กระดานข่าว Save Our Sea.net
มิถุนายน 19, 2024, 04:52:49 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 17 ธันวาคม 2551  (อ่าน 2923 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ธันวาคม 17, 2008, 12:44:03 AM »

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีน ปกคลุมประเทศไทยตอนบนทำให้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นต่อไป สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงพัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยลักษณะเช่นนี้ทำให้ภาคใต้ตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป มีฝนกระจาย ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ ในช่วงวันที่ 17-18 ธันวาคม 2551ไว้ด้วย 


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

อากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่ปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิลดลง 1-2 องศา ส่งผลให้มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น ทำให้อ่าวไทยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 19-22 ธ.ค.บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลัง อ่อนลง ทำให้บริเวณดังกล่าวอากาศอุ่นขึ้น และมีหมอกในตอนเช้า ส่วนคลื่นลมจะมีกำลังอ่อนลงด้วย


ข้อควรระวัง

ในช่วงวันที่ 16-18 ธ.ค. ขอให้ชาวเรือในอ่าวไทยระวังอันตรายจากการเดินเรือ และเรือเล็กในอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่ง ไว้ด้วย



* Forecast2.jpg (38.29 KB, 684x423 - ดู 696 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2008, 12:56:16 AM »

ผู้จัดการออนไลน์


กรมขนส่งทางน้ำศึกษาสร้างท่าเรือน้ำลึกที่ชุมพรมูลค่า 2 พัน ล.

     ศูนย์ข่าวภูเก็ต - กรมขนส่งทางน้ำฯ ศึกษาสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึกที่ จ.ชุมพร มูลค่ากว่า 2 พันล้าน เป็นศูนย์กลางขนส่งทางน้ำ เชื่อมต่ออ่าวไทย-อันดามัน และภาคตะวันออก
       
       วันนี้ (16 ธ.ค.) ที่โรงแรมชุมพรการ์เดนส์ อ.เมือง จ.ชุมพร บริษัท ซีสเปคตรัม จำกัด และบริษัท เอนไว เอ็กซ์เพิร์ท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทได้รับการว่าจ้างจาก กรมขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กระทรวงคมนาคม ได้จัดเวทีรับฟังคิดเห็น จากหน่วยราชการต่างๆ องค์กรภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนใกล้เคียงพื้นที่ศึกษา เพื่อนำเสนอสรุปผลการศึกษา รวมถึงรับฟังความคิดเห็นเพิ่มเติมในระดับจังหวัด
       
       ร.ต.อ.ขจร เทสมาสา รองอธิบดีกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กล่าวว่า การจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด ดำเนินการมาแล้ว 3 ครั้ง ได้ข้อมูลในระดับหนึ่ง และการจัดเวทีในครั้งนี้ เป็นความคิดเห็นในภาพรวมทั้งจังหวัด ที่กำหนดไว้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
       
       ดร.มานะ ภัตรพานิช ผู้จัดการโครงการศึกษาและสำรวจออกแบบเพื่อพัฒนาท่าเรือจังหวัดชุมพร กล่าวว่า ขั้นตอนต่อไป จะเป็นการจัดทำรายงานฉบับสุดท้าย เพื่อส่งมอบให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี พิจารณา และนำเสนอ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติลิส่งแวดล้อม หรือ สผ.หากได้รับความเห็นชอบ ทางกรมก็จะจัดทำแผนของบประมาณ และจัดทำการสำรวจออกแบบท่าเรือ ที่สามารถก่อสร้างได้จริง ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ปี ส่วนงบประมาณที่ใช้คาดว่าจะอยู่ประมาณ 1,500-2,300 ล้านบาท
       
       สำหรับการคัดเลือกพื้นที่ พัฒนาท่าเรือของจังหวัดชุมพร หลังจากที่ได้ศึกษาความเหมาะจำนวน 3 จุด คือ บริเวณแหลมประจำเหียง พื้นที่อำเภอสวี แหลมเทียน อ.เมืองชุมพร และแหลมคอกวาง ต.นาทุ่ง อ.เมืองชุมพร ผลการศึกษาได้เลือกให้ แหลมคอกวาง หรือหัวโม่ง หมู่ที่ 7 ต.นาทุ่ง อ.เมือง จ.ชุมพร เป็นพื้นที่ ที่เหมาะสมที่สุด เพื่อใช้ขนส่งสินคาเกษตร หรือสินค้าแปรรูปอื่นๆ เช่น ยางพารา น้ำมันปาล์ม กาแฟ สับปะรดกระป๋อง และอุตสาหกรรมอื่นๆ โดยท่าเรือ จ.ชุมพร แห่งนี้จะเป็นท่าเทียบเรือน้ำลึกศูนย์กลางการเชื่อมต่อระหว่างทะเลอ่าวไทยด้าน จ.ชุมพร และทะเลอันดามันด้าน จ.ระนอง และเชื่อมต่อกับเส้นทางคมนาคมภาคตะวันออก ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด ท่าเรือกรุงเทพ ท่าเรือสุราษฎร์ธานี ท่าเรือสงขลา และท่าเรือปัตตานี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ


