พฤศจิกายน 23, 2025, 07:00:11 PM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552 (อ่าน 2999 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552
«
เมื่อ:
มกราคม 14, 2009, 12:11:48 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลง และมีลมแรง โดยภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด บริเวณเทือกเขาสูงอาจมีน้ำค้างแข็งเกิดขึ้นได้ในบางพื้นที่ ส่วนภาคกลางและภาคตะวันออกยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาว สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ยังคงมีกำลังแรง ทำให้คลื่นลมในอ่าวไทยสูง 2-4 เมตร และมีคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง ขอให้ชาวเรือและชาวประมงระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ เรือเล็กในอ่าวไทยควรงดออกจากฝั่ง รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งควรระมัดระวังอันตรายจากคลื่นที่พัดเข้าหาฝั่ง ในระยะ 1-2 วัน นี้
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อากาศเย็น และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศา อุณหภูมิสูงสุด 26-27 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้จะทำให้ประเทศไทยมีอากาศหนาวเย็นลง อุณหภูมิลดลง 3-5 องศา และคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรงต่อเนื่องออกไปอีก ในช่วงวันที่ 16-18 ม.ค. 2552 บริเวณความกดอากาศสูงที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีอากาศอุ่นขึ้น โดยจะมีหมอกหนาในบางพื้นที่
ข้อควรระวัง
ในระยะนี้ขอให้ประชาชนรักษาสุขภาพจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และชาวเรือในอ่าวไทยควรระวังอันตรายในการเดินเรือ โดยอาจมีความเสียหายจากคลื่นลมแรงพัดเข้าหาฝั่ง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 12-15 ม.ค. 2552
Forecast2.jpg
(37.24 KB, 684x423 - ดู 452 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552
«
ตอบ #1 เมื่อ:
มกราคม 14, 2009, 12:17:53 AM »
เดลินิวส์
พิษณุโลก ประกาศเขตพิบัติภัยหนาว 9 อำเภอ
วันนี้(13 ม.ค.) นายสมบูรณ์ ศรีพัฒนาวัฒน์ ผวจ.พิษณุโลก เปิดเผยว่า ผลจากความกดอากาศสูงกำลังแรงจากประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยทำให้อากาศหนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่องทั่วทุกภูมิภาคของประเทศตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค. เป็นต้นมา ส่วนที่จังหวัดพิษณุโลกขณะนี้มีพื้นที่ประสบภัยหนาวทั้ง 9 อำเภอ โดยทางจังหวัดจึงต้องประกาศเป็นเขตภัยพิบัติภัยหนาว โดยอำเภอที่ประสบภัยหนาวมากที่สุดที่เตรียมให้การช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วน คือ อ.นครไทย อ.เนินมะปราง อ.ชาติตระการ อ.วังทอง และ อ.วัดโบสถ์ ซึ่งทางจังหวัดจะเร่งให้การช่วยเหลือโดยนำผ้าห่มกันหนาวไปมอบให้แก่ราษฎรที่ประสบภัยหนาว แต่ต้องรองบประมาณจากส่วนกลางก่อน นอกจากนี้แม้กระทั่งภายในเขต อ.เมืองพิษณุโลกอุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ 11.5 องศาเซลเซียส ทางจังหวัดพิษณุโลก จึงประกาศเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับสถานการณ์และหาเครื่องนุ่งห่มสร้างความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย ตลอดจนงดการจุดไฟเผาป่าเนื่องจากมีสภาพอากาศแห้ง
