....และแล้ว..รมต....คนเดิมก็กลับมาอีก....แล้วก็ยังไม่ลืมหูลืมตา..หันกลับมามองว่าเขาต่อต้านกันมากขนาดไหน...ยังมาจัดประชุมอะไรที่ไร้สาระเพราะต้องการจะได้อะไร....อย่างไรนายทุนที่ได้ไปก็คงไม่พ้นกลุ่มก้อนของตัวเองทั้งนั้น.....ไม่เข้าใจว่าทำไมที่จ้างข้าราชการซึ้งกินเงินเดือนจากภาษีเราแล้วกับทำงานไม่ได้....ต้องให้เอกชนเข้ามาทำแทน.....สงสัยว่าข้าราชการให้เขามาดูถูกตังเองได้อย่างไรว่า..มีปัญญาที่ด้อยกว่าเพราะทำงานไม่ได้ผล....แล้วเอกชนมีปัญญาที่ดีกว่า....ถ้าอย่างนั้นคนที่มีอยู่ก็ลาออกไปเถอะเพราะตัวเองโง่ๆๆๆๆๆ....จะได้รับคนใหม่ที่ไม่โง่ๆๆๆ...มาทำแทน...ให้นักการเมืองคอยครอบงำ....รักษาตำแหน่งกันจังกลัวเด้ง..ไม่ปลงบ้างเลยในลาภยศ...สรรเสริญ....ดูอย่างญี่ปุ่นซินักการเมืองไม่สามารถมาทำอะไรได้เพียงแต่มอบนโยบายมาเท่านั้น....ขนาด ..รมต...ต่างประเทศที่เป็นผู้หญิง สมัยนายกโคอิสุมิ..ชอบแหกกฎเรื่องพิธีทางการทูตอยู่เสมอ...ข้าราชการจึงมีหนังสือถึงนายกฯ...ให้ปลดออกและนายกฯก็ทำตามเพราะมีเหตุผลที่เพียงพอ......ทำไมเหล่าข้าราชการไม่ออกมาทำให้ประจักษ์ว่าเราก็ทำได้....ถ้าอะไรไม่ดีก็รีบออกมาทำให้ประชาชนได้รับรู้อย่างรวดเร็ว....เพราะคิดว่าประชาชนก็พร้อมที่จะช่วยข้าราชการทำในสิ่งที่ดีอยู่แล้ว...และข้าราชการก็พร้องที่จะ
ต้องบริการแก่ประชาชนอย่างดีเสมอด้วย...เพราะประชาชนคือ.....เจ้านายของข้าราชการทุกคน
หุ...หุ
เฮียเหน่งคงหมายถึงข้าราชการที่ไม่ดีเป็น"บางส่วน"
ผมก็เชื่อเช่นนั้นครับ
ข้าราชการที่ดีผมเชื่อว่ายังมีอีกเยอะในบ้านเมืองเรา
มีข้าราชการดีๆไม่กี่คนที่ผมรู้จักที่สามารถยกมือไหว้ได้อย่างสนิทใจ(หนึ่งในนั้นเป็นสมาชิกในชุมชนเรา)
เพียงแต่คนเหล่านี้ยังไม่ได้รับโอกาสเท่าที่ควร
ระบบของเราไม่ค่อยส่งเสริมคนเก่งและคนดีให้มีโอกาสออกมายืนแถวหน้ากันซักเท่าไหร่
คนเหล่านี้เลยถูกระบบเลวๆที่ฝังรากมา"ลึก"และ"นาน" กดหัวเอาไว้
ทำให้นึกถึงพระราชดำรัสในหลวงของเรา
ต้องช่วยกันส่งเสริมคนดีให้มีโอกาส
ผมยังไม่กล้าแม้แต่จะคิดไกลไปถึงจุดหมายปลายทางของการยื่นคัดค้านของเราและกลุ่มอื่นๆ
การจัดประชาพิจารณ์ของฝ่ายรัฐ ที่ผ่านมาเราได้รู้และได้เห็นประจักษ์แล้วว่ามันมีนัยแอบแฝงทั้งนั้น
แต่อย่างน้อยวันนี้ขอสู้ให้เต็มที่ก่อน
ขอแค่นี้เอง ช่วยๆกันนะครับพวกเรา