***************************************************************************************************


ชลบุรีชวนเที่ยวชมปลาโลมาบริเวณปากแม่น้ำบางปะกง 
 
       ศูนย์ข่าวศรีราชา - องค์การบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ ชลบุรี ชวนเที่ยวชมปลาโลมา บริเวณปากแม่น้ำบางประกง
       
       นายนพดล บุญช่วย ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี กล่าวว่า ในช่วงนี้ ได้เชิญชวนนักท่องเที่ยวมาชมฝูงปลาโลมาในปีนี้ว่า ที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวลงเรือเพื่อชมฝูงปลาโลมาบริเวณปากแม่น้ำบางปะกง เขต ต.ท่าข้าม อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา และ ต.คลองตำหรุ อ.เมือง จ.ชลบุรี แต่ปรากฏว่าเป็นช่วงกลางวันปลาโลมาจึงไม่ออกมาเล่นน้ำ หาอาหาร แต่ทราบข่าวว่าขณะนี้มีปลาโลมาประมาณ 8 ตัว ได้เข้ามาที่ปากแม่น้ำบางปะกงแล้ว เหตุการณ์ปลาโลมามาเยือนนั้นจะเกิดขึ้นทุกปีช่วงเข้าหน้าหนาว เนื่องจากมีอาหารสมบูรณ์ โดยเฉพาะปลาดุกซึ่งเป็นอาหารของปลาโลมา
       
       นอกจากนี้ ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลคลองตำหรุ ได้เปิดเผยถึงอีกหนึ่งเสน่ห์ของต.คลองตำหรุ นั้นคือป่าชายเลนพื้นที่ อบต.คลองตำหรุ ซึ่งเป็นชายป่าที่ยาวถึง 7 กิโลเมตร ในช่วงกลางคืนจะมีหิ่งห้อยมาเกาะที่ต้นลำพูจำนวนมาก ก็หวังว่าหากนักท่องเที่ยวมาดูปลาโลมาแล้ว ช่วงพบค่ำอยากเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวลงเรือเที่ยวชมหิ่งห้อยบริเวณป่าชายเลน ที่ยังมีสภาพผืนป่าสมบูรณ์ ในอนาคตทาง อบต.คลองตำหรุจะส่งเสริมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของ จ.ชลบุรี


***************************************************************************************************


มหัศจรรย์ลุ่มน้ำโขง พบพันธุ์พืชและสัตว์ใหม่กว่า 1,000 สปีชีส์


งูเขียวไผ่ภูหลวง (Trimeresurus gumprechti) พบครั้งแรกในปี 2545 และพบได้ทั้งในไทย ลาว เวียดนาม พม่า และจีน (WWF)

WWF - ครั้งแรกในรอบ 10 ปี เปิดกรุสมบัติความหลากหลายทางชีวภาพ ในแถบลุ่มน้ำโขง องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล เผยรายงานล่าสุดของการค้นพบสัตว์และพืชสายพันธุ์ใหม่ครั้งสำคัญกว่า 1,000 ชนิด ในรอบทศวรรษที่ผ่านมาบริเวณประเทศแถบลุ่มน้ำโขง มีทั้งกิ้งกือมังกรสีชมพู หนูคะยุที่เคยคิดว่าสูญพันธุ์ไปแล้วนับล้านปี รวมทั้งแมงมุมขาขาวที่ใหญ่สุดในโลก
       
       เฟิร์ส คอนแทคต์ อิน เดอะ เกรทเตอร์ แม่โขง (First Contact in the Greater Mekong) เป็นรายงานฉบับพิเศษครั้งแรกในรอบ 10 ปี ที่รวบรวมชนิดพันธุ์พืช และสัตว์ที่ถูกค้นพบใหม่จำนวน 1,068 ชนิด ในแถบลุ่มน้ำโขง และยังไม่เคยมีการเผยแพร่อย่างเป็นทางการมาก่อน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ด้านความหลากหลายทางชีวภาพของลุ่มน้ำแห่งนี้


งูเขียวไผ่หางเขียว (Trimeresurus vogeli) พบครั้งแรกที่เขาใหญ่ในปี 2544 (WWF)
       
       ทั้งนี้ มีการค้นพบ สายพันธุ์ใหม่ถึง 2 ชนิดพันธุ์ใน 1 สัปดาห์ โดยสรุปชนิดพันธุ์พืชที่ถูกค้นพบได้ถึง 519 ชนิด ปลา 279 ชนิด กบ 88 ชนิด แมงมุม 88 ชนิด จิ้งจก 46 ชนิด งู 22 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 15 ชนิด เต่า 4 ชนิด นก 4 ชนิด ซาลาเมนเดอร์ 2 ชนิด คางคก 1 ชนิด และคาดว่าจะมีสัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังอีกนับพันชนิด ที่ถูกค้นพบ
       
