พฤศจิกายน 29, 2025, 02:07:45 AM
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว
: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
หน้าแรก
ช่วยเหลือ
ค้นหา
สมาชิก
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
กระดานข่าว Save Our Sea.net
>
หมวดหมู่ทั่วไป
>
ห้องรับแขก
(ผู้ดูแล:
สายชล
,
สายน้ำ
) >
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
หน้า: [
1
]
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551 (อ่าน 3585 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
«
เมื่อ:
สิงหาคม 20, 2008, 01:15:40 AM »
กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป
ร่องความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนมีกำลังค่อนข้างแรง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนหนาแน่นและมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณจังหวัดเชียงราย น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ เพชรบูรณ์ ชัยภูมิ หนองคาย และนครพนม ระมัดระวังอันตรายจากภาวะที่ฝนตกหนักอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากเกิดขึ้นในระยะ 1-2 วันนี้ไว้ด้วย
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศา สูงสุด 34 องศา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
คาดหมาย
ในช่วงวันที่ 19-23 ส.ค. ร่องความกดอากาศต่ำกำลังปานกลาง พาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีกำลัง แรงขึ้นประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย และในช่วงวันที่ 21-23 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมจะมีกำลังแรงขึ้น ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น โดยมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ในช่วงวันที่ 24-25 ส.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้มีฝนลดลง
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 19-23 ส.ค.ขอให้ประชาชนบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัยในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก อาทิเช่น บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา น่าน เพชรบูรณ์ เลย หนองคาย สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์ สุรินทร์ อุบลราชธานี นครนายก และปราจีนบุรีระวังอันตรายจากสภาวะฝนตกหนักที่อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย
Forecast2.jpg
(39.76 KB, 665x415 - ดู 568 ครั้ง.)
Earthquake2.jpg
(22.61 KB, 450x310 - ดู 584 ครั้ง.)
«
แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 21, 2008, 12:40:30 AM โดย สายน้ำ
»
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #1 เมื่อ:
สิงหาคม 20, 2008, 01:38:22 AM »
ข่าวสด
ภูเก็ตถกปัญหาสร้างโป๊ะหน้าโรงแรม ชี้เป็นแนวปะการัง-รองผู้ว่าฯให้ตรวจเอกสารสิทธิ
ภูเก็ต - นายวรพจน์ รัฐสีมา รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเป็นประธานประชุมคณะกรรมการพิจารณาสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ จ.ภูเก็ต ครั้งที่ 6/2551 โดยมีคณะกรรมการที่มาจากสำนักงานประมงจังหวัด สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน ภูเก็ต สำนักงานขนส่งทางน้ำ ภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต ผู้แทนนายอำเภอถลาง สำนักงานที่ดินส่วนแยกอำเภอถลาง และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม พิจารณาการขออนุญาตจัดวางท่าเทียบเรือพลาสติก ขนาด 2 เมตร ยาว 200 เมตร บริเวณริมทะเลด้านหน้าโครงการโรงแรมแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 6 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ไว้สำหรับบริการลูกค้าของโรงแรม
