ์กันอย่างเต็มที่

สถาบันแห่งนี้ทำการวิจัยแบบครบวงจร ตั้งแต่ขั้นตอนการเสาะหาวัตถุดิบ, การผลิต, การเก็บ รวมไปถึงวิธีการต่างๆ ในการแปลงพลังงานชีวมวล เพื่อให้ได้เชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น การเปลี่ยนเซลลูโลส สู่เอทานอล ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณสูงสุดทางทฤษฎี

นอกจากนี้ ยังมีกระบวนการเผากากของเสียโดยใช้ความร้อน อุณหภูมิปานกลางในสภาวะปราศจากออกซิเจน สามารถเปลี่ยนพลังงานชีวมวล โดยเฉพาะไม้ เศษไม้ และพืชพลังงาน ให้เป็นน้ำมันที่มีประสิทธิภาพสูง กระบวนการต่างๆ เหล่านี้เป็นความร่วมมือกับบริษัทเอกชน จนกลายเป็นธุรกิจชั้นนำของโลกหลายแห่ง

"เราสามารถที่จะนำเศษวัสดุต่างๆ ที่มีอยู่ในประเทศ ไม่ว่าจะเป็นไม้โตเร็ว, ผักตบชวา, ชานอ้อย, กากปาล์มน้ำมัน หรืออื่นๆ รวมไปถึงขยะมาใช้ให้ได้ เป็นการเพิ่มมูลค่าเศษเหลือทิ้ง อย่างชานอ้อย จากราคาปกติแค่ 500 บาท แต่ถ้าเอามาใช้ในกระบวนการนี้ ราคาน่าจะขึ้นไปถึง 6,000 บาทต่อตัน" นายวุฒิพงศ์ กล่าวขณะดูงาน

พร้อมทั้งระบุว่า สิ่งสำคัญที่สุดในขณะนี้ คือเร่งให้ความรู้ประชาชน เกี่ยวกับการใช้พลังงานทดแทน ว่ามีประโยชน์อย่างไร และใช้อย่างไรถึงจะถูกวิธี ในขณะเดียวกันก็ต้องเพิ่มการศึกษาวิจัยงานด้านนี้มากขึ้น เพื่อจะนำความรู้มาใช้พัฒนา เทคโนโลยีการผลิตน้ำมันไบโอดีเซลในประเทศไทยให้มากขึ้นกว่าเดิม

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่นอนว่า ประเทศไทยจะเลือกแนวทางไหนในการพัฒนาไบโอดีเซล เพื่อการใช้งาน แต่ในเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ รัฐบาลสั่งซื้อเครื่องผลิตน้ำมันดีเซล ที่ผลิตจากไม้ มูลค่าเครื่องละ 150 ล้านบาท จากประเทศญี่ปุ่นเข้ามาทดลองเดินเครื่องใช้เป็นครั้งแรก

โดยมุ่งหวังที่จะให้นักวิจัยได้ศึกษาพัฒนางานด้านนี้อย่างจริงจัง ครบถ้วน ทั้ง วัสดุ รูปร่าง ความร้อน ความดัน ตัวเร่งปฏิกิริยา แม้นักวิจัยไทยจะมีความพร้อม และศักยภาพเพียงพอ แต่การต่อยอดการศึกษาวิจัยก็เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อที่จะทำให้ไบโอดีเซลสามารถใช้ได้จริงอย่างต่อเนื่อง



ระวัง"สตอร์ม เซิร์จ" ถล่มชายฝั่ง-ซัดถึงกรุง

นงนวล รัตนประทีป

ก่อน หน้านี้ทางผู้เชี่ยวชาญของศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ออกมาเตือนว่าในช่วงเดือนส.ค.-ต.ค.นี้ อาจจะมีพายุขนาดใหญ่พัดถล่มด้านอ่าวไทยไล่ตั้งแต่ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.เพชรบุรี ทำให้เกิด "สตร์อม เซิร์จ" (Storm Surge) เป็นปรากฏการณ์น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้น ไหลทะลักเข้ามาถึงบริเวณปากอ่าวเจ้าพระยา เข้าท่วมขังพื้นที่กทม. และกว่าจะไหลย้อนกลับสู่ทะเลต้องใช้เวลานานกว่า 2-3 สัปดาห์



มูลนิธิ ดร.สุรพล สุดารา นักวิทยาศาสตร์ทางทะเลของประเทศไทย ร่วมกับสถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดสัมมนาเรื่อง "สตร์อม เซิร์จ" มหันตภัยของคนกทม.และคนชายฝั่ง เพื่อให้ประชาชนมีความเข้าใจมากขึ้น จากนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญ

น.อ.กตัญญู ศรีตังนันท์ ผู้บังคับหมวดเรืออุทกศาสตร์ กรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ อธิบายว่า สตอร์ม เซิร์จ คือ คลื่นพายุซัดฝั่ง หรือระดับน้ำทะเลที่ยกตัวสูงขึ้น จากการเคลื่อนตัวเข้ามาของหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงของพายุหมุน หรือมวลน้ำที่ยกระดับสูงขึ้น อันเนื่องมาจากการเกิดหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง เคลื่อนตัวผ่านเข้าไปในบริเวณนั้นๆ

ตามความหมายของนักอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง คือ "พายุหมุนโซนร้อน" นั่นเอง

การเกิดพายุหมุนโซนร้อนมี 3 สาเหตุ คือ 1.ลมแรงมากบวกคลื่นในทะเลสูงมาก 2.ความกดอากาศต่ำอย่างรุนแรงที่ศูนย์กลางของพายุ 3.ฝนตกหนักเกิดการเคลื่อนตัวของน้ำจากทะเล



ส่วนตัวการที่ทำให้เกิดความเสียหายจากสตอร์ม เซิร์จ น.อ.กตัญญูอธิบายว่า 1.ลมแรงจากพายุ 2.คลื่นสูง 3.ระดับผิวหน้าน้ำทะเลที่ยกตัวสูงขึ้นจากปกติ ถ้าพื้นที่ชายฝั่งเป็นบริเวณน้ำลึกน้ำทะเลก็สามารถกระจายออกไปได้ โดยน้ำจะสูงขึ้นอย่างช้าๆ แต่ถ้าบริเวณชายฝั่งเป็นที่ตื้น น้ำทะเลไม่สามารถจะกระจายออกไปทางไหนได้ น้ำจะสูงขึ้น และการกระจายตัวของมวลน้ำก็ขึ้นมาบวกความรุนแรงของพายุหมุนโซนร้อน

พร้อมทั้งยกตัวอย่างสตอร์ม เซิร์จ ที่เคยเกิดขึ้นสูงกว่า 3.7 เมตร หรือประมาณ 12 ฟุต จากพายุเฮอริเคน ออเดรย์ ในปี ค.ศ.1957 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 390 คน ในพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นพื้นที่ราบตะวันตกเฉียงใต้ของมลรัฐหลุยเซียน่า สหรัฐอเมริกา และดันให้มวลน้ำไกลเข้าไปในฝั่งได้ถึง 40 กิโลเมตร หากพื้นที่ราบไม่มีสิ่งกีดขวางคลื่นจะกวาดเข้าไปได้ลึกและปริมาณน้ำท่วมจะ ขึ้นอยู่กับความสูงของระดับน้ำ

ผู้บังคับหมวดเรืออุทกศาสตร์ กล่าวต่อว่า อ่าวไทยเป็นพื้นที่มีความลาดชันน้อย ระดับความสูงของสตอร์ม เซิร์จ อาจสูงมากกว่าปกติ สำหรับพื้นที่ กทม.และบริเวณชายฝั่งอ่าวไทยมีโอกาสเสี่ยงต่อภัยพิบัติจากพายุหมุนโซนร้อน ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเดือนต.ค.-ธ.ค.ของทุกปี ทำให้เกิดปรากฏการณ์น้ำทะเลยกตัวสูงขึ้นกว่าระดับปกติ เกิดลมพายุพัดแรง และฝนตกหนักเกิน 100 มิลลิเมตรต่อชั่วโมง

โดยชายฝั่งด้านอ่าวไทยน่าเป็นห่วง เพราะอาจเกิดการเคลื่อนตัวของมวลน้ำโถมเข้าชายฝั่งดังกล่าวจนเข้ามาถึง พื้นที่ กทม.และ จ.สมุทรปราการ ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง และอาจส่งผลกระทบต่อระบบประปาและแหล่งน้ำจืดในชั้นใต้ดิน



ด้านนายธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์ศูนย์พิบัติภัย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ประเทศไทยเคยเกิดสตอร์ต เซิร์จ มาแล้วหลายครั้ง เช่น พายุไต้ฝุ่นเกย์ และลินดา แต่ไม่มีความรุนแรงทำลายล้างเหมือนในต่างประเทศ ในอนาคตจะเกิดหรือไม่ยังไม่สามารถยืนยันชัดเจนได้

แต่จากภาวะโลกร้อนและอุณหภูมิน้ำมหาสมุทรที่สูงขึ้น ทำให้จำนวนพายุที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน เห็นได้จากน้ำแข็งในทวีปต่างๆ เริ่มละลาย และอุณหภูมิผิวน้ำมหาสมุทรสูงขึ้น สอดคล้องกับจำนวนและความรุนแรงของพายุที่เกิดขึ้นในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา มีความถี่มากขึ้นจาก 2.8 ลูกต่อปี เป็น 4.2 ลูกต่อปี ดังนั้นมนุษย์ควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ไม่ควรเอาชนะธรรมชาติ โชคดีที่ระบบเตือนภัยในปัจจุบันสามารถแจ้งเตือนพายุล่วงหน้าได้เป็นสัปดาห์ จึงไม่น่ากลัวอย่างที่คิด