       “ไม่มีอะไรที่จะดีไปกว่านี้อีกแล้ว เราคิดว่ามันสมควรที่จะต้องถูกบันทึกเป็นอีกหน้าหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติวิทยา และเป็นการตอกย้ำให้เห็นว่าคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติของประเทศในแถบลุ่มโขงนั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการอนุรักษ์ในระดับโลก” บทสรุปชัดเจนจาก สจ๊วต แชปแมน ผู้อำนวยการฝ่ายอนุรักษ์ของดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ เกรทเตอร์ แม่โขง (WWF Greater Mekong)


งูปล้องฉนวนภูเขาเขมร (Lycodon cardamomensis) พบครั้งแรกทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา ในปี 2545 (WWF)
       
       การค้นพบชนิดพันธุ์ใหม่เหล่านี้ ไม่แตกต่างไปจากการค้นพบแผ่นดินใหม่บนโลกใบนี้ ตัวอย่างเช่น หนูคะยุ (Laotian rock rat) ซึ่งเป็นหนูชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่บนเขาหินปูน ที่เราคิดว่าสูญพันธุ์ไปเมื่อ 11 ล้านปีที่แล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์กลับพบโดยบังเอิญในตลาดสดเล็กๆ แห่งหนึ่งในประเทศลาว หรือการเจองูเขียวหางใหม้ท้องเขียวใต้ (Siamese Peninsula pitviper) ที่กำลังเลื้อยผ่านนักท่องเที่ยวในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ในประเทศไทย
       
       นอกจากนั้นยังพบแมงมุมขายาว (Huntsman spider) ซึ่งเป็นแมงมุมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยขาแต่ละข้างยาวถึง 30 ซ.ม. ลองคิดดูถ้า ขาทั้ง 8 ของแมงมุมชนิดนี้กางออกพร้อมกัน ขนาดของมันจะใหญ่เพียงใด หรือกิ้งกือมังกรสีชมพู (Dragon millipede) ที่มีลำตัวสีชมพูจัดจ้านแต่แฝงไปด้วยพิษของไซยาไนด์ที่มันสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตัวเอง
       
       “นี่คือการยืนยันความมหัศจรรย์ในความหลากหลายทางชีวภาพ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นเสมือนชุมทางหรือจุดเชื่อมต่อของ ความหลากหลายทางชีวภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทย คือตัวอย่างที่ชัดเจนที่มีความสำคัญต่อการอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ เพราะชนิดพันธุ์ต่างๆ ในถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ มีการกระจายมาจากเทือกเขาหิมาลัย แม่น้ำโขง ทะเลอันดามัน และระบบนิเวศอื่นๆ อีกมากมาย” ดร.วิลเลี่ยม เชดล่า ผู้อำนวยการ WWF ประเทศไทย ย้ำบันทึกหน้าสำคัญที่จะกลายเป็นประวัติธรรมชาติวิทยาของโลก
       
       “มีการรับรู้และเข้าใจที่ผิดๆ ที่ว่าภูมิภาคนี้ ไม่มีความสำคัญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ ทรัพยากรจึงถูกคุกคามบนความไม่รู้มาก่อน แต่สำหรับนักวิทยาศาสตร์แล้ว เกือบทุกครั้งที่ออกไปสำรวจมักจะพบกับความหลากหลายของชนิดพันธุ์ใหม่ๆ แต่โชคร้ายว่า การสำรวจจะต้องแข่งขันกับการคุกคามที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว” ราอูล เบน ผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ จากพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติแห่งอเมริกา แสดงความเห็นที่ต้องขบคิด


กบ Chiromantis samkosensis มีลือดสีเขียว กระดูกสีเทอร์ควอยซ์ พบครั้งแรกในปี 2550 ในประเทศกัมพูชา (WWF)
       
       วันนี้สายน้ำและผืนป่าที่โอบอุ้มความร่ำรวยของความหลากหลายทางชีวภาพอันล้ำค่า กำลังตกอยู่ในภาวะวิกฤตท่ามกลางความกดดันและแรงบีบคั้นจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นการที่จะปกป้องรักษาสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างความมั่นคงในการดำรงอยู่ของมนุษย์โดยการลดปัญหาความยากจน และการสร้างความเชื่อมั่นที่จะเป็นหลักประกันในการดำรงอยู่ของชนิดพันธุ์และถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์ในแถบประเทศลุ่มน้ำโขง
       
       ขณะนี้องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ได้ประสานงานกับรัฐบาล และภาคอุตสาหกรรมของประเทศในภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ทั้ง 6 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่า และจีน (ตอนใต้) ในการวางแผนการอนุรักษ์และจัดการทรัพยากรที่ยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่ที่ต่อเนื่องกันกว่า 600,000 ตารางกิโลเมตร เพื่อดำเนินการอนุรักษ์ผืนป่า และแหล่งน้ำจืด อันเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติที่มีความโดดเด่น แต่ต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้น ข้อตกลงร่วมกันระหว่าง 6 ประเทศ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่ง


