กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 03, 2024, 01:36:13 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันศุกร์ที่ 22 สิงหาคม 2551  (อ่าน 3852 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:25:26 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

ร่องมรสุมหรือร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลังอ่อน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนอง โดยเฉพาะในภาคเหนือยังมีฝนตกชุก และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ในระยะนี้


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากในระหว่างบ่ายถึงค่ำ อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศา สูงสุด 35 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 21-23 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนตกหนักในบางพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 24-27 ส.ค. ร่องความกดอากาศต่ำจะพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน รวมทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้มีฝนกระจาย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 21-23 ส.ค.ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ อาทิเช่น บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ สุโขทัย และเพชรบูรณ์ ระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (40.93 KB, 693x430 - ดู 730 ครั้ง.)

* Earthquake.jpg (33.8 KB, 400x481 - ดู 731 ครั้ง.)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 26, 2008, 12:21:08 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:29:30 AM »

เดลินิวส์


แผ่นดินไหว 5.7 ริกเตอร์ ชายแดนพม่า-จีน
 
 
 
 วันนี้ (21 ส.ค.) กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานการเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 19.24 น. ศูนย์กลางอยู่ระหว่างแคว้นคะฉิ่นในประเทศพม่าและมณฑลยูนนานของจีน หรือที่ละติจูดที่ 25.1 องศาเหนือ ลองติจูด 97.82 องศาตะวันออก ห่างจากจังหวัดเชียงใหม่ ของประเทศไทยประมาณ 650 กิโลเมตร และห่างจากสถานีตรวจวัดแผ่นดินไหวเชียงใหม่ประมาณ 710 กิโลเมตร โดยแรงสั่นสะเทือนรับรู้ได้ถึงจังหวัดเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนอาคารสูง เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย

ขณะเดียวกันมีรายงานว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ยังสามารถรู้สึกได้บนอาคารสูงในเขตกรุงเทพมหานคร เช่น บริเวณ ถ.เพลินจิต ลาดพร้าว สีลม ถนนวิทยุ.


บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:35:39 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


เรือคราดหอยสุราษฎร์ข้ามเขตคราดหอยเมืองคอนเจอดีโดนด้วยอาวุธปืนสงคราม

       นครศรีธรรมราช - เรือคราดหอยจากสุราษฎร์ธานี ข้ามเขตคราดหอยเขตเมืองคอน เจอดีโดนกลุ่มชายฉกรรจ์ใช้เรือหางยาวไล่ต้อน-กราดยิงด้วยอาวุธปืนสงคราม ลูกเรือสังเวยเสียชีวิต 1 ราย-ไต๋ก๋งเรือแฉไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง เผย ชาวประมงชายฝั่งเมืองคอนแค้น-เรือคราดหอยต่างถิ่นสร้างความเสียหายรุนแรง
       
       วันนี้ (21 ส.ค.) พ.ต.ท.คมสัน พฤศวานิช สารวัตรเวร สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี รับแจ้งจาก นายโสพัฒน์ มีศรี อายุ 28 ปี เจ้าของแพรุ่งเจริญกิจ เลขที่ 104/3 หมู่ 2 ต.บางกุ้ง อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี ว่า เกิดเหตุเรือลากหอยถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่ ทำให้มีลูกเรือเสียชีวิต 1 ราย เหตุเกิดที่บริเวณอ่าวปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่หลังเกิดเหตุไต๋ก๋งเรือได้บังคับนำเรือหลบหนีกลับเข้าพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี ขอให้ไปตรวจชันสูตรศพลูกเรือที่เสียชีวิต จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางไปตรวจสอบสภาพศพที่แพรุ่งเจริญกิจ พร้อมด้วย พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา ผกก. พ.ต.ท.วัชรศิริ ราชรักษ์ รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.วรวิทย์ เจริญศุภผล สว.สส.แพทย์เวรโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิกุศลศรัทธาสุราษฎร์ธานี
       