นายธนวัฒน์กล่าวว่า ส่วนแนวทางการลดพิบัติภัยทำได้หลายแนวทาง เช่น การสร้างแนวป้องกันทางทะเลและชายฝั่งเพื่อลดพลังงานของพายุ การสร้างกำแพงป้องกันคลื่น การปลูกป่าชายเลน



"สตอร์ม เซิร์จ มันมากับพายุ เราต้องเข้าใจการเกิดพายุโซนร้อนก่อน ว่าคือหย่อมความกดอากาศต่ำที่มีรูอยู่ตรงกลาง หรือตาของพายุ และข้างๆ มีความกดอากาศสูง มันก็จะดันให้น้ำขึ้นไปข้างบน สตอร์ม เซิร์จ ถ้าอยู่ในทะเล หรือระดับน้ำในทะเล จะราบเรียบเท่ากันหมด แต่ตรงตาของพายุจะสูงกว่าปกติ เราจึงเรียกตรงตาของพายุตรงนี้ว่าสตอร์ม เซิร์จ และมีระดับความรุนแรงแบ่งออกเป็น 5 ระดับ"

อาจารย์ธนวัฒน์ระบุว่า ถ้าระดับ 4 เหมือนกับพายุนาร์กีส ที่ถล่มประเทศพม่า ก็เป็น สตอร์ม เซิร์จ มีความเร็วลม 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหมือนกับเอาน้ำที่มีขนาดใหญ่มากสาดไปอย่างแรงมันก็พังหมด ส่วนจุดอันตรายที่สุดที่อยากเตือน คือ จ.เพชรบุรี ไปถึง จ.นครศรีธรรมราช และ จ.สงขลา จะเกิดบ่อยที่สุด รองมาคือ กทม.โอกาสเกิดน้อยกว่า แต่ก็มีโอกาสเกิดได้

ด้าน รศ.ดร.บรรณโศภิษฐ์ เมฆวิชัย รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สตร์อม เซิร์จ ถือเป็นเรื่องใหม่ และหากเกิดขึ้นและซัดฝั่งอ่าวไทยจริง ทาง กทม.เตรียมพร้อมรับมือไว้แล้ว โดยมีแผนระบายน้ำท่วม การแก้ปัญหากัดเซาะชายฝั่ง และแผนปฏิบัติการก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุ มีหน่วยปฏิบัติการเร่งด่วนของสำนักการระบายน้ำ สำนักการโยธา และสำนักงานเขต เตรียมพร้อมประจำทุกพื้นที่ รวมถึงมีระบบสื่อสารการรับแจ้งเหตุฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง

แม้ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดสตอร์ม เซิร์จ ขึ้นเมื่อใด แต่อาจจะเกิดขึ้นได้หากสภาวะอากาศและสภาวะแวดล้อมมีการเปลี่ยนแปลงไป จึงต้องมีการศึกษาและหาแนวทางร่วมกันแก้ปัญหา และอพยพประชาชนออกจากบริเวณเกิดเหตุ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 03, 2008, 08:17:51 AM โดย Sri_Nuan.Ray » บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 09:10:45 AM »

ขอบคุณสำหรับข่าวสารประจำวันค่ะหนูติ่ง....วันนี้ประชุมเสร็จเร็ว เลยได้กลับบ้านแต่วันค่ะ....

อืมมมม....เรื่องที่เคยคิดว่าจะเป็นไปไม่ได้ในอดีต กำลังจะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้ว 

เคยดูหนังเรื่องหนึ่ง ที่พระเอกเป็นนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง สร้างรถยนต์ที่ใช้พืชผักมาใส่ในเครื่องผลิตพลังงานของรถคันนั้น แล้วรถก็วิ่งได้ฉิวๆ  ตอนนั้นดูไปก็ขำไปว่าโม้ชมัดเลย  ที่ไหนได้เรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องจริงขึ้นมาแล้วในอนาคต....
บันทึกการเข้า

Saaychol
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 03, 2008, 09:25:53 AM »

พี่จ๋า  น้องก็นึกแล้วเชียวว่า พี่ต้องติดประชุมเรื่อง การตัดอวนแห่งชาติ ก็เลยรีบเข้ามาทำการบ้านให้ ทันทีที่ Net สามารถใช้การได้เจ้าค่ะ

เรื่องวาระการตัดอวนแห่งชาติ เป็นอย่างไรบ้างคะ พอจะ นำเสนอเหล่าสมาชิกทั้งหลายของเราให้ทราบ ได้หรือไม่ค่ะ  หรือว่า สิ่งที่พวกเราปฎิบัติ ควรต้องแก้ไข
จุดบกพร่อง ใดๆ หรือไม่ค่ะ   จะได้ไม่มีคนเค้าว่าได้.....และ ก็น่าจะเป็นมาตรฐานของพวกเราได้เช่นกันค่ะ
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 21 คำสั่ง