กิ้งกือมังกรสีชมพู พบครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2550 และติด 1 ใน 10 อันดับการค้นพบสปีชีส์ใหม่ครั้งสำคัญของโลกด้วย (WWF)
       
       “ไม่มีใครรู้ว่าจะมีการค้นพบชนิดพันธุ์อะไรอีกในดินแดนแถบนี้ แต่ที่แน่ๆ ทุกคนรับรู้ว่า ยังมีสัตว์และพืชอีกมากมายที่ยังรอการถูกค้นพบ โลกวิทยาศาสตร์ของเราเพิ่งจะเริ่มทำความรู้จักกับสิ่งที่ผู้คนในภูมิภาคแห่งนี้คุ้นเคยมาเป็นเวลาหลายศตวรรษ” สจ๊วต กล่าวทิ้งท้าย.

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2008, 01:02:18 AM »

มติชน


ทำอย่างไรจึงจะเป็น "สีเขียว" จากหลักคิดสู่แนวปฏิบัติที่ทำได้จริง        :         คอลัมน์ ดุลยภาพ ดุลยพินิจ  โดย นวพร เรืองสกุล

แนวคิดเรื่อง "สีเขียว" มาแรง

ยิ่งเมื่อได้รับแรงส่งจากเรื่องโลกร้อน ก็ยิ่งทำให้อะไรที่เกี่ยวกับ "กรีน" มาแรงยิ่งขึ้น

แนวคิดหลักคือ คนเราควรดำรงชีวิตอยู่คู่กับธรรมชาติ อย่าฝืนมากนัก เช่น

อาหาร ก็ไม่ต้องพยายามเร่งให้พืชผักผลไม้และสัตว์เลี้ยงโตเร็วผิดธรรมชาติด้วยสารเคมีต่างๆ ที่ในที่สุดไม่มีผลดีต่อสุขภาพของคนกิน การทำการเกษตรโดยศึกษาและดึงสิ่งที่ธรรมชาติมีอยู่เพื่อแก้กันเองให้ได้สมดุล น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

เครื่องนุ่งห่ม ก็ไม่ต้องใช้ให้เปลืองนัก เลือกใช้อะไรที่มีพิษภัยต่อสิ่งแวดล้อมน้อยๆ หน่อย

ที่อยู่อาศัย คิดเรื่องการสร้าง และการอยู่แบบประหยัดพลังงานประหยัดน้ำ ฯลฯ ในทุกเรื่อง ทำตามคาถา 5 R"s คือ

Reduce ลดการซื้อหาเกินจำเป็น

Reuse ใช้ซ้ำให้เป็น

Repair ซ่อมแซมถ้ายังใช้ได้

Recycle นำไปทำใหม่เป็นอย่างอื่นเมื่อสิ้นสภาพจะใช้งานแบบเดิมแล้ว

Reject เลิกซื้อสิ่งที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

ท่านผู้อ่านอาจจะคิดว่า เรื่องพวกนี้รู้ๆ กันอยู่แล้วนี่น่า พูดถึงทำไม

ที่ยกขึ้นมาก็เพราะว่า ไม่ว่าโลกจะร้อนขึ้นจากการใช้คาร์บอนของมนุษย์มากหรือน้อยแค่ไหน แนวคิดเรื่องการดำรงชีวิตในแนวคิดแบบ "สีเขียว" ก็มีประโยชน์อยู่นั่นเอง

และเพราะว่าหลายๆ คนพยายามทำตามนโยบายสีเขียวเป็นการส่วนบุคคล แต่ในฐานะมนุษย์เงินเดือน หรือผู้บริหารองค์กรล่ะ แน่ใจหรือยังว่าทำอะไรๆ ที่เป็น "สีเขียว" ทั่วทั้งองค์กรอย่างดีแล้ว

ลองสำรวจองค์กรของตนเองเทียบกับเซ็กลิสต์ต่อไปนี้ดู

ด้านการบริหารจัดการพื้นที่

การบริหารจัดการทั่วไป

ผู้บริหารระดับสูงแสดงความใส่ใจเรื่องนโยบายด้านความยั่งยืนแค่ไหน มีการตั้งพันธกิจแผนงาน หรือให้การสนับสนุนนโยบายของทางการระดับต่างๆ ด้านพลังงานโลกร้อน ฯลฯ หรือไม่

องค์กรมอบหมายให้มีผู้รับผิดชอบงานด้านนี้ หรือมีสำนักงานหรือศูนย์ที่จะช่วยพัฒนาสนับสนุน และติดตามดูแล โครงการและนโยบายให้บรรลุเป้าหมายหรือไม่ และองค์กรให้ความสำคัญกับหน่วยงานนี้เพียงใดเมื่อมองจากลำดับชั้นภายในองค์กร และงบประมาณที่ได้รับ