ขณะที่บริเวณอุทยานภูหินล่องกล้า ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมรอยต่อสองจังหวัด คือ อำเภอด่านซ้าย จังหวัดเลย และอำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก มีอุณหภูมิต่ำสุดถึง 2 องศาเซลเซียส ส่งผลให้เกิดผลึกน้ำแข็งหรือเหมยขาบเกาะที่บริเวณใบไม้และต้นหญ้าเต็มไปหมด ขณะที่นักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศเดินทางมาท่องเที่ยวสัมผัสอากาศหนาวเป็นจำนวนมาก
ส่วนในตัว อ.เมืองพิษณุโลก บรรยากาศร้านจำหน่ายเสื้อกันหนาวมือสองได้มีประชาชนภายในจังหวัดตื่นตัวกับสภาพอากาศที่หนาวเย็นออกมาเลือกหาซื้อเสื้อกันหนาวมือสองกันเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีราคาย่อมเยาเหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ ส่งผลดีร้านจำหน่ายเสื้อผ้า และเสื้อกันหนาวมือสองมียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น โดยคุณบุญชู จันทร์ประทีป อายุ 30 ปี หรือพี่โก๋ เจ้าของร้านจำหน่ายเสื้อผ้ามือสอง หน้าโรงเรียนผดุงราษฏร์ ถ.พุทธบูชา อ.เมืองพิษณุโลก เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเสื้อกันหนาวมือสองจำหน่ายไม่ค่อยดีนัก เพราะว่าสภาพอากาศไม่หนาวเท่าที่ควร แต่เมื่อต้นสัปดาห์นี้สภาพอากาศหนาวเริ่มหนาวเย็นลงมาก จึงทำให้ประชาชนทั่วไป นักเรียน นักศึกษา พ่อค้าแม่ขายและประชาชนทั่วไปแห่มาซื้อเสื้อกันหนาวมือสองกันเป็นจำนวนมากเพราะมีราคาถูก โดยมีราคาจำหน่ายตั้งแต่ราคาตัวละ 100 บาท ไปจนถึงราคา 500 บาท มีทั้งขนาดของเด็ก และขนาดของผู้ใหญ่.
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552
«
ตอบ #2 เมื่อ:
มกราคม 14, 2009, 12:26:02 AM »
ผู้จัดการออนไลน์
เพลิงไหม้เรือนักท่องเที่ยวที่ภูเก็ตเสียหายกว่า 10 ล้าน
ศูนย์ข่าวภูเก็ต -เพลิงไหม้เรือยอชต์ไดร์วิ่ง นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศโชคดีไม่มีใครได้รับอันตราย ขณะที่เจ้าของลงมาท่องเที่ยวบนฝั่ง คาดมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท
เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ (13 ม.ค) เกิดเหตุ เพลิงไหม้เรือยอชต์แบบไดร์วิ่งของนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่บริเวณอ่าวยนต์ ตำบลวิชิต อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต โดยเพลิงได้โหมลุกไหม้บริเวณเก๋งเรืออย่างรุนแรง เจ้าของเรือและเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลตำบลวิชิตได้ช่วยกันสูบน้ำจากทะเลฉีดสกัดเพลิงแต่ไม่สามารถสกัดเพลิงได้
หลังจากนั้นเรือของตำรวจน้ำจังหวัดภูเก็ต และเรือทหารเรือกองทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำเรือมาช่วยดับเพลิง แต่บริเวณจุดเกิดเหตุเพลิงไหม้นั้นห่างจากฝั่งประมาณ 300-400 เมตร และมีลมกรรโชกแรงทำให้เพลิงลุกลามไปติดใต้ท้องเรือทำให้ถังอัดลม อุปกรณ์ดำน้ำต่างๆ และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ในห้องผู้โดยสารที่ตบแต่งอย่างดีเสียหายทั้งหมด
เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงถึงสามารถควบคุมเพลิงได้ แต่โชคดีที่เจ้าของเรือและเพื่อนอีก 4 คน ขึ้นฝั่งมารับประทานอาหารเที่ยง ทำให้ไม่มีใครได้รับอันตราย ในเบื้องต้นทราบว่าเรือลำดังกล่าวเฉพาะตัวเรือมูลค่าประมาณ 2-3 ล้านบาท และหากร่วมการตบแต่งอุปกรณ์ดำน้ำ คาดว่ามูลค่าไม่ตำกว่า 10 ล้านบาทเพราะเป็นเรือไม้อย่างดี