       พบผู้เสียชีวิต เป็นแรงงานชาวพม่า ทราบเพียงชื่อเล่นว่า ลุง อายุประมาณ 50 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนสงครามเข้าที่ลำตัวด้านซ้ายทะลุหน้าอก 1 นัด และจากการตรวจสอบเรือโชคมีศรี 7 พบร่องรอยถูกยิงด้วยกระสุนเข้าที่บริเวณตัวเรือหลายนัด โดยเฉพาะที่บริเวณเก๋งเรือถูกกระสุน 6 นัด กระจกแตก และพบหัวกระสุนปืนเล็กยาว (สงคราม)ไม่ทราบขนาด 1 นัด จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน
       
       จากการสอบสวน นายสำเริง ศรีตุ้มทอง อายุ 49 ปี ไต๋ก๋งเรือโชคมีศรี 7 เรือลำที่เกิดเหตุทราบว่า ออกเดินทางพร้อมด้วยลูกเรือ 12 คน พร้อมกับเรือโชคมีศรี 9 จาก อ.ดอนสัก จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเข้าไปลากหอยแครงบริเวณปากนคร จนกระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 21.30 น.วันที่ 20 ส.ค.ขณะกำลังลากหอยแครงอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 50 กม.พร้อมเรืออื่นๆ อีกประมาณ 10 ลำ สังเกตเห็นเรือหางยาว แล่นมาด้วยความเร็วสูง ภายในเรือมีชายฉกรรจ์ 4-5 คน และแล่นเข้าประชิดเรือ พร้อมกับระดมใช้อาวุธปืนยาว 2 ประบอก ซึ่งเป็นปืนสงครามยิงเข้าใส่ตัวเรือประมาณ 50-60 นัด โดยกระสุนเกือบทุกนัดพุ่งเป้าเข้าที่บริเวณเก๋งเรือ จนตนต้องหยุดบังคับเรือวิ่งลงไปหลบอยู่ที่พื้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณ 10 นาที เสียงปืนจึงเงียบลง พร้อมกับเสียงเรือหางยาวของคนร้ายที่แล่นออกไป และพบว่ามีลูกเรือชาวพม่าถูกกระสุนปืนเสียชีวิต 1 ราย จึงรีบวิทยุแจ้งให้เจ้าของเรือทราบ ก่อนจะรีบนำเรือแล่นกลับ จ.สุราษฎร์ธานี
       
       นายสำเริง กล่าวด้วยว่า ส่วนสาเหตุคาดว่าอาจจะถูกเรียกค่าคุ้มครอง เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนทราบข่าวจากไต๋ก๋งเรือลำอื่นๆ ว่า จะต้องจ่ายเงินรายเดือนให้กับเจ้าถิ่นในบริเวณทะเลแถบนั้น และการเข้าไปลากหอยที่บริเวณปากนครของเรือโชคมีศรี 7 และ 9 เป็นการเข้าไปครั้งแรก และมั่นใจว่า ได้ทำการลากหอยนอกเขตตามที่กฎหมายกำหนด
       
       เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สภ.เมืองสุราษฎร์ธานี ได้บันทึกชันสูตรศพ และตรวจสอบสภาพเรือ ก่อนแนะนำให้เจ้าของเรือเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินการตามกฏหมายต่อไป ขณะเดียวกันได้รายงานเหตุการณ์ให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงทราบตามลำดับชั้นแล้วขณะที่นายโสพัฒน์ มีศรี เจ้าของเรือ เตรียมเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัยจากอิทธิพลมืด
       
       ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช รายงานว่า จากการตรวจสอบไปยัง พ.ต.อ.ญาณพัฒน์ นรสิงห์ ผกก.สภ.เมือง นครศรีธรรมราช ได้ยืนยันว่า ยังไม่ได้รับแจ้งเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใด และทราบว่า ไต๋ก๋งเรือโชคมีศรี 7 ระบุว่า เกิดเหตุขณะเกิดเหตุอยู่ห่างจากฝั่งประมาณ 50 กิโลเมตร จึงค่อนข้างชัดเจนว่าไม่ใช่เขตรับผิดชอบของ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชอย่างแน่นอน อาจจะเป็นเขต อ.ปากพนัง หรือ อ.ท่าศาลา ก็ได้ อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวตรวจสอบไปยัง สภ.ปากพนัง และ สภ.ท่าศาลา ปรากฏว่า ทั้งสองแห่งยังไม่ได้รับทราบหรือรับแจ้งเหตุที่เกิดขึ้นแต่อย่างใด
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมเข้ามาว่า ปัญหาเรือประมงคราดหอยจากจังหวัดสุราษฏร์ธานีและจากจังหวัดอื่นๆ ที่เข้ามาคราดหอยในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งถือเป็นแหล่งหอยที่ชุกชุมและคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย จะอยู่ตลอดแนวชายฝั่งตั้งแต่ 1,000 เมตรออกไป ได้สร้างความเสียหายให้กับทรัพยากรชายฝั่งเป็นอย่างรุนแรง เนื่องจากกลุ่มเรือประมงคราดหอยใช้ตะแกรงเหล็กตาถี่และคราดลึกลงไปในดินนับ 10 เมตร ทำให้กลุ่มชาวประมงชายฝั่งในพื้นที่ไม่พอใจกลุ่มเรือประมงคราดหอยจากต่างถิ่นเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากทรัพยากรชายฝั่งเสียหายอย่างรุนแรงแล้ว อวนและอุปกรณ์การจับสัตว์น้ำของชาวประมงชายฝั่งที่วางไว้ตลอดแนวชายฝั่งได้รับความเสียหายยับเยินตลอดแนวชายฝั่งตั้งแต่เขตพื้นที่ อ.ขนอม-อ.ปากพนัง โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ท่าศาลา ได้รับความเสียหายมากที่สุด จนชาวประมงชายฝั่งในพื้นที่ อ.ท่าศาลา รวมตัวประท้วงกับทางจังหวัดนครศรีธรรมราช จนมีการจัดเจ้าหน้าที่ออกไล่กวดจับกุม แต่จับกุมได้ยากมากเพราะเรือคราดหอยส่วนใหญ่ใช้เครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะดีกว่าของเจ้าหน้าที่และเรือคราดหอย 1 ลำ ยังใช้เครื่องยนต์ถึง 2 เครื่อง จึงสามารถหลบหนีไปได้ทุกครั้ง
       
       “เมื่อมีการตรวจสอบในช่วงกลางวัน ก็พบว่า บรรดาเรือคราดหอยนับ 100 ลำ จะจอดหลบอยู่ในอ่าวเขตพื้นที่ อ.ขนอม รอออกคราดหอยในช่วงกลางคืน ชาวประมงชายฝั่งได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบเพื่อเข้าไปจับกุม แต่ทางประมงจังหวัดนครศรีธรรมราชอ้างว่าไม่สามารถจับกุมได้เพราะไม่อยู่ในช่วงที่กระทำผิด จะจับกุมได้ก็ต่อมาเรือคราดหอยออกคาดหอยซึ่งเป็นการกระทำผิดซึ่งหน้าเท่านั้น สร้างความไม่พอใจให้กับชาวประมงพื้นบ้านเป็นอย่างมาก จึงมีการรวมตัวกันจัดหาอาวุธนานาชนิดมาจัดเวรยามเฝ้าระวังขับไล่เรือคราดหอยกันเอง
       
       อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงต้อนปี 2551 เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมเรือคราดหอยได้จำนวนหนึ่ง นำมาสู่การฟ้องร้องดำเนินคดีโดยมีชาวประมงชายฝั่งนับร้อยรายร่วมแจ้งความในฐานะผู้เสียหาย เจ้าของเรือประมงที่ถูกจับกุมต้องยินยอมชดใช้ค่าเสียหายนับล้านบาท สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มชาวประมงชายฝั่งในจังหวัดนครศรีธรรมราชที่ออกตรวจการณ์พบเรือประมงคราดหอยลักลอบเข้ามาคราดหอยในเขตห่วงห้าม 3,000 เมตร จึงขับไล่และใช้อาวุธปืนสงครามยิงถล่มจนทำให้คนลูกเรือประมงคราดหอยเสียชีวิต 1 รายดังกล่าว
       