มีนโยบายด้านการจัดซื้อที่เน้นความเป็น "สีเขียว" หรือไม่ เช่นให้ความสำคัญกับการจัดซื้อวัสดุที่นำมาใช้ใหม่ได้ วัสดุด้านงานทำความสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดซื้อเป็นหีบห่อใหญ่ๆ เพื่อประหยัดบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น

สนับสนุนให้พนักงาน และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องอื่นๆ ให้เข้ามามีส่วนเสนอแนะกิจกรรมและวาระที่น่าสนใจบ้างไหม

มีเว็บไซด์ภายในเพื่อให้การแบ่งปันความคิดและร่วมมือกันทำเกิดขึ้นได้ทั่วทั้งองค์กรหรือเปล่า

ด้านพลังงานและเรื่องโลกร้อน

ควรรู้ว่าองค์กรของตัวเองพ่นคาร์บอนออกมาใส่โลกสักเท่าใด

พยายามลดประมาณคาร์บอนเหล่านั้นลง โดยมีเป้าหมายด้านปริมาณหรืออัตราการลดที่ชัดเจน

ใช้เทคโนโลยีต่างๆ ที่ใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และลดการบริโภคพลังงานที่ไม่จำเป็นลง เช่น มีการติดตั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ อย่างถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้หรือมีเซ็นเซอร์ที่วัดความเคลื่อนไหวเพื่อให้ไฟเปิด-ปิดอย่างอัตโนมัติเมื่อไม่มีผู้อยู่ในบริเวณนั้นๆ เป็นต้น

สนับสนุนโปรแกรมที่จูงใจให้พนักงานลดการใช้พลังงาน

ซื้อพลังงานไฟฟ้าจากแหล่งที่ใช้พลังงานที่ทดแทนได้ หรือซื้อเครดิตพลังงาน

ติดตั้งแผงรับพลังงานแสงอาทิตย์ หรือวางแผนใช้พลังงานอื่นๆ ที่เป็นพลังงานทางเลือก

ด้านอาหารและการรีไซเคิล

ซื้อวัตถุดิบเพื่อเป็นอาหารจากผู้ผลิตในท้องถิ่น สนับสนุนการผลิตโดยรับซื้อสินค้าประเภทอาหารตรงจากเกษตรกรในบริเวณใกล้เคียง และวางแผนเรื่องอาหารโดยคำนึงถึงว่ามีวัตถุดิบในท้องถิ่นและเป็นพืชผลในฤดูกาล เพื่อลดความสิ้นเปลืองพลังงานอันเนื่องด้วยการขนส่งอาหาร และการเก็บรักษาอาหาร

วางแผนให้ผู้ขายอาหารในอาคาร ใช้วัตถุดิบที่เป็นสินค้าผลิตโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ และมีสินค้าเหล่านี้ให้พนักงานซื้อได้โดยสะดวก

ถ้ามีพื้นที่พอ ควรสนับสนุนการทำสวนครัว และปลูกผักผลไม้ต่างๆ ในองค์กรเอง (ดังตัวอย่างที่บริษัทบางกอกแอร์เวย์ส ปลูกข้าวและผักแบบอินทรีย์ในพื้นที่ว่างของสนามบิน)

ในห้องอาหาร เลือกใช้ถ้วยชามที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อลดปริมาณขยะ เลิกใช้บรรจุภัณฑ์ทุกชนิดประเภทโฟม และสนับสนุนให้อาหารที่ซื้อกลับบ้านใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัตถุดิบที่นำกลับไปแปรสภาพได้ ย่อยสบายได้ หรือวัตถุดิบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น ไม่ใช่ ถุงพลาสติคใส่อาหาร เป็นต้น

แยกขยะ โดยในห้องอาหาร วางแผนการนำเศษอาหารไปเป็นปุ๋ย วางแผนการแยกขยะที่สามารถนำไปแปรสภาพได้ออกต่างหากตั้งแต่ขั้นตอนการทิ้ง เช่น ขวดแก้ว กระป๋อง และกล่องกระดาษลูกฟูก โดยมีการวัดผลสำเร็จเป็นตัวเลขที่ชัดเจน

แยกขยะสำนักงาน โดยมีกล่องทิ้งขยะแยกประเภทเป็น กระดาษ แบตเตอรี่ และ cartridge ที่ใส่หมึกพิมพ์ ฯลฯ แยกต่างหากจากกัน

ทำปุ๋ยจากใบไม้ ใบหญ้าที่ตัดแล้วในบริเวณอาคาร และนำกลับไปใช้ต่อไป แทนที่จะให้เทศบาลโกยไปทิ้ง (ดังตัวอย่างที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำปุ๋ยจากใบจามจุรี ซึ่งนอกจากจะใช้เป็นปุ๋ยในบริเวณมหาวิทยาลัยแล้ว ยังเหลือขายให้บุคคลภายนอกได้ด้วย)

