สายน้ำ
|
|
« เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 12:41:25 AM » |
|
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยจะมีกำลังปานกลาง ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มมากขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง เช่นบริเวณจังหวัด น่าน สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ ขอนแก่น นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ นครสวรรค์ สระบุรี ลพบุรี นครนายก ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยระมัดระวังอันตรายภัยจากสภาวะน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากที่อาจเกิดซ้ำได้ในระยะนี้
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24 องศา สูงสุด 33 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 20-21 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ลักษณะเช่นนี้จะทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางและภาคตะวันออก สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงประมาณ 2 เมตร
ส่วนในช่วงวันที่ 22-26 ก.ย. ร่องความกดอากาศต่ำจะเลื่อนลงมาพาดผ่านภาคกลางและภาคตะวันออกและมีกำลังแรงขึ้น ประกอบมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 20-24 ก.ย. ขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย บริเวณพื้นที่ลาดใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ราบลุ่มบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออก ระมัดระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และน้ำป่าไหลหลากซ้ำได้อีก สำหรับชาวเรือควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือขณะที่มีฟ้าคะนองไว้ด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 12:48:29 AM » |
|
ไทยรัฐ
บางพัฒน์ ชุมชนประมงดีเด่น คืนปูไข่ให้กับธรรมชาติ
ดร.สมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมประมงมีหน้า- ในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำ โดยให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม ให้เกิดความรู้สึก-เป็นเจ้าของทรัพยากรประมงอย่างแท้จริง และเมื่อเกิดความเข้มแข็งสามารถบริหาร-จัดการทรัพยากรได้ด้วยตัวเอง.กรมฯ จะถอนตัวมาเป็นพี่เลี้ยง คอยให้คำปรึกษาแนะนำ-และชี้แนะในการบริหารจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำให้ยั่งยืนได้ตลอดไป ชุมชนชาวประมงบ้านบางพัฒน์ หมู่ที่ 8 ตำบลบางเตย อำเภอเมือง - จังหวัดพังงา เป็นหนึ่งในตัวอย่างความสำเร็จ จนได้รับรางวัล ชุมชนต้นแบบดีเด่น อันดับที่ 1 ซึ่งจะรับโล่รางวัลในงาน ครบรอบ 82 ปี วันสถาปนากรมประมง ณ บางเขน กทม.....วันที่ 21 กันยายนนี้
นางกัญยา ก้าหรีมการ ผู้ใหญ่บ้านบางพัฒน์ กับ นางสุกัญญา วาหะรักษ์ ผู้ช่วยฯบอกว่า ชุมชนประมงบ้านบางพัฒน์ แห่งนี้ มีพื้นที่-ประมาณ 300 ไร่ จุดเด่นของชุมชนมี ป่า ชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นแหล่ง- เพาะพันธุ์ และผลิตอาหารทะเล สมาชิกในกลุ่มจำนวน 70 ครัวเรือน ประกอบอาชีพ-ประมงอวนปูม้าจำนวน 60 ราย อีกส่วนหนึ่งดำรงชีพด้วยการทำโฮมสเตย์ และเมื่อปี พ.