ด้านน.ส.นลินี ทองแถม นักวิชาการจากสถาบันวิจัย หนึ่งในคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่ตรวจสอบ กล่าวว่า บริเวณอ่าวของต.ป่าคลอก ส่วนมากจะเป็นแนวของปะการังเกือบทั้งหมด การที่ทางโรงแรมขอจัดวางท่าเทียบเรือขึ้นมา ที่มีความยาวถึง 200 เมตร น่าจะทำให้เกิดเป็นปัญหาในเรื่องของแนวปะการัง เพราะบริเวณที่ขอจัดวางท่าเทียบเรือยังมีปะการังทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่และตายไปแล้วเป็นจำนวนมาก ปะการังที่ยังมีชีวิตอยู่จะเห็นได้ในขณะที่เวลาน้ำลดลงความยาวของโป๊ะที่เกิน 150 เมตรขึ้นไปอาจจะเข้าไปทำลายปะการังได้รับความเสียหาย หากเป็นไปได้ ก็อยากจะให้มีการลดลงและจะไม่เกิดปัญหากับปะการังในอนาคต ซึ่งเรื่องนี้ชาวป่าคลอกเคยต่อต้านกับผู้ที่จะสร้างท่าเทียบเรือมาแล้ว
นายวรพจน์ เผยว่า สอบถามหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งในส่วนของตัวแทนจากโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดภูเก็ต ซึ่งแจ้งว่าไม่ขัดกับประกาศของผังเมือง ประมงจังหวัดก็ชี้แจงว่าไม่มีการทำประมงในบริเวณดังกล่าว สำนักงานขนส่งทางน้ำภูมิภาคที่ 5 สาขาภูเก็ต แจ้งว่าไม่ได้ขัดขวางเส้นทางเดินเรือและทางน้ำ อ.ถลางท้องถิ่น ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทุกหน่วยงานยืนยันว่าการดำเนินการของทางโรงแรมนั้นไม่ขัดต่อกฎหมายของหน่วยงานต่างๆ แต่เกรงว่าจะไปเกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์จากที่สาธารณะ ก็ขอให้ไปทำการตรวจสอบรายละเอียดให้ชัดเจน หากเข้าข่ายก็ต้องขออนุญาตการใช้พื้นที่จากนายอำเภอ
"เมื่อไม่มีหน่วยงานใดขัดข้องก็อนุญาตให้ดำเนินการได้ แต่ต้องไปดูเรื่องเอกสารสิทธิว่าคาบเกี่ยวกับที่สาธารณะหรือไม่ หากเกี่ยวข้องก็ต้องไปขออนุญาตจากนายอำเภอ และในเรื่องของการวางแนวโป๊ะนั้นก็จะต้องไปตรวจสอบรายละเอียดให้ดีเพื่อจะได้ไม่ไปกระทบกับแนวปะการัง"
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #2 เมื่อ:
สิงหาคม 20, 2008, 01:41:34 AM »
คม ชัด ลึก
ปล่อยแม่ปู ย้อนดูประวัติศาสตร์ที่เมืองปากน้ำ
สืบเนื่องจากครั้งที่แล้วที่ทาง "เคทีซี" หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ได้นำนักศึกษาในโครงการ Learn & Earn @ KTC และนักเรียนโรงเรียนหาดอมรารวมกว่า 40 ชีวิต ร่วมกิจกรรมปลูกต้นแสมขาว 500 ต้น ที่สถานตากอากาศบางปู อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เมื่อเร็วๆ นี้
ถือเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมปลูกป่าชายเลนให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง เพื่อช่วยลดภาวะโลกร้อนและสร้างสมดุลให้แก่ระบบนิเวศวิทยา และยังเป็นการปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนรุ่นใหม่หันมาใส่ใจทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
ครั้งนี้เคทีซีจึงได้จัดกิจกรรมรัก(ษ์)ข้ามขอบน้ำ รำลึกถึงวันวาน...ที่เมืองปากน้ำ สมุทรปราการ เพื่อพาเรากลับไปเยี่ยมชมความเจริญงอกงามของต้นแสมขาวในครั้งนั้น ทั้งยังมีกิจกรรมให้ทุกคนร่วมกันปล่อยแม่ปูกลับคืนสู่ทะเล เพื่อความอุดมสมบูรณ์ของป่าชายเลน ทรัพยากรสัตว์น้ำและระบบนิเวศชายฝั่ง
ก่อนที่จะเดินทางไปถึงจุดหมาย เคทีซีได้พาไปยังสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ไทยหลายแห่ง เริ่มต้นด้วยการเข้าสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จากนั้นเป็นการนำชมป้อมพระจุลเกล้า หรือที่นิยมเรียกขานกันโดยทั่วไปว่า "ป้อมพระจุลฯ" ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ในเขตของกองทัพเรือ บริเวณปากแม่น้ำเจ้าพระยา ต.แหลมฟ้าผ่า