อาคาร "สีเขียว"

มีนโยบายอย่างเป็นทางการที่จะใช้หลักเกณฑ์อาคารสีเขียวทั้งในการสร้างอาคารใหม่ และปรับปรุงอาคารเดิม (ในสหรัฐอเมริกา มีระบบการวัดลำดับและออกใบรับรองให้สำหรับอาคารที่ผ่านเกณฑ์ Leadership in Energy and Environmental Design ของ Green Building Council)

ปรับปรุงเครื่องใช้ในอาคารบางอย่างให้ประหยัดการใช้ทรัพยากรมากขึ้น เช่นเปลี่ยนระบบปั๊มน้ำ ไม่ให้ต้องปั๊มแรงนัก ซึ่งจะประหยัดน้ำได้

การคมนาคมขนส่ง

ในบริเวณโรงงานหรือกิจการที่มีรถรับ-ส่งภายใน หรือรถรับ-ส่งพนักงาน เลือกใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานสะอาดหรือไฟฟ้า และสนับสนุนให้ใช้จักรยานด้วยการมีที่จอดรถอย่างปลอดภัย และพอเพียง มีบริการรับซ่อมจักรยาน รวมทั้งมีบริการให้เช่าหรือแบ่งใช้จักรยาน

มีระบบรถรับ-ส่งเพื่อให้พนักงานสามารถเดินทางมาทำงานได้โดยรถสาธารณะ และสนับสนุนการเดินทางด้วยรถสาธารณะ รวมทั้งมีนโยบายที่จอดรถยนต์ที่ไม่สนับสนุนการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล แต่เน้นการเดินทางด้วยทางเลือกอื่นๆ

วางระบบการจราจรภายในที่เอื้อต่อการเดินเท้า หรือเป็นมิตรต่อการใช้จักรยาน

กล่าวมาทั้งหมดนี้แล้วขอเรียนว่า ผู้เขียนไม่ได้คิดหลักปฏิบัติต่างๆ เหล่านี้ขึ้นมาเอง แต่หยิบมาจากตัวชี้วัด 39 ตัวของ College Sustalnebillty Report Card ที่ใช้ประเมินนโยบายและการทำกิจกรรมของมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ซึ่งก็สามารถนำมาใช้ได้สำหรับกิจการทั่วไปด้วย คือได้ตัวอย่างว่า ตั้งนโยบายอย่างไร ต้องทำอะไรบ้าง ให้ได้เป้าอะไร มีวิธีวัดอย่างไร

แทนที่จะตั้งแนวทางแบบที่องค์กรไทยชอบตั้งๆ คือ ได้วิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ฯลฯ แล้วก็มีสโลแกนสวยๆ แต่พนักงานและองค์กรเคลื่อนขบวนไม่ไป เพราะขาดสิ่งที่จะลงมือทำได้จริง

ตัวชี้วัดยังชี้ชัดเจนว่า การมีส่วนร่วมของพนักงานเป็นเรื่องสำคัญ และต่อจากนั้นก็ให้ความใส่ใจกับสังคมรอบตัวด้วย เริ่มจากชุมชนในละแวกที่ตั้งในองค์กร เมื่อสังคมย่อยดีขึ้นภาพรวมก็จะดีขึ้น

สำหรับท่านที่สนใจรายละเอียดมากกว่านี้ขอแนะนำให้เข้าไปดูรายละเอียดด้วยตนเองจะได้เห็นมาตรการ นโยบาย และโปรแกรมต่างๆ ที่แต่ละมหาวิทยาลัยใช้ในแต่ละด้าน ซึ่งมีมากมายหลายหลาก กระตุ้นให้ความคิดแตกแขนงเป็นโครงการของเราเองได้สารพัดแบบ

เพื่อให้องค์กรของเราทุกๆ แห่ง สีเขียวขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ในการปฏิบัติจริง จับต้องได้เห็นได้ วัดได้


***************************************************************************************************


ยอดเหยื่อเรือล่มในฟิลิปปินส์ เพิ่มเป็น 31 ศพแล้ว

ทางการฟิลิปปินส์ ระบุว่า หน่วยกู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือเฟอร์รี่ล่มกลางทะเลทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเพิ่มอีก 4 ราย โดยทั้งหมดเป็นเด็ก ก่อนหน้านี้พบผู้เสียชีวิต 27 ราย ทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตล่าสุดอยู่ 31 ราย อุบัติเหตุเรือเฟอร์รี่ล่มครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยขณะเกิดเหตุมีคลื่นและกระแสลมแรง ทำให้เรือพลิกคว่ำ เรือลำดังกล่าวมีผู้โดยสารมากกว่า 100 คน เจ้าหน้าที่พบผู้รอดชีวิต 46 คน ขณะที่อีก 29 คน ยังคงสูญหาย 

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #3 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2008, 01:07:06 AM »