ศ.2544 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จเยี่ยมชุมชนแห่งนี้ พร้อม- มีพระราชกระแสรับสั่งให้ช่วยกันดูแลป่าชายเลนและอนุรักษ์สัตว์น้ำ จึงได้จัดกิจกรรม โครงการคืนปูไข่สู่ธรรมชาติขึ้นตามพระราชดำริ โดยมีข้อตกลงว่าเมื่อสมาชิกวางอวน-จับปูที่มีไข่จะไม่ขาย ให้นำใส่ในกระชังขนาด 1,500 ตารางเมตรเป็น พื้นที่อนุรักษ์ 15 วัน เพื่อ ให้แม่ปูสลัดไข่ออกจนหมดสิ้นจึงค่อยนำจำหน่าย ส่วนลูกปูก็จะอยู่ใน-อาณาเขตการอนุรักษ์และควบคุมกำหนดให้ตาข่ายมีขนาดตากว้าง 4 นิ้วขึ้นไป เพื่อให้-ปูเล็กๆได้มีชีวิตอยู่รอด ทุกวันนี้จะจับปูได้อย่างน้อยคนละ 10-20 กก./วัน มีรายได้- วันละ 1,000-2,000 บาท เพียงพอต่อการดำรงชีพ ไม่ต้องทิ้งถิ่นไปขายแรงงานอีก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 01:05:55 AM » |
|
ข่าวสด
ตะลึงกระเบนยักษ์โผล่ติดเบ็ดตาย
เมื่อวันที่ 17 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากชาวบ้านแตกตื่นกับปลากระเบนยักษ์ที่อยู่ในแม่น้ำปิง บริเวณหมู่บ้านเกาะตาเทพ ม.7 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ มานานหลายวัน พร้อมใช้ทุ่นเบ็ดดักปลาเกี่ยวติดปลากระเบนยักษ์ กระทั่งเวลา 15.00 น. นายสม ทองไพบูลย์ อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 527/1 ม.7 ต.บางม่วง อ.เมือง จ.นครสวรรค์ และชาวบ้านได้้ทุ่นเบ็ดดักปลากระเบนยักษ์ โดยใช้หม้อแบตเตอรี่ชอร์ตจนปลากระเบนสลบ จึงสามารถลากขึ้นฝั่งมาได้ โดยมีชาวบ้านนับร้อยคนแห่ไปดูจนแน่นขนัด
สำหรับปลากระเบนยักษ์ที่จับมาได้นี้ เป็นเพศผู้ น้ำหนักกว่า 200 ก.ก. ลำตัวกว้าง 2.05 เมตร ยาว 4.28 เมตร มีบาดแผลบริเวณปาก ที่ลำตัวมีเลือดไหลนองพื้น และที่รอยหางหักจนเห็นกระดูก ที่บริเวณปากยังมีเบ็ดขนาด 2.5 นิ้วติดอยู่
จากนั้นชาวบ้านกว่าสิบคนพยายามช่วยกันลากปลากระเบนยักษ์ขึ้นจากแม่น้ำปิงมาไว้บนถนนโกสีย์เหนือ แต่เนื่องจากปลากระเบนตัวดังกล่าวมีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก จึงไม่สามารถลากขึ้นมาบนถนนได้ นายสมและชาวบ้านละแวกใกล้เคียงจึงช่วยกันยกปลากระเบนยักษ์ขึ้นเรือ เพื่อจะนำขึ้นบนถนน แต่ปลาตายก่อน จึงนำไปขายให้กับแม่ค้าปลาในตลาดสดเทศบาลนครนครสวรรค์ ราคาก.ก.ละ 30 บาท แต่แม่ค้าไม่รับซื้อ จึงนำกลับมาแล่เนื้อ แจกจ่ายให้กับเพื่อนบ้านนำไปทำอาหารกิน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 01:16:10 AM » |
|
กรุงเทพธุรกิจ
ฟ้องศาลปกครองห้าม'สมิทธ'พูดถึง'สตอมเสิร์จ'
ฟ้องศาลปกครอง สั่ง'สมิทธ ธรรมสโรช'ประธานศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ยุติการให้สัมภาษณ์เกิดสตอมเสิร์จทันที หลังสร้างความตระหนกให้กับประชาชนในพื้นที่นานถึง 5 เดือน
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : นายสนธิญา สวัสดี รองโฆษกพรรคประชากรไทย ในฐานะ คณะกรรมการบริหารแผนป้องกันอุทกภัยสมุทรสาคร เข้ายื่นฟ้องต่อศาลปกครองขอให้มีคำสั่งห้าม นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ ยุติการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องการพยากรณ์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์สตรอมเสิร์จ ซึ่งสร้างความสับสน และตื่นตระหนกแก่ประชาชน
นายสนธิญา ยื่นฟ้อง นายสมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการอำนวยการศูนย์ภัยพิบัติแห่งชาติ เป็นผู้ถูกฟ้อง เรื่อง กระทำการโดยมิชอบ กรณีที่นายสมิทธ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับการเกิดปรากฏการณ์ สตอร์มเสิร์จ ที่ระบุว่าน้ำทะเลจะยกตัวสูงท่วมในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ , กทม. และสมุทรสาคร ภายในเดือน ส.ค. - ก.ย.และในเดือนถัดไป