       สำหรับพื้นที่อ่าวปากนคร น่านน้ำอ่าวไทย ในเขต อ.เมือง นครศรีธรรมราช ในอดีตมีการเลี้ยงหอยทั้งแบบธรรมชาติและแบบพัฒนา โดยกลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นชื่อดังในจังหวัด ถือเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญในพื้นที่ฝั่งทะเลดังกล่าว เนื่องจากทรัพยากรธรรมชาติคือหอย และสัตว์น้ำชุกชุม กลุ่มนักการเมืองท้องถิ่นผู้มีอิทธิพลได้ประกาศเขตของตัวเองในทะเล ด้วยการติดธงสีแดงไว้ในทะเล ชาวบ้านเรียกกันว่า “เขตธงแดง” ซึ่งเขตดังกล่าวห้ามไม่ให้ผู้หนึ่งผู้ใดรุกล้ำเข้าไปทำประมง หากไม่ได้รับอนุญาตจากกลุ่มอิทธิพลดังกล่าว จนทางทหารและตำรวจต้องเข้าไปกวาดล้างจับกุม


***********************************************************************************************************


โจรสลัดโซมาเลียอาละวาดจี้เรือน้ำมันญี่ปุ่นและอิหร่าน

       หน่วยงานเฝ้าระวังทางทะเลเปิดเผยว่าเรือบรรทุกน้ำมันของอิหร่านและญี่ปุ่น ชาติละลำ ถูกจี้หายไปโดยพวกโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลียเมื่อวันพฤหัสบดี (21) นับเป็นเรือสินค้าลำที่ 4 และ 5 ที่ถูกโจมตีในอ่าวเอเดนในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา
       
       โนเอล ชุง หัวหน้าศูนย์รายงานกรณีโจรสลัดของสำนักงานการเดินเรือระหว่างประเทศ (ไอเอ็มบี) ที่ตั้งสำนักงานอยู่ในมาเลเซีย ระบุว่า เรือน้ำมันทั้งสองถูกโจรสลัดจี้ในช่วงสายของวันที่ 21 ขณะแล่นอยู่นอกชายฝั่งโซมาเลีย และคนร้ายก็พาเอาเรือ 2 ลำหายไป
       
       ทางศูนย์ได้รายงานไปยังกองกำลังผสมในน่านน้ำดังกล่าวซึ่งนำโดยสหรัฐฯ แล้ว และกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการตามหา ทั้งนี้ทางศูนย์ปฏิเสธที่จะเปิดเผยชื่อของเรือ 2 ลำที่หายไปเพราะยังคงอยู่ในระหว่างปฏิบัติการ นอกจากนี้ก็ยังได้แจ้งต่อสหประชาชาติเพื่อดำเนินการเร่งด่วนเพื่อยุติปฏิบัติการของสลัดในน่านน้ำแถบนี้
       
       น่านน้ำของโซมาเลียและไนจีเรียเป็นแหล่งที่มีโจรสลัดชุกชุมที่สุดในโลก ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนที่ผ่านมาน่านน้ำโซมาเลียมีการโจมตีเรือสินค้าเกิดขึ้นถึง 24 ครั้ง ในจำนวนดังกล่าวมีอยู่ 19 ครั้งที่เกิดขึ้นในอ่าวเอเดน และการโจมตีอีก 18 ครั้งเกิดขึ้นในน่านน้ำของไนจีเรีย

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:39:42 AM »

มติชน


ห่วงให้อาหารล่อโลมาหวังล่า

นายสมชาย มั่นอนันต์ทรัพย์ นักวิชาการประมง 8 ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จ.ระยอง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีมีผู้พบซากโลมาหัวบาตรขึ้นมาเกยตื้นตายบริเวณชายหาดตะวันรอน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ว่าโลมาตัวดังกล่าวมีคนพบเมื่อซากเน่าเปื่อยไปทั้งตัวแล้ว จึงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีสาเหตุการตายเกิดจากอะไร

แถบอ่าวไทย ตั้งแต่ จ.ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด มีฝูงโลมาอิรวดี หรือโลมาหัวบาตร ซึ่งหายากว่ายหากินกันเป็นฝูง ฝูงละ 30-40 ตัว รวมจำนวนที่เคยสำรวจพบถึง 200-300 ตัว มีการท่องเที่ยวเพื่อชมโลมาขึ้น เช่นที่ จ.ฉะเชิงเทรา แต่สิ่งที่น่าห่วงก็คือ การเที่ยวชมโลมาแบบผิดวิธีจะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมของโลมาจนอาจจะทำให้ถูกกลุ่มผู้ลักลอบล่าเพื่อนำไปขายให้กับกลุ่มนายทุนที่มีธุรกิจฝึกโลมาสำหรับการท่องเที่ยวในภาคตะวันออกของไทยไปจนถึงเกาะกง กัมพูชา