แนวหน้า


โลกร้อนกระทบนักเล่นสกี              :              เก็บโลกมาเล่า 

ผลการศึกษาที่สกี รีสอร์ท 2 แห่งบนเทือกเขาร็อกกี้ ในทวีปอเมริกาเหนือ พบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้ฤดูเล่นสกีสั้นลง และมีหิมะน้อยลงบริเวณพื้นที่ลาดเอียง

มาร์ค วิลเลียมส์ ศาสตราจารย์ด้านภูมิศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยโคโลราโด-โบลเดอร์ และนายไบรอัน ลาซาร์ ที่ทำการศึกษาภูเขาเอสเพน ในรัฐโคโลราโด และเมืองพาร์ค ซิตีในรัฐยูทาห์ พบว่า สถานที่เล่นสกีทั้งสองแห่งจะมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แม้จะมีการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ศาสตราจารย์วิลเลียมส์ ระบุว่า สกี รีสอร์ท ทั้ง 2 แห่งจะยังมีสภาพดีในอีก 25 ปีข้างหน้า แต่หลังจากนั้นจะมีทุ่งหิมะน้อยลง หรือไม่มีเลยในบริเวณที่ราบสำหรับเล่นสกี นอกจากนี้ฤดูเล่นสกีจะสั้นลง เนื่องจากหิมะจะสะสมช้าลง และละลายเร็วขึ้น หากมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากขึ้น อุณหภูมิเฉลี่ยที่เมืองพาร์ค ซิตีจะเพิ่มขึ้นถึง 10.4 องศาฟาเรนไฮต์ ภายในปี 2643 และไม่น่าจะมีทุ่งหิมะ ส่วนสกี รีสอร์ทที่ภูเขาเอสเพน จะมีอุณหภูมิเฉลี่ยสูงขึ้น 8.6 องศาฟาเรนไฮต์จากอุณหภูมิปัจจุบัน และจะมีหิมะเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังพบว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่เล่นสกีในรัฐแคลิฟอร์เนีย โอเรกอน วอชิงตัน และในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของประเทศโดยจะเผชิญปัญหาเดียวกัน หรืออาจรุนแรงกว่า

ดังนั้น ทางรอดที่สำคัญของสถานที่เล่นสกีขนาดใหญ่บนเทือกเขาร็อคกี้ คือการปรับตัว โดยอาจทำตามบรรดาธุรกิจรีสอร์ทบนเทือกเขาแอลป์ส ในยุโรปที่รับมือปัญหาขาดแคลนหิมะ ด้วยการสำรองน้ำไว้ใช้ผลิตหิมะ รวมทั้งเพิ่มกระเช้าขนส่งนักสกีจากบริเวณที่มีหิมะน้อย ไปยังบริเวณที่มีหิมะมากกว่า และขยายบริการไปยังระดับความสูงกว่า

จะว่าไปแล้วดูจะเป็นการแก้ที่ปลายเหตุมากกว่า ทางที่ดีแล้วควรที่จะช่วยกันไม่ก่อปัญหาโลกร้อน หรือช่วยกันปลูกต้นไม้คนละต้นก็ยังดี

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #4 เมื่อ: ธันวาคม 17, 2008, 01:29:12 AM »

สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์


เกิดแผ่นดินไหวขนาดปานกลางที่เกาะห่างไกลนอกชายฝั่งของนิวซีแลนด์

ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาของสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.1 ริคเตอร์ ที่เกาะเคอร์มาเดค ดินแดนห่างไกลทางตอนเหนือของนิวซีแลนด์เช้ามืดวันนี้

แผ่นดินไหวครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.31 น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 03.31 น.ตามเวลาในไทย มีศูนย์กลางอยู่ห่างจากเกาะราอูล 249 กิโลเมตร ที่ความลึก 10 กิโลเมตร แต่ไม่มีรายงานความเสียหายใดๆ ทั้งนี้ นิวซีแลนด์เกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟปะทุเป็นประจำ เนื่องจากตั้งอยู่บนวงแหวนมรณะ ซึ่งเป็นรอยต่อของแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิกกับแผ่นเปลือกโลกทวีปอื่น


**************************************************************************************************


คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอนุญาตให้ใช้ปฏิบัติการระหว่างประเทศปราบปรามกลุ่มโจรสลัดบนแผ่นดินของโซมาเลียแล้ว

คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติมีมติเป็นเอกฉันท์รับรองร่างมติของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่ออนุญาตให้ใช้ปฏิบัติการระหว่างประเทศปราบปรามกลุ่มโจรสลัดบนผืนแผ่นดินของโซมาเลียเป็นครั้งแรก
 
มติดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจาก เบลเยี่ยม ฝรั่งเศส กรีซ ไลบีเรีย และเกาหลีใต้ ถือเป็นการอนุมัติครั้งที่ 4 จากคณะมนตรีความมั่นคงฯ นับตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อปราบปรามกลุ่มโจรสลัดที่อาละวาดนอกชายฝั่งของโซมาเลีย มติฉบับนี้เป็นมติที่ 1851 อนุญาตให้ประเทศต่างๆ ที่เข้าร่วมในการต่อสู้กับกลุ่มโจรสลัดนอกชายฝั่งโซมาเลียเป็นเวลา 1 ปีอยู่แล้ว สามารถใช้มาตรการที่จำเป็นทุกอย่าง ในการจัดการกับกลุ่มโจรสลัดที่ออกปล้นจี้ในท้องทะเลอย่างเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม มติฉบับนี้ไม่เหมือนมติฉบับก่อนเพราะให้อำนาจประเทศที่เกี่ยวข้องสามารถปฏิบัติการกวาดล้างกลุ่มโจรสลัดบนผืนแผ่นดินของโซมาเลียด้วย โดยฉบับก่อนอนุญาตให้ปฏิบัติการได้เฉพาะในน่านน้ำเท่านั้น การลงมติรับรองข้อเสนอของสหรัฐครั้งนี้มีขึ้นในการประชุมระดับรัฐมนตรี ซึ่งมีรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ รัสเซีย อังกฤษ จีน และเลขาธิการสหประชาชาติเข้าร่วมด้วย


************************************************************************************************


ปูเสื่อกินข้าว เค้าท์ดาวริมหาด เปิดมหัศจรรย์ขนอม แหล่งท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้

เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลใต้ มหัศจรรย์เมืองขนอม ปูเสื่อกินข้าว เคาท์ดาวน์ริมหาด
 
องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ร่วมกับ อำเภอขนอม องค์การบริหารส่วนตำบลขนอม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอขนอม การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานนครศรีธรรมราช และชมรมโมโตครอส 1993 จำกัด กิจกรรมของงาน ปูเสื่อกินข้าว เคาท์ดาวน์ริมหาด ครั้งที่ 7 ประกวดดนตรีเยาวชนสตริงคอมโบ การแข่งขันก่อทราย กีฬาพื้นบ้าน ฟุตบอลชายหาด การแสดงแสง สี เสียง ณ บริเวณหาดหน้าด่าน ตำบลขนอม และการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์ภาคใต้ ครั้งที่ 16 ระหว่างวันที่ 31 ธันวาคม 2551 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2552

นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า อำเภอขนอม เป็นแหล่งท่องเที่ยว ในหมู่เกาะทะเลใต้ เป็นประตูสู่เมืองนครฯ มีแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์-วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ทั้งป่าดิบชื้น ถ้ำ น้ำตก ป่าชายเลน ระบบนิเวศน์ที่สมบูรณ์ ชายหาดทะเลที่สวยงาม เป็นที่อยู่อาศัยของปลาโลมาปากขวดและปลาโลมาสีชมพู มีวิถีชีวิตที่น่าสนใจ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ จัดงาน มหัศจรรย์ เมืองขนอม ปูเสื่อกินข้าวเคาท์ดาวน์ริมหาด เฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ขึ้น เพื่อกระตุ้นและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและต่างชาติ ส่งเสริมการขายสินค้าด้านการท่องเที่ยวและกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดนครศรีธรรมราช อีกทั้งผลักดันในการร่วมกันพัฒนาท้องถิ่นด้านการท่องเที่ยว และอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอันมีค่าของท้องถิ่น
 
กิจกรรมภายในงานประกอบด้วย ประกวดดนตรีเยาวชนสตริงคอมโบ การแข่งขันก่อทราย กีฬาพื้นบ้าน ฟุตบอลชายหาด การแสดงแสง สี เสียง ณ บริเวณหาดหน้าด่าน ตำบลขนอม และการแข่งขันโมโตครอสชิงแชมป์ภาคใต้ ครั้งที่ 16 ณ สนามทุ่งขนอม (สามแยกครูวิง)
 
นายวิฑูรย์ เดชเดโช นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครศรีธรรมราช ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอจากการมุ่งส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วยการจัดกิจกรรมในพื้นที่ต่าง ๆ แล้ว ขณะนี้ อบจงนครศรีธรรมราช กำลังดำเนินโครงการ ก่อสร้างท่าเรือยอร์ช หรือท่าเรือท่องเที่ยว ที่จะเชื่อมโยงนครศรีธรรมราชเข้ากับแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น จังหวัดสุราษฎร์ธานี เกาะสมุย เกาะพงัน หมู่เกาะอ่างทอง เกาะเต่า และเชื่อมโยงไปถึงแหล่งท่องเที่ยวทางภาคตะวันออกทางฝั่งชลบุรี พัทยา บางแสน โดยจะมีอำเภอขนอมเป็นประตูเปิดสำคัญสู่เมืองนครฯ สามารถทำรายได้อย่างมหาศาลเข้าสู่จังหวัดนครศรีธรรมราชในอนาคตอันใกล้นี้

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.093 วินาที กับ 21 คำสั่ง