นายอรุณ เถาว์แดง เจ้าของเรือหางยาวที่เห็นเหตุการณ์กล่าวว่า ในขณะที่จอดเรืออยู่บริเวณหน้าหาดปรากฎว่าเห็นควันไฟลุกขึ้นบริเวณตัวเก่งเรือ จึงได้แจ้งเจ้าของเรือและแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและไปช่วยกันดับเพลิง แต่เนื่องจากเพลิงโหมลุกไหม้อย่างรุนแรงประกอบกับไม่มีหัวฉีดทำให้ไม่สามารถสกัดเพลิงไว้ได้
พ.ต.ท.ประเสริฐ ศรีคุณรัตน์ รองผู้กำกับการกองกับการ 5 ตำรวจน้ำจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่าเรือลำที่เกิดเหตุชื่อเรือ Felidae ขนาดกว้าง 4 เมตร ยาว 18 เมตร ซึ่งเป็นของนาย Jonatha Hare ชาวอังกฤษ อายุ 33 ปี โดยเรือได้รับความเสียหายหมดทั้งลำ แต่ขณะนี้ยังสามารถลอยลำอยู่ได้ ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นคาดว่ามีทำกว่า 10 ล้านบาท
ส่วนสาเหตุนั้นต้องรอสอบสวนเจ้าของเรือก่อน และต้องรอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจวิทยาการมาตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงของการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ ถึงจะทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร แต่ในเบื้องต้นคาดว่าไฟฟ้าลัดวงจร
*************************************************************************************************************************
บางพื้นที่ในสหรัฐฯอุณหภูมิติดลบเกือบ 40 องศา หนาวทาบขั้วโลกเหนือ!!
เอเจนซี - อุณหภูมิบางพื้นที่ของสหรัฐฯ อยู่ในระดับเดียวกับขั้วโลกเหนือเมื่อวันอังคาร(20) ขณะที่คลื่นความเย็นปกคลุมไปทั่วตอนบนของแถบมิดเวสต์ จากพายุหิมะที่โหมพัด จนนำไปสู่การปิดโรงเรียนและทำให้คนเกือบทั้งหมดต้องคิดหนักเป็นสองเท่าก่อนตัดสินใจออกจากบ้าน
น้ำแข็งและหิมะที่ปกคลุมบนท้องถนนกลายเป็นสาเหตุให้เกิดอุบัติเหตุมากมายจากมินเนโซตาไปจนถึงอินดีแอนา โดยที่อินดีแอนา ตำรวจบอกว่ารถบรรทุกคันหนึ่งพลิกคว่ำทำให้เนยกว่า 43,000 ปอนด์ หกออกมา เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรบนถนนที่พลุกพล่านแห่งหนึ่งในพื้นที่แกรี ช่วงเวลากลางคืน
ท่ามกลางสภาพอากาศที่หนาวจัด ชาวมินนิโซตา บางส่วนยังคงใช้ชีวิตตามปกติเหมือนวันอื่นๆในฤดูหนาว ไม่เว้นแม้แต่ผู้คนในพื้นที่ห่างไกลสุดปลายทางตะวันตกเฉียงเหนือของมลรัฐ บริเวณที่อุณหภูมิต่ำกว่า -38 องศา ในเมืองฮัลล็อค
"มันไม่ได้แย่จนเกินไปนัก" โรเบิร์ต คาเมรอน วัย 75 ปีกล่าว ขณะที่เขาพร้อมกับเพื่อนๆอีกหลายคน ออกมานั่งจิบกาแฟยามเช้าในสถานีบริการแห่งหนึ่งในฮัลล็อค "เรามีเครื่องนุ่งห่มรับมือกับอากาศ...เราเตรียมพร้อมและไม่มีอะไรเกิดขึ้น"
ณ เวลา 08.00 น.ตามเวลาท้องถิ่น อุณหภูมิอยู่ที่ -40 องศาในอินเตอร์เนชันแนลฟอลล์ส และ -35 องศาที่เมืองโรซัว ของมินนิโซตา ขณะที่น้ำแข็งถูกกล่าวโทษว่าเป็นต้นตอของอุบัติเหตุมากมาย
ที่เพื่อนบ้าน เมืองแกรนด์ฟอร์คส์ มลรัฐนอร์ทดาโคตา อุณหภูมิลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ -37 องศา เมื่อช่วงเช้าวันอังคาร(13) ต่ำกว่าสถิติเดิมในปี 1979 ถึง 6 องศา
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 14 มกราคม 2552