น.อ.บำรุง โนนทะราช ผู้บังคับการป้อมฯ เล่าให้ฟังว่า ป้อมพระจุลฯ เป็นป้อมเดียวที่ยังอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ในสมัยก่อนป้อมนั้นเป็นป้อมที่ทันสมัยและมีบทบาทสำคัญยิ่งในการปกป้องอธิปไตยของชาติ ซึ่งเป็นที่ทำการต่อสู้กับอริราชศัตรูมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อ ร.ศ.112 หรือ พ.ศ. 2436 ป้อมแห่งนี้จึงจารึกอยู่ในใจของคนไทย และประวัติศาสตร์ชาติไทยนับแต่นั้นเป็นต้นมา เพราะในขณะนั้นประเทศอังกฤษและประเทศฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้นต่างๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการป้องกันทางน้ำ และทรงเห็นว่าป้อมต่างๆ ที่เมืองสมุทรปราการ ล้วนแล้วแต่เป็นป้อมเก่าล้าสมัยและชำรุดทรุดโทรมมาก จึงทรงมีพระบรมราชโองการให้ปรับปรุงและซ่อมแซมป้อมต่างๆ ขึ้น และมีพระราชกระแสรับสั่ง ให้จัดสร้างป้อมที่ทันสมัยขึ้นอีกแห่งหนึ่งเป็นการเร่งด่วน โดยจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทหารเรือเป็นที่ปรึกษาวางแผนในการปรับปรุงกิจการทหารเรือ ในครั้งนั้นด้วย
ปัจจุบันกองทัพเรือได้พัฒนาพื้นที่ภายในป้อมพระจุลฯ ให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและเชิงประวัติศาสตร์ โดยได้จัดแสดงเป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ และนอกจากนี้ในบริเวณกองทัพเรือยังมีสถานที่สำคัญอื่นๆ ที่ควรแวะเวียนมาเยี่ยมชม อาทิ อนุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 ป้อมปืนเสือหมอบ พิพิธภัณฑ์เรือหลวงแม่กลอง
เพื่อให้คนไทยมีความรักและหวงแหนในความเป็นไทยมากยิ่งขึ้น ทางเคทีซียังได้พาเราไปยังโรงเรียนนายเรือ เพื่อชมประวัติ ความเป็นมาของโรงเรียนและเพื่อเป็นการระลึกถึงรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งโรงเรียนนายเรือขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2441 ที่นั่นเรายังได้รับรู้ถึงความสะเทือนใจกับการเยี่ยมชมเรือหลวงธนบุรี ซึ่งเป็นเรือที่จมในยุทธนาวีที่เกาะช้าง เนื่องมาจากกรณีพิพาทไทยกับฝรั่งเศส เมื่อพ.ศ. 2484 จากนั้นเข้าชมหอดาราศาสตร์ ซึ่งถือเป็นท้องฟ้าจำลองแห่งแรกของประเทศไทย
แดดร่มลมตกพอดีกับที่เรามาถึงยังจุดหมายปลายทางที่สถานตากอากาศบางปู หลังร่วมกิจกรรมปล่อยแม่ปูกลับคืนสู่ทะเลแล้ว ก็เป็นเวลาร่วมย้อนอดีตไปสมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวกับบทเพลงไพเราะของสุนทราภรณ์ และร่วมเริงลีลาศอย่างสนุกสนานและเป็นกันเอง ก่อนเดินทางกลับด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมไปด้วยความสุขกับกิจกรรมหลากหลายรสชาติที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวัน
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #3 เมื่อ:
สิงหาคม 20, 2008, 01:44:56 AM »
แนวหน้า
ทม.สตูลหนุนเรือคยัค กระตุ้นชุมชนมีส่วนร่วม นำเที่ยวชมสองฝั่งคลอง
สตูล:นายประสิทธิ์ แบ้สกุล รองนายกเทศมนตรีเมืองสตูล เป็นประธานพิธีเปิดงานพายเรือคยัคเพื่ออนุรักษ์ธรรมชาติ ที่บริเวณท่าเรือชุมชนหลังห้องสมุด เทศบาลเมือง(ทม.) สตูล เพื่อเป็นการส่งเสริมด้านการท่องเที่ยวของจังหวัด สร้างรายได้ และลดปัญหาการว่างงานของคนในชุมชน
นางจันทรา มีเงิน ประธานชุมชนหลังห้องสมุด ทม.สตูล เปิดเผยว่า กิจกรรมพายเรือคยัคในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการรวมตัวของคนในชุมชน เนื่องจากส่วนใหญ่ไม่มีงานทำ ซึ่งนายขวัญชัย วงศ์นิติกร ผู้ว่าราชการจังหวัด เห็นชอบและอนุมัติงบประมาณจากโครงการอยู่ดีมีสุขให้จำนวน 110,000 บาท จัดซื้อเรือคยัคจำนวน 7 ลำ พร้อมอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อสนับสนุนให้คนในชุมชนได้บริหารจัดการการพายเรือเพื่อการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในเขต ทม.สตูล ซึ่งนักท่องเที่ยวจะได้พายเรือชมธรรมชาติ ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศน์ของป่าชายเลนของสองฝั่งคลองมำบั ง ระยะทางประมาณ 4 กม. โดยจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 4627