ทั้งนี้ โลมาหัวบาตรเป็นตัวบ่งบอกถึงความสะอาดของท้องทะเลและบอกภัยพิบัติที่อาจจะเกิดขึ้นจากท้องทะเลด้วย เช่น การเกิดสตรอม เซิร์จ โลมาจะมีพฤติกรรมแปลกๆ ว่ายวุ่นวาย หาทางหลบภัยก่อนเกิดเหตุการณ์

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:44:31 AM »

X-cite  ไทยโพสต์


หวั่นธรรมชาติพังเอกชนฮุบอุทยาน

เร่งประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติเพิ่มอีก 17 แห่งหลังค้างคามาหลายปี หวังขยายฐานท่องเที่ยว กรมอุทยานตาลุกดึงเอกชนเข้าไปทำธุรกิจเต็มรูปแบบ นักวิชาการค้าน หวั่นธรรมชาติป่นปี้เพราะคิดแต่เงินด้านเดียว

นายไพศาล กุวลัยรัตน์ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)  เปิดเผยเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมนี้ว่า จากการประชุมคณะทำงานเร่งรัดการดำเนินการประกาศจัดตั้งอุทยานแห่งชาติ  เพื่อพิจารณาอุทยานแห่งชาติที่อยู่ระหว่างดำเนินการประกาศจัดตั้งและยังไม่แล้วเสร็จ  รวมทั้งสิ้น 38 แห่ง เนื่องจากยังติดขั้นตอนระเบียบต่างๆ ทำให้ล่าช้ามาหลายปี ที่ประชุมมีมติยืนยันให้มีการประกาศให้อุทยานแห่งชาติที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา  จำนวน  17  แห่ง

อุทยานทั้ง  17 แห่งประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติดอยภูนาง จ.พะเยา อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติน้ำตกคลองแก้ว จ.ตราด อุทยานแห่งชาติถ้ำสะเกิน จ.น่านและพะเยา  อุทยานแห่งชาติลำคลองงู  จ.กาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท จ.ลำปาง อุทยานแห่งชาติดอยจง  จ.ลำปาง-ลำพูน อุทยานแห่งชาติขุนน่าน จ.น่าน อุทยานแห่งชาติภูผาเหล็ก  จ.สกลนคร-อุดรธานี-กาฬสินธุ์ อุทยานแห่งชาติเขานัน จ.นครศรีธรรมราช อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ  จ.แม่ฮ่องสอน  อุทยานแห่งชาติขุนพระวอ (แม่กาษา) จ.ตาก  อุทยานแห่งชาติดอยเวียงผา  จ.เชียงใหม่-เชียงราย อุทยานแห่งชาติแม่วาง จ.เชียงใหม่  อุทยานแห่งชาตินันทบุรี  จ.น่าน  อุทยานแห่งชาติเขาสิบห้าชั้น จ.จันทบุรี และอุทยานแห่งชาติหาดขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้ จ.นครศรีธรรมราช-สุราษฎร์ธานี โดยกรมป่าไม้ไม่คัดค้านและจะได้ทำบันทึกยืนยันอีกครั้งหนึ่ง

นายไพศาลกล่าวว่า  อุทยานแห่งชาติที่เหลืออีก 17 แห่ง กรมอุทยานฯ จะได้มอบหมายให้สำนักอุทยานแห่งชาติ  สำนักฟื้นฟูและพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์  ประสานงานกับกรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  เร่งรัดดำเนินการประกาศต่อไป อีกทั้งยังได้มีการหารือถึงการผนวกพื้นที่ชายหาดที่สวยงามเนื้อที่ประมาณ  1,500  ไร่  เข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ตด้วย