«
ตอบ #3 เมื่อ:
มกราคม 14, 2009, 12:37:06 AM »
ข่าวสด
แรงกัดฉลาม
:
คอลัมน์ เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์
เห็นฉลามกัดเหยื่อแต่ละที อดสยองแทนเหยื่อไม่ได้ เพราะฟันฉลามทั้งแหลมทั้งคมเหลือเกิน แต่ดร.แดเนียล ฮูเบอร์ นักชีววิทยามหาวิทยาลัยแทมป้า รัฐฟลอริดา สหรัฐ อเมริกา บอกว่า ถ้าเทียบน้ำหนักกับแรงกัดของฉลามแล้ว แรงกัดนี้เบามาก เมื่อเทียบกับน้ำหนักตัว และสัตว์บนบกอย่างเสือ แต่สาเหตุที่ทำให้เหยื่อมีแผลเหวอะหวะมากเป็นเพราะฟันของมันแหลมคม และมีกรามกว้าง"
***********************************************************************************************************************
พัฒนาประมงภูเก็ตศูนย์ปลาทูน่าภูมิภาค
ภูเก็ต - นายประมวล รักษ์ใจ ผู้อำนวนการฝ่ายปฏิบัติการ 2 ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าสำนักงานท่าเทียบเรือประมงภูเก็ต เผยว่า ตามที่รัฐบาลอนุมัติงบประมาณในการปรับปรุงและขยายท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตวงเงิน 299 ล้านบาท เมื่อปี 2549 โดยมีท่าเทียบเรือความยาว 860 เมตร ระบบผลิตน้ำสะอาด ระบบบำบัดน้ำเสีย เครื่องมืออุปกรณ์ในการดูแลงานด้านสุขอนามัยและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เช่น ห้องเย็น โรงน้ำแข็ง อู่เรือคานเรือ ทั้งนี้มีเป้าหมายในการพัฒนาท่าเทียบเรือประมงให้เป็นท่าเทียบเรือประมงสุขอนามัยและการเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายปลาทูน่าในภูมิภาคเนื่องจากจังหวัดภูเก็ตมีทำเลที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดียและอยู่ไม่ไกลจากแหล่งทำการประมงทูน่า พร้อมทั้งมีกองเรือประมงเบ็ดราวทูน่าจากต่างประเทศได้นำปลาทูน่าเข้ามาขนถ่ายและจำหน่ายที่จังหวัดภูเก็ต
จากปัจจัยดังกล่าวท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตจึงมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางการขนถ่ายปลาทูน่า โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบถ้วน ตั้งแต่ท่าเทียบเรือประมงความยาว 300 เมตร ที่กำหนดให้เป็นเขตเฉพาะการขนถ่ายปลาทูน่าจากเรือประมงเบ็ดราว ห้องเย็นขนาดความจุ 600 ตัน พื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงงานแปรรูปปลาทูน่า อีกทั้งสามารถส่งออกตรงไปยังตลาดญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ โดนขนส่งผ่านสนามบินนานาชาติภูเก็ต ทั้งนี้ ท่าเทียบเรือประมงจังหวัดภูเก็ตได้รับงบประมาณจำนวน 3,000,000 บาท เพื่อสร้างและขยายโรงคลุมคัดเลือกปลาทูน่าเพิ่ม เพื่อให้ท่าเทียบเรือประมงภูเก็ตมีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางขนถ่ายปลาทูน่าในภูมิภาค
******************************************************************************************************************************
กมธ.ลงจว.ระนองถกปัญหาป่าคลองหัวเขียว ป่าไม้ไม่ต่ออายุให้อบจ.-หมดสภาพชายเลนเป็นตึกแถว