ตามฟ้องระบุว่า นายสมิทธ ออกมาให้สัมภาษณ์ตั้งแต่เดือน พ.ค.- ก.ย.51 จำนวนกว่า 10 ครั้ง ว่า จะการเกิด สตร์อมเสิซ ที่น้ำทะเลจะยกตัวสูงท่วมในเขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ , กทม. และสมุทรสาคร ภายในเดือน ส.ค. - ก.ย.และในเดือนถัดไป ซึ่งสร้างความตื่นตระหนก และกังวลของประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวอย่างรุนแรง เพราะเกรงว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะเหมือนกับพายุนากี้ส พัดถล่มในประเทศพม่าที่ผ่านมา ขณะที่หน่วยงานราชการ เช่น ดร.วัฒนา กันบัว ผู้อำนวยการศูนย์อุตุนิยมวิทยาทางทะเล ออกมาให้สัมภาษณ์แต่กลับมีข้อมูลไม่ตรงกันกับนายสมิทธ ว่าโอกาสจะเกิดสตอร์มเสิร์จ มีแค่ 2 เปอร์เซ็นต์
คำฟ้องระบุด้ยว่า ผู้ฟ้องในฐานะกรรมการบริหารแผนป้องกันอุทกภัยสมุทรสาครที่ได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ว่าราชการจังหวัด ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 ก.ค.46 ได้ทราบข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ ของกรมอุตุนิยมวิทยาเอง แจ้งว่า มีโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเรื่องดังกล่าววันละกว่า 300 ครั้ง โดยแม้ว่าประชาสัมพันธ์จังหวัดสมุทรสาครก็ได้รับการสอบถามจากอาจารย์โรงเรียนต่างๆ ด้วย ซึ่งผู้ฟ้อง ก็มีบ้านพักอยู่ที่ ต.ท่าฉลอม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ซึ่งติดปากอ่าวไทย และได้รับผลกระทบจากการให้สัมภษาณ์ของนายสมิทธ ได้ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครลงวันที่ 15 ส.ค.51เพื่อเรียกร้องให้นายสมิท ยุติการให้สัมภาษณ์การเกิดสตอร์มเสิร์จ เพราะเห็นว่า ได้สร้างความโกลาหลให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ติดชายทะเล ต้องแตกตื่น ซึ่งบางพื้นที่พบว่าประชาชนย้ายออกจากบ้านและมีการปิดโรงเรียน นักเรียนขาดเรียน เพราะข่าวลือจากการให้สัมภาษณ์ว่าจะเกิดสตอร์มเสิร์จดังกล่าว
ขณะที่นักธุรกิจก็ประสบปัญหาไม่สามารถขายที่ดินและบ้าน ส่วนโรงงานใน ต.ท่าฉลอมที่ใช้แรงงานพม่าอย่างถูกกฎหมาย ก็ได้รับผลกระทบเช่นกันที่ชาวพม่าเดินทางกลับประเทศเพราะเกรงกลัวว่าจะเกิดเหตุเช่นเดียวกับพายุนากี้สในพม่า แต่นายสมิทธกลับไม่ฟังและยังให้สัมภษาณ์พาดพิงผู้ฟ้องว่า มีผลประโยชน์ทับซ้อนซึ่งต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป นอกจากนี้นายสมิทธ ยังได้ท้าทายนักวิชาการว่าหากใครสามารถยืนยันได้ว่าไม่เกิดสตอร์มเสิร์จ ก็จะยอมยุติการให้สัมภาษณ์
ดังนั้นผู้ฟ้อง จึงขอให้ศาลปกครอง มีคำสั่งให้ผู้ถูกฟ้อง ยุติการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนกรณีการเกิดสตอร์มเสิร์จในทันที โดยให้ผู้ถูกฟ้องในฐานะ ปธ.ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ดำเนินการอย่างอื่นแทน เช่น ร่วมมือกับจังหวัด อำเภอ และตำบลที่เสี่ยงภัย จัดประชุมเชิงวิชาการให้รู้ข้อมูลจริง และการปฏิบัติหากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวในพื้นที่เสี่ยงภัยเพื่อความเข้าใจชัดเจนทั่วถึงไม่สับสน
ศาลปกครองรับคำฟ้องไว้เป็นคดีหมายเลขดำที่ 1486/2551 เพื่อพิจารณาต่อไปว่าคดีอยู่ในอำนาจศาลและจะมีคำสั่งประทับรับฟ้องหรือไม่
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 01:21:25 AM » |
|
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์