นอกจากนี้ยังมีอุทยานแห่งชาติอีก  4  แห่ง ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาเสร็จแล้ว และเตรียมรอนำเข้า ครม.รอบที่ 2 เพื่อให้ความเห็นชอบให้นำขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อประกาศบังคับใช้  ได้แก่ อุทยานแห่งชาติแม่ปืม จ.เชียงราย-พะเยา อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะพยาม  จ.ระนอง อุทยานแห่งชาติภูลังกา จ.หนองคาย-นครพนม และอุทยานแห่งชาติขุนสถาน  จ.น่าน  โดยพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้ง  38 แห่งที่จะประกาศเพิ่มเติมนี้ คิดเป็นเนื้อที่ 11,289,738.25 ไร่

นายวิชิต  พัฒนโกศัย  รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ  ในฐานะประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ  กล่าวว่า  ขณะนี้ได้วางหลักการเบื้องต้นให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการให้การบริการพื้นที่ที่กรมอุทยานดูแลรับผิดชอบใน 3 ประเด็น  ได้แก่  เรื่องสิ่งแวดล้อม-จะต้องมีการจัดการอย่างมืออาชีพยั่งยืน  เรื่องสังคม-ประชาชนต้องเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม และเศรษฐกิจ-ต้องสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนในพื้นที่ โดยกรมอุทยานจะเปิดให้มืออาชีพเข้ามาดำเนินการ   ซึ่งจะเป็นใครก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นชุมชนในพื้นที่ นักธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดกลาง โดยกรมจะแบ่งพื้นที่ของอุทยานต่างๆ เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง กลุ่มที่มีกำลังซื้อปานกลาง และกลุ่มทั่วไป เช่น เด็กและเยาวชน

นายวิชิตกล่าวว่า  เบื้องต้นนางอนงค์วรรณ  เทพสุทิน  รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ไปดูงานที่ป่าสงวนแห่งชาติเจ็ดคต  จ.สระบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เหมาะสม โดยก่อนหน้านี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เคยมาลงทุนสร้างที่พักให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ บริหารแต่ไม่สำเร็จเท่าที่ควร  เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้เรียนมาทางด้านบริหาร แต่ฝึกให้รักษาป่า ส่วนที่กลัวว่าเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินกิจกรรมท่องเที่ยว  จะเข้าไปทำลายธรรมชาติและป่านั้น  คิดว่าขณะนี้ความคิดของนักธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว  นักธุรกิจจะยึดถือเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญ เพราะกระแสโลกกระแสสังคมให้ความสำคัญ

"การจะไปสร้างขยะ  ตัดต้นไม้  คงทำไม่ได้  และอุทยานจะวางกรอบระเบียบให้เอกชนมาดำเนินการตามความเหมาะสม  โดยในสัปดาห์หน้า  นางอนงค์วรรณจะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวของทั้งหมดก่อนเลือกให้เอกชนมาบริหาร" นายวิชิตกล่าว

ด้าน  ศ.นิวัติ  เรืองพานิชย์  นักวิชาการด้านวนศาสตร์  มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า  รู้สึกเป็นห่วงแนวคิดในการให้สัมปทานอุทยานแห่งชาติฯ  แก่ภาคเอกชนเข้ามาบริหารจัดการการท่องเที่ยวเพื่อให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้น  เพราะเป็นการคิดถึงแต่เงินด้านเดียว ไม่ได้คำนึงถึงวัตถุประสงค์หลักในการดูแลรักษาป่าไม้  สัตว์ป่า  และพันธุ์พืช ซึ่งในที่สุดแล้วจะทำให้ธรรมชาติถูกทำลาย จึงขอเรียกร้องข้าราชการอย่าตามใจฝ่ายการเมืองมากเกินไป

แต่นายทรงธรรม  สุขสว่าง ผู้อำนวยการส่วนศึกษาและวิจัยอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช  กล่าวว่า  การให้สัมปทานไม่ใช่เรื่องเสียหายหากมีการบริหารจัดการที่ดี  ในต่างประเทศมีการทำมาก่อนแล้ว  และเป็นไปตามโปรแกรมงานการจัดการพื้นที่คุ้มครองตามอนุสัญญาความหลากหลายทางชีวภาพที่มี  191  ประเทศเป็นสมาชิก เพื่อหาเงินสนับสนุนจากภาคเอกชน  เพราะงบประมาณของรัฐไม่เพียงพอ  ส่งผลให้พื้นที่ป่าและสัตว์ป่าถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง  ซึ่งประเทศภาคีควรทำในเรื่องนี้ภายในปี 2010 สำหรับไทย UNDP ได้ให้งบเกือบ  3  ล้านบาทจ้างผู้เชี่ยวชาญมาศึกษา  จะสรุปผลปลายปีนี้ จากนั้นกองทุนสิ่งแวดล้อมโลกจะให้งบอีก  200  ล้านบาทมาวิจัย  เป้าหมายคือพื้นที่อนุรักษ์  3  แห่ง  ได้แก่ อุทยานแห่งชาติบนบก 1 แห่ง อุทยานฯ ทางทะเล 1 แห่ง และพื้นที่ที่ชุมชนดูแล.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 01:50:02 AM »