ระนอง - นายวิรัช ร่มเย็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดระนอง ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการปกครองส่วนท้องถิ่น สภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยคณะกรรมาธิการ ประชุมรับฟังบรรยายสรุปและความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาเรื่ององค์การบริหารส่วนจังหวัดระนอง ขอต่ออายุหนังสือสัญญาเช่าอนุญาตทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหัวเขียว-ป่าคลองเกาะสุย มีนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง อปท. ผู้แทนภาคเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
นายนภา นทีทอง นายกอบจ.ระนอง กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์อนุมัติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2525 ให้อบจ.ระนองเข้าทำประโยชน์ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหัวเขียว-ป่าคลองเกาะสุย เนื้อที่ 242 ไร่ เป็นป่าเสื่อมโทรมที่ผ่านการทำเหมืองแร่ดีบุกแล้วเพื่อจัดที่ดินให้ราษฎรเข้าอยู่อาศัยและจัดเป็นย่านการค้าและอุตสาหกรรมมีกำหนดระยะเวลา 15 ปี พร้อมกับใช้งบประมาณพัฒนาสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานทั้งถนน ระบบระบายน้ำ ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ นับร้อยล้านบาท แต่ก่อนที่จะครบสัญญาคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2534 ให้ระงับการใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนโดยเด็ดขาดส่งผลให้ อบจ.ไม่สามารถขอต่ออายุสัญญาเช่าได้อีกนับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันกว่า 10 ปีแล้ว แม้ว่าจะมีความพยายามแก้ไขปัญหามาตลอดก็ตาม
ด้านนายวันชาติ วงษ์ชัยชนะ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง กล่าวว่า ถ้าดูเฉพาะข้อกฎหมาย ตัวหนังสือหรือมติคณะรัฐมนตรีก็น่าจะเป็นอย่างนั้น ไม่ควรให้ใครเข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนอย่างเด็ดขาด แต่สภาพข้อเท็จจริงไม่มีสภาพป่าแล้วและมีการใช้ประโยชน์มาก่อนแล้ว แต่จะทำให้ถูกต้องจะต้องนำเข้ามติครม.เพื่อขอยกเว้นการปฏิบัติ
ด้านนายวิรัช กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ดังกล่าวไม่มีป่าไม้หลงเหลืออยู่แล้ว มีการสร้างตึกแถวโรงงานอุตสาหกรรมที่อยู่อาศัยและแพปลา มีผู้ครอบครองพื้นที่ 250 ราย แต่เมื่อครบสัญญาเช่าทางกรมป่าไม้ก็ไม่ต่อสัญญาให้อบจ.อีกซึ่งเวลาล่วงเลยมานานแล้ว อ้างว่าขัดมติคณะรัฐมนตรีทำให้ อบจ.ระนองไม่สามารถเข้าไปจัดเก็บรายได้และพัฒนาพื้นที่ได้ ขณะที่ผู้ครอบครองก็อยู่ฟรี แต่ก็ไม่สามารถนำไปเป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันขอสินเชื่อกับสถาบันการเงินเพื่อขยายกิจการได้ ในฐานะประธานกรรมาธิการในฝ่ายนิติบัญญัติ มีภาระรับผิดชอบดูแล อปท.จำเป็นต้องลงพื้นที่ดูสภาพข้อเท็จจริง เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่ได้ไปเสนอรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวต่อไป
**************************************************************************************************************************
ฟูลมูนปาร์ตี้
:
คอลัมน์ คอลัมน์ที่13
เป็นข่าวโด่งดังสั่นสะเทือนการท่องเที่ยวไทยอีกหน หลังเพิ่งฟื้นไข้จากการปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิของกลุ่มเสื้อเหลืองไม่นาน
เมื่อ นางแอสทริก อัลแอสซาด ชาเนอร์ อายุ 45 ปี นักท่องเที่ยวชาวเยอรมัน เป็นศพถูกบีบคอเสียชีวิต ในสภาพเปลือยกายท่อนบน อยู่ริมชายหาดบ้านวกใน หมู่ 1 ต.เกาะพะงัน อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ ธานี