Re: สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 20 สิงหาคม 2551
«
ตอบ #4 เมื่อ:
สิงหาคม 20, 2008, 01:49:58 AM »
กรุงเทพธุรกิจ
เกาะล้านอาศัยฟาร์มกังหันลมผลิตไฟฟ้าป้อน
มทร.ธัญบุรี ประกาศความสำเร็จ โครงการกังหันลมผลิตไฟฟ้าบนเกาะล้านในเมืองพัทยา ลดใช้น้ำมันดีเซลในเครื่องปั่นไฟ 20% เผยความเร็วลมในแต่ละพื้นที่ต่างกัน ต้องออกแบบกังหันให้เหมาะสมเฉพาะพื้นที่
ดร.วิรชัย โรยนรินทร์ ผู้อำนวยการกลุ่มพลังงานทดแทนกังหันลมผลิตไฟฟ้า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี (มทร.ธัญบุรี) กล่าวว่า มหาวิทยาลัยร่วมกับเมืองพัทยา จัดทำโครงการติดตั้งกังหันลมบนเกาะล้าน เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี วัตถุประสงค์เพื่อผลิตไฟฟ้าและลดการใช้น้ำมันดีเซลในเครื่องปั่นไฟ โดยได้ติดตั้งกังหันลมกว่า 45 ชุด พบว่าสามารถลดการใช้น้ำมันดีเซลในเครื่องปั่นไฟ 20%
ที่เกาะล้านจะเรียกว่าฟาร์มกังหันลมก็ได้ เพราะติดตั้งไว้เป็นจำนวนมาก โดยออกแบบกังหันให้เหมาะสมกับลักษณะของลมบนเกาะ การออกแบบกังหันลมเพื่อผลิตไฟฟ้า ไม่ใช่ออกแบบเพียงแบบเดียวแล้วจะใช้ได้ในทุกพื้นที่ เพราะลมในแต่ละพื้นที่หรือในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน จึงต้องออกแบบกังหันลมให้เหมาะสมกับลมในแต่ละพื้นที่ จึงจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุด" ดร.วิรชัย กล่าว
สำหรับประเทศไทยมีความเร็วลมเฉลี่ยต่ำ โดยที่เกาะล้านมีระดับความเร็วลมเฉลี่ย 4-5 เมตรต่อวินาที ซึ่งจะทำให้ระบบกังหันลมผลิตไฟฟ้าได้อยู่ที่ 25-30 กิโลวัตต์ และหากมีลมเฉลี่ยต่อเนื่องประมาณ 10 ชั่วโมง จะผลิตไฟฟ้าได้ประมาณวันละ 200 หน่วยทางไฟฟ้า ซึ่งลดการใช้น้ำมันดีเซลได้ถึงวันละประมาณ 200 ลิตร
ในอนาคตจะพัฒนากังหันลมผลิตไฟฟ้าความเร็วลมต่ำ ให้มีกำลังการผลิตเป็น 3,000 วัตต์ และ 5,000 วัตต์ต่อตัว รวมถึงศึกษานำแรงดันจากน้ำทะเลมาใช้ในการผลิตไฟฟ้าด้วย เพื่อให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารได้มีไฟฟ้าใช้อย่างทั่วถึง รวมทั้งยังช่วยลดการนำเข้าน้ำมัน ซึ่งใช้เติมเครื่องยนต์ปั่นไฟได้อีกทางหนึ่ง
ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยได้ออกแบบและผลิตกังหันลม 2 รุ่น ขนาด 400 วัตต์ และ 1,000 วัตต์ โดยติดตั้งไว้เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้แล้วในหลายพื้นที่ เช่น ลำตะคอง จ.นครราชสีมา สระเก็บน้ำถนนพระราม 9 กรุงเทพฯ และ เกาะล้าน เมืองพัทยา จ.ชลบุรี
ผู้ที่สนใจด้านพลังงานทดแทนจากกังหันลม สามารถเยี่ยมชมระบบต้นแบบได้ที่อาคารวิจัยประยุกต์ พลังงานลม น้ำ และ แสงอาทิตย์ ภายในมหาวิทยาลัย โดยอาคารดังกล่าวเป็นผลจากความร่วมมือโครงการกังหันลมบนเกาะล้าน ซึ่งจำเป็นต้องมีสถานที่สำหรับทดสอบกังหันลม เพื่อให้ได้คุณสมบัติตามกำหนดก่อนติดตั้งบนเกาะ และเพื่อศึกษา ทดสอบ และ ติดตามผลการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานธรรมชาติ
บันทึกการเข้า
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [
1
]
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
หมวดหมู่ทั่วไป
-----------------------------
=> ห้องรับแขก
=> กิจกรรมและผลงาน
=> เรื่องเล่าชาวทะเล
=> ท่องเที่ยวทั่วแผ่นดิน
=> คุยเฟื่องเรื่องดำน้ำ
=> หลังเลนส์
=> สรรพชีวิตแห่งท้องทะเล
=> คลังกระทู้เก่า
กำลังโหลด...