แนวหน้า


ชาวระยองร่วมแรงใจพัฒนาเกาะเสม็ด    
 
 ตามที่ประชาชนชาวเกาะเสม็ด พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด เจ้าหน้าที่สถานีอนามัยองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) เพ รวมกว่า 500 คน พากันนำ อุปกรณ์ทำความสะอาดออกมาช่วยกันพัฒนาเกาะเสม็ด ในกิจกรรม “ จากวันแม่ สู่วันพ่อ กองทัพ 5 ส. สู่ชุมชน” ที่โรงเรียนเกาะแก้วพิสดาล เกาะเสม็ด ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง

 นายสิทธิชัย เสรีสงแสง หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า หมู่เกาะเสม็ด เปิดเผยว่า กิจกรรมดังกล่าว เป็นความร่วมแรงกันจากใจจริงของคนทั้งเกาะ ที่ต้องการให้คนทั่วไปรู้ว่า ชาวเกาะรักและหวงแหนแผ่นดินบนเกาะ และสามารถดูแลเกาะเสม็ดให้สะอาดได้ด้วยมือของคนบนเกาะเอง โดยใช้เวลาในช่วงมรสุม ออกมาพัฒนา ร่วมกับหน่วยงานราชการ และจะมีการปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งชาวเกาะเสม็ดหวังจะให้การปฏิวัติครั้งนี้ ทำให้เกาะเสม็ด เปลี่ยนจากเดิมเป็นเกาะเสม็ดโฉมใหม่ สดใสสะอาดตา ถูกใจนักท่องเที่ยว โดยไม่ต้องมีข่าวการปิดเกาะเสม็ดอีก และมีธรรมชาติที่สมบูรณ์ มีการทอ่งเที่ยวที่ยั่งยืนตลอดไป

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 22, 2008, 02:03:19 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เหตุแผ่นดินไหวทางตอนใต้ของจีนใกล้กับพรมแดนพม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน

เกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรง 2 ครั้งทางตอนใต้ของจีนติดกับพรมแดนพม่า ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และได้รับบาดเจ็บอีกหลายคน
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานว่า เหตุแผ่นดินไหววัดความรุนแรงได้ 5.0 และ 5.9 ริคเตอร์ เกิดขึ้น 2 ครั้ง ทางตอนใต้ของจีนซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนพม่า โดยแผ่นดินไหวครั้งแรกเกิดห่างจากเมืองต้าลี่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวในมณฑลยูนนานไปทางตะวันตก 250 กิโลเมตร และห่างจากพรมแดนทางตอนเหนือของพม่าราว 50 กิโลเมตร ขณะที่แผ่นดินไหวครั้งที่ 2 เกิดขึ้นหลังจากนั้นเพียง 4 วินาที แผ่นดินไหวมีศูนย์กลางลึกลงไปใต้พื้นดิน 10 กิโลเมตร ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน เป็นหญิงอายุประมาณ 30 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคน บ้านเรือนหลาย 10 หลังได้รับความเสียหาย กระแสไฟฟ้าดับทั่วทั่งบริเวณ เจ้าหน้าที่ต้องอพยพประชาชนหลายหมื่นคนออกจากบ้านเรือนมาพักหลับนอนตามสนามหญ้า

เหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังเกิดแผ่นดินไหวรุนแรง 5.3 ริคเตอร์ในพื้นที่เดียวกันเมื่อช่วงเช้าตรู่ของวันพุธที่ผ่านมาเพียง 1 วันเท่านั้น .

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.253 วินาที กับ 21 คำสั่ง