หลังไปเที่ยวงานฟูลมูนปาร์ตี้ในผับแห่งหนึ่ง ก่อนหายออกจากร้านและมีผู้พบเป็นศพ
ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่หาดริ้น เกาะพะงัน ทุกคืนวันขึ้น 15 ค่ำ ดึงดูดใจนักท่องเที่ยวที่ชื่นชมในธรรมชาติ หลั่งไหลเข้าร่วมเป็นเรือนหลายหมื่นในทุกเดือน
ยกเว้นวันที่ตรงกับวันพระใหญ่ คือ วันสำคัญทางพุทธศาสนา เช่น มาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬหบูชา จะเลื่อนไปก่อนหน้าหรือหลัง เป็นเวลา 1 วัน
แม้มีหลายแหล่งท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ พยายามจัด ฟูลมูนปาร์ตี้แข่งกับสถานที่ต้นฉบับ
แต่ไม่มีที่ไหนได้รับความนิยมเท่า
ไม่ว่าจะด้วยแนวชายหาดที่โค้งทอดยาวคล้ายรูปพระจันทร์เสี้ยว
แนวลาดเทของหาดที่มีไม่มากคล้ายเป็นพื้นราบ เมื่อน้ำทะเลลดกลายเป็นชายหาดขนาดใหญ่ สามารถรองรับการชุมนุมของคนจำนวนหลายหมื่น
ฟูลมูนปาร์ตี้ เกิดขึ้นเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน
ครั้งนั้นเกาะพะงันยังเป็นที่ห่างไกลไร้คนรู้จัก ไม่มีไฟฟ้า น้ำประปา และระบบสาธารณูปโภค
นักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติที่พักผ่อนบนเกาะสมุย หากต้องการเข้าไปสัมผัสธรรมชาติของเกาะพะงัน ที่มองเห็นอยู่ทุกวัน ต้องอาศัยเรือตังเกชาวบ้านข้ามไป
เมื่อมีจำนวนนักท่องเที่ยวมากขึ้น ก็เริ่มมีธุรกิจให้เช่าที่พัก เป็นกระต๊อบขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้น
พาราไดส์บังกะโล บริเวณหาดริ้น เป็นหนึ่งในธุรกิจให้เช่าห้องพักที่เกิดขึ้นเป็นเจ้าแรกๆ บนเกาะพะงัน เจ้าของมีนิสัยสนุกสนาน ชอบคุยเล่นกับแขกที่เข้าพักจนเป็นที่คุ้นเคยกัน
ทุกวันในช่วงเย็น เจ้าของพาราไดส์บังกะโล จะนั่งล้อมวงพูดคุยและ เล่นกีตาร์โทรมๆ โดยมีแขกคอยตีกลองเก่าๆ เป็นลูกคู่ สนุกสนาน กันเองบนชายหาดหน้าบังกะโล ดื่มเหล้าพื้นเมืองและอาหารง่ายๆ
กระทั่งวันพระจันทร์เต็มดวง ภาพดวงจันทร์กลมโตที่ทอดลงบนผืนทะเลสงบราบเรียบราวกระจกสะท้อน สร้างความประทับใจให้ทุกคนในคืนนั้น
มีการพูดคุยแบบปากต่อปากถึงความสวยงามที่พบเห็น จนนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยมักไปยังหาดริ้นในคืนวันพระจันทร์เต็มดวงเพื่อพิสูจน์สิ่งที่ได้ยินมา
เริ่มจากเฉพาะแขกของพาราไดส์บังกะโลไม่กี่คน และขยายตัวออกไปมีแขกของที่อื่นเริ่มเข้ามาร่วมด้วย
เป็นจุดเริ่มต้นของฟูลมูนปาร์ตี้
จำนวนไม่น้อยเมื่อกลับประเทศของตน บอกเล่าความประทับใจให้ญาติมิตรฟัง
ฟูลมูนปาร์ตี้ เกาะพะงัน จึงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวมากขึ้น
จนมีข้อความแนะนำฟูลมูนปาร์ตี้ เกาะพะงัน อยู่ในหนังสือแนะนำแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก
จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มเข้าร่วมปาร์ตี้ยิ่งเพิ่มมากขึ้นทุกเดือน
ปัจจุบันจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้าร่วมในแต่ละครั้งมีไม่ต่ำกว่า 3-4 หมื่นคน บางครั้งมากเป็นเรือนแสน
แม้จะมีข่าวลบจากปาร์ตี้ดังกล่าวออกมาเป็นระยะ เช่น เรื่องยาเสพติด อาชญากรรม หรือฆาตกรรม
แต่ฟูลมูนปาร์ตี้ ที่หาดริ้น เกาะพะงัน ยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยว อันดับต้นๆของโลก
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...