จ.ระยอง เตรียมจัดกิจกรรมทำความสะอาดในวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล
นายพีระวัฒน์ รุ่งเรืองศรี ผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุดจังหวัดระยอง กล่าวว่า บริษัทในนิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุดจังหวัดระยอง ร่วมกับ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย จัดกิจกรรมวันอนุรักษ์ชายฝั่งสากล ซึ่งจัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 3 ของเดือนกันยายนของทุกๆ ปี ผู้คนทั่วโลกจะสละเวลา 1 วัน ให้กับภารกิจการปกป้องท้องทะเลและระบบนิเวศน์วิทยาทางทะเลทั่วโลก ด้วยการเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครเพื่อทำความสะอาดและเก็บขยะจากชายหาดและแม่น้ำ ลำคลองต่างๆ พร้อมหาสาเหตุที่มาของขยะ สำหรับที่บริเวณชายฝั่งหาดแม่รำพึง จะมีกิจกรรมทำความสะอาด เก็บขยะบริเวณชายหาดตั้งแต่บ้านก้นอ่าวถึงลานหินขาว
*****************************************************************************************************************************
ก.ทรัพยากรฯ จัดกิจกรรมรณรงค์ชาวระยอง ร่วมปลูกป่า สร้างสามัคคี
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดกิจกรรมรณรงค์ให้ประชาชนในจังหวัดระยอง ร่วมปลูกป่า สร้างสามัคคีและสร้างแนวกันชนมลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรม
นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า การจัดกิจกรรม "116 วัน จากวันแม่ถึงวันพ่อ รวมพลังสามัคคี ลดมลพิษ พิชิตโลกร้อนรณรงค์ให้ประชาชนในจังหวัดระยอง ได้ร่วมปลูกป่าในพื้นที่ 50 ไร่ ณ บริเวณสวนป่าสำนักงานสวัสดิการและคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก ภาคตะวันออก ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง เป็นการสร้างความสมัครสมานสามัคคีในประชาชนชาวไทย เพื่อถวายเป็นราชสักการะแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ให้เป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งอาหารของสัตว์ป่า ช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ และเป็นแนวกันชน ระหว่างโรงงานอุตสาหกรรมและชุมชนที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตำบลมาบตาพุด ช่วยดูดซับมลพิษทางอากาศ รวมทั้งยังเป็นการฟื้นคืนความสมดุลของระบบนิเวศน์และปรับปรุงสภาพแวดล้อมของชุมชนให้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
Sri_Nuan.Ray
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กันยายน 20, 2008, 02:47:08 AM » |
|
" ฟ้องศาลปกครองห้าม'สมิทธ'พูดถึง'สตอมเสิร์จ' "
แปลกดีนะ นี่ถ้าห้ามพูด แล้วเกิดขึ้นมาจริงๆๆ แล้วจะทำอย่างไรล่ะเนี่ย....มิต้องน้ำตาตก กันไปตามๆๆ กันเหรอ
น่าจะเป็นลักษณะ การเตือนเพื่อป้องกัน อันตรายที่จะเกิดขึ้นมากกว่า ไม่ใช่ พอเตือน แล้วก็ตื่นตระหนก
หาก เราทราบแล้ว หาหนทางแก้ไข ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น ก็น่าจะปลอดภัย ธรรมดาแล้วมาตรฐานความปลอดภัยของประชาชนคนไทยก็น้อยจนแทบจะไม่มีอยู่แล้ว
ไม่มี ก็เหมือน แบะ แบะ มีก็ตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูม การป้องกันก่อนการเกิดขึ้นจริงเป็นสิ่งที่ควรตระหนัก มากกว่า......
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 20, 2008, 04:38:12 AM โดย Sri_Nuan.Ray »
|
บันทึกการเข้า
|
~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา ~~~
|
